สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุชาติ
ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เร่งรัดสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้ต้องหา ก่อเหตุ อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญซี่งเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยทั่วไป รวมทั้งคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนในห้วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น., พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4, พ.ต.อ.สินเลิศ สุขุม รอง ผบก.น.4, เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 เร่งรัดติดตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว จากกรณีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2565 เวลาประมาณ 12.25 น. ได้มีเหตุคนร้ายชาย 1 คน ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ร้านทองออโรร่า สาขาบิ๊กซี แฟชั่นไอส์แลนด์ ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร โดยคนร้ายได้สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 2 เส้น แล้ววิ่งหลบหนีขึ้นรถแท็กซี่ไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 ได้ดำเนินการลงพื้นที่เกิดเหตุ สืบสวนหาข่าว และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าวคือ นายกานต์ฯ อายุ 24 ปี สัญชาติไทย ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักเลขที่ 105 หอพักบ้านดาราทร เลขที่ 52 ซอยพหลโยธิน 55 แยก 6 แขวงอนุสาวรีย์
เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 ได้ติดตามตัวยังสถานที่ต่าง ๆ จนกระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2565 เวลา 17.30 น. ได้จับกุมตัวผู้ต้องหา คือ
นายกานต์ฯ โดยกล่าวหาว่า “วิ่งราวทรัพย์” จากการสอบถามนายกานต์ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ที่ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำจำนวน 2 เส้นดังกล่าว จากที่ร้านทองออโรร่า สาขาบิ๊กซี แฟชั่นไอส์แลนด์ไปจริง และสมัครใจนำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการตรวจยึดทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดในวันดังกล่าวด้วยตนเอง จนนำไปสู่การนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับตรวจยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จำนวน 9 รายการ ประกอบด้วย
1. แหวนทองรูปพรรณ น้ำหนัก ครึ่งสลึง จำนวน 2 วง
2. เอกสารบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ แบบไม่มีสมุดคู่ฝาก (SCB E-Passbook) ของธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลขบัญชี 171-418469-7 ชื่อบัญชี นายกานต์ฯ จำนวน 1 เล่ม
3. หน้ากากอนามัยสีขาว จำนวน 1 อัน
4. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ HUAWEI สีดำ หมายเลขโทรศัพท์ 063-161-4601 จำนวน 1 เครื่อง
5. กระเป๋าสะพายสีน้ำเงิน จำนวน 1 ใบ
6. เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ จำนวน 1 ตัว
7. กางเกงขายาวสีดำ จำนวน 1 ตัว
8. รองเท้าผ้าใบยี่ห้อ NIKE สีดำ จำนวน 1 คู่
9. บัตรรับฝากทองของห้างทองหลีกิมเส็ง เลขที่ 3073 จำนวน 1 ฉบับ
จากการซักถาม นายกานต์ฯ ให้การอีกว่า เคยทำงานอยู่ที่ห้างบิ๊กซี สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์มาก่อนที่จะมาทำการก่อเหตุ และมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ เพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้สินของตนและนำเงินส่งให้ลูกที่อยู่ต่างจังหวัด
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าศูนย์การค้าเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพหมานคร
จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยรายการสิ่งตรวจยึด ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน
เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชน หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่
ผกก.สน.บางชัน พ.ต.อ.วสุ เชื่อพุทธ
คดีที่2
กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2
พ.ต.อ.สุรพงค์ ธรรมพิทักษ์ รอง ผบก.น.2, พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รอง ผบก.น.2, ว่าที่ พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น.2พ.ต.ท.ณเอก เนตรจรัสแสง, พ.ต.ท.รัชพล กิตติคุณชนก, พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ รอง ผกก.สส.บก.น.2, สั่งการให้ชุดสืบสวนหาข่าวกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ออกสืบสวนหาข่าวผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับ
ยาเสพติดและอาวุธปืน จนมีผลการปฏิบัติ ดังนี้
ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 ราย
1. นายอภิสิทธิ์ ฯ อายุ 25 ปี
2. นายอัจฉระฯ หรือโอ อายุ 25 ปี
3. นายวีรพงษ์ฯ อายุ 25 ปี
4. นายเอกรินทร์ฯ อายุ 25 ปี
5. นายสมชายฯ หรือโต้ง อายุ 25 ปี
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า
มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”
พร้อมด้วยของกลางและตรวจยึด
ยาเคตามีน จำนวน 9 กระสอบ น้ำหนักรวม 360 กิโลกรัม
รถยนต์ จำนวน 2 คัน
ก่อนการจับกุมในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนขยายผลจากการจับกุมยาเสพติดเมื่อ เดือนตุลาคม พ.ศ.2564 จนสืบทราบมาว่ากลุ่มคนร้ายคือ นายอัจฉระ หรือโอ ชาญชำนิ กับพวก มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ลักษณะรับจ้างขนยาเสพติดจากแนวชายแดนจังหวัดเชียงรายเข้ามายังกรุงเทพมหานคร จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายมีลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น D-MAX สีเทา เป็นรถยนต์ที่ใช้ขนยาเสพติด และมีรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น C-CAB สีขาว เป็นรถยนต์ที่คอยขับประกบตาม ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนจังหวัดเชียงรายมาซุกซ่อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อรอจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงตามคำสั่งของนายทุนหรือผู้ว่าจ้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่สืบสวน ทำการติดตามพฤติกรรมจนทราบแน่ชัดว่า ผู้ต้องหากับพวก ได้ทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจริง
ต่อมาถึงวันที่ 16 เมษายน 2565 ผู้ต้องหากับพวก ได้มีการขับรถออกจากจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ต้องหาไปชายแดนจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งวันที่ 20 เมษายน ๒๕๖๕ ได้ขับรถกลับเข้า
กรุงเทพมหานคร โดยรถลำเลียงยาเสพติดได้จอดพักที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาโกตี๋ ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร และรถอีกคันที่คอยประกบขับตามเมื่อมาถึงด่านตรวจทรงธรรม ตำบลทรงธรรม อำเภอเมืองกำแพงเพชร ก่อนถึงสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาโกตี๋ ประมาณ 7 กม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมตัวและตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลางเป็นยาเคตามีน จำนวน 9 กระสอบ น้ำหนักรวม 360 กิโลกรัม อยู่ภายในกระบะบรรทุกซึ่งได้มีการติดตั้งโครงกระบะคอกแสตนเลส โดยมีสับปะรดทับปิดบังเจ้าหน้าที่ไว้เพื่อใช้ในการลำเลียงยาเสพติด จากการสอบถามผู้ต้องหา
ทั้ง 5 ราย ให้การรับสารภาพว่า เป็นกลุ่มที่ร่วมกับรับจ้างขนยาเสพติดมาจากชายแดนจังหวัดเชียงรายมาส่งที่กรุงเทพฯ จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชน หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.
พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น.