พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจเยี่ยมและรับฟังแนวทางการปฏิบัติราชการ

วันนี้(จันทร์ที่ 6 พ.ย.66) เวลา 09.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจเยี่ยมและรับฟังแนวทางการปฏิบัติราชการ ในสายงานป้องกันปราบปราม ของ บช.น. โดยมี พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบช.น., ผบก.น.1-9, ผบก.สปพ., ผบก.อก.บช.น., ผบก.อก.บช.ส. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องปารุสกวัน1/ทีมงานประชาสัมพันธ์ บช.น.

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ประธานในพิธีเททองหล่อพระกริ่งหลวงพ่อใหญ่

วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 5 พ.ย.66) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. 
เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระกริ่งหลวงพ่อใหญ่ กรมตำรวจ และพิธีเปิด “ถนนสายบุญ ต่อศักดิ์ ต่อบุญ” โดยมี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย ข้าราชการตำรวจในสังกัด ร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วัดปราสาท ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จว.นนทบุรี

ไปเที่ยวกันหนาออเจ้า “ตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา” แต่งย้อนยุคร่วมงาน “ราตรีนี้…ที่วัดไชยฯ” ดูแลความปลอดภัย สร้างสีสัน สร้างความอุ่นใจให้นักท่องเที่ยว


.
“กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว” โดย พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รรท.ผบช.ทท. และ พล.ต.ต.ม.ล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1 ได้เดินทางมาตรวจสอบ ติดตามการดำเนินการตามมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมีนโยบายให้ตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา ยกระดับการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยว
.
พ.ต.อ.สมชาย ธีรภัทรไพศาล ผกก.2 บก.ทท.1 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สมควร แตงพรม รอง ผกก.2 บก.ทท.1 , พ.ต.ท.ณัฐภัทร สุขชื่น สว.ส.ทท.1 กก.2 บก.ทท.1 สถานีตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา จึงรับนโยบายจัดกำลังตำรวจท่องเที่ยว “แต่งกายเครื่องแบบตำรวจย้อนยุค” ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เดินทางมาร่วมงาน “ราตรีนี้…ที่วัดไชยฯ“ ซึ่งจัดขึ้น ณ วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จว.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566 ระหว่างเวลา 18.00 – 22.00 น. ในวันศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และเทศกาลสำคัญ
.
ตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา ร่วมแต่งชุดไทยย้อนยุคงาน “ราตรีนี้ ที่วัดไชยฯ Ayutthaya Sundown” สร้างสีสันในงาน พร้อมดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สร้างความอุ่นใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มาร่วมงานกันอย่างคึกคัก
.
การแต่งกายด้วยเครื่องแบบย้อนยุคของตำรวจท่องเที่ยวที่มาปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกิจกรรมในวันนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างความใกล้ชิด ลดระยะห่างระหว่างตำรวจกับประชาชน เพื่อให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเกิดความรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตามนโยบายของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว Your First Friend
.
สำหรับบรรยากาศภายในงานมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจถ่ายรูปร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
.
ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวหรือประชาชนได้รับความเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อตำรวจท่องเที่ยวได้ทางสายด่วน 1155 และทางแอปพลิเคชัน Tourist Police i lert u โหลดทาง App Store หรือ Play Store เท่านั้น

ป.ป.ส. จับมือ กทม. เปิดตัว “วินสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด” ดึงเหล่าไรเดอร์ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ทั่วกรุงเทพ ร่วมเป็นจิตอาสาดูแลความปลอดภัย

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผช.ผบ.ตร. และรักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “วินสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด” พร้อมด้วย นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นางสาวน้ำฝน อยู่ดี ผู้ช่วยปลัดกรุงเทพมหานคร นางสมฤดี ลันสุชีพ ผอ.เขตหลักสี่ พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รอง ผบก.น.2 นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ปปส.กทม. นายแพทย์ธนัช พจน์พิศุทธิพงศ์ ผอ.สยส. กรุงเทพมหานคร นางสาวนิชาภา แผ่วจะโปะ ผจก.ฝ่ายกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ ศูนย์การค้าไอทีแสควร์ ผู้แทนหน่วยภาคี ประชาชนทั่วไป ไรเดอร์ และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เข้าร่วมงานกว่า 400 คน ณ ลานด้านหน้าศูนย์การค้าไอทีสแควร์ เขตหลักสี่ กทม. โดยวัตถุประสงค์ในการจัดงานนี้ เพื่อส่งเสริมไรเดอร์ และวินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่กรุงเทพที่มีศักยภาพให้เป็นวินต้นแบบ ที่จะมาช่วยในการเฝ้าระวังยาเสพติด ช่วยดูแลความปลอดภัยของชุมชนในพื้นที่ให้บริการ เนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ส. เล็งเห็นว่า ไรเดอร์ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งประกอบอาชีพอยู่ภายในแหล่งชุมชนและท้องถนน มีลักษณะความเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคมบนท้องถนนอยู่แล้ว รวมถึงมีความเสี่ยงในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการใช้สารเสพติดและขนส่งยาเสพติดโดยอาจจะรู้หรือไม่รู้ ซึ่งกลุ่มอาชีพนี้มีจำนวนมากกว่าแสนคนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร วิ่งตามซอกซอยชุมชน พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น รวมถึงในชุมชนที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดอยู่ด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผช.ผบ.ตร. และรักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำหนดให้ยาเสพติดเป็นมาตรการเร่งด่วน สำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้กำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มแรงงานนอกระบบ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพให้บริการขนส่ง สำหรับวิน ที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้มีทั้งหมด 26 วิน กว่า 400 คน โดยเป็นวินที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสถานที่จัดงานและพื้นที่ชุมชนแพร่ระบาด โดยเราได้มีการส่งเสริมการป้องกันยาเสพติดในกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ ปี 2565 เป็นต้นมา ทั้งการส่งเสริมเรื่องด้านสุขภาพ ภูมิคุ้มกันยาเสพติด และส่งเสริมด้านการเฝ้าระวังยาเสพติด ภายใต้โครงการ “วินสีขาว” ในวันนี้”

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีไรเดอร์อาชีพที่แจ้งในระบบประมาณ 86,000 คน กว่า 5,300 วิน หากรวมผู้ที่ทำอาชีพไรเดอร์ที่ไม่ใช่วิน มีกว่า 1-2 แสนคน ซึ่ง ป.ป.ส. จะดึงกลุ่มนี้ร่วมแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยจะขยายไปทุกเขตใน กทม. และประกวดวินสีขาวที่ทำสำเร็จในการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง ปลอดยาเสพติด ซึ่งวินที่ชนะและเป็น Best Practice จะเป็นตัวอย่างให้กับวิน อื่นๆ ในกรุงเทพฯ รวมถึง ต่างจังหวัดต่อไป

“กิจกรรมวันนี้ตรวจปัสสาวะเพื่อแสดงเจตนารมณ์วินสีขาว พิธีมอบหมวกกันน็อค 1386 และยังมีนิทรรศการ อาทิ การบริการตรวจคัดกรองสุขภาพและเอ็กซเรย์ปอด นิทรรศการการสาธิต วิธีจับสัตว์เลื้อยคลาน และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น นิทรรศการให้ความรู้ในการป้องกันยาเสพติด ท้ายนี้ขอฝากประชาชนทุกคนร่วมกันเป็นหูเป็นตา ดูแลครอบครัว คนใกล้ชิด และชุมชน สามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติดได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ” พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ กล่าวทิ้งท้าย


พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมต.ยุติธรรม นำรักษาราชการ เลขา ป.ป.ส.ลุยสำรวจสถานการณ์ยาเสพติดชายแดนเชียงใหม่เตรียมกำหนดพื้นที่ควบคุมพิเศษ อุดยาเสพติดทะลักเข้าไทย

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานด้านยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. โดยมีพลโท นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 3 พล.ต.ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 ร่วมแลกเปลี่ยน รายงานสถานการณ์ ณ กองกำลังผาเมือง ต่อเนื่องพื้นที่ ปฏิบัติการนอแล อำเภอฝาง จ.เชียงใหม่

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องการลดความเดือดร้องของภาคประชาชนจากปัญหายาเสพติด และได้มีนโยบายเร่งด่วนในการ กำหนดพื้นที่พิเศษควบคุมการไหลเข้าของยาเสพติด ตามมาตรา 5 (10) ของประมวลกฎหมายยาเสพติด ใน 3 จังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดน คือ เชียงใหม่ เชียงราย และนครพนม ซึ่งตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. บูรณาการร่วมกับ กองทัพ ฝ่ายปกครอง ตั้งมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ รวมถึงการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการร่วมสกัดกั้น ทั้งยาเสพติด และสารตั้งต้น และเป็นที่มาของการลงพื้นที่เพื่อรับฟังสถานการณ์การลักลอบนำเข้ายาเสพติดในครั้งนี้เพื่อให้กำหนดแนวทางได้อย่างถูกต้อง และให้เกิดการบูรณาการร่วมมือที่ได้ผลเป็นรูปธรรม

ด้าน พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การกำหนดพื้นที่ควบคุมพิเศษ ตามมาตรา 5 (10) เตรียมดำเนินการใน 15 อำเภอ ใน 3 จังหวัด มาจากการวิเคราะห์สถิติพื้นที่ๆมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดสูง เช่นการนำเข้ายาบ้าในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือที่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ คิดเป็นกว่า 57 เปอร์เซนต์ของการนำเข้าทั้งหมดในห้วง พ.ศ. 2565 ซึ่งหากเราสามารถสร้างแนวทางสกัดกั้นที่เข้มแข็งตรงจุดเหล่านี้ได้จะช่วยลดปริมาณยาเสพติดที่นำเข้าสู่ประเทศไทยได้จำนวนมาก และต้องดำเนินการควบคู่กับการสร้างความเข้มแข็งจากภายในในการรักษาผู้ติดยาเสพติด ผู้มีอาการจิตเวชจากยาเสพติด ตามแนวทางเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วยด้วยเช่นกัน

โดย พลโท นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ได้รายงานถึงสถานการณ์และแนวทางการขับเคลื่อนการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือว่า แหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ อัตราการผลิตยาเสพติดสูงขึ้น โดยมีการลักลอบนำเข้าสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์จากต่างประเทศและจะลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาพักคอยในแหล่งพักตามแนวชายแดน เพื่อรอการลำเลียงเข้าสู่เขตไทย และพบว่ามีการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางระบบโลจิสติกส์ในรูปแบบพัสดุภัณฑ์มากขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อย ใช้ต้นทุนต่ำ รวดเร็ว และสามารถส่งถึงผู้รับได้โดยตรง

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพร้อมคณะเดินทางไปที่ฐานปฏิบัติการนอแล อำเภอฝาง เพื่อเยี่ยมชมการปฏิบัติงาน พร้อมมอบเครื่องอุปโภคแก่เจ้าหน้าที่และนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้ง และตรวจพื้นที่เกิดเหตุปะทะ/ตรวจยึดยาเสพติดที่บริเวณช่องทางศาลาแปดเหลี่ยม ก่อนเดินทางติดตามการดำเนินการงานด้านยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงรายต่อไป


“รองฯกิตติ์รัฐฯ “ลั่น กรณีฝ่ายปกครองบุกจับ สถานบริการพื้นที่ สภ.ช้างเผือก พร้อมให้ความเป็นธรรมลูกน้อง หากสอบข้อเท็จจริง พบเพียงแค่บกพร่อง พร้อมปกป้อง

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์ุเพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป.)เปิดเผยว่า“จากกรณีที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกคำสั่งให้ ผกก.สภ. ช้างเผือก ไปช่วยราชการ ศปก.ภ.จว.เชียงใหม่ และมีการสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.เชียงใหม่ เข้าจับกุมร้านจำหน่ายสุราในพื้นที่ของ สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่ นั้น

กรณีดังกล่าวตน ได้สั่งการไปที่ ผบช.ภ.5 ว่า เนื่องจากกรณีดังกล่าวนั้น ต้องพิจารณาด้วยความละเอียด รอบคอบ และต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติทุกนาย เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจากหน่วยงานใด ที่มีหน้าที่และตรวจพบการกระทำผิดตามกฎหมายสถานบริการ ต่างฝ่ายก็มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ และถือเป็นการช่วยเหลือในการทำงานซึ่งกันและกัน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานีตำรวจ ที่มีหน้าที่ตรวจตรา ดูแลความสงบเรียบร้อย ก็ต้องหมั่นตรวจตรา ดูแล มิให้มีการฝ่าฝืนกระทำผิดตามกฎหมายต่างๆในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพราะในแต่ละท้องที่ก็จะมีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นหลายประเภทและมีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุ ซึ่งล้วนแล้วแต่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ตำรวจจึงมีภาระหน้าที่ที่กว้างขวางมาก การตรวจตราสถานบริการหรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการจึงเป็นเพียงหน้าที่หนึ่งเท่านั้น ตำรววจยังต้องมีภาระหน้าที่ที่ต้องตรวจตราและป้องกันอาชญากรรมอีกหลายด้าน เช่น ออกตรวจตราในยามค่ำคืน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนที่ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ ที่ต้องกลับบ้านในเวลาค่ำคืนในพื้นที่หรือเส้นทางที่มีความล่อแหลมในการเกิดอาชญากรรม การช่วยเหลือประะชาชนที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การสกัดกั้นยาเสพติดที่มักจะลักลอบลำเลียงในเวลาค่ำคืน และภาระหน้าที่อีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาระหน้าที่ที่ตำรวจต้องปฏิบัติทั้งนั้น ดังนั้น

เรื่องนี้ แท้จริงแล้วเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่ต้องช่วยกันตรวจตรา กวดขันและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ให้เกิดการฝ่าฝืนกฎหมายสถานบริการและกฎหมายอื่นด้วย หากพบการกระทำผิด ก็ต้องมีการร้องทุกข์ กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย อีกทั้งการตรวจตรา สุ่มตรวจสถานบริการ ทางฝ่ายปกครองก็ตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ และเป็นชุดเฉพาะกิจที่ทำหน้าที่นี้โดยตรง อันเป็นการช่วยแบ่งเบาภารกิจของตำรวจ ส่วนความผิดฐานอื่นเช่น การกระทำผิดเรื่องปล่อยให้เด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการ มีการลักลอบใช้ยาเสพติด หรือมีการพกพาอาวุธเข้าไปในสถานบริการ นั้น นอกจากเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว กฎหมายยังกำหนดให้ ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ด้วยการตรวจตราและป้องกัน อย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายใดๆเกิดขึ้นภายในสถานบริการของตนเอง ซึ่งผู้ประกอบเมื่อมีรายได้จากสิ่งเหล่านี้ ก็ควรจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่กันไปด้วย

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ยังกล่าวอีกว่า ดังนั้น ในกรณีที่สั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการ จากเหตุที่มีหน่วยงานอื่นไปจับกุม ทั้งเรื่องสถานบริการ อบายมุข บ่อนการพนันนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาและทบทวนเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของหัวหน้าหน่วยงานนั้นก็สมควรพึงกระทำเพื่อให้รู้ว่ามีข้าราชการตำรวจนายใดเข้าไปเรียกรับผลประโยชน์หรือปล่อยปละละเลยอย่างไรหรือไม่ หากพบข้อเท็จจริงว่ากระทำผิด ก็สมควรที่จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยและทางปกครองต่อไป

ในฐานะที่ตนรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามมีหน้าที่ดูแลลักษณะงานความผิดต่างๆและความผิดตาม กฏหมายสถานบริการ ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวน กฎ กติกา ที่หากเกิดความบกพร่องจากการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้บังคับบัญชาก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยตามคำสั่ง ตร.ที่ ”1212 / 2537 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2537

พ.ต.อ.ภูวดล ผกก. สน.บางซื่อ พ.ต.ท.วรภัทร รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ ลงพื้นที่ตรวจสอบร้าน เชง เชง

วันนี้ ( 3 พ.ย. 66) เวลาประมาณ 21.00 น.

นำโดย
พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ
ผกก. สน.บางซื่อ
พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย
รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ
พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ พริ้งสกุล
รอง ผกก.สอบสวน.สน.บางซื่อ
พ.ต.ต.ณัฐวัตร์ ธงทันที
สวป.สน.บางซื่อ

พร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ,ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดสืบสวน สน.บางซื่อ ตรวจสอบสถานประกอบการ ที่เปิดให้บริการในลักษณะคล้ายสถานบริการ ดังนี้
1.ร้าน เชง เชง ถ.พหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
ผู้จัดการร้าน น.ส.ปทิตตา เเก้วน้อย
088-953-6947

ตรวจสิ่งของผิดกฎหมาย เพื่อจับกุมผู้กระทำผิดและป้องกันเหตุภายในร้าน และได้ประชาสัมพันธ์ผู้ดูแลร้าน ดังนี้
1.เปิดให้บริการและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 24.00 น. งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความแออัด
2.ให้ปฏิบัติตามประกาศของกรุงเทพมหานคร อย่างเคร่งคัด
3.ห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี มาใช้บริการ
4.ห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกกรณี

**ไม่มีการนำหญิงชาวลาวมานั่งให้บริการ

ผลการตรวจสอบ ไม่พบผู้กระทำผิดและสิ่งของผิดกฎหมาย

พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผู้ดูแลร้านดังกล่าว ให้ช่วยกวดขันในการตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายและปฎิบัติตามกฎหมาย

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธานแถลงตรวจยึดยาเสพติดให้โทษ

ตำรวจภูธรภาค 7 ตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 499 กก. และ ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) น้ำหนักรวม 100 กก.
วันนี้ (3 พ.ย. 66) เวลา 17.00 น. พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน, พล.ต.ท. นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สยศ.ตร.รรท.ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ รรท. รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต. จำลอง งามเนตร ผบก.มน.รรท.ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์} พ.ต.อ. ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์,พ.ต.อ. พนิช อ่วมสะอาด รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์,พ.ต.อ. อภิธาน ปานอุทัย ผกก.สภ.ปราณบุรี, นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, นายปรีดา สุขใจ นายอำเภอปราณบุรี,พ.ต.ท. โอภาส วงษ์หงส์ ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย ภาค 7 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.ปราณบุรี, ศพฐ.7, ปปส.ภาค 7 และฝ่ายปกครองอำเภอปราณบุรี ร่วมแถลงข่าวผลการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักรวม 499 กก. และ ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) น้ำหนักรวม 100 กก. ได้พร้อมรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ทะเบียน 73-8122 สมุทรปราการ ที่เกิดอุบัติเหตุยางล้อหลังซ้ายระเบิดพลิกคว่ำ และผู้ขับขี่หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 66 เวลาประมาณ 02.00 น. ณ บริเวณถนนบายพาส ชะอำ-ปราณบุรี ขาล่องใต้ หลัก กม. ที่ 45 ม.3 ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จว.ประจวบคีรีขันธ์ และได้ร่วมประชุม กำชับการสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ และกำชับการปฏิบัติ เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันปราบปราม และการสืบสวนหาข่าว เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ณ ที่ทำการ สภ.ปราณบุรี อ.ปราณบุรี จว.ประจวบคีรีขันธ์

ตำรวจท่องเที่ยว ปล่อยแถวกวดขันจับกุมผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่กระทำความผิดตามกฎหมาย บริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

ตามนโยบายของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวกวดขันจับกุมกลุ่มรถรับจ้างโดยสารสาธารณะในความผิดเกี่ยวกับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ไม่ใช้มาตรมิเตอร์ (จ้างเหมา) และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งความผิดที่กล่าวมานี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยนั้น

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รรท.ผบช.ทท., พล.ต.ต.มล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท.1, พ.ต.ท.มนพร ลิขิตมานนท์ รอง ผกก.1 บก.ทท.1 จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.ขวัญพล เพ็งเดือน สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.1 บูรณาการกำลังร่วมกับ นายอมรเทพ วิเศษเจริญไพศาล หัวหน้าฝ่ายตรวจการ กองตรวจการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ปล่อยแถวกวดขันจับกุมผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่กระทำความผิดตามกฎหมาย บริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม.

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ขวัญพล เพ็งเดือน สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยว กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้บริการรถแท็กซี่ นักท่องเที่ยวสามารถแจ้งมายังสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155

รอง ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยม สภ.เมืองนนทบุรี เน้นย้ำมาตรการป้องกันปราบปรามตามนโยบายรัฐบาล พร้อมมอบรางวัลตามนโยบาย ผบ.ตร. “ดีเด่น ต่อเนื่อง” แก่ 2 นายตำรวจ จับกุมคนร้ายและตรวจยึดอาวุธปืนป้องกันไม่ให้การก่อเหตุในพื้นที่

วันนี้ (3 พ.ย.66) เวลา 12.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป) ได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมอย่างไม่เป็นทางการ โดยมี พ.ต.อ.ปรารถนา แผ่นผา รรท.ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พร้อม รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี , พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ให้การต้อนรับ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ถ่ายทอดนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลในงานป้องกันปราบปราม เกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ การยกระดับการดูแลนักท่องเที่ยว การแก้ปัญหายาเสพติด และการดูแลสถานบริการและอบายมุขในพื้นที่

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้มอบรางวัลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับ ด.ต.พิเชษฐ จำปาทอง และ ส.ต.ต.นัธทวัฒน์ เกตุแก้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองนนทบุรี จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ต.ค.66 เวลาประมาณ 03.40 น. ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ จนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายและตรวจยึดอาวุธปืนได้ ป้องกันไม่ให้มีการก่อเหตุในพื้นที่ได้ต่อไป ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้กล่าวชื่นชมในความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทั้ง 2 นาย โดยการมอบรางวัลครั้งนี้เป็นไปตามแนวความคิดของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่ต้องการให้ความสำคัญกับผู้ปฏิบัติงานที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ตามนโยบาย “ดีเด่น ต่อเนื่อง” ต่อไป

Design a site like this with WordPress.com
Get started