รอง ผบ.ตร. บินติดตามความคืบหน้าคดีนายจ้างทำร้ายลูกจ้าง จ.แม่ฮ่องสอน

จากกรณี เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุกรณีนายจ้างทำร้ายลูกจ้างที่ตั้งครรภ์อายุ 4 เดือน จนอาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อเด็กในครรภ์ด้วย เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน โดยผู้เสียหายได้เรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุมาดูแลค่ารักษาพยาบาลและเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ตามที่ได้มีการนำเสนอในสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย นั้น

วันนี้ (9 มิ.ย.66) เวลาประมาณ 15.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ภพพล จักกะพาก ผบก.อก.บช.ทท. พร้อมด้วย ชุดปฏิบัติการฝ่ายสืบสวนสอบสวน และ NGOs ได้เดินทางมา ภ.จว.แม่ฮ่องสอน เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้กำชับ ชุดพนักงานสอบสวน ให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด และสอบปากคำพยานให้ครบถ้วน ให้ปรากฏรายละเอียดพฤติการณ์ เบื้องต้นได้มีการจับกุมผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว โดยได้ดำเนินคดีในความผิดฐาน ทำร้ายร่างกาย และบุกรุกเคหสถาน ส่วนกรณีมีการนำเสนอว่าทำร้ายจนแท้งนั้น แท้จริงแล้วผู้บาดเจ็บได้ยุติการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง เนื่องจากมีลูกหลายคนแล้ว ไม่ได้ถูกทำร้ายจนแท้งตามที่สื่อมวลชนนำเสนอแต่อย่างใด ปัจจุบันอยู่ในความดูแลบ้านพักเด็กและครอบครัว จว.แม่ฮ่องสอน ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้เสียหายที่บ้านพักเด็กดังกล่าว พร้อมมอบเงินช่วยเหลือและให้กำลังใจและแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินคดีให้ทราบ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวมิได้มีความสลับซับซ้อน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องลงพื้นที่ และทำงานประสานความร่วมมือกับหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียดให้เพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิดที่เกิดขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เสียหาย รวมทั้งยังให้บ้านพักเด็กและ พมจ. ช่วยกันดูแลสภาพร่างกายและจิตใจของผู้เสียหาย ให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติด้วย

รองโจ๊ก ร่วมเวทีเสวนา ““ภัยคุกคามอาชญากรรม กับการรับมือของหน่วยงานภาครัฐ”

9 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 น. ที่อาคารปฏิบัติการ บมจ.อสมท.
สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ได้จัด
การประชุมทางวิชาการระดับชาติว่าด้วยงานยุติธรรม ครั้งที่ 20 ในหัวข้อ “สีสันแห่งปัญญา สองทศวรรษสู่ความยุติธรรมที่ยั่งยืน”
โดยมีผู้เข้าร่วมเวที ได้แก่

  1. พลตำรวจเอก ดร.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
  2. ดร.ปริญญา หอมเอนก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.)
  3. ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

โดยมี พันตำรวจโท ดร.สืบสกุล เข็มทอง ผู้อำนวยการฝ่าย MCOT Academy บมจ. อสมท เป็นผู้ดำเนินรายการ

ขณะที่ประเด็นในการเสวนาครั้งนี้ ได้กล่าวถึง ภัยอาชญากรรมที่เปลี่ยนไปบนโลกออนไลน์ ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีความรู้พื้นฐานที่เข้าใจ การทำงาน โดยเฉพาะตำรวจที่มีหน้าที่ในการป้องกันปราบปราม จะต้องมีการพัฒนาหรือรับบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถ

ขณะที่ตอนหนึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้กล่าวถึงการที่ตนได้เตรียมไปรับคนไทยประมาณ 2000 คน ที่ไปทำงานเป็นแก๊งค์คอลเซนเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่เมื่อไปถึงแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้ภารกิจในครั้งนั้น รับคนไทยกลับมาได้เพียง 28 คนเท่านั้น

โดยการเสวนาครั้งนี้ ได้มีการเผยแพร่ออกอากาศทาง เฟซบุ๊คของ สำนักงานกิจการยุติธรรม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร. รับรางวัลบุคคลต้นแบบ รวมทั้งยังเป็นผู้แทน ศพดส.ตร. ในการรับรางวัลหน่วยงานดีเด่น

วันนี้ (7มิ.ย.66) เวลาประมาณ 09.30 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในการเปิดงานวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจําปี 2566 ณ ห้องฟินิกซ์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัด นนทบุรี วัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ ความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจาก ประเทศไทย หรือ Zero Tolerance รณรงค์เผยแพร่การดําเนินงานต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย สร้างความรู้ความเข้าใจที่ ถูกต้องเกี่ยวกับการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้แก่ประชาชน ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐส่วนกลางและส่วนภูมิภาค องค์กร พัฒนาเอกชน องค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งสื่อมวลชน เพื่อผนึกกําลังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยในการป้องกันและ ปราบปราม การค้ามนุษย์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับในเวทีระดับสากล

การจัดงานรณรงค์ฯ ในวันนี้ ได้กําหนดหัวข้อหลักภายใต้แนวคิด “TOGETHER WE CAN หยุด ค้า คน” เพื่อสื่อถึงการรวมพลัง ทุกภาคส่วน ในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย โดย มีผู้เข้าร่วมงานจากหน่วยงานรัฐ หน่วยงานเอกชน และภาคประชาสังคมที่มีบทบาทในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์จำนวนมาก รวมทั้งผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตหลายประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์ เพื่อร่วมเป็นเกียรติในการมอบรางวัลให้กับผู้ที่ได้รับคัดเลือกจากหน่วยงานทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ประกอบด้วยการมอบโล่เกียรติยศ รางวัลบุคคลต้นแบบ (เป็นรางวัลที่ต้องมีประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์มากว่า 10 ปี) มีจำนวน 2 รางวัล ได้แก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และนายประวิทย์ ร้อยแก้ว รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด รางวัลบุคคลดีเด่น (เป็นปีแรกที่มีการมอบรางวัลนี้) มี 15 รางวัล เช่น พ.ต.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 /หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิด ทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต พ.ต.อ.ปรเมษฐ โพยนอก ผกก.7 ตร.น้ำ นางสาวณัฐกานต์ โนรี ผู้จัดการโครงการสปริงมูลนิธิการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม รางวัลหน่วยงานดีเด่น จํานวน 6 หน่วยงาน เช่น ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ป้องกันปราบการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) และรางวัลจังหวัดต้นแบบตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism) จํานวน 3 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 26 รางวัล

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานวันรณรงค์การต่อต้านการค้ามนุษย์ในวันนี้ และได้รับคัดเลือกให้รับรางวัลบุคคลต้นแบบ รวมทั้งยังเป็นผู้แทน ศพดส.ตร. ในการรับรางวัลหน่วยงานดีเด่นในปีนี้ เป็นความภาคภูมิใจหลังจากได้ทำงานในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์มาอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ต้องขอบคุณพี่น้องตำรวจทุกท่านที่ได้ร่วมกันทำงานในการต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา และขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมมือการในการประสานงาน พัฒนาแนวทางการทำงานร่วมกันในการบังคับใช้กฎหมาย และช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ หลังจากนี้จะยังคงทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกับทุกท่าน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่เทียร์ 1 ให้ได้ต่อไป

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ผบช.ภ.๑ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระพงศ์ รอง ผบช.ภ.๑ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมแก๊งขนยาบ้า

วันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๖ เวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.๑ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมแก๊งขนยาบ้าที่ สภ.แก่งคอย จังหวัดสระบุรี โดยมี พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช รอง ผบก.ฯ,พ.ต.อ.เรืองยศ โสภาพล รอง ผบก.ฯ,พ.ต.อ.เกษดา วัชรานนท์ รอง ผบก.สิงห์บุรี ปรก.ภ.จว.สระบุรี และพ.ต.อ.สุรเชษฐ์ แสนวงศ์สิริ ผกก.สภ.แก่งคอย ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมแถลงข่าวการจับกุมแก๊งรับจ้างขนยาบ้าโดยการทำงานร่วมกันของชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค ๑ ชุดที่ ๓ และหน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหารวม ๕ ราย ของกลางยาบ้า ๑๙ กระสอบ (ยาบ้าประมาณ ๘ ล้านเม็ด) และรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด จำนวน ๒ คัน

และมีผู้ร่วมแถลงข่าวจากจังหวัดสระบุรี,กอ.รมน.จว.สระบุรี,ปปส.,กก.สส.ภ.จว.สระบุรี ร่วมแถลงข่าว ณ ลานพื้นแข็ง หน้า สภ.แก่งคอย จังหวัดสระบุรี

ผบช.น. พร้อมคณะ รอง ผบช.น. ร่วมลงนามถวายพระพร

วันนี้(เสาร์ที่ 3 มิ.ย.66) เวลา 09.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมนึก น้อยคง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร.รรท. รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สยาม บุญสม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ร่วมลงนามถวายพระพรเนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2566 ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง/ทีมงานประชาสัมพันธ์ บช.น.

รอง ผบ.ตร.สั่งรวบเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นแก๊งปล้นไม้พะยูงของกลาง


จากกรณีเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2566 ได้มีคนร้ายกว่า 30 คนพร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้ามาปล้นไม้พะยูงของกลางซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ที่ศาลาเกษตร ผากิ่วลม ต.บ้านเป้า อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธบังคับควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ไว้ และนำรถเครนมาขนย้ายไม้พะยูงของกลางไป รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.9 ล้านบาท ต่อมา นายวิสัน กุดแถลง หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ ได้รับมอบอำนาจในการเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.หนองสูงใต้ ภ.จว.มุกดาหาร ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้ว นั้น
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการไห้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้เร่งดำเนินการสืบสวนจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุในคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนอย่างมาก และเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ กลุ่มผู้ก่อเหตุจำนวนมากก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืนเข้ามาข่มขู่เจ้าหน้าที่โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร ดำเนินการสืบสวนโดยเร่งด่วน โดยให้รวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด และดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุและขยายผลถึงตัวการเบื้องหลังทั้งหมด
จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้มีการวางแผนในการเข้าปล้นเอาไม้พะยูงของกลางที่ถูกเก็บไว้ในที่เกิดเหตุ โดยมีนายทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง และได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐรายหนึ่ง ทำให้ทราบว่ามีไม้พะยูงดังกล่าวเก็บรักษาอยู่ จากนั้นได้มีการเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินจำนวน 200,000 บาท และจ่ายเงินจ้างทีมผู้ก่อเหตุที่จะเข้าไปปล้นเอาไม้พะยูงออกมาอีกจำนวน 400,000 บาท จากนั้นจึงได้ให้ทีมผู้ก่อเหตุขับรถเข้าไปพร้อมอาวุธปืนจำนวนมากกว่า 10 คนเข้าไปก่อเหตุดังกล่าว โดยมีการเตรียมทั้งรถเครนและรถบรรทุกเข้าไปขนย้ายไม้พะยูง จากนั้นได้นำไม้พะยูงไปเก็บรักษาที่โกดังในพื้นที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เพื่อแปรรูปไม้ดังกล่าว และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อไป
จากข้อมูลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองสูงใต้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.มุกดาหาร ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร ที่ร่วมกันก่อเหตุในคดีนี้จำนวน 15 ราย โดยกล่าวหาว่า “ ร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือยอมจำนนต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือผู้อื่น โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ” ต่อมาได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวได้ จำนวน 11 ราย คือ

  1. เสี่ยหลอม อายุ 50 ปี ชาวจังหวัดยโสธร
  2. นายโจ อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี
  3. ตาแต๊ก อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร
  4. ยายดา อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร
  5. นายรงค์ อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด
  6. นายแมน อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด
  7. นายตูมตาม อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด
  8. นายเป๊ก อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด
  9. นายโน้ต อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด
  10. นายตูบ อายุ 48 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด
  11. นายเบิ้ม อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดยโสธร
    ยังคงหลบหนี จำนวน 4 ราย คือ
  12. นายหยวน (นายทุนสัญชาติจีน)
  13. นายสายคำ (นายทุนสัญชาติลาว)
  14. นายโอได (ล่ามสัญชาติลาว)
  15. นายกำจัด (นายหน้าหาไม้ตามออเดอร์)
    ซึ่งจะได้สืบสวนติดตามจับกุมต่อไป นอกจากนี้จึงได้ร่วมกันตรวจยึดรถยนต์ของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด จำนวน 4 คัน ดังนี้
  16. รถเครน (รถเฮี้ยบ) ที่ใช้ในการขนไม้พะยูงของกลาง จำนวน 1 คัน
  17. รถยนต์บรรทุกสิบล้อ ที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายไม้ของกลาง จำนวน 1 คัน
  18. รถยนต์กระบะ ที่ใช้ในการบรรทุกคนงานขนไม้ไปยังที่เกิดเหตุ จำนวน 1 คัน
  19. รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ที่ใช้ในการก่อเหตุ จำนวน 1 คัน
    นอกจากนี้ผลการสืบสวนสอบสวนขยายผลยังพบพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าคดีดังกล่าวมีพยานหลักฐานเพียงพอที่เชื่อว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดมุกดาหารเพื่อจับกุมเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 1 ราย โดยกล่าวหาว่า“ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตฯ ” เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
    อนึ่ง คดีนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลังฐานเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมกระทำผิดเองหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อไม่ไห้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่คิดจะกระทำผิดต่อทรัพย์สินของทางราชการโดยเฉพาะในสถานที่ราชการและเป็นการปราบปรามกลุ่มกระบวนการลักลอบนำไม้พะยูงออกไปจากประเทศ ต่อไป

ปฏิบัติการทลาย แก๊งบังโก้ ปล่อยเงินกู้นอกระบบรวบนายทุนพร้อมพวกรวม 24 ราย พบเงินสะพัดในระบบกว่า 600 ล้านบาท

ในช่วงปี 2565 ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. กรณีกู้เงินจากนายทุนเงินกู้นอกระบบชื่อ แก๊งบังโก้ มีพฤติการณ์เรียกดอกเบี้ยโหดสูงถึงร้อยละ 340 ต่อปี เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากกรณีดังกล่าว ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร., พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. ได้สั่งการให้ บช.ก. เร่งรัดปราบปรามกลุ่มเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้มอบหมายให้ บก.ปอศ. โดย พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ดำเนินการสืบสวนหาเครือข่ายผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปอศ. ได้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งทราบว่ากลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าวเป็นเครือข่ายเงินกู้รายใหญ่ โดยมี นายเกียรติศักดิ์ หรือบังโก้ เป็นหัวหน้าแก๊งหรือนายทุน และมีเครือข่ายกระจายอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ เช่น กาญจนบุรี อุดรธานี ขอนแก่น กาญจนบุรี สุราษฎร์ธานี และสงขลา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับกลุ่มเครือข่ายของบังโก้ทั้งหมด 14 ราย ต่อมาวันที่ 2 มิ.ย.66 พล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร./หัวหน้าชุดปฏิบัติการส่วนกลาง ศปน.ตร. พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ บก.ปอศ. สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.3, ภ.4, ภ.7, ภ.8 และ ภ.9 จำนวนมากกว่า 100 นาย บุกทลายเครือข่าย “แก๊งบังโก้” โดยเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 12 จุด ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี อุดรธานี ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และ สงขลา ผลการดำเนินการสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 24 ราย ประกอบด้วย

  1. น.ส.มลฤดี (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1694/2566 ลง 31 พ.ค.66
  2. นายวัชระ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1695/2566 ลง 31 พ.ค.66
  3. นายวัชระ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1696/2566 ลง 31 พ.ค.66
  4. นายทรงพล (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1697/2566 ลง 31 พ.ค.66
  5. นายกิตติศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1698/2566ลง 31 พ.ค.66
  6. นายวัชรพล (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1701/2566 ลง 31 พ.ค.66
  7. นายธเนศ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1703/2566 ลง 31 พ.ค.66
  8. นายคมกฤษ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1704/2566 ลง 31 พ.ค.66
  9. นายวุฒิพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1705/2566 ลง 31 พ.ค.66
  10. นายธัชพล แก่นสาร อายุ 38 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1706/2566 ลง 31 พ.ค.66
  11. นายชำนาญ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี
  12. นายอธิเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี
  13. นายมงคล (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี
  14. นายอำนวย (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี
  15. นายบุญฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี
  16. นายสมนึก (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี
  17. นายนนที (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี
  18. นายวีระพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี
  19. นายพีรพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี
  20. นายนฤดม (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี
  21. นายอดิรักษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี
  22. นายวรเมธ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี
  23. นายศุภชาติ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี
  24. นายปาณชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี

โดยผู้ต้องหาที่ 1-10 กล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด”
และผู้ต้องหา 11-24 กล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต”

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถตรวจยึดของกลางได้ รวม 11 รายการ ประกอบด้วย
1.นามบัตร จำนวน 880,000 ใบ
2.สัญญากู้ 122 ฉบับ
3.เอกสารผู้กู้ 642 ฉบับ

  1. คอมพิวเตอร์/แท็บเล็ต จำนวน 8 เครื่อง
    5.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 17 เล่ม
    6.บัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ
    7.โทรศัพท์มือถือ 16 เครื่อง
    8.เครื่องคิดเลข 8 เครื่อง
    9.รถยนต์ 1 คัน
    10.จักรยานยนต์ 13 คัน
    11.เงินสด 15,200 บาท

จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดมีพฤติการณ์ในการเดินทางเข้าไปตามแหล่งชุมชนต่างๆ ตลาดนัด หรือร้านค้าและทิ้งนามบัตรในการติดต่อของกู้เงิน เพื่อชักชวนให้ผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยและประชาชนทั่วไปที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนถูกกฎหมายได้ โดยมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่ากฎหมายกำหนดถึงร้อยละ 340 ต่อปี เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้กระทำความผิด พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีช่วงระยะเวลา 2 ปี มากกว่า 600 ล้านบาท อีกทั้งกลุ่มผู้กระทำความผิดมีการโพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊กในการชักชวนผู้อื่นเข้าร่วมขบวนการอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. กล่าวว่า ในวันนี้ ศปน.ตร. มีหน้าที่ในการปราบปรามแก๊งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งปัจจุบันมีการกระทำผิดในหลายรูปแบบ ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการทลาย แก๊งบังโก้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องรวมทั้งนายทุนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มดังกล่าว พร้อมของกลางหลายรายการ ซึ่งจากนี้จะสั่งการให้ตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มผู้กระทำผิดให้สิ้นซาก หากพี่น้องประชาชนคนใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้ หรือ มีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ สามารถแจ้งได้ที่ช่องทาง 1599 หรือ สามารถแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้เช่นกัน

สุดท้ายนี้ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หากต้องการตรวจสอบแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้

ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.5 บก.ปอศ. โทร 082 481 8813
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”


ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“สายด่วน 1599”

ปลอมไลน์ “รองต่อ”ตุ๋นต่างชาติอ้างพาเข้าพบช่วยวิ่งเต้นล้มคดี แลกค่าดำเนินการ เจ้าตัวปัดไม่เจตนาเพียงอยากช่วย วอนขอโอกาสกลับตัว

“รองต่อ” สั่งตำรวจไซเบอร์เอาผิดเป็นตัวอย่าง เร่งขยายผลหลังค้นบ้านพักหนึ่งในผู้ต้องหา พบบัตรนักข่าวระบุสังกัดตำรวจไทย และโพยเก็บเงินจ่ายส่วยหน่วยต่างๆ

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.  พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท.  สั่งการให้พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รองผบก.สอท.2 พ.ต.ท.ธนวัฒน์ แจ้งสว่าง
รอง ผกก.4 บก.สอท.2 พ.ต.ท.ปฐมพงษ์ มีอยู่
สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2.
พ.ต.ต.กิตติศักดิ์ สุขไทย สว กก.3 บก.สอท.2 เชิญตัวนายอำพุธ กุตเสนา อายุ 40 ปี และนายคุณเดช ธัญธนากรณ์ อายุ 58 ปี มาซักถามหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า มีพฤติกรรมแอบอ้างให้หลงเชื่อว่ามีความสนิทสนมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และออกอุบายว่าสามารถช่วยเรื่องคดีความได้

โดยจุดแรกนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 29/55 ถนนพัฒนาชนบท 3 แขวงคลองสองต้นนุ่น
เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านของนายคุณเดช ธัญธนากรณ์ เบื้องต้นไม่พบตัวนายคุณเดช พบเพียงภรรยาอาศัยอยู่ในบ้าน จึงได้ทำการตรวจสอบ และตรวจยึดบัตรประจำตัวสื่อมวลชนของ นายคุณเดช ธัญธนากรณ์ ระบุสังกัดหนังสือพิมพ์ตำรวจไทย,สมุดบัญชีธนาคาร 7 เล่ม และโพยตัวเลขเก็บเงินหน่วยงานต่างๆจำนวนมาก

จุดที่สองตรวจค้นบ้านเลขที่ 34/93 ถนนมาบยายเลีย 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านนายอำพุธ เบื้องต้นพบเจ้าตัวอยู่ในบ้าน และทำการตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้น ออโตเมติก ขนาด .22 และเครื่องกระสุนปืน และเชิญนายอำพุธ มาสอบปากคำที่บช.สอท. ซึ่งทางพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เดินทางมาร่วมซักถามข้อเท็จจริง

โดยนายอำพุธ ให้การปฎิเสธว่า ไม่ได้มีการแอบอ้าง เพียงแต่อยากจะช่วยเหลือเพื่อนชาวต่างชาติที่มีปัญหาด้านคดีความที่ไม่มีความคืบหน้า ซึ่งเพื่อนต่างชาติรายนี้ระบุว่าอยากจะพบทางพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และจะมีค่าดำเนินการในการพาเข้าไปหา แต่ตนได้บอกว่าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ทางนายคุณเดช และเพื่อนอีกคนน่าจะรู้จักและสามารถประสานได้ ทั้งนี้ส่วนตัวอยากช่วยเหลือเพื่อน และไม่มีเจตนาอยากจะขอโอกาสในการกลับตัว

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากมีผู้แจ้งเบาะแสว่าทั้งสองรายและพวก มีพฤติกรรมแอบอ้างว่ามีความสนิมสนมกับตน ออกอุบายว่าสามารถที่จะช่วยเหลือวิ่งเต้นคดีได้โดยร่วมกัน ตัดต่อ รูปภาพของตน และสร้างเป็นโปรไฟล์ในแอพพลิเคชั่นไลน์นำมาแสดงต่อบุคคลอื่น โดยเน้นชาวต่างชาติอ้างว่ามีความสนิทสนมและทำงาน ใกล้ชิดกับตนเอง สามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นล้มคดีได้ ซึ่งในรายล่าสุดมีการนัดผู้เสียหายที่ร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง ย่านสาทร นอกจากนี้ยังพบว่ามีการนำภาพถ่ายร่วมกับข้าราชการระดับสูงในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ และนักการเมืองชื่อดัง รวมถึงภาพถ่ายขณะติดบัตรผ่านเข้าออกทำเนียบรัฐบาลไปแอบอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้พบเห็น ซึ่งในส่วนนี้ทำให้เกิดความเสียหาย และอาจทำให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนเข้าใจผิด จึงได้มอบหมายให้บช.สอท. รับคำร้องทุกข์ สอบสวน
ปากคำผู้เกี่ยวข้อง และได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมหลักฐาน พบว่ามีมูลความจริง จึงขออนุมัติศาลออกหมาย
ค้น เป้าหมายจำนวน 2 จุด ในจังหวัด ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อหาพยานหลักฐานมาใช้ในการยืนยันความผิด

ทั้งนึ้ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากพบว่ามีบุคคลใด กล่าวอ้างหรือแอบอ้างถึงตนเองว่าสามารถช่วยเหลืออาชญากร หรือวิ่งเต้นล้มคดี โดยมีการเรียกรับผลประโยชน์อื่นใด ขอให้เชื่อว่ากำลังถูกหลอกลวงอย่างแน่นอน และฝากเตือนไปยังบุคคลใดก็ตาม ที่แอบอ้างว่ามีความรู้จักสนิทสนมกับตนเอง และนำชื่อหรือภาพถ่ายใดๆตนเองไปแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เลิกพฤติกรรมไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีทุกรายโดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะก่อความเสียหาย และความเชื่อมั่นศรัทธาในองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ.

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายอำพุธ “มีอาวุธปีนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้มีและใช้ให้กับบุคคลอื่น ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวส่งสภ.หนองปรือ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ม.14
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าภายหลังการสอบปากคำแจ้งข้อกล่าวหานายอำพุธ เสร็จสิ้น ทางนายคุณเดช ได้ประสานเข้ารับทราบข้อหาตามหมายเรียก ซึ่งทาง พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาความผิดเดียวกัน อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าในส่วนของพลอยที่มีการระบุหน่วยงานต่างๆทางชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบหากพบว่ามีการแอบอ้าง หรือเข้าข่ายการกระทำความผิด ก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมหารือรองผู้ว่าฯสระบุรี กรณีพี่เลี้ยงสถานสงเคราะห์จับเด็กมัดมือมัดเท้าลงโทษเกินกว่าเหตุ

จากกรณีเมื่อวันที่ 29 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ได้มีผู้แทนสถานสงเคราะห์เด็กหญิงสระบุรี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท ภ.จว.สระบุรี กรณีผู้ดูแลเด็กของสถานสงเคราะห์เด็กหญิงสระบุรี ได้มีการลงโทษเด็กหญิงอายุระหว่าง 10-12 ปี จำนวน 9 คน ด้วยการจับมัดมือมัดเท้า ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น

วันนี้ (31 พ.ค.66) เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ร่วมกับ นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สระบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.สระบุรี กรมกิจการเด็กและเยาวชนิ ยุติธรรมจังหวัดสระบุรี พมจ.สระบุรี และ NGO ร่วมประชุมติดตามผลการดำเนินการในคดีดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นได้เข้าช่วยเหลือและส่งเด็กเข้ารับการดูแลที่บ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดลพบุรีแล้ว อยู่ระหว่างสอบปากคำโดยละเอียดร่วมกับทีมสหวิชาชีพ และ NGOs เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดไว้ให้ครบถ้วน อาทิ เชือกที่ใช้มัดมือมัดเท้าเด็ก เพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการพิสูจน์การกระทำผิดของผู้ต้องหา รวมทั้งให้สืบสวนขยายผลถึงบุคคลอื่นที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอื่นๆ และการทุจริจต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ครบถ้วน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในคดีนี้ ผู้ต้องหาเป็นพี่เลี้ยงเด็กในสถานสงเคราะห์ มีหน้าที่โดยตรงในการช่วยเหลือ ดูแล ให้คำแนะนำ และสร้างความปลอดภัยและสบายใจให้กับเด็กที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ดังกล่าว แต่กลับใช้วิธีการลงโทษที่ทารุณโหดร้าย เกินกว่าเหตุ หลังจากนี้ได้จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำเด็กหญิงผู้เสียหายให้ครบถ้วน เพื่อดำเนินคดีกับพี่เลี้ยงรายดังกล่าวโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังพบว่า ในส่วนของการบริหารงานของสถานสงเคราะห์นี้ อาจมีการทุจริตในประเด็นต่างๆ หลายประเด็น จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน รวมถึงเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำมาประกอบการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องต่อไปจนถึงที่สุด

ผบ.ตร. สานต่อจับมือ คณะนิติศาสตร์จุฬาฯ ปั้นโครงการห้องปฏิบัติการกฎหมาย (Special Law LAB)

ดึงนักกฎหมายเจอเนเรชันใหม่ เรียนรู้การทำงานของตำรวจตั้งแต่ต้นทาง ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิด ต่อยอดจากการสืบสวนสอบสวนยุค 5 G พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ อดีต ผบ.ตร. วานนี้ 29 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ประธานพิธีเปิดโครงการ Special Law LaB "Young Lawyers - Police Engagement (YLPE) Project (Law Chula and Royal Thai Police Season2) พร้อมทั้งบรรยายพิเศษ พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำ สนง ผบ.ตร./โฆษก ตร. ,พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ลก.ตร.และ นายตำรวจครูพี่เลี้ยงในโครงการ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เข้าร่วมโครงการ เข้าร่วมรับฟังการบรรยาย ณ ห้องประชุมสุรเกียรติ์ เสถียรไทย คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยโครงการดังกล่าวจัดขึ้นเป็นรุ่นที่ 2 ต่อยอดจากสมัย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดัต ผบ.ตร. ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เรียนรู้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงในพื้นที่ ตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการยุติธรรม (Law in Book and Law in Field) การตรวจค้น การจับกุม การสอบสวนปากคำ ฯลฯ ได้รับทราบ เรียนรู้ ทำความเข้าใจข้อกฎหมายนำไปสู่การปฏิบัติ โดยลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจสืบสวน สอบสวน ป้องกันปราบปราม จราจร พื้นที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ลุมพินี พญาไท พระโขนง และกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตลอดจนศึกษาดูงานศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรีฯ นิติเวชวิทยา พิสูจน์หลักฐาน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยุทธวิธีและการยิงปืน ขั้นพื้นฐาน การรับแจ้งเหตุและการควบคุม สั่งการด้านการจราจร เป็นต้น ผบ.ตร. กล่าวว่า โครงการ Special Law Lab ในปีการศึกษา 2566 นี้ มีนิสิตชั้นปีที่ 1 – 4 เข้าร่วมโครงการดังกล่าว รวมจำนวนทั้งสิ้น 24 คน โดยได้รับความสนใจจากนิสิตเป็นอย่างดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการฯ ดังกล่าวจะบรรลุวัตถุประสงค์ฯ และขยายต่อยอดการฝึกอบรมดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ หรือมหาวิทยาลัยที่สนใจต่อไปด้วย อันเป็นการแสวงหาความร่วมมือ ความเข้าใจให้กับนักกฎหมายรุ่นใหม่ต่อไป

Design a site like this with WordPress.com
Get started