บิ๊กยิ้ม ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดบริการประชาชน

13 เม.ย.2565 เวลา 12.05 น.
พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม
ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มาตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดบริการประชาชนบ้านด้าย ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 พบ พ.ต.อ.จิตรกร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สภ.เวียงชัย จ.เชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยร่วมปฏิบัติประจำจุดตรวจ ได้กล่าวให้กำลังใจและมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคไว้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้
-กำชับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน บังคับใช้กฎหมายตลอดจนการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565

  • กำชับการตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจให้บูรณาการร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อกำหนดเป้าหมายในการลดอุบัติเหตุ
  • กำชับการใช้กฏหมายเพื่อมุ่งเน้นการลดอุบัติเหตุตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก การตั้งจุดตรวจ กวดขันวินัยจราจร จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์และมาตรการต่างๆตามที่ตร.กำหนด
  • กำชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการให้บริการประชาชน ด้วยความสุภาพ การแต่งกาย ทรงผมให้ถูกต้องตามระเบียบและเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจสวมถุงมือและใส่หน้ากากอนามัยตามมาตราการป้องกันโรคติดต่อโควิด 19 อย่างเคร่งครัด

@สภ.เวียงชัย จ.เชียงราย

ประธานกต.ตร.กทม.รับพระราชทานโล่เกียรติคุณ

ดร.พีรวัฒน์ สุรเศรษฐ ประธานกต.ตร.กทม.(ภาคประชาชน) สน.ชนะสงคราม และ ดร.ธัชวิน สุรเศรษฐ ประธานกต.ตร.บก.น.1-กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (191) เข้ารับพระราชทานโล่เกียรติคุณ ผู้สนับสนุนกิจการมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วังสระปทุม

คนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนจี้ชิงทองในห้างโลตัสกลางเมือง โคราช ได้ทองคำไปน้ำหนักกว่า 150 บาท มูลค่ากว่า 4.5 ล้านบาท ตำรวจเร่งแกะรอยกล้องวงจรปิดไล่ล่าตัวคนร้าย

วันนี้ (12 เมษายน 2565) เวลาประมาณ 13.20 น. เกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนพกสั้นบุกเข้าไปชิงทองคำ ที่ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ ตราช้าง ที่อยู่บริเวณชั้น 1 ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขานครราชสีมา

โดยกล้องวงจรภายในร้านทองสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ ลักษณะของคนร้ายเป็นชาย รูปร่างผอมสูง สวมเสื้อแขนยาวลายตรงสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ และสวมหมาวกไหมพรมสีดำปิดอำพรางใบหน้า เดินบุกเดี่ยวเข้าไปในร้านทอง และชี้อาวุธปืนพกสั้นเข้าไปในห้าง พร้อมทั้งตะโกนว่า นี่คือการปล้น เดี๋ยวกูยิงนะ กูมีปืนขึ้น ก่อนที่คนร้ายจะปีนขึ้นไปบนตู้โชว์แล้วกวาดเอาถาดทองคำไป 1 ถาดแล้วคนร้ายก็รีบวิ่งหลบหนีออกไป ใช้เวลาในการจี้ชิงทองครั้งนี้ไม่ถึง 20 วินาที โดยมีพยานเห็นคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะขับหลบหนีไป เบื้องต้นจากการสอบถามพนักงานร้านทองทราบว่า ทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปเป็นทองรูปพรรณ น้ำหนัก 3 บาท จำนวน 51 เส้น รวมน้ำหนักทอง 153 บาท มูลค่ากว่า 4,500,000 บาท

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางไปตรวจสอบร้านทองที่เกิดเหตุ พร้อมกับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งแกะรอยไล่ล่าคนร้ายจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนีอย่างเร่งด่วนแล้ว !!!!

“พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ประสานความร่วมมือตำรวจกัมพูชา บุกช่วยเหลือคนไทยถูกบังคับทำคอลเซ็นเตอร์ กลางเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา”

จากการที่มีคนไทยถูกหลอกลวงมาทำงานในประเทศกัมพูชาจากการหางานผ่านสื่อโซเชียลเช่น Facebook twitter ว่ามีรายได้ดี ทำงานสบาย แต่เมื่อเดินทางมาถึงกลับพบว่าถูกบังคับให้ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือหลอกลวงให้ลงทุน ทำให้คนไทยถูกหลอกลวงหลายร้อยล้านบาทต่อเดือน หากรายใดไม่ยินยอมที่จะทำงานผิดกฎหมายก็จะถูกทำร้าย ถูกขายต่อไปยังจุดอื่น ถูกกักขัง หรือถูกเรียกค่าไถ่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานความร่วมมือกันระหว่างประเทศกันมาโดยตลอด จนสามารถช่วยเหลือคนไทยในประเทศกัมพูชามากกว่า ๗๐๐ ราย และสามารถออกหมายจับในความผิดฐานค้ามนุษย์และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มแก๊งนำพาคนไทยที่ถูกหลอกลวงออกตามช่องทางธรรมชาติเพื่อมาทำงานในประเทศกัมพูชา ซึ่งล้วนมีผลให้ประเทศไทยอาจถูกลดอันดับการรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์จากทางการสหรัฐฯ ลงเป็นอันดับประเทศที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) ตามที่ทราบแล้ว นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเร่งด่วน รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกลวงดังกล่าว
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. ดำเนินการสืบสวน ติดตาม จับกุมทลายเครือข่ายเพื่อช่วยเหลือคนไทยเดินทางกลับมายังประเทศไทย จนสืบทราบว่ามีเครือข่ายอยู่ตามเมืองต่างๆ ที่นำโดยคนจีน ลงมือกักขัง บังคับควบคุมคนไทย่ให้ทำผิดกฎหมายและมีคนไทยต้องการความช่วยเหลือ โดยส่งข้อมูลตามจุดที่ถูกควบคุมที่อยู่ในโรงแรม อาคาร ตึกร้าง โดยเชื่อว่ามีคนไทยมากกว่า ๑,๕๐๐ คน
ต่อมาวันที่ ๖ เม.ย.๖๕ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./ รอง ผอ.ศพดส.ตร. , พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.๑ ,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ โชคชัย รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. , พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จว.ตราด ร่วมประชุมหารือ กับพล.ต.ท.สม วรรณวีระ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ประเทศกัมพูชา ประสานความร่วมมือและดำเนินการสืบสวนตามข้อมูลที่ได้รับ
ต่อมา ภายใต้การประสานงานความร่วมมือของตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชา เมื่อเวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น. ของวันที่ ๑๐ เม.ย.๖๕ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา ได้เข้าช่วยเหลือคนไทยภายในอาคารทาวน์โฮมหรู ๑๐ ชั้น ถนน ๑๔๙ซี เขต ๔ เมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา มีเหล็กดัด รปภ. และกล้องวงจรปิด ป้องกันการหลบหนี พบคนดูแลเป็นหญิงกัมพูชา ไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชา เข้าพบคนไทย โดยอ้างว่ากลุ่มคนไทยทั้งหมดที่ถูกควบคุมอยู่นั้นติดหนี้สินในการทำงาน ต้องนำเงินจำนวน ๑,๕๐๐ ดอลลาห์ มาให้จึงจะได้รับการปล่อยตัว โดยระหว่างการเจรจาเริ่มมีปากเสียงกันระหว่างเจ้าหน้าที่ และกลุ่มคนจีน ใช้เวลาในการพูดคุยนานกว่า ๘ ชม. จนสามารถนำคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือ จำนวน ๒๔ ราย ออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยมีบางรายเมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยถึงกับร้องไห้หลั่งน้ำตา โดยประสงค์จะขอเดินทางกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
ขณะที่อีกชุดปฏิบัติการ เข้าตรวจค้นอาคารเป้าหมายอีก ๒ จุดกลางกรุงพนมเปญ พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อพยพหนีออกจากตึกก่อนตำรวจเข้าตรวจค้น เหลือเพียงห้องโล่งและโต๊ะ รวมทั้งเอกสารบางส่วน
โดยหลังจากการปฏิบัติการใน๒เมือง ทั้ง๒วันที่ผ่านมา กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ได้นำคนไทยมาปล่อยข้างทางภายในเมืองพระสีหนุ อีกจำนวน ๗ ราย รวมคนไทยที่ได้รับการช่วยเหลือ ทั้งสิ้น ๓๑ ราย และจะมีการสอบสวนปากคำตามขั้นตอนกฎหมายของประเทศกัมพูชา
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า การทำงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากตำรวจกัมพูชา จนสามารถทำให้เราช่วยเหลือคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับไปยังประเทศไทย และจะประสานกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอขยายผลในการเข้าจุดอื่นๆ อีก ซึ่งจากการพูดคุยกับคนไทยที่ได้รับการช่วยเหลือออกมา มีบางคนพบเห็นการถูกทำร้าย กักขัง และข่มขู่เพื่อให้ยินยอมในการทำคอลเซ็นเตอร์ หรือการหลอกลวงคนไทยให้ได้ทรัพย์สิน โดยมีคนไทยยังถูกบังคับอยู่กว่า ๑,๕๐๐ ราย รวมทั้งเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้อีกด้วย

“ทลายขบวนการขนรถข้ามโขง” นรข.เขตนครพนม โดย สน.เรือนครพนม จับกุมขบวนการลักลอบขนรถยนต์ข้ามชาติส่งออกนอกประเทศโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร

โดยสามารถตรวจยึด รถยนต์จำนวน 3 คัน 1.รถยนต์ toyota cab สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ฒจ 2234 กรุงเทพฯ 2.รถยนต์ toyota fortuner สีขาว หมายเลขทะเบียน กต 1268 สกลนคร 3.รถยนต์ toyota revo ป้ายแดงสีขาวแค็ป และรถจักรยานยนต์จำนวน 1 คัน เรือเพลายาวพร้อมเครื่องยนต์ จำนวน 2 ลำ และปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหนีที่บริเวณริมฝั่งเเม่น้ำโขงบริเวณท่าทราย นายอภิชาติ ดีบุกคำ บ.ท่าดอกแก้ว ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จว.นครพนม ก่อนนำของกลางทั้งหมดส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

โดยหากท่านพบเห็นการกระทำความผิดต่าง ๆ ในเเม่น้ำโขง ท่านสามารถเเจ้งเหตุได้ที่สายด่วน 1696 ตลอด 24 ชม.

กองทัพเรือ

หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง

นรขเขตนครพนม

กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

รวมใจภักดิ์รักษ์ชาติราษฎร์ศรัทธา

เดวิท โชคชัย ศูนย์ข่าวมุกดาหาร รายงาน 092-5259-777

ชายวัย65ปีทำงานจนตัวตายคาพวงมาลัย

เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 7 เมษายน 2565 ร.ต.อ. ประสิทธิ์ กาญจนศร รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.บางเสาธง ได้รับแจ้งว่ามีคนขับรถบรรทุกสิบล้อขับมาแล้ววูบเสียชีวิตคาพวงมาลัยภายในรถสิบล้อ ซึ่งจอดอยู่เชิงทางลงสะพานกลับรถถนนเทพรัตน กม 20 ตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ จึงประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกสิบล้อคันหนึ่งจอดสงบนิ่งชิดขอบแบริเออร์บนสะพาน ที่เกิดเหตุทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถใช้สะพานกลับรถจนต้องพากันถอยหลังลงจากสะพานกลับรถทำให้รถติดสะสมหลายกิโลเมตร เจ้าหน้าที่จึงเร่งตรวจสอบและชันสูจน์พลิกศพเบื้องต้น จากการตรวจภายในรถพบศพ นาย ราชันย์ ข้องนอก อายุ 65 ปี คนขับรถบรทุกคันดังกล่าว เสียชีวิตในสภาพฟุบลงไปกองที่พักเท้าด้านซ้ายภายในรถ จากการนำร่างออกมาตรวจสอบไม่พบบาดแผลใดๆตามร่างกาย และเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ

ไปสอบถามนาย ชุม ใสแก้ว คนขับรถบรรทุกอีกคันที่ขับตามหลังมาเจอรถคันเกิดเหตุ บอกว่าตนเองกำลังขับรถไปส่งสินค้าพอขึ้นสะพานกลับรถที่เกิดก็เห็นว่ารถสิบล้อคันหน้าจอดนิ่งอยู่นานไม่ยอมเลื่อนรถแต่อย่างใดบีแตรเตือนก็ไม่ขยับจึงลงมาเปิดประตูฝั่งคนขับดูว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พอเปิดประตูรถก็ถึงกับตกใจเมื่อเห็นว่าคนขับหมดสติเสียชีวิตแล้วจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูปทำแผนที่จุดเกิดเหตุพร้อมทั้งติดต่อทางบริษัทของรถบรรทุกเพื่อติดตามแจ้งญาติให้ทราบ ส่วนร่างผู้เสียชีวิตมอบให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งนิติเวชรพ.รามาสมุทรปราการ ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
…………………………………..
ที่มา_ฅนข่าว ต้นปราการ

กต.ตร.กทม.พร้อม รองผบช.น. มอบเสื้อและชุดตรวจ ATK

มอบเสื้อ “อาสาภาคประชาชน กต.ตร.กทม.” และชุดตรวจ ATK ท่านพล.ต.ต.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ รองผบช.น. มอบเสื้ออาสาภาคประชาชน กต.ตร.กทม. แก่ ประธานอนุกต.ตร.บก.น.1-9 เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่อาสาภาคประชาชนในแต่ละบก. พร้อมกันนี้ ดร.พีรวัฒน์ และ ดร.ธัชวิน สุรเศรษฐ ยังได้มอบชุดตรวจ ATK ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี ท่านพล.ต.ต.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ เป็นผู้แทนรับมอบอีกด้วย ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตบพิตรพิมุข จักรวรรดิ

“ นครบาล รายงานผลการจับกุมแก๊งลักรถจักรยานยนต์ พื้นที่ สายไหม”

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.

พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ในการสั่งการให้ปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะ เครือข่ายแก๊งลักรถจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุอยู่บ่อยครั้ง
ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.อำนาจ กาหลง ผกก.สน.สายไหม นำโดย พ.ต.ท.เสน่ห์ มณีฉาย รอง ผกก.สส.สน.สายไหม , พ.ต.ต.สุวิทย์ หล่มศักดิ์ สว.สส.สน.สายไหม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม ได้ทำการสืบสวนจับกุม เครือข่ายแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ผลการปฎิบัติดังนี้
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 65 เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม ได้ทำการจับกุม จากนายณรงค์ หรือ วู๊ดดี้ อายุ 33 ปี บริเวณบริเวณปากซอยกิ่งแก้ว 6 ถนนกิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี
จ.สมุทรปารการ
พร้อมของกลาง
1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น แอร์ล็อก สีฟ้า ดำ จำนวน 1 คัน
2.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟไอ สีดำ แดง จำนวน 1 คัน
3.รถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว จำนวน 1 คัน
4.หมวกถักแบบผ้า สีเทา จำนวน 1 ใบ
5.เสื้อยืด สีขาว จำนวน 1 ตัว
6.กางเกงกีฬาขาสั้น สีขาว จำนวน 1 ตัว
7.รองเท้าแตะ ยี่ห้อ DOUBLE TREE จำนวน 1 คู่
โดยกล่าวหาว่า “ ลักทรัพย์หรือรับของโจร ”
สืบเนื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม ได้รับแจ้งจาก นายธนกรฯ อายุ 20 ปี ว่าเมื่อวันที่ 30 มี.ค.65 เวลาประมาณ 02.30 น. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น แอร์ล็อก สีฟ้า ดำ หายจากหน้าหอพักปวีณา ถนนเฉลิมพงษ์ แขวง/เขตสายไหม กทม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงทำการสืบสวนหาข่าวและตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ พบคนร้ายเป็นชาย จำนวน 2 คน ได้ยกรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวขึ้นไปบนรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับหลบหนีไป จึงทำการสืบสวนหาข่าวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 2 เม.ย.65 เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่ารถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน ก 0357 ชลบุรี จอดอยู่ที่หมู่บ้านโกลเด้น วิลเลจ ถนนกิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จว.สมุทรปารการ จึงนำกำลังไปซุ่มสังเกตการณ์บริเวณหมู่บ้านดังกล่าว สักพักพบนายณรงค์ฯ ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น แอร์ล็อก สีฟ้า ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดและนั่งคร่อมรถอยู่บริเวณปากซอยกิ่งแก้ว 6 (ใกล้กับหมู่บ้านโกลเด้น วิลเลจ ถนนกิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จว.สมุทรปารการ) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตนและเข้าทำการตรวจค้น ขอตรวจค้นรถคันดังกล่าว ผลการตรวจค้น พบแผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ หมายเลข 3 ขฌ 785 กรุงเทพมหานคร อยู่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ ซึ่งตรงกันกับรถจักรยานยนต์คันที่ถูกแจ้งหายไว้ จากการสอบถามนายณรงค์ชัยกล่าวว่าตนกับเพื่อนที่รู้จักกันทางเฟซบุ๊ค ชื่อ คงไม่ ตาย (ซึ่งยืนยันว่าตรงกันกับใบหน้านายพูนทรัพย์อฯ อายุ 20 ปี) ได้ร่วมกันยกรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน จากหน้าหอพักแห่งหนึ่ง ริมถนนเฉลิมพงษ์ ใส่ไว้บนรถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว แล้วตนขนมาไว้ที่บ้านพักของตนเอง จว.สมุทรปราการ เพื่อมาดัดแปลงและเก็บไว้รอส่งขายให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต และที่บ้านของตนยังมีรถจักรยานยนต์ ที่ตนก่อเหตุลักมาพร้อมกันอีกจำนวนหนึ่ง และยินยอมนำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปทำการตรวจค้นที่บ้านพักของตน เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่าหากเนิ่นช้าพยานหลักฐานอาจจะถูกทำลายได้ จึงรีบไปตรวจสอบอย่างทันทีทันใด โดยนายณรงค์ฯได้เปิดประตูบ้านนำการตรวจค้นด้วยความสมัครใจ พบของกลางดังกล่าว
จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปต่อมาวันที่ 3 เมษายน 65 เวลาประมาณ 00.50 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายพูนทรัพย์ฯ หรือ ต้น อายุ 20 ปี

พร้อมด้วยของกลาง
1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก 150 ไอ สีขาว ส้ม ทะเบียน 2 ขณ 3449 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน (คืนเจ้าของแล้ว)
2.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีน้ำเงิน เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เลขตัวรถ จำนวน 1 คัน (คืนเจ้าของแล้ว)
โดยกล่าวหาว่า “ ลักทรัพย์หรือรับของโจร ”
จากการสืบสวนขยายผลนายณรงค์ฯ รับว่า ได้ร่วมกันกับนายพูนทรัพย์ฯ หรือ ต้น อายุ 20 ปี ก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ย่านสายไหม และพื้นที่ใกล้เคียง ได้รถจักรยานยนต์ จำนวนหลายคัน
ต่อมาวันที่ 3 เมษายน 2565 เวลาประมาณ 00.10 น. นายพูนทรัพย์ฯได้ติดต่อมาทางแอบพิเคชั่นเฟซบุ๊คโดยใช้ชื่อ “คงไม่ ตาย” ทักมาเพื่อขายรถจักรยานยนต์ให้จำนวน 2 คัน นัดหมายส่งมอบรถบริเวณปากซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 4 – 4 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตรวจสอบ พบนายพูนทรัพย์ฯ อยู่บริเวณดังกล่าว
จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอตรวจค้น จากการสอบถามนายพูนทรัพย์ฯ รับว่าตนได้ก่อเหตุลักรถจักยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก 150 ไอ สีขาว ส้ม มาจากหน้าบ้านเลขที่ 49/1 ซ.พหลโยธิน 54/1 แยก 4 – 4 และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีน้ำเงิน เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจากหน้าบ้านเลขที่ 327/2 ซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 4 – 4ฯ แล้วเข็นมาจอดไว้บริเวณปากซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 4 – 4 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตรและ 100 เมตร ตามลำดับ เพื่อรอส่งให้เพื่อนทางเฟซบุ๊คชื่อ “Smart Motor Likebike” (เฟซบุ๊คของนายณรงค์ หรือ วู๊ดดี้) มารับซื้อไป ต่อมามีนางทวายฯ อายุ 59 ปี เจ้าของรถฮอนด้า รุ่นคลิก 150 ไอ สีขาว ส้ม และน.ส.เอื้อมฯ อายุ 55 ปี เจ้าของรถฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาพบเจ้าหน้าที่ชุดจับแจ้งว่ารถจักรยานยนต์ของตนทั้งสองคนได้หายไปจากหน้าบ้านของพวกตน พร้อมทั้งชี้ยืนยันว่ารถทั้งสองคันเป็นรถจักรยานยนต์ของพวกตนเองและชี้ยืนยันให้จับกุมตัวนายพูนทรัพย์ฯ จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการซักถามขยายผลผู้ต้องหาทั้งสองคน รับว่า เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ
02.30 น. ได้ร่วมกันลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ จากหน้าหอพัก ถนนเฉลิมพงษ์ แขวง/เขตสายไหม กทม. จำนวน 2 คัน และ ร่วมกันลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ จากหน้าห้องเช่า ใกล้สะพานข้ามคลองสี่ ถนนเฉลิมพงษ์ ต.คูคต อ.ลำลูกกา
จ.ปทุมธานี จำนวน 1 คัน (ทั้งสองจุดอยู่ห่างกันประมาณ 200 เมตร) โดยวิธียกขึ้นรถยนต์กระบะ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน
ก 0357 ชลบุรี และเคยติดต่อซื้อขายกันมาแล้วประมาณ 4 – 5 ครั้ง
บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – ๑๙ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชน หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน ๑๙๑ หรือสถานีตำรวจท้องที่

Design a site like this with WordPress.com
Get started