พี่โจ๊ก ควงพี่ปิ่น ตรวจสภาพการจราจรพื้นที่ CBD ดูสภาพความเป็นจริง และให้กำลังใจตำรวจจราจรในพื้นที่

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 3 พ.ย.66) เวลาประมาณ 07.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(มค) รับผิดชอบงานจราจร พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (อดีต ผบก.จร.) ร่วมกันลงตรวจสภาพการจราจรในพื้นที่ธุรกิจหลัก หรือ CBD ของกรุงเทพมหานคร ในเส้นสาทร วิทยุ เป็นหลัก ร่วมกับ พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รรท.รอง ผบช.น. ที่รับผิดชอบงานจราจร, พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิต รรท.ผบก.จราจร และ พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ รรท.ผบก.น.6 เพื่อให้เห็นสภาพความเป็นจริง โดยลงพื้นที่หน้าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนหลักบนถนนสาทรใต้ ที่มีผู้ปกครองเดินทางมาส่งบุตรหลานเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลต่อสภาพการจราจรบนถนนสาทรใต้ ต่อเนื่องสะพานตากสิน ที่ข้ามมาจากฝั่งธนบุรีได้ แต่ก็พบว่าทาง สน.ยานนาวา ได้ร่วมกับสมาคมผู้ปกครองของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ช่วยกันอำนวยความสะดวกการจราจร ดูแลบุตรหลานและประชาชนบริเวณดังกล่าวได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ไม่มีปัญหารถสะสมบริเวณหน้าโรงเรียนแต่อย่างใด หลังจากนั้นได้ไปตรวจสภาพการจราจรบริเวณแยกสาทร-สุรศักดิ์ และแยกวิทยุ ตรวจเยี่ยมให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ มอบกาแฟกระป๋อง ไว้เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อเห็นสภาพความเป็นจริงแล้ว ได้เดินทางต่อไปยัง บก.จร. ณ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) เพื่อดูภาพรวมการจราจรทั้งพื้นที่ รับฟังสรุปปัญหาการจราจรทั้งหมด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร.(มค) เปิดเผยว่า ท่าน ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้รับผิดชอบดูงานจราจรภาพรวมทั้งประเทศ ก่อนหน้านี้ก็ได้รับรายงานถึงปัญหาการจราจรต่าง ๆ มาแล้ว วันนี้จึงตัดสินใจลงมาให้เห็นด้วยสายตาตัวเอง และต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน พ่อแม่ ครู ผู้ปกครอง ผู้อำนวยการโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันปัญหาการจราจรเป็นหนึ่งในปัญหาหลักของประเทศ ที่ตำรวจต้องร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ช่วยกันแก้ไขปัญหา จะทำเพียงหน่วยงานเดียวไม่ได้ โดยคิกออฟด้วยการสั่งให้สำรวจสภาพปัญหาทางกายภาพ ปัญหาภูมิประเทศ ที่ส่งผลต่อการจราจร ทำให้การจราจรติดขัด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น พื้นผิวการจราจรที่ขรุขระ เป็นหลุม เป็นบ่อ แล้วประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ร่วมกันช่วยกันแก้ไขปัญหา โดยตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ เอง จะลงมาช่วยเสริมเติมเต็มในการช่วยประสานงานกับหน่วยงานข้างเคียง ส่วนในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย มีกฎหมายใหม่ออกมาหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.เปรียบเทียบปรับเป็นพินัย ที่ออกมาเพื่อให้สอดคล้องและคุ้มครองสิทธิของพี่น้องประชาชน บรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็จะไปเข้าพบปรึกษาหารือกับ ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรโณ ประธานกรรมการว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำข้อหารือ องค์ความรู้ มาทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทั้งประเทศในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ลูกน้องมีความเข้าใจ มีความมั่นใจ เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่าการบังคับใช้กฎหมายจะบังคับใช้อย่างไร การบังคับใช้กฎหมายเราต้องทำเพื่อการจัดการจราจร จัดระเบียบสังคม ต้องไม่ทำเพื่อหวังเงินค่าปรับหรือเงินรางวัล และการตั้งด่านจราจรก็ทำเพื่อสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน เรายังต้องตั้งด่านตามปกติ แต่ต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ที่ด่านจราจร เพราะด่านคือตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น เห็นด่านต้องวิ่งเข้าด่าน เพราะเขามั่นใจในความปลอดภัย ในเรื่องสถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรต่าง ๆ ต้องลดลง และต้องลดลงอย่างมีนัยนะสำคัญ ไม่ใช่ลดลงด้วยการทำตัวเลข ต้องเอาเรื่องจริงมาพูดคุยกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็จะมาช่วยเสริมเติมเต็ม ซึ่งที่ผ่านมาในพื้นที่ก็ช่วยกันทำงานดีอยู่แล้ว และในวันนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยท่าน ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็ได้เตรียมการ เตรียมแผนในเทศกาลลอยกระทง เทศกาลปีใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว จุดประสงค์เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย มีความเชื่อมั่น มีความมั่นใจ และกลับมาทำงานด้วยความปลอดภัย สิ่งสำคัญคือการสร้างองค์ความรู้ด้านกฎหมาย สร้างวินัยจราจร สิ่งใดที่เป็นควิกวินที่ต้องรีบทำ ต้องเร่งดำเนินการ เช่น การรณรงค์ให้สวมหมวกกันน็อค การรณรงค์เมาไม่ขับ เรื่องฟุตบาท ทางเท้าต่าง ๆ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นการสนองตอบต่อนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการให้เกิดความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชน ประชาชนมีความเชื่อมั่น สุดท้ายในการตรวจเยี่ยม การลงพื้นที่ ดูการปฏิบัติหน้าที่ของเพื่อนข้าราชการตำรวจ ก็จะได้นำความห่วงใยจากท่าน ผบ.ตร. ลงไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ สร้างขวัญและกำลังใจ ช่วยเสริม เติมเต็มเป็นสำคัญ และในช่วงบ่ายโมงวันนี้ ก็จะเดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเยี่ยมดูอาการ ส.ต.อ.นฤพล สมจิตต์ ผบ.หมู่ ศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดี/ทางพิเศษ ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนบนถนนวิภาวดีรังสิตขณะยืนปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยในเส้นทางเสด็จฯ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 โดยได้รับบาดเจ็บข้อมือขวาหัก ฟันหัก 1 ซี่ และมีบาดแผลตามร่างกาย ต่อไป

ตำรวจภูธรภาค 1 “จับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อนำมาจำหน่ายและแพร่กระจายในภาคกลางและภาคใต้”



ตามนโยบายรัฐบาลเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งระบบด้วยการสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเครือข่ายของนักค้ายาเสพติดอย่างรู้เท่าทัน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทาง –กลางทาง –ปลายทาง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท.รอง ผบ.ตร. และ สำนักงาน ป.ป.ส. โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รรท.เลขาธิการ ป.ป.ส. จึงสั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลจากกรณีจับกุมยาเสพติดรายสำคัญทุกราย รวมถึงวิเคราะห์ความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มผู้ผลิต นำเข้า
ผู้ลำเลียง ผู้จัดเก็บ ผู้จำหน่าย และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนเข้ามาถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ
ตำรวจภูธรภาค 1 โดย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบช.ภ.๑, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รรท.รอง ผบช.ภ.๑, ร่วมกับ บช.ปส. โดย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รรท.ผบช.ปส. พร้อมด้วย
หน่วยข่าวกรองทางทหาร โดย พล.ต.อาทิตย์ ม่วงเล็ก ผบ.ขกท., ขกท.ศปก.นสศ. โดย พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ,
สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค ๑ โดยนายประสาร หยงสตาร์ ผอ.ป.ป.ส.ภาค ๑, ว่าที่ ร.ต. อากาศ ปานแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 1 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกนายในสังกัดบูรณาการร่วมกันสืบสวนจับกุมบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด มีรายละเอียดดังนี้
สืบเนื่องจากวันที่ 4 ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 ได้จับกุมนายนนทวัฒน์หรือนิก (ขอสงวนนามสกุล) และนายศุภวัฒน์หรือตาล (ขอสงวนนามสกุล) พร้อมของกลางยาบ้า ประมาณ 1,600,000 เม็ด พื้นที่ สภ.หนองแค ภ.จว.สระบุรี ซึ่งจากสืบสวนขยายผลในคดีดังกล่าว ทำให้ทราบว่าจะมีทีมลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ามาส่งยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รรท.ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.สระบุรี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังติดตามและสืบสวนจับกุม
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค.66 จากการสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.นครพนม
มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง โดยใช้รถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ๘๓-๓๗๕๔ สุรินทร์ เป็นยานพาหนะในการลำเลียง
ยาเสพติด และจะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บม ๖๔๕ ร้อยเอ็ด และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน

ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน ๔ขช ๗๔๖๖ กทม. ในการสำรวจเส้นทางด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 1 พ.ย.66 พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี/หัวหน้า ชปส.ศอ.ปส.ภ.1 ชุดที่ 3 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยข่าวกรองทางทหาร ร่วมกันไปสังเกตการณ์และพบกลุ่มรถยนต์ดังกล่าวอยู่ที่สถานีบริการน้ำมัน พีที วังน้อย (ขาออก กทม.) หมู่ 3 ต.ลำไทร อ.วังน้อย
จ.พระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังเฝ้าสังเกตการณ์และสามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ จำนวน 5 คน ได้แก่ นายสุรชาติหรือชาติ (ขอสงวนนามสกุล), นายวิรอนหรือแดง (ขอสงวนนามสกุล), น้องชายของนายวิรงค์ (ขอสงวนนามสกุล), นายณัฐสิทธิ์หรือเติ้ล
(ขอสงวนนามสกุล), นายพงศ์อิทธิพลหรือเจ๋ง (ขอสงวนนามสกุล) ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) จำนวน
8 กระสอบ รวมจำนวน 2,000 มัด ประมาณ 4,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ๘๓-๓๗๕๔ สุรินทร์ พร้อมด้วยอาวุธปืน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 14 นัด นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย เพื่อดำเนินคดีในความผิด “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน)
โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 3 เพิ่มเติมว่ามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดการณ์ว่าหากไม่มีการจับกุมสกัดกั้นยาเสพติดดังกล่าวไว้ได้ก่อน จะแพร่กระจายสู่ท้องตลาดซึ่งจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 40,000,000 บาท และจะเป็นภัยต่อประเทศชาติที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลถึงผู้อยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดและทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการทำความผิดเพื่อนำมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมรับนโยบายด้านการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล อย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติด โดยในช่วงที่ผ่านมาสามารถจับผู้ต้องหาและยึดยาเสพติดได้มากขึ้น เนื่องจากมีการสืบสวนขยายผลที่เข้มงวดมากขึ้น ดำเนินการยึดทรัพย์กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด และติดตามกลุ่มผู้ค้าที่ยังเคลื่อนไหว โดยดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อตัดวงจรกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาด

สืบท่องเที่ยว จับเพจปลอมหลอกจองพูลวิลล่าพัทยา

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รรท.ผบช.ทท. พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. และ พล.ต.ต.ม.ล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1 ให้ตำรวจท่องเที่ยวทุกหน่วยดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีพฤติการณ์หลอกลวงสร้างความเดือดร้อนให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน พ.ต.อ.สมชาย ธีรภัทรไพศาล ผกก.2 บก.ทท.1 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ปริญ ศรีภัทรกุลชัย สว.กก.2 บก.ทท.1 เร่งรัดจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีพฤติกรรมดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า มีผู้ปลอมเพจเฟซบุ๊คที่พักประเภทพูลวิลล่าในพื้นที่พัทยา หลอกลวงนักท่องเที่ยวและประชาชนที่ต้องการเดินทางมาเข้าพัก จนมีผู้หลงเชื่อและโอนเงิน เมื่อเดินทางมาถึงที่พักที่ทำการจองไว้ กลับไม่สามารถเข้าพักได้ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ถูกหลอกลวงและได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจท่องเที่ยว งานสืบสวน กก.2ฯ จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ และสามารถจับกุมตัวนายนัทฯ (ขอสงวนนาม) ตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าผู้ต้องหารายนี้ยังถูกออกหมายเรียกในอีกหลายคดี ในท้องที่ สภ.เมืองพัทยา สภ.บางละมุง และสภ.บ้านเป็ด เป็นต้น ทั้งนี้ ตำรวจท่องเที่ยวจึงขอประชาสัมพันธ์ หากท่านใดที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหารายนี้ สามารถติดต่อได้ที่สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ หรือหน่วยงานตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวต่อไปและขอแจ้งเตือนไปยังนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้โปรดตรวจสอบข้อมูลที่พักและระมัดระวังในการโอนเงิน เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อตำรวจท่องเที่ยวได้ทางสายด่วน 1155 หรือทางแอปพลิเคชั่น Tourist Police i lert u

สืบท่องเที่ยว จับเพจปลอมหลอกจองพูลวิลล่าพัทยา

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รรท.ผบช.ทท. พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. และ พล.ต.ต.ม.ล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1 ให้ตำรวจท่องเที่ยวทุกหน่วยดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีพฤติการณ์หลอกลวงสร้างความเดือดร้อนให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน พ.ต.อ.สมชาย ธีรภัทรไพศาล ผกก.2 บก.ทท.1 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ปริญ ศรีภัทรกุลชัย สว.กก.2 บก.ทท.1 เร่งรัดจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีพฤติกรรมดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า มีผู้ปลอมเพจเฟซบุ๊คที่พักประเภทพูลวิลล่าในพื้นที่พัทยา หลอกลวงนักท่องเที่ยวและประชาชนที่ต้องการเดินทางมาเข้าพัก จนมีผู้หลงเชื่อและโอนเงิน เมื่อเดินทางมาถึงที่พักที่ทำการจองไว้ กลับไม่สามารถเข้าพักได้ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ถูกหลอกลวงและได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจท่องเที่ยว งานสืบสวน กก.2ฯ จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ และสามารถจับกุมตัวนายนัทฯ (ขอสงวนนาม) ตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าผู้ต้องหารายนี้ยังถูกออกหมายเรียกในอีกหลายคดี ในท้องที่ สภ.เมืองพัทยา สภ.บางละมุง และสภ.บ้านเป็ด เป็นต้น ทั้งนี้ ตำรวจท่องเที่ยวจึงขอประชาสัมพันธ์ หากท่านใดที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหารายนี้ สามารถติดต่อได้ที่สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ หรือหน่วยงานตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวต่อไปและขอแจ้งเตือนไปยังนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้โปรดตรวจสอบข้อมูลที่พักและระมัดระวังในการโอนเงิน เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อตำรวจท่องเที่ยวได้ทางสายด่วน 1155 หรือทางแอปพลิเคชั่น Police Tourist i lert u

พ.ต.ท.วรภัทร รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ ทำหน้าที่เป็นกรรมการออกเลขสลาก


สน.บางซื่อ
วันนี้ 1 พ.ย.66 พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาฯ เป็นผู้แทน สน.บางซื่อ ทำหน้าที่เป็นกรรมการออกเลขสลากจ่ายคืนสลากออมสิน วาระพิเศษ 5 ปี และ 2 ปี เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

อำนาจเจริญ ตำรวจรวบแก๊งค้ายาบ้า 1 แสนกว่าเม็ดเตรียมมาขายช่วงลอยกระทง

ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ นำทีมรวบแก๊งค้ายาบ้า พร้อมของกลาง 109,008 เม็ด เตรียมมาปล่อยให้เอเยนต์ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงในช่วงวันลอยกระทงวันที่ 31 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ พันเอกพิเศษ ชัยภัทร เงินดีเจริญ รอง ผอ. กอรมน.อจ.อำนาจเจริญ

นายเสนีย์ ส้มเขียวหวาน รักษาราชการแทนผู้ว่าราชดารจังหวัดอำนาจเจริญ

พ.ต.อ.มารุต เรืองจินตนา รอง
ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา รักษาการแทน ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ พ.ต.อ.ชัชนันต์ พรบุตร รอง ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญพันตำรวจโทรัชยศ มาสพันธ์รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญและพ.ต.อ.นิติธร แสงย้อย ผกก.สภ.ปทุมราชวงศา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมแถลงข่าวจับกุมระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืนและยาเสพติด เพื่อรักษาความปลอดภัยใมนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ในช่วงก่อนที่จะถึงเทศกาลวันลอยกระทง สามารถจับกุมผู้ต้องหาขบวนการแก๊งค้ายาเสพติดได้ 2 ราย คือ นายอุเทน หรือเทน ทัศบุตร อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดอำนาจเจริญ นายจุฑา หรือมอส คงทนศิวะกุล อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 109,008 เม็ด อาวุธกปืนพกสั้น 2 กระบอก กระสุนปืน 6 นัด รถจักรยานยนต์​ 3 คัน รถยนต์กระบะ 2 คัน รถยนต์เก๋ง 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับ(ขอปกปิดนามและประสงค์รางวัลนำจับ) พร้อมจากการสืบสวนทราบว่านายอุเทน หรือเทน ทัศบุตร ซึ่งเป็นผู้ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่เคยจับกุมมาก่อน และเฝ้าดูพฤติกรรมอยู่นาน โดยนายอุเทน จะนำยาบ้ามาจำหน่ายให้กับเอเยนต์ในพื้นที่ และมีการมั่วสุมเสพยาเสพติดอยูที่บ้านพักเป็นประจำ เจ้าหน้าที่จึงได้มีการวางแผนและเข้าไปตรวจค้นที่บ้านพักของนายอุเทน สามารถตรวจค้นพบยาเสพติดเป็นยาบ้าจำนวน 109,000 เม็ด อาวุธปืน 2 กระบอก ลูกกระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 6 นัด จากการสอบสวนนายอุเทนให้การรับสารภาพว่า รับจากราษฎรชาวลาวทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดไปส่งมอบให้กับลูกค้าตามพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดใกล้เคียง ในช่วงใกล้เทศกาลลอยกระทงที่จะถึงนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายอุเทน มาที่ กก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ ต่อมาราษฎรชาวลาวได้ติดต่อมาที่นายอุเทน และส่งหมายเลขโทรศัพท์เอเยนต์ที่จะรับยามาให้กับนายอุเทน เพื่อให้นายอุเทนนำยาบ้าจำนวน 6,000 เม็ด ไปส่งมอบให้กับเอเยนต์ ที่บริเวณจุดนัดพบซึ่งเป็นบริเวณป้ายข้อความ เขตโรงเรียนลดความเร็ว ริมถนนชยางกรู ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 11 อำนาจเจริญ 86 อุบลราชธานี ต.โนนหนามแท่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ เจ้าหน้าที่จึงได้นำยาบ้าไปวางที่จุดดังกล่าวพร้อมกับได้มีการดักซุ่มรอ จนกระทั่งนายจุฑา หรือมอส คงทนศิวะกุล ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่จุดดังกล่าว และได้ลงมาเก็บเอาห่อยาบ้า เจ้าหน้าที่ที่ทำการซุ่มดูอยู่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมนายจุฑา จากนั่นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ข้อหาเสพยาเสพติด และข้อความมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับนายอุเทน ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอำนาจเจริญ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ในการนี้ตำรวจ0759ภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ขอความร่วมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่ง แจ้บเบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้าโดยแจ้งข้อมูลผานสานด่วนยาเสพติด 1386 สายด่วน 191 และ App Police I lert U ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการปราบปรามจับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป/

มนัส เอมโอดผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอำนาจเจริญ 093-5650759

“STECON” คว้าคะแนน CG ประจำปี 2566 เกณฑ์ “ดีเลิศ”ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน


บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) STECON  หรือ STEC (ชื่อย่อหลักทรัพย์) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการ ในเกณฑ์ “ดีเลิศ” ระดับ 5 ดาว (Excellent CG Scoring)  ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2566 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2023 : CGR) โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors: IOD ) ด้วยการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.   รางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนามาตรฐานด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใส  การคำนึงถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานด้านความยั่งยืนขององค์กร  อันส่งผลให้ผู้ถือหุ้น  มีความมั่นใจในการดำเนินงานของบริษัท

“ฮาโลวีนปลอดภัย ตำรวจท่องเที่ยวห่วงใย พร้อมให้บริการ”

รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ขานรับนโยบายฮาโลวีนปลอดภัย ลงพื้นที่สั่งการกำลังพลดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในช่วงวันฮาโลวีนตามสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมลผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพิ่มมาตรการดูแล
ความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในช่วงวันฮาโลวีน

โดยในส่วนของการเตรียมการที่ผ่านมา พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๘ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มีสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมของกำลังพล เพื่อปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัยในบริเวณสถานที่จัดงานฮาโลวีนทั่วประเทศ อย่างเข้มแข็ง และยังได้ให้ พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ออกคลิปแนะนำการปฏิบัติตนเพื่อความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษลงประชาสัมพันธ์ในสื่อทุกแขนง

สำหรับในปีนี้ ไฮโลท์สำคัญของการจัดงานฮาโลวีน คืองาน Khaosan Halloween 2023 บริเวณถนนข้าวสาร ตำรวจท่องเที่ยวได้จัดกำลังพลประจำจุดคัดกรอง สายตรวจเดินเท้า และเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง โดย พล.ต.ต.ศักย์ศิราฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจดูการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวด้วยตนเอง นอกจากนี้ ยังได้เข้าพบปะกับนักท่องเที่ยวที่ มาเฉลิมฉลองค่ำคืนฮาโลวีนเพื่อประชาสัมพันธ์คำแนะนำด้านความปลอดภัยด้วย

“ผม และตำรวจท่องเที่ยวทุกนายหวังอยากให้ทุกท่านท่องเที่ยวในวันฮาโลวีนอย่างสนุกและปลอดภัย
ตำรวจท่องเที่ยวเรามีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะดูแลทุกท่าน อยากให้คิดว่าตำรวจท่องเที่ยวคือเพื่อน
คนแรกของคุณ ร่วมมือกันนะครับ หลีกเลี่ยงที่แออัด ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย และดื่มไม่ขับ หากต้องการขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุใดๆ ท่านสามารถแจ้งได้กับตำรวจท่องเที่ยวหรือโทร ๑๑๕๕ สายด่วนของเรา เราพร้อมให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง ครับ” พล.ต.ต.ศักย์ศิราฯ กล่าว

ผบช.น. ประชุมแบ่งมอบงาน และมอบนโยบาย ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ รอง ผบช.น. และ ผบก.ในสังกัด บช.น.



วันอังคารที่ 31 ตุลาคม 2566 เวลา ๑๐.๓๐ น. พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้ประชุมแบ่งมอบงาน และมอบหมายนโยบาย ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการในสังกัด โดยเน้นย้ำภารกิจถวายความปลอดภัย เป็นภารกิจที่สำคัญสูงสุด รวมถึงการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว เน้นกำชับเรื่อง ปัญหายาเสพติด บ่อนการพนัน สถานบริการ โดยมอบหมายให้แต่ละท่านรับผิดชอบ ดังนี้
1. พล.ต.ต. วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง.ผบช.น.(น.2) รับผิดชอบงานบริหาร 1 (บร.1)
2. พล.ต.ต. ทินกร รังมาตย์ รอง.ผบช.น.(น.3) รับผิดชอบงานปราบปรามยาเสพติด (ปส.)
3. พล.ต.ต. สมควร พึ่งทรัพย์ รอง.ผบช.น.(น.4) รับผิดชอบงานกฎหมาย (กม.)
4. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง.ผบช.น.(น.5) รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน (สส.)
และทำหน้าที่  โฆษก บช.น.
5. พล.ต.ต. พลฑิต ไชยรส รอง.ผบช.น.(น.6) รับผิดชอบงานบริหาร 2 (บร.2)
6. พล.ต.ต. อำนาจ ไตรพจน์ รอง.ผบช.น.(น.7) รับผิดชอบงานกิจการพิเศษ 1 (กศ.1)
7. พล.ต.ต. พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รอง.ผบช.น.(น.8) รับผิดชอบงานกิจการพิเศษ 2 (กศ.2)
8. พล.ต.ต. ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รอง.ผบช.น.(น.1-1) รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม (ปป.)
และทำหน้าที่  รองโฆษก บช.น.
9. พล.ต.ต. ธวัช วงศ์สง่า รอง.ผบช.น.(น.1-2) รับผิดชอบงานจราจร (จร.)
10. พล.ต.ต. มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ รอง.ผบช.น.(น.1-3) รับผิดชอบงานมั่นคง (มค.)
11. พล.ต.ต. พัลลภ แอร่มหล้า รอง.ผบช.น.(น.1-4) รับผิดชอบงานจเรตำรวจ (จต.)
12. พล.ต.ต. ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ รอง.ผบช.น. (น.1-5) รับผิดชอบงานต่างประเทศ
และงานศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ตท./ศปก.)

บช.น. ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว หากไม่ได้รับความสะดวก หรือพบเห็นการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือ สน.ในพื้นนี้

พล.ต.ต.จิรสันต์ รักษาราชการแทน ผบช.ภาค1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ รอง ผบช.ภาค1, พล.ต.ต.นราเดช รอง ผบช.ภาค1 ร่วมกันแถลงคดีร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ

เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ เวลาประมาณ 01.10 น. เกิดเหตุคนร้าย ๒ คน เข้าไปทำทีซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ “7-11” สาขาตลาดลุงฉัตร ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เขตพื้นที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์
หนึ่งในคนร้ายได้กระโดดข้ามเคาน์เตอร์และใช้อาวุธมีดจี้คอพนักงานที่อยู่เคาน์เตอร์เพียงคนเดียว ข่มขู่ให้เปิดลิ้นชักเก็บเงิน หยิบเอาเงินสดจำนวน 1,800 บาท และสินค้าอื่นๆ วิ่งหลบหนีไป คิดมูลค่าความเสียหายเป็นเงินประมาณ 3,000 บาท
ต่อมาเวลาประมาณ ๐๕.๒๕ น. คนร้ายทั้งสองคนได้มาที่ร้านสะดวกซื้อ “7-11” สาขา หมู่บ้าน Q-District
สุขสวัสดิ์ ๗๖ ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เขตพื้นที่ สภ.พระประแดง และใช้วิธีการเดิม ได้เงินสดไปจำนวน 2,860 บาท และขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี
ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑, พลตำรวจตรี นราเดช  ทิพย์รักษ์  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑
และ พันตำรวจเอก วรชาติ  แสนคำ รักษาราชการแทนผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค ๑ ทราบได้สั่งการให้เร่งรัดสืบสวน ติดตามจับกุมคนร้ายในคดีนี้โดยเร็ว
ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ นำโดย พลตำรวจตรี วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการพันตำรวจเอก นิรันดร์ ปิตะกาศ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ, พันตำรวจเอก ประเสริฐสุข  เฮงสุวรรณ์
ผู้กำกับการตำรวจภูธรพระประแดง และ พันตำรวจเอก ทศพล  ทองใบ ผู้กำกับการตำรวจภูธรพระสมุทรเจดีย์
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยได้สืบสวนสอบสวนรวมรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวคนร้ายและ
ขอศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับคนร้าย นายปฏิภาณ เปลี่ยนเสือ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ ๘๙๔/๒๕๖๖ ลง ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ และ หมายจับที่ ๘๙๕/๒๕๖๖ ลง ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ และ
นายกิตติกร ปาระณะ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ ๘๙๖/๒๕๖๖ ลง ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖
ข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด
หรือ พาทรัพย์นั้นไป หรือ เพื่อให้พ้นจากการจับกุม, ร่วมกันพกพาอาวุธ (มีด) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ
โดยไม่ มีเหตุอันควร”
ตรวจยึดของกลาง  อาวุธมีด ยาวประมาณ ๑๐ นิ้ว จำนวน ๑ เล่ม, เงินสด จำนวน ๒,๕๕๐ บาท, เครื่องแต่งกายของคนร้ายที่ใช้สวมใส่ในขณะก่อเหตุ, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน – ดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน จำนวน ๑ คัน

ภ.๑ ขอแจ้งเตือนให้ประชาชน โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ รวมไปถึงธนาคาร ร้านทอง และสถานประกอบการ
ในลักษณะดังกล่าว ให้ระมัดระวังการก่อเหตุในลักษณะนี้ โดยให้มีมาตรการการป้องกันพนักงาน เช่น จัดให้มีพนักงานชาย อยู่ในผลัดกลางคืนมากกว่า ๑ คน ไม่เก็บเงินสดสำหรับทอนจำนวนมาก ตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้สามารถใช้การได้และเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบไว้ได้ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้มีการขยายผลและกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้ม
ในการตรวจตราสถานประกอบการและจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อตัดช่องโอกาสของคนร้าย ที่จะก่อเหตุในลักษณะนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก

Design a site like this with WordPress.com
Get started