จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ม.ค.65 ที่ผ่านมา กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์จังหวัดพัทลุง ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ตำแหน่งขณะนั้น) ให้ช่วยติดตามคดีการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวที่เป็นสมาชิกได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และคดีนี้ยังมีความสลับซับซ้อน แม้มีเจ้าหน้าที่หลายคนถูกพบว่ากระทำผิด แต่ยังสามารถทำงานในสหกรณ์ได้ ซึ่งอาจทำให้พยานหลักฐานต่างๆ สูญหายหรือถูกแก้ไขไปอีก ความเสียหายโดยรวมมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท จึงได้มีการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการทางคดีดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ย.65 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้สรุปสำนวนเสนอพนักงานอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาจำนวน 27 ราย และมีการเข้าตรวจค้นยึดอายัดทรัพย์สินรวมกว่า 900 ล้านบาท ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้วนั้น
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน เนื่องจากความเสียหายในคดีดังกล่าวค่อนข้างสูง และเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาดำเนินการยักย้ายถ่ายเทเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจพบโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการสืบสวนเพิ่มเติม สามารถรวบรวมพยานหลักฐาบในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในความผิดฐานฟอกเงินอีก 19 ราย แบ่งเป๊นผู้ต้องหากลุ่มเดิม 15 คน และได้ขออนุม้ติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่กลุ่มผู้ต้องหาในคดีมีการโอนทรัพย์สินไปยังคนใกล้ชิดและเครือญาติเพิ่มเติมอีก 4 ราย ได้แก่
- นางปณัณรัตน์ กาจนเพ็ญ อายุ 47 ปี
- นางภาวนา สุวรรณเดชา อายุ 61 ปี
- น.ส.ภารดี สุวรรณเดชา อายุ 50 ปี
- นางภัทรนลิน พลายดำ อายุ 58 ปี
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มี.ค.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจถูธรจังหวดัพัทลุง เปิดปฏิบัติการเข้าค้นเพื่อตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ และยึดอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม โดยได้ขออนุมัติหมายจับเพื่อเข้าค้นเป้าหมายทั้งหมด 24 จุดในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง และ กรุงเทพมหานคร โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้ง 4 ราย และตรวจยึดทรัพย์สินเพิ่มเติมได้อีก มูลค่าประมาณ 62,580,000 บาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวได้ดำเนินการส่งสำนวนเสนออัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากเป็นคดีที่มีความเสียหายมีมูลค่าสูงมาก แม้ทรัพย์สินที่สามารถตรวจยึดคืนได้จากกลุ่มผู้ต้องหาจะมีมากถึง 900 ล้านบาทแล้วก็ตาม แต่ยังเชื่อว่าจะสามารถติดตามทรัพย์สินเพื่อนำมาคืนให้ผู้เสียหายได้เพิ่มเติม ยังมีผู้กระทำผิดที่มีส่วนช่วยเหลือผู้ต้องหาในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินเพื่อเป็นการฟอกเงินดังกล่าว จึงได้สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนดำเนินการขยายผลเพิ่มเติม จนได้เปิดปฏิบัติการเข้าค้นในวันนี้ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาในความผิดฐานฟอกเงินได้เพิ่มเติมอีก 4 ราย และยึดอายัดทรัพย์ได้อีกกว่า 62 ล้านบาท จากนี้หากยังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับผู้กระทำผิดเพิ่มเติม ก็จะขยายผลจับกุมและอายัดทรัพย์สินเพิ่มอีกอย่างแน่นอน












