สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ถูกหลอกสูญเงินไป 3.2 ล้าน

เนื่องจากในรอบสัปดาห์ มีข่าวแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลอกลวง นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ให้โอนเงิน สูญเงินไป 3.2 ล้านบาทเศษ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นห่วงพี่น้องประชาชน ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพดังกล่าว จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร
ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพร้อมด้วยคณะทำงาน แถลงข่าวเตือนภัย เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2566 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.กล่าวว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (14-20 พ.ค.2566) มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) และ 5) คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับคดีออนไลน์ที่มิจฉาชีพนำมาหลอกลวง นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย สูญเงินไป 3.2 ล้านบาทเศษ ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ จึงได้เชิญนายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย มาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

พ.ต.อ.ก้องกฤษฎา กิตติถิระพงษ์ รองผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. กล่าวถึงรายละเอียดภัยออนไลน์ในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ข่มขู่นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและฟอกเงิน โดยมิจฉาชีพคนที่ 1 แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย โทรศัพท์หานายวัฒนาฯ แจ้งว่าค้างชำระบัตรเครดิตธนาคารกรุงไทย หากไม่ได้ใช้บัตรเครดิต แสดงว่ามีบุคคลอื่นนำบัตรเครดิตไปใช้ และแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ และต่อสายโทรศัพท์ให้คุยกับมิจฉาชีพคนที่ 2 ซึ่งอ้างตนเป็น พ.ต.อ.เสฎฐวุฒิ รอดจันทร์ เนื่องจากเห็นว่าไม่สะดวกเดินทางไปแจ้งความ ระหว่างนั้น มิจฉาชีพคนที่ 3 ใช้บัญชีไลน์ ชื่อ “สภ.เมืองนครสวรรค์” ส่งบัตรประจำตัว พ.ต.อ.เสฎฐวุฒิ รอดจันทร์ มาให้ดูและแจ้งด้วยว่า นายวัฒนาฯ เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและฟอกเงินพร้อมส่งบัญชีธนาคารของนายวัฒนาฯ มาให้ตรวจสอบและแจ้งว่าได้ขายสมุดบัญชีธนาคารที่ไม่ได้ใช้แล้วให้บุคคลอื่นในราคา 50,000 บาท และมีเงินจำนวน 850,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการขายยาเสพติดโอนเข้ามาในสมุดบัญชี หากต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ต้องโอนเงินมาตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากตรวจสอบแล้วไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดใดๆ จะโอนเงินคืน นายวัฒนาฯ หลงเชื่อจึงโอนเงินจากบัญชีธนาคาร 5 บัญชี จำนวน 10 ครั้ง เข้าบัญชี น.ส.สุดารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) และ น.ส.ชนกานต์ (ขอสงวนนามสกุล) รวมเป็นเงิน 3,202,380.7 บาท ให้มิจฉาชีพไป จุดสังเกต

1.โทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินต่างๆ แล้วเริ่มบทสนทนาพูดคุยโน้มน้าวให้
หลงเชื่อ
2.อ้างสถานที่เกิดเหตุไกลจากบ้านหรือที่อยู่ผู้เสียหาย เพื่อให้ผู้เสียหายไม่อยากเดินทางไปสถานี
ตำรวจ และต้องการความสะดวกในการติดต่อทางโทรศัพท์ไลน์ หรือทางอื่น
3.แอบอ้างเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ส่งบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ หรือหนังสือ
ของทางราชการ ข่มขู่เพื่อให้เกิดความกลัว แล้วให้โอนเงินให้คนร้ายตรวจสอบ
4.มิจฉาชีพใช้บัญชีไลน์ส่วนบุคคล แต่ส่วนราชการหรือหน่วยงานรัฐใช้บัญชีทางการ (Line
Official)
5.บัญชีรับโอนเงินของมิจฉาชีพเป็นบัญชีส่วนบุคคล แต่บัญชีส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือ
เอกชน เป็นบัญชีหน่วยงานหรือองค์กร

วิธีป้องกัน
1)ให้ติดต่อ call center ของธนาคารเพื่อสอบถามข้อมูลโดยตรง เพราะธนาคารไม่มีนโยบายในการ
โทรศัพท์แจ้งให้ประชาชนโอนเงินไปตรวจสอบ หรือโหลดแอพพลิเคชั่น
2)กรณีอ้างหน่วยงานของรัฐที่เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ให้โทรศัพท์สอบถามข้อมูลจาก
หน่วยงานนั้นๆ โดยตรง
3)ให้นัดหมายไปพบเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งความ สอบสวนปากคำ ชี้แจง หรือยื่นพยานเอกสาร
พยานวัตถุ ณ สถานที่เกิดเหตุหรือสถานที่ราชการด้วยตนเอง
4)ถ้ามีการสนทนาทาง Video call ให้มีสติและสังเกตปากกับเสียงตรงกันหรือไม่ หรือ ภาพและ
ท่าทางมีความผิดปกติหรือไม่(คนร้ายสามารถใช้โปรแกรมปลอมใบหน้าขณะสนทนาได้)

พล.ต.ต.สุระพรรณ นาทวรทัต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่าได้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และข้อมูลทางการสืบสวนเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา จากกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหา บัญชีม้าแถวแรกได้แล้ว และออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม พร้อมทั้งอายัดเงินในบัญชีม้าแถวที่ 2 – 4 รวมทั้งหมดจำนวน 11 ราย โดยนัดหมายให้มารายงานตัว ในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.66 เวลา 10.00 น. และสอบปากคำ พ.ต.อ.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ จว.นครสวรรค์ ซึ่งถูกแก็งค์คอลเซนเตอร์นำไปกล่าวอ้างในการหลอกลวงต๋อง ศิษย์ฉ่อย โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ติดต่อโทรศัพท์พูดคุยกับผู้เสียหายแต่อย่างใด

พ.ต.อ.ก้องกฤษฎา กิตติถิระพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่านอกจากนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังใช้วิธีส่ง sms หลอกให้กดเพิ่มเพื่อนไลน์แล้วให้โหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ โดยมิจฉาชีพแอบอ้างการไฟฟ้า การประปา ธนาคาร หน่วยงานรัฐ หรือเอกชน ส่ง sms ให้ผู้เสียหายกดลิงค์เพิ่มเพื่อนไลน์ แล้วหลอกให้หลงเชื่อและกดลิงก์ดาวน์โหลดแอพพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ แล้วโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแอบอ้างการไฟฟ้านครหลวง ดังนี้
มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงหลอกโอนเงิน โดยส่ง sms แจ้งว่าเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจดเลขมิเตอร์เกิน ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ โดยเพิ่มเพื่อนในไลน์ กับมิจฉาชีพซึ่งใช้ชื่อสำนักงานการไฟฟ้า และอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงแล้วส่งลิงก์มาให้หลงเชื่อและกดลิงก์ เพื่อให้ผู้เสียหายดาวน์โหลดแอพพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ แล้วโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย
จุดสังเกต
การเปรียบเทียบของปลอม-ของจริง
ของปลอม
1) เวบไซต์ชื่อ http://www.xk-line.cc นามสกุลของโดเมนไม่ถูกต้อง
2) ไลน์เป็นบัญชีส่วนบุคคล สามารถโทรหากันได้
3) ใช้โลโก้ กฟน. เหมือนของจริง แต่ใช้ชื่อบัญชี “สำนักงานการไฟฟ้า”

ของจริง
1) เวบไซต์ชื่อ http://www.mea.or.th นามสกุลของโดเมนคือ .or.th
2) ไลน์เป็นบัญชีทางการ ไม่สามารถโทรหากันได้
3) ใช้ชื่อบัญชี “การไฟฟ้านครหลวง”

วิธีป้องกัน
1) ไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน SMS แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง
2)กรณีมีการส่ง SMS ที่ผิดปกติ ควรโทรศัพท์ตรวจสอบกับการไฟฟ้านครหลวง MEA call center
โทร. 1130 โดยตรง
3)หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple
Store เท่านั้น ไม่ควรดาวน์โหลดจากลิ้งค์หรือข้อความที่มีคนส่งให้

พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงว่าการระงับการทำธุรกรรมและอายัดบัญชีตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ห้วงวันที่ 17 มี.ค.66 – 5 พ.ค.66 มีรายละเอียด ดังนี้
Case ID ในความรับผิดชอบ 30,439 (Case ID)
พงส.แจ้งธนาคารทราบถึงการรับคำร้องทุกข์ 988 (Case ID)
พงส.แจ้งให้อายัดการทำธุรกรรม/อายัดบัญชี 762 (Case ID)
จำนวนบัญชีที่ขอระงับ/อายัด 16,597 (บัญชี)
จำนวนเงินที่ขออายัด 685,310,290 (บาท)
จำนวนเงินที่อายัดได้ 92,132,049 (บาท) (14%)

การดำเนินการตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 (บัญชีม้า) ห้วงวันที่ 17 มี.ค.66 – 17 เม.ย.66 มี ดังนี้
ออกหมายจับ จำนวน 264 คดี/268 หมาย
จับกุม จำนวน 170 คดี/137 คน
เจ้าของไปขอปิดบัญชี จำนวน 118 บัญชี
การดำเนินการตรวจค้น จับกุม การจำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือแบบลงทะเบียนพร้อมใช้ แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ (ซิมเถื่อน) ได้ทำการตรวจค้นสถานที่ที่ต้องสงสัยรวมการตรวจค้นทั่วประเทศทั้งหมด จำนวน 40 จุด พบการกระทำผิด จำนวน 4 จุด จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น จำนวน 6 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางซิมโทรศัพท์ทั้งหมด จำนวน 108,789 ซิม นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในฐานความผิด “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้”
กรณีเปิดหรือยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร หรือ e-wallet เป็นบัญชีม้า ให้รีบนำบัตรประชาชนไปปิดบัญชีกับธนาคารโดยเร็ว เนื่องจากเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ซึ่งมีอัตราโทษสูง คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทัน รูปแบบกลโกงของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์แอบอ้างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐต่างๆ ข่มขู่ให้เกิดความกลัว และให้ผู้เสียหายโอนเงินให้ตรวจสอบ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสถานการณ์ว่ามิจฉาชีพจะอ้างหน่วยงานใดและใช้วิธีใด หากมิจฉาชีพใช้วิธีนี้ขอให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันและวางสายโทรศัพท์ทันที(หากโทรกลับจะไม่มีผู้รับสาย) มิจฉาชีพก็จะหลอกต่อไปไม่ได้ หากมิจฉาชีพใช้รูปแบบกลโกงโดยการส่ง sms พร้อมแนบลิงก์มาด้วย ขอให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันและไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน sms แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple Store เท่านั้น
สำหรับพี่น้องประชาชนเมื่อถูกหลอกหรือมีเหตุสงสัยว่าตกเป็นเหยื่อคดีออนไลน์ เช่น กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน และแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์แล้วโอนเงินออกไป ให้ประชาชนรีบดำเนินการ ดังนี้
1) แจ้งธนาคารทันที ผ่านเบอร์ศูนย์รับแจ้งเหตุ hotline หรือที่สาขาเพื่อให้ระงับธุรกรรมชั่วคราว
ช่วยตัดตอนเส้นทางการเงิน
(2) แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรวดเร็ว ผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ http://www.thaipoliceonline.com และต้องไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนปากคำอีกครั้ง หรือเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ใดก็ได้เพราะธนาคารระงับธุรกรรมชั่วคราวได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมงโดยตำรวจจะแจ้งให้ธนาคารทราบเพื่อระงับธุรกรรมต่อไปอีก
เพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ และเพจ เตือนภัยออนไลน์ หรือโทรสายด่วน 1441

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า คดีพบศพเด็กมีร่องรอยล่วงละเมิดทางเพศ นราธิวาส

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 เวลา 9.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตันหยง ภ.จว.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุพบศพเด็กหญิงนก (นามสมมุติ) อายุ 3 ปีเศษ เสียชีวิตอยู่ในสระน้ำห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร ซึ่งบิดาของเด็กหญิงนกได้แจ้งความหายไว้เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ก่อนจะถูกพบศพดังกล่าว ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข้อมูลไปแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กหญิงรายดังกล่าว เพื่อให้ความจริงปรากฏ เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนเป็นอันมาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส , พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.สส.จชต. และ พ.ต.อ.มะตาฮา มูหนะ ผกก.สภ.ตันหยง เร่งสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กหญิงรายดังกล่าว และติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุโดยเร็ว เบื้องต้นจากการผ่าพิสูจน์ศพของผู้ตายพบว่า มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ประกอบกับข้อมูลจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า ศพของผู้ตายนั้นถูกถอดกางเกงและแพมเพิร์สออก ซึ่งบิดาของผู้ตายยืนยันว่า ผู้ตายยังไม่สามารถถอดแพมเพิร์สออกด้วยตนเองได้ จึงสันนิษฐานได้ว่า อาจถูกคนร้ายหลอกไปจากที่บ้าน จากนั้นได้มีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้น จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ลงมือฆ่าเด็กหญิงนก ก่อนทิ้งอำพรางศพที่บริเวณสระน้ำที่เกิดเหตุ

วันนี้ (22 พ.ค.66) เวลา 18.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้เข้าตรวจสอบบริเวณจุดที่พบศพผู้ตายร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่คันดินเนินสูง ซึ่งผู้ตายที่เป็นเด็กอายุเพียงสามปีไม่สามารถเดินขึ้นได้ด้วยตนเอง สันนิษฐานได้ว่าถูกคนร้ายพาเข้ามาเพื่อก่อเหตุ หลังจากนั้น รอง ผบ.ตร. ได้เข้าเยี่ยมครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมทั้งพูดคุยกับชาวบ้าน โดยได้มอบของและให้กำลังใจ รวมทั้งให้ความมั่นใจ ว่าจะติดตามผู้ต้องหาที่ก่อเหตุสลดดังกล่าวมาลงโทษตามกฏหมายโดยเร็วที่สุด จากนั้นจึงได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ที่ ภ.จว.นราธิวาส และได้สั่งการให้ ฝ่ายสืบสวนจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับ สภ.ตันหยง นำตัวผู้ต้องสงสัยในรัศมีใกล้เคียงที่เกิดเหตุทั้งหมด มาตรวจเก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอไว้ เพื่อใช้ในการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับพยานหลักฐานที่อาจพบได้จากศพผู้ตาย รวมทั้งลงพื้นที่หาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยที่อาจมีพฤติกรรมเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางเพศต่อเด็ก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ เป็นคดีที่เกิดขึ้นกับลูกหลานของพี่น้องประชาชนซึ่งอายุยังน้อยมาก หลังจากที่ทราบเหตุที่เกิดขึ้น ได้สั่งการให้สืบจังหวัดนราธิวาสและ สภ.ตันหยง เร่งนำบุคคลต้องสงสัยมาตรวจเก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอเพื่อตรวจเปรียบเทียบกับวัตถุพยานจากศพ เชื่อว่าจะสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้โดยเร็ว สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ที่กำลังหวาดกลัวคนร้ายซึ่งอาจแฝงตัว และหลบหนีอยู่ในขณะนี้กลับมาทำร้ายลูกหลานของตน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร. ปลื้มผลงานปราบการค้ามนุษย์เข้าตา อเมริกาเตรียมยกระดับไทยเป็น เทียร์2

คุณทำมันได้ยังไง?
สถิติการจับกุมคดีล่วงละเมิดทางเพศปี 2565 มากกว่าตั้งแต่ที่ก่อตั้งศูนย์ TICAC มารวมกัน 

22 พฤษภาคม 2566 ที่ห้องพรหมนอก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ พิทักษ์ เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ   พล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (TICAC) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมให้การต้อนรับ 

Mr.Kyle Livingston, Division Chief, Bureau of International Labor Affairs, Us Department of Labor
Ms.Laurel Hoffner International Relations Specialist, Bureau of International Labor Affairs, Us Department of Labor

นางสาวทิวารี วีระญาสพประสงค์
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง, สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา
ที่ได้เดินทางมาเพื่อศึกษาดูงาน ชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ตเนื่องจากในปี 2565 สถิติการจับกุมคดีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ตสูงขึ้น จนมากกว่าสถิติการจับกุมตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์ เมื่อปี 2558-2564 รวมกัน และมีการขยายผลเป็นคดีค้ามนุษย์ได้จำนวนหลายคดี ส่งผลให้ทางการของสหรัฐอเมริกา ได้พิจารณายกระดับประเทศไทยจาก “เทียร์ 2 ที่ต้องจับตามอง” (Tier 2 Watch List) เป็น Tier 2 ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา

จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้เชิญคณะเข้าชมผลงานที่ห้องประชุมศรียานนท์  โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างเช่น นายมานะ สิมมา ที่ปรึกษาด้านกฏหมาย กระทรวงมหาดไทย พล.ต.ต.อรุณ อมรวิริยะกุล รองเลขา ปปช. นายกมลสิทฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. นายรัชพล มณีเหล็ก ผอ.กลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ พม. พ.ต.ต.สิริวัชญ์ ชาญเตชะสิทธิกุล ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์ DSI และหน่วยงานภาคประชาสังคม NGOs เช่น คุณอภิญญา ทาจิตต์ มูลนิธิ Stella maris, นายสมพงศ์ สระแก้ว จากมูลนิธิ LPN คุณวีรวรรณ มอสบี้ จาก Hug Project เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า สาเหตุที่ชุดปฏิบัติการ 
TICAC มีสถิติการจับกุมที่สูงขึ้นนั้น เกิดจากการบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่บังคับใช้กฏหมาย  การอบรมให้ความรู้ไปที่ตัวผู้ปฏิบัติ มากกว่าผู้บริหาร  การปรับโครงสร้างชุดปฏิบัติการใหม่ ให้สอดคล้องกับโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ได้เร็ว และมีความเข้าใจสภาพสังคม ภูมิประเทศ ของแต่ละท้องถิ่นได้ดีกว่าเดิม
รวมไปถึงการพัฒนาทักษะความรู้ของชุดสืบสวนทางดิจิทัล ที่มีการตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องสงสัยได้แน่ใจว่า มีการครอบครองสื่อลามกจริง และสามารถค้นหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้

ไม่เพียงแต่การปราบปรามอย่างจริงจังแล้ว ในมิติด้านการป้องกันนั้น ยังได้ทำโครงการ DARE2CARE โดยให้ครูตำรวจแดร์นั้น นำเอาแนวทางการป้องกันตัวเองจากการล่วงละเมิดทางเพศไปเผยแพร่ สอนให้กับนักเรียนประถมทั่วประเทศ รวมทั้งการผลิตสื่อเป็นแอนิเมชันให้เหมาะกับเด็กประถม รวมทั้งคลิปวีดีโอเพื่อให้ความรู้กับผู้ปกครองอีกด้วย (สามารถชมคลิปทั้งหมดได้ที่ https://youtu.be/2Sb03ci5Yv4)

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ยังได้กล่าวในส่วนของมิติ การค้ามนุษย์ด้านการใช้แรงงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาด้านเรือประมงที่มีการตรวจสอบเรือประมงทุกลำอย่างจริงจัง ปัญหาด้านการหลอกลวงคนไทยไปทำงานเป็นแก๊งค์คอลเซนเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ที่ยังขาดความร่วมมืออย่างจริงจังในการแก้ปัญหา

โดยที่เจ้าหน้าที่แรงงาน ของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวชื่นชม การจัดเตรียมข้อมูลที่ละเอียดครบถ้วน โดยจะได้นำข้อมูลที่ได้รับวันนี้ ไปเขียนรายงานและนำเสนอผ่านกระทรวงการต่างประเทศของไทยอีกครั้ง และถือว่าเป็นการดีที่ได้มารับทราบข้อมูลเพื่อสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างไทยและอเมริกาในอนาคต




พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ รอง ผบช.สตม. ร่วมแถลง3คดีสำคัญ

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.ฯ ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานดังนี้

คดีที่1
  1. ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงระหว่างวันที่ 4-13 พ.ค.66 สตม. สามารถจับกุม คนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) ได้ทั้งสิ้น 1,272 ราย เพิ่มขึ้น 487 ราย คิดเป็น 62.03 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติการจับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) ในห้วงการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เมื่อเดือน ต.ค.-พ.ย.65 ที่ผ่านมาซึ่งมีการจับกุมได้ 785 ราย
  1. สตม. รวบหัวหน้าแก๊ง CALL CENTER จีน หลอกลงทุน CRYPTO ปลอม ความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท
    สืบเนื่องจากได้รับการประสานงานจากเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเมืองเซี่ยงไฮ กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสำคัญ 3 ราย
  2. MR.ZHOU หรือ นายโจว (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน
  3. MR.LI หรือ นายหลี่ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติจีน
  4. MR.HUANG หรือ นายหวง (นามสมมติ) อายุ 37 ปี สัญชาติจีน ซึ่งก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีในลักษณะฉ้อโกงประชาชน ฯ เป็นขบวนการแก๊ง call center ชักชวนหลอกลงทุนบนแพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่นปลอม มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท โดยตั้งฐานอยู่ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา แล้วหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย บก.สส.สตม.จึงทำการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายทั้งสาม ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า MR.ZHOU ได้หลบซ่อนอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 จึงได้ทำการขอหมายค้นต่อศาลอาญาเพื่อทำการเข้าทำการตรวจค้น เมื่อไปถึงห้องพัก พบ MR.ZHOU ที่เป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน และถูกเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว ได้ออกมาจากห้อง จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายค้นศาลอาญาเพื่อขอทำการตรวจค้น โดยก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว ซึ่ง MR.ZHOU สมัครใจพาตรวจค้นห้อง ผลการตรวจค้นพบ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์และบัตรเครดิต จำนวนหลายรายการ จึงได้นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
    จากนั้น สตม. ได้ประสานข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของสาธารณรัฐประชาชนจีน ขยายผลพบว่า นอกจาก MR.ZHOU จะเป็นหนึ่งในหัวหน้าของแก๊ง call center แล้วยังมีคนจีนอีก 2 คน เป็นระดับผู้บริหารของแก๊ง call center ดังกล่าว คือ MR.LI หรือนายหลี่ และ MR.HUANG หรือนายหวง โดยทั้งสองรายเป็นบุคคลที่มีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้หลบหนีเข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย
    ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนทราบว่า MR.LI พักอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ เมื่อเดินทางไปตรวจสอบพบ MR.LI จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งกับ MR.LI ว่าเป็นบุคคลที่มีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนและถูกเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุมตัว และจากการสืบสวนยังพบว่า MR.HUANG ได้พักอาศัยอยู่คอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านวัฒนา กรุงเทพมหานคร จึงได้ขอหมายค้นต่อศาลอาญาธนบุรี เมื่อไปถึงห้องพัก พบ MR.HUANG ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีนและถูกเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เพื่อขอทำการตรวจค้น โดยก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว โดย MR.HUANG สมัครใจพาตรวจค้นห้อง ผลการตรวจค้นพบ โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ จึงได้นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีที่2
คดีที่3

“บิ๊กโจ๊ก” นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ เชิญสมาชิกประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตามข้อบังคับของสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ข้อ ๒๗ กำหนดให้คณะกรรมการสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ปีละ ๑ ครั้ง ภายในเดือนพฤษภาคมของทุกปี

ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการประชุมใหญ่ จึงอาศัยข้อบังข้อ ๒๙ ขอเชิญสมาชิกทุกท่านร่วมประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี ๒๕๖๖ ในวันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ลงทะเบียนเวลา ๑๔.๓๐ น.
เริ่มประชุมเวลา ๐๙.๓๐ น. ณ อาคารชั้น ๒ สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ โดยมีระเบียบวาระการประชุมดังนี้
ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
ระเบียบวาระที่ ๒ เรื่องรับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี ๒๕๖๕
ระเบียบวาระที่ ๓ เรื่องแถลงผลงานและกิจกรรมของสมาคมฯ ปี ๒๕๖๕-๒๕๖๖
ระเบียบวาระที่ ๔ เรื่องแถลงงบดุลประจำปีและรับรองงบดุลประจำปี ๒๕๖๕
ระเบียบวาระที่ ๕ เรื่องแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและค่าตอบแทนประจำปี ๒๕๖๖
ระเบียบวาระที่ ๖ เรื่องการพิจารณาการปรับปรุงแก้ไขข้อบังคับของสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ
ระเบียบวาระที่ ๗ เรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)

จึงขอเรียนเชิญสมาชิกเข้าร่วมประชุมตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน และ รับประทานอาหารร่วมกันหลังจากประชุมเสร็จ

ฝ่ายกิจการตำรวจและศุลกากร ของกลุ่มประเทศนอร์ดิก ขอเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. หารือ” ภาพรวมของการค้ามนุษย์ในประเทศไทย” ทั้งในแง่ของการสืบสวน สอบสวน การดำเนินคดี และการคัดแยกผู้เสียหาย

อังคารที่ 16 พฤษภาคม 2566 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน , น.ส.เสฎฐา เธียรพิรากุล อัยการประจำ สำนักงานอัยการสูงสุด,
น.ส.มนชยา ปรีชา ผู้อำนวยการกลุ่มเลขานุการคณะกรรมการ กองต่อต้านการค้ามนุษย์ ผู้แทนปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายพงศ์ธร ศุภการผู้แทนผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน, นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดี กรมการกงสุล กับคณะ ,นายพืชภพ มงคลนาวิน รองอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กับคณะ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล รองประธานคณะทำงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อต่อต้าน IUU Fishing นางสาวณัฐกานต์ โนรี ผู้จัดการโครงการสปริง มูลนิธิการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม และคณะNGO’s ได้ร่วมให้การต้อนรับ Ms.Janna Davidson National Rapporteur และ คณะฝ่ายกิจการตำรวจและศุลกากรของกลุ่มประเทศนอร์ดิก และได้ร่วมกัน ได้มาร่วมหารือแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในประเทศไทย และแนวทางการสืบสวน สอบสวน การดำเนินคดี และการคัดแยกผู้เสียหาย พร้อมทั้งพูดคุยถึงแนวทางการร่วมมือกันในอนาคตระหว่างประเทศไทยและประเทศสวีเดนและกลุ่มประเทศนอร์ดิก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า ประเทศไทยมีความตั้งใจจริง ในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ โดยมุ่งเน้นการยึดเหยื่อเป็นศูนย์กลาง และยังทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาสังคมอย่าง NGOs หลายส่วน จนสามารถยกระดับการค้ามนุษย์ จาก Tier2 Watchlist เป็น Tier2
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศเด็กทางอินเทอร์เน็ต นั้นประเทศไทยได้มีการจับกุมที่สูงมาก
นอกจากนี้ การหลอกลวงคนไทยไปทำงานเป็นแก๊งค์คอลเซนเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน นั้นได้ปราบปรามอย่างต่อเนื่องจนไม่พบในประเทศไทยแล้ว แต่ก็พบปัญหาว่าขบวนการเหล่านี้ ได้ไปตั้งฐานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และยังขาดการให้ความร่วมมือในการปราบปรามอย่างจริงจัง
ทางด้าน Ms.Janna Davidson ผู้เสนอรายงานแห่งชาติ (สวีเดน) ได้กล่าวว่าทางประเทศสวีเดนก็ให้ความสำคัญปัญหาการค้ามนุษย์ เช่นเดียวกับประเทศไทย และขอขอบคุณทางการไทยที่ได้ให้ข้อมูลแลกเปลี่ยนเทคนิคการทำงาน
ขณะที่ Mr.Christian Froden นักพัฒนาด้านการปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์แห่งชาติ ได้กล่าวว่า ประเทศสวีเดน มีปัญหาด้านการที่แรงงานไทยไปเก็บผลไม้ป่า ซึ่งเป็นงานที่หนักมาก ซึ่งทางการของสวีเดนได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวว่า ได้เคยเดินทางไปเยี่ยมแรงงานกลุ่มนี้ที่ประเทศสวีเดน แรงงานส่วนใหญ่มีสัญญา ซึ่งทางกระทรวงแรงงานจะได้เข้ามาตรวจสอบสัญญาให้ดีขึ้น
โดยในการหารือครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้ต่างฝ่ายได้มีการสอบถาม หารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลในประเด็นอื่นๆ เกี่ยวกับการค้ามนุษย์กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งทั้งประเทศไทยและกลุ่มประเทศนอร์ดิค ต่างได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จากการหารือในครั้งนี้

ตำรวจ ปส.(NSB) ปฏิบัติการสกัดขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดไอซ์บิ๊กล็อต 1,600 กก. คาเรือประมงก่อนส่งออกนอกประเทศ และรวบนักบินเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือ ยึดยาบ้ารวม 4.6 ล้านเม็ด


เมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิตพุ่มวารี ผบก.ขส.,พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1,พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยให้หมดสิ้นโดยเร็ว ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถทลาย 3 เครือข่าย ผู้ต้องหา 15 คน พร้อมของกลางไอซ์ 1,600 กก. ยาบ้า 4.6 ล้านเม็ด และยึดทรัพย์ เรือประมง 1 ลำ สปีดโบต 2 ลำ รถยนต์ 9 คัน บ้าน 1 หลัง ที่ดิน 8 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท
คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 13 พ.ค.66 ตำรวจบก.ปส.3 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 9 คน ได้แก่ 1.นายกฤษณะ, 2.นายสะหมาด, 3.นายประโยชน์, 4.นายรุ่งศักดิ์, 5.นายอรชุน, 6.นายจุมพล,7.นายนพดล, 8.นายสุชาติ และ 9.นายอนุชา พร้อมของกลางไอซ์ 1,600 กก. โดยก่อนการจับกุม ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ จะมีการลำเลียง ยาเสพติดล็อตใหญ่ลงเรือ ส่งไปให้ขบวนการค้ายาเสพติดในต่างประเทศโดยจะนำไปลงเรือที่บริเวณท่าเทียบเรือไม่มีชื่อ ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราชจึงวางแผนจับกุม ต่อมาวันที่ 13 พ.ค.66 เวลาประมาณ 18.30 น.ตำรวจ ปส.3 ได้เข้าตรวจค้นเรือประมง Shipoxx พบไอซ์ 1,600 กก. ซึ่งกำลังเตรียมออกทะเล เพื่อนำยาเสพติดไปส่งยังต่างประเทศ จึงแจ้งข้อกล่าวหาจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ยึดยาเสพติดไว้เป็นของกลาง และยึดทรัพย์ไว้ตรวจสอบอีกหลายรายการ อาทิเช่น เรือประมง 1 ลำ เรือสปีดโบต 2 ลำ รถยนต์ 5 คัน บ้าน 1 หลัง ที่ดิน 8 แปลง นำส่ง พงส.บก.ปส.3 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการและผู้สั่งการต่อไป
คดีที่ 2 เมื่อ 13 พ.ค.66 ตำรวจ บก.สกส. จับกุมผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่ 1.นายสือ และ2.นายพินิจ ได้ที่บริเวณริมถนนสายเอเชีย อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยตำรวจ บก.สกส. ได้สืบสวนทราบว่าในวันที่ 13 พ.ค.66 ขบวนการ ค้ายาเสพติดจะลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่จากภาคเหนือไปส่งให้ลูกค้าในภาคกลาง จึงวางแผนจับกุม ต่อมาวันที่ 13 พ.ค.66 เวลาประมาณ 22.15 น. ได้มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีเทา หมายเลขทะเบียน ยฉ 76xx และรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รีโว่สีเทา หมายเลขทะเบียน ผค 89xx ขับขี่ผ่านไปถึง ถนนสายเอเชีย ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา มีลักษณะคล้ายกับรถลำเลียงยาเสพติดที่ได้รับรายงาน จึงสกัดจับกุมและทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 4 ล้านเม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบจำนวน 25 กระสอบ ซุกซ่อนในรถกระบะหมายเลขทะเบียน ยฉ 76xx มีนายสือ เป็นผู้ขับขี่ โดยมีนายพินิจ เป็นผู้ขับขี่รถกระบะหมายเลขทะเบียนผค 89xx ทำหน้าที่นำทาง จึงแจ้งข้อกล่าวหาจับกุม ยึดยาเสพติดและรถกระบะ 2 คัน เป็นของกลาง นำส่ง พงส.ดำเนินคดีและสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป
คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ตำรวจ บก.สกส. ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 4 คน ได้แก่ 1.นายชาลี,2.น.ส.สายใจ, 3.นายอนุชา และ 4.นายไกรทอง ได้บริเวณริมถนน สายบางปะหันปทุมธานี อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จากการสืบสวนทราบว่า ในระหว่างวันที่ 11-14 พ.ค.66 ขบวนการค้ายาเสพติดจะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก ไปส่งให้ลูกค้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงวางกำลังตามเส้นทางเพื่อสกัดจับกุม ต่อมาวันที่ 14 พ.ค.66 เวลาประมาณ 13.45 น. ได้มีรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน 3ฒช 71xx และ รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าหมายเลขทะเบียน กจ 70xx ขับขี่ไปถึงบริเวณถนนสายบางปะหัน–ปทุมธานี ต.ขวัญเมือง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา มีท่าทางพิรุธจะขับขี่หลบหนี จึงสกัดจับกุมและตรวจค้นรถ พบยาบ้าจำนวน 600,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบ 3 กระสอบ ซุกซ่อนในรถกระบะหมายเลขทะเบียน 3ฒช 71xx มีนายชาลี เป็นผู้ขับขี่ โดยมี น.ส.สายใจ นั่งข้างคนขับ และรถเก๋งหมายเลขทะเบียน กจ 70xx มีนายอนุชา เป็นผู้ขับขี่ และนายไกรทอง นั่งไปด้วย รับว่าทำหน้าที่รถนำทาง จึงแจ้งข้อกล่าวหาจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ยึดยาเสพติดและรถยนต์ 2 คันไว้เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คดี ถูกแจ้งข้อหา“ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”
ทั้งนี้ตำรวจ ปส.(NSB) จะสอบสวนเพื่อขย¬ายผลหาผู้สั่งการขบวนการค้ายาเสพติดต่อไป ขณะที่ยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดมาได้นั้นพนักงานสอบสวนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ยังหน่วยที่กำหนดไว้ อาทิ สำนักงาน ป.ป.ส.,กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นยาเสพติดของกลางจะถูกเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการทำลายต่อไป

สืบบางรัก รวบหนุ่มอ้างเป็นเจ้าของโรงแรม-ร้านชาบู หลอกสั่งเนื้อหมูสด 50-100 กิโล ก่อนเชิดหนี ประวัติแสบก่อคดีฉ้อโกงหลายท้องที่

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผกก.สน.บางรัก แถลงผลการปฏิบัติหน้าที่ของพ.ต.ท.เกียรติภูมิ ทินาโชติ รอง ผกก.สส.สน.บางรัก พ.ต.ต.อนันต์ จันทร์ศรี, พ.ต.ต.สมถวิล ไสลจักร์ สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ร่วมจับกุม นายชาญชัย ฉายวงศ์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 575 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพ ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ จ.122/2565
ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2565
ข้อหาฉ้อโกง จับได้บริเวณหน้าเกสเฮาส์ “HOUSE 23” ซอยสุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ คนร้ายจะตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อหาเหยื่อที่เป็นร้านค้าเนื้อหมูสด โดยจะเลือกร้านค้าส่ง แล้วจะโทรติดต่อเพื่อขอซื้อเนื้อหมูสด 50-100 กิโลกรัม โดยหลอกว่าเป็นเจ้าของโรงแรม เจ้าของร้านชาบู เจ้าของร้านหมูกระทะ หรือเจ้าของกิจการร้านอาหาร เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

โดยแจ้งว่าต้องการเนื้อหมูจำนวนมาก จากนัันจะนัดให้ร้านค้านำเนื้อหมูสดมาส่ง ตามสถานที่ต่างๆ ที่นัดหมาย เมื่อได้สินค้าแล้ว จะอ้างขอเอาไปตรวจสอบก่อน และแจ้งกับพนักงานส่งของจะโอนชำระค่าเนื้อหมูให้ในภายหลัง จากนั้นจะปิดการติดต่อสื่อสาร ทุกช่องทาง เพื่อไม่ให้ร้านค้าติดต่อทวงถามได้ ซึ่งทำเช่นมาหลายครั้ง มีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก

จากการตรวจสอบขยายผล พบผู้ต้องหายังมีหมายจับอีก 6 หมาย ได้แก่ หมายจับศาลแขวงธนบุรี
ที่ 107/2565 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2565 ข้อหาฉ้อโกง พื้นที่รับผิดชอบ สน.สำเหร่ หมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ จ.101/2565 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2565 ข้อหาฉ้อโกง พื้นที่รับผิดชอบ สน.ลุมพินี หมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ 112/2565 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2565 ข้อหาฉ้อโกง พื้นที่รับผิดชอบสน.ทุ่งมหาเมฆ หมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ 118/2565 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2565 ข้อหาฉ้อโกง พื้นที่รับผิดชอบ สน.ทุ่งมหาเมฆ หมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ.307/2565 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ข้อหาฉ้อโกง พื้นที่รับผิดชอบ สน.บางยี่ขัน และหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 268/2566 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2566 ข้อหาฉ้อโกง พื้นที่รับผิดชอบ สภ.ปากเกร็ด

พ.ต.อ.วัชรวีย์ ธรรมเสมา ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่าผู้เสียหายท่านใดที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพรายดังกล่าว หรือสงสัยว่าเป็นมิจฉาชีพรายเดียวกัน สามารถติดต่อฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก เพื่อตรวจสอบภาพคนร้าย และยืนยันว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันจะได้ประสานร้อยเวร ในท้องที่ๆ ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว เพื่อดำเนินการอายัดตัวบุคคลดังกล่าวต่อไป
//

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ รอง ผบ.ตร. ตรวจหน่วยเลือกตั้ง แนะประชาชนศึกษาข้อห้าม ไม่กระทำผิดกฎหมาย

  • เล่นหรือจัดให้มีการเล่นการพนันขันต่อใดๆ เกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง
  • ขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้ง ระหว่างเวลา 18.00 น. ก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวัน จนถึงเวลา 18.00 น.​ ของวันเลือกตั้ง
  • สวมใส่เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ที่มีโลโก้ สัญลักษณ์ หมายเลข ของพรรคการเมืองหรือผู้สมัคร
  • ระหว่างการออกเสียงลงคะแนน ห้ามใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใด ถ่ายภาพบัตรเลือกตั้ง เพื่อให้เห็นเครื่องหมายลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง
  • ห้ามกระทำการใดๆ ให้บัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหาย หรือให้บัตรเสีย หรือกระทำการด้วยประการใดๆ แก่บัตรเสียเพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้
  • นำบัตรเลือกตั้งที่ออกเสียงลงคะแนนแล้วแสดงต่อผู้อื่น เพื่อให้ทราบว่าตนได้ลงคะแนนเลือกหรือไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด
  • ห้ามนำบัตรเลือกตั้งออกจากที่เลือกตั้ง
    “ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันมากๆ เลือกคนดีมีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร เพื่อขับเคลื่อนบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ กล่าว
    .
    ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 หรือสถานีตำรวจทุกแห่ง ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสายด่วน กกต. 1444
    .
    .

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อยการเลือกตั้ง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งคาดว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิกันอย่างคึกคัก กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน ถึงข้อห้ามการกระทำที่เป็นความผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ข้าราชการตำรวจทุกหน่วย จัดกำลังดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง เฝ้าระวัง การกระทำผิดกฎหมาย และการสร้างสถานการณ์ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับ พี่น้องประชาชนที่ออกมาเลือกตั้งนั้น ในวันนี้ 14 พฤษภาคม 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตรวจสอบความเรียบร้อยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ.2566 ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้ง รวมถึงชุดสืบสวนหาข่าว ชุดป้องกันปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย และชุดเคลื่อนที่เร็วต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีจำนวนหน่วยเลือกตั้ง 6,328 หน่วย มีจำนวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4,469,280 คน ส่วนจังหวัดนนทบุรี มีจำนวนหน่วยเลือกตั้ง 1,300 หน่วย ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 1,053,797 คน ทั้งนี้พบว่าตั้งแต่เช้าเริ่มมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก ภาพรวมการจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างไรก็ดีจากการพยากรณ์สภาพอากาศวันนี้ของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าในหลายพื้นที่อาจมีฝนตก จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนที่จะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการขนหีบบัตรเลือกตั้งทั้งไปและกลับด้วย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่การเลือกตั้งในวันนี้ มีประชาชนออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก อย่างไรก็ตามตนมีความห่วงใยเกรงว่าพี่น้องประชาชนบางส่วน อาจกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ เพื่อมิให้มีการกระทำผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ ซึ่งมักจะมีผู้กระทำความผิดบ่อยครั้ง เช่น

จุดตรวจ หน่วยเลือกตั้งในพื้นที่อำเภอบางกรวย 5 จุด ของ พิทักษ์ 7 วันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.2566 เวลา 08.00 น.

-จุดที่ 1 ปะรำบริเวณวัดบางขนุน ต.บางขนุน หน่วยเลือกต้้ง 1-4 (4 หน่วยเลือกตั้ง , ตร. 3 นาย)

-จุดที่ 2 ปะรำบริเวณวัดยางป่า ต.บางขนุน หน่วยเลือกตั้ง 8-10 (3 หน่วยเลือกตั้ง , ตร. 2 นาย)

-จุดที่ 3 ปะรำบริเวณวัดท่าบางสีทอง ต.วัดชะลอ หน่วยเลือกตั้ง 32-34 และ 47-48 (5 หน่วยเลือกตั้ง , ตร. 3 นาย)

-จุดที่ 4 ปะรำบริเวณวัดสำโรง ต.บางกรวย หน่วยเลือกตั้ง 27-31 (5 หน่วยเลือกตั้ง , ตร. 4 นาย)

-จุดที่ 5 วัดสนามนอก ต.วัดชลอ หน่วยเลือกตั้ง 39-40 (2 หน่วยเลือกตั้ง , ตร. 2 นาย)

ระยะทางทั้งหมด 10.7 km. ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้น 27
หลังจากนั้นเดินทางเข้าตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้งใน กทม.

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลงพื้นที่ปัตตานีและประจวบคีรีขันธ์ พบปะพี่น้องชาวประมง รับฟังความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการออกใบอนุญาตประมงพื้นบ้าน

ด้วยคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/ประธานกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ได้มีแนวคิดที่จะจัดให้มีการขอใบอนุญาตในการทำประมงพื้นบ้าน เพื่อเป็นการเพิ่มการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของพี่น้องชาวประมงในจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล รวมทั้งเป็นการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. /กรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ให้มีการจัดการประชุมร่วมกับผู้แทนชาวประมงพื้นบ้าน ให้ทั่วถึงมากที่สุด เพื่อให้พี่น้องชาวประมงทั่วประเทศได้รับทราบถึงประโยชน์ของการมีใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน และสามารถปฏิบัติตามแนวทางที่กฎหมายกำหนดได้ รวมทั้งรับฟังความเห็นเพื่อพัฒนาแนวทางบังคับใช้ให้เกิดผลกระทบน้อยแต่มีประสิทธิภาพสูงสุด
วันนี้ (12 พ.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมกับ ดร.อดิศร พร้อมเทพ อดีตอธิบดีกรมประมง และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยผู้แทนจากองค์กรภาคประชาสังคม เดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ชุมชนประมง อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี และสมาคมประมงพื้นบ้าน อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมกันรับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน เกี่ยวกับการพัฒนาแนวทางการขอออกใบอนุญาตทำประมงพื้นบ้าน เพื่อให้เข้ากับวิถีชีวิตของชาวประมงมากที่สุด และสามารถช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในท้องถิ่นให้มีความอุดมสมบูรณ์
ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะทำงาน ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะกับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านไปแล้ว 3 ครั้ง คือ กรุงเทพมหานคร นครศรีธรรมราช และระยอง โดยพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ดังกล่าวต่างตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการกำหนดแนวทางการขออนุญาตทำประมงพื้นบ้าน ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้รับฟังแนวคิดรวมทั้งปัญหาของพี่น้องชาวประมง เพื่อนำมาเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ในการกำหนดเกณฑ์ในการออกใบอนุญาต รวมทั้งการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมงจากการรับฟังปัญหาของพี่น้องตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การออกใบอนุญาตทำประมงพื้นบ้านนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันระหว่างรัฐและชาวประมงพื้นบ้าน ในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำของแต่ละพื้นที่ แต่ละฤดูกาล รวมทั้งอุปกรณ์การจับสัตว์น้ำที่ไม่ทำลายธรรมชาติและสัตว์น้ำขนาดเล็ก เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติให้มีความยั่งยืน อีกทั้งยังเสมือนเป็นการลงทะเบียนให้กับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน เพื่อเปิดโอกาสให้ภาครัฐสามารถเข้าช่วยเหลือ สนับสนุนการทำประมงพื้นบ้าน ให้เป็นไปได้อย่างยั่งยืนและสืบทอดสู่รุ่นลูกหลานได้ต่อไป ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวจะอยู่บนพื้นฐานการดำเนินการตามที่ พ.ร.ก.ประมง กำหนด โดยหลังจากประชุมรับฟังความคิดเห็นแล้ว จะได้มีการนำผลการหารือเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติพิจารณาดำเนินการต่อไป
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามความตั้งใจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งได้มอบหมายให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นร่วมกับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจ รับฟ้งความคิดเห็น และร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อให้เป้าหมายของการออกใบอนุญาตด้งกล่าวมีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถบังคับใช้ได้จริง วันนี้ได้เดินทางพร้อมคณะลงพื้นที่ 2 จังหวัด คือปัตตานี และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งกระผมมีความตั้งใจอยากจะเข้ารับฟังปัญหาและความคิดเห็นของพี่น้องชาวประมงให้ได้มากที่สุด ในวันนี้ได้มีการพูดคุยและรับรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องในทั้งสองพื้นที่ รวมทั้งวิถีชีวิตในการออกเรือทำการประมงเพื่อยังชีพของตนเองและครอบครัว ดังนั้นเราจึงต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทางเราก็นำเสนอประโยชน์ของการออกใบอนุญาตดังกล่าว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านและประเทศชาติ

Design a site like this with WordPress.com
Get started