ผบ.ตร. เป็นประธานปิดการแข่งขัน Royal Thai Police SWAT Challenge 2023 มอบรางวัลทีม Commando ที่ผงาดคว้าแชมป์ ชื่นชมศักยภาพชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจไทย สั่งพัฒนาต่อเนื่องเพื่อก้าวสู่ระดับโลก สร้างความเชื่อมั่นประชาชน

วันนี้ (12 พ.ค 66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เดินทางไปเป็นประธานพิธีปิดการแข่งขัน Royal Thai Police SWAT Challenge 2023 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ณัฐ สิงห์อุดม ผบช.ตชด. , พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 , พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 และพล.ต.ต.วันชนะ ธรรมเสมา ผบก.สอ.บช.ตชด. พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

การแข่งขันในครั้งนี้อยู่ภายใต้โครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ประจำปี 2566 โดยการแข่งขันเริ่มตั้งแต่วันที่ 8-12 พ.ค.66 เพื่อค้นหาสุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษ เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขัน UAE SWAT Challenge ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วงสิ้นปีนี้ มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันจากกองบัญชาการตำรวจต่างๆทั่วประเทศเข้าร่วม 17 ทีม แบ่งเป็น 5 Stage คือ Stage 1 HOSTAGE RESCUE ภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน , Stage 2 ASSAULT EVENT ภารกิจจู่โจม , Stage 3 Officer Rescue ภารกิจปฏิบัติการกู้ภัย , Stage 4 TOWER ASSAULT ภารกิจโจมตีหอคอย และ Stage 5 OBSTACLE COURSE ภารกิจสิ่งกีดขวาง

ผบ.ตร.ได้มอบรางวัลให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษในการการแข่งขัน Royal Thai Police SWAT Challenge 2023 ผลคะแนนรวม overall ดังนี้

  • รางวัลชนะเลิศได้แก่ ทีม Commando (กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ)
  • รองชนะเลิศอันดับ 1 ทีมหนุมาน (กองบังคับการปราบปราม)
  • รองชนะเลิศอันดับ 2 ทีมแดนไทย 54 (ตำรวจภูธรภาค 9)

สำหรับ การแข่งขัน RTP SWAT Challenge 2023 นอกจากการใช้พละกำลังทางร่างกาย พลังใจ สมาธิ และการวางแผนที่ดีแล้ว ต้องคำนึงถึงยุทธวิถี และเทคนิคการใช้อาวุธที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความจําเป็นต่อการปฏิบัติ เพื่อเตรียมพร้อมและต่อยอดกับการปฏิบัติภารกิจจริง คณะจัดการแข่งขันได้นำวิธีการตรวจนับคะแนน และการตัดแต้ม ตลอดจนวิธีการตัดสินต่างๆมาจากแบบแผนสากลที่ใช้ในการแข่งขันระดับโลกที่ดูไบ

ผลงานจากปีที่ผ่านมาทีมหน่วยปฏิบัติพิเศษ (SWAT) จากประเทศไทย ติด Top5 ระดับโลก ในการแข่งขัน UAE SWAT Challenge 2023 ซึ่งในปีนี้คณะทำงานจัดการแข่งขันได้พยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการแข่งขัน เพื่อที่จะพัฒนาศักยภาพ จิตวิญญาณ ค่านิยม และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของหน่วยปฏิบัติการพิเศษทั้งประเทศ และค้นหาสุดยอดทีม หน่วยปฏิบัติพิเศษ (SWAT) เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่ง UAE SWAT Challenge ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วงสิ้นปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายในปีนี้ก้าวขึ้นสู่ top3 ระดับโลก

ผบ.ตร. กล่าวว่า “ เราได้พัฒนาหน่วยปฏิบัติการพิเศษมาต่อเนื่อง นำไปแข่งขันระดับโลกที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วงที่ผ่านมา จนได้รับรางวัล TOP5 ซึ่งดีที่สุดตั้งแต่เคยแข่งมา ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ส่วนหนึ่งเพื่อค้นหาทีมที่จะร่วมแข่งขันยุทธวิธีระดับโลก ซึ่งเชื่อว่าปีนี้จะทำได้ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ ครูฝึกผู้เข้าแข่งขันได้นำเอาประสบการณ์ มาต่อยอดฝึกต่อให้ชุดปฏิบัติการพิเศษของกองบัญชาการต่างๆทั่วประเทศ เพื่อใช้ปฏิบัติหน้าที่ ซักซ้อมตามสถานการณ์ต่างๆ ตามหลักยุทธวิธี ประกอบการใช้กำลัง ตลอดจนถ่ายทอดลงไปสู่ระดับสถานีตำรวจ ให้มีชุดปฏิบัติพิเศษระดับสถานีคอยระงับเหตุในเบื้องต้นได้ทันท่วงที ซึ่งจะมีการพัฒนาต่อเนื่องไป เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน อีกทั้งจะนำชุดปฏิบัติการพิเศษไปใช้คอยสนับสนุน ควบคุมสถานการณ์ช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ด้วย ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นอกจากนี้ ขอแสดงความยินดีกับหน่วยที่ได้รับรางวัล และให้กำลังใจทุกหน่วยที่ร่วมแข่งขัน แสดงให้เห็นถึงความพร้อม ศักยภาพ การพัฒนาความรู้ ทักษะการชำนาญในการปฏิบัติหน้าที่ จนสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ เตรียมการวางแผน ประสานการปฏิบัติภายใต้สถานการณ์วิกฤติ ซึ่งในสถานการณ์จริงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การร่วมซักซ้อม จะทำให้เข้าใจบทบาท ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัย จนนำความเชื่อมั่นมาสู่ประชาชนได้เป็นอย่างดี”

ตำรวจ ปส.(NSB) ทลาย 8 เครือข่ายยาเสพติด ยึดไอซ์มโหฬาร 1,300 กก. ยาบ้า 17 ล้านเม็ด คีตามีน 2 กก. มูลค่ามหาศาล

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่าย ยาเสพติดตามนโยบาย ตร. ในการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการเลือกตั้งปี 2566 ประกอบกับการเดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. อย่างเข้มข้นล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถทลาย 8 เครือข่าย ผู้ต้องหา 24 คน พร้อมของกลางไอซ์ 1,300 กก., ยาบ้า 17 ล้านเม็ด และ คีตามีน 2 กก.
คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 19 เม.ย.66 เวลาประมาณ 23.30 น.ตำรวจ บก.ปส.3 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่ นายเกรียงไกร และ นายอะสะพะ พร้อมด้วยของกลางยาบ้าประมาณ 8.7 ล้านเม็ด ได้ที่บริเวณหน้ารีสอร์ตในพื้นที่ ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดย ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์ของเครือข่ายยาเสพติด นายเกรียงไกร และนายอะสะพะ ซึ่งลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนติดทางด้าน อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งต่อให้ผู้ลำเลียงใน จ.เชียงใหม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 19 เม.ย.66 ขณะที่ตำรวจ ปส.3 กำลังเฝ้าติดตามเครือข่าย ยาเสพติดดังกล่าว พบรถกระบะเป้าหมายวิ่งไปถึง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จึงได้สกัดรถไว้ได้ที่บริเวณถนนหน้ารีสอร์ต แห่งหนึ่ง ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ มีนายเกรียงไกร เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอะสะพะ นั่งข้างคนขับ จากการตรวจค้นรถ พบยาบ้า จำนวน 6 กระสอบ จำนวน 1.5 ล้านเม็ด อยู่ภายในห้องโดยสารของรถยนต์ และพบยาบ้า จำนวน 26 กระสอบ หรือ 7.2 ล้านเม็ด อยู่ภายในกระบะท้าย รวมยาบ้า 8.7 ล้านเม็ด จึงยึดเป็นของกลางและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ดำเนินคดี และสืบสวนขยายผลถึงผู้สั่งการต่อไป
คดีที่ 2 เมื่อ 25 เม.ย.66 ตำรวจ บก.สกส., ขส. และ ปส.3 ได้ร่วมทำการจับกุม ผู้ต้องหา 4 คน ได้แก่ 1.นายชรินทร์, 2.น.ส.เกตพิกุล, 3.นายซามูดิน และ 4.นายอับดุลเล๊าะ พร้อมด้วยของกลางไอซ์ประมาณ 251 กก. ได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ต่อเนื่อง บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาบางปะอิน ก่อนการจับกุมสืบทราบว่าเครือข่ายนี้จะลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ มาส่งให้ลูกค้าใน จ.ปทุมธานี โดยจะใช้รถยนต์แบบตู้ทึบ ลักษณะขนส่งสินค้าเอกชนซุกซ่อนและลำเลียงยาเสพติด ตำรวจ ปส. จึงเฝ้าติดตามตลอดเส้นทางจากบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จนถึง จ.นครสวรรค์ และสามารถจับกุม 2 ผู้ต้องหาคือ นายชรินทร์,น.ส.เกตพิกุล ได้ที่บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี พบไอซ์ถูกซุกซ่อนในรถยนต์ 234 กก. สอบสวนนายชรินทร์ ระบุมีไอซ์ อีก 17 กก. ซุกซ่อนในห้องเช่าใน ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย หลังเช่าไว้สำหรับพักยาเสพติดเพื่อรอส่งมอบให้กับลูกค้า จึงตรวจยึดและจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน คือ นายซามูดิน และ นายอับดุลเล๊าะ ดำเนินคดี
คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 1 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.3 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่ นายกิตติ มิ่งลดาพร และ นายเสกสรร อ่ำส้ม พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวน 2 ล้านเม็ด ได้ที่ บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า นายกิตติ และ นายเสกสรร มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนด้าน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ส่งเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศอย่างต่อเนื่อง กระทั่ง 30 เม.ย.66 ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดอีกครั้ง กระทั่งกลางดึกวันเดียวกัน ผู้ต้องหาได้ขับรถออกมาจากบ้านห้วยปู โดยรถมีการบรรทุกสิ่งของในลักษณะที่มีน้ำหนักมากและขับรถจอดเป็นระยะๆ และเลี้ยวเข้าไปในปั๊มน้ำมัน ปตท.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ตำรวจ ปส.3 จึงเข้าตรวจค้นพบยาบ้าอยู่ภายในห้องโดยสารและท้ายรถ รวม 2 ล้านเม็ด จึงยึดเป็น ของกลางและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ดำเนินคดี

คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 6 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.2 ได้ทำการจับกุมนายสหรัถ พร้อมของกลางไอซ์ประมาณ 450 กก. ได้ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านธาตุ ต.ธาตุนาเวง อ.เมือง จ.สกลนคร โดยตำรวจ ปส.2 สืบสวนทราบว่านายสหรัถ จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.บึงกาฬ ไปส่งให้กับลูกค้าใน กทม. จึงวางกำลังตามเส้นทางเพื่อจับกุม กระทั่งเมื่อวันที่ 5 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.2 พบรถเป้าหมายขับมาในเส้นทาง อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร โดยมีรถนำสำรวจเส้นทาง ชุดจับกุมจึงนำกำลังสกัดกั้นได้บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านธาตุ อ.เมือง จ.สกลนคร พบนายสหรัถ เป็นผู้ขับขี่รถกระบะ จากการตรวจสอบภายในห้องโดยสาร พบไอซ์ 450 กก. บรรจุในกระสอบ 9 กระสอบ สอบถามผู้ต้องหา รับสารภาพว่า รับยาเสพติดจากชายแดนแม่น้ำโขง จ.บึงกาฬ โดยจะมีกลุ่มนักบินภาคใต้มารอรับอีกทอดหนึ่ง
คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.1 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่นายอดุลย์หรือบังเลาะห์ และ นายธนกฤติ ได้ที่บ้านพักย่านลำลูกกา บ้านพักย่านสรงประภา และตรวจยึดยาบ้า 1.6 ล้านเม็ด, คีตามีน 2 กก. ได้ที่ศูนย์กระจายสินค้าเอกชน ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดย ตำรวจ ปส.1 ได้สืบสวนและเฝ้าติดตามพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ซึ่งลักลอบส่งยาเสพติดทางไปรษณีย์ และได้ประสานความร่วมมือกับบริษัทขนส่งพัสดุภัณฑ์ เพื่อติดตามพัสดุที่ผู้ต้องหาส่ง จนกระทั่งทราบว่าพัสดุดังกล่าว กำลังขนส่งไปถึง จ.สมุทรสาคร จึงทำการตรวจสอบพัสดุดังกล่าวร่วมกับบริษัทขนส่งพัสดุ พบยาบ้า 1.6 ล้านเม็ด และ คีตามีน 2 กิโลกรัม บรรจุในกล่องพัสดุ 16 กล่อง จึงได้ยึดเป็นของกลางและติดตามไปจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาดำเนินคดี และตรวจยึดรถยนต์ 3 คัน, สร้อยคอทองคำ 8 บาท และแหวนเพชร 1 วง รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 3 ล้านบาท
คดีที่ 6 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส. ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 7 คน ได้แก่ 1.นายธงไชย, 2.นายวิทยา, 3.นายสมชาย, 4.นายธรรมนูญ, 5.นายภาคภูมิ, 6.น.ส.สุธาดา และ 7.นายบัญฑิตย์ พร้อมของกลางยาบ้า 4.4 ล้านเม็ด ได้ที่บริเวณริมถนนตาก-พิษณุโลก(หมายเลข 12) ต.ไกรนอก อ.กงไกรลาส จ.สุโขทัย โดยชุดจับกุมสืบสวนทราบว่าในห้วงวันที่ 6–8 พ.ค.66 จะมีเครือข่ายค้ายาเสพติดจากภาคเหนือนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยใช้รถยนต์ 3 คัน ในการลำเลียงยาเสพติดและนำทาง ตำรวจ ปส.ชุดจับกุม จึงวางกำลังตามเส้นทางบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย จนถึง จ.สุโขทัย กระทั่งจับกุม 7 ผู้ต้องหา ได้บริเวณริมถนนตาก–พิษณุโลก จ.สุโขทัย ตรวจสอบรถที่ใช้ก่อเหตุพบยาบ้าประมาณ 4.4 ล้านเม็ด และตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ขนยาเสพติด 3 คันดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 7 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.4 ร่วมกับ บก.ขส. ได้ร่วมทำการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 4 คน ได้แก่ 1.นายกฤษณ์, 2.น.ส.สิรารมย์, 3.นายธนิสร และ 4.น.ส.วรัญธิญา ได้ที่ด่านตรวจยาเสพติด (บ้านควนมีด) อ.จะนะ จ.สงขลา ต่อเนื่องบริเวณจุดสกัดป้อมตำรวจโคกกอก ต.ท่ามิหรำ อ.เมือง จว.พัทลุง พร้อมของกลางไอซ์ประมาณ 300 กก. จากการสืบสวนขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ไอซ์ 688 กก. เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พบว่าเครือข่ายดังกล่าวจะลักลอบขนยาเสพติดจากภาคกลางซุกซ่อนมากับรถ 2 คัน เพื่อส่งให้ลูกค้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์ ต่อมาวันที่ 9 พ.ค.66 พบรถ 2 คัน มุ่งหน้าลงใต้ในลักษณะเป็นรถนำ-รถตาม ตำรวจ ปส.4 จึงประสานด่านตรวจยาเสพติดบ้านควนมีด จ.สงขลา ให้เตรียมเรียกตรวจรถ แต่รถดังกล่าวได้จอดหลบข้างทางก่อนถึงด่านตรวจ 3 กม. ตำรวจ ปส.4 จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นรถ พบนายกฤษณ์ และ น.ส.สิรารมย์ให้การมีพิรุธ จึงเชิญทั้ง 2 คน เข้าด่านตรวจยาเสพติด พร้อมนำรถยนต์เข้าตรวจเอกซเรย์พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายยาเสพติด จึงทำการตรวจค้น พบไอซ์ 300 กก. ถูกซุกซ่อนมากับพืชผลทางการเกษตร จากนั้นได้ติดตามจับกุมรถสำรวจเส้นทาง มีนายธนิสร เป็นผู้ขับขี่และ น.ส.วรัญธิญา นั่งไปด้วย ขณะนี้ ตำรวจ ปส.4 อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

คดีที่ 8 เมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.3 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่ 1.นายบรรยงค์ และ 2.นายยิ่งคุณ พร้อมด้วยของกลางไอซ์ประมาณ 300 กก. ได้ที่ บริเวณถนนหมายเลข 1063 ต่อเนื่องบริเวณถนนหมายเลข 1209 หน้าบ้านเลขที่ 205 หมู่ 15 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย โดยตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดตามแนวชายแดนด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ทราบว่าจะมีการขนยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในด้วยรถกระบะ จึงเฝ้าสืบสวนติดตาม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 พบรถยนต์ต้องสงสัยขับตามกันมาจึงเข้าตรวจสอบรถทั้ง 2 คัน ได้ขับขี่หลบหนี แต่ตำรวจ ปส.3 สามารถสกัดจับกุมได้ ตรวจสอบรถคันที่นายบรรยงค์เป็นผู้ขับขี่พบไอซ์ 300 กก. อยู่ภายในรถ โดยมีนายยิ่งคุณ ขับขี่รถนำทางอีกคัน ซึ่งตำรวจ ปส.อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลถึงผู้สั่งการต่อไป
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 8 คดี ถูกแจ้งข้อหา“ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”
ทั้งนี้ตำรวจ ปส.(NSB) จะสอบสวนเพื่อขยายผลหาผู้สั่งการขบวนการค้ายาเสพติดต่อไป ขณะที่ยาเสพติดของกลาง ที่ตรวจยึดมาได้นั้นพนักงานสอบสวนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ยังหน่วยที่กำหนดไว้ อาทิ สำนักงาน ป.ป.ส.,กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นยาเสพติด ของกลางจะถูกเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการทำลายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ แถลงปิดคดีบังคับใช้แรงงาน ดำเนินคดีบริษัท วี เค การ์เมนท์

จากกรณีเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2565 สำนักข่าว เดอะ การ์เดียน ของประเทศอังกฤษ ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ แรงงานของโรงงานแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สอด ถูกบังคับใช้อย่างไม่ถูกต้อง เมื่อปี 2560 – 2563 มีแรงงานชาวเมียนมา ไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการทำงานตัดเย็บผ้า โดยตกอยู่ในสภาพบังคับให้ทำงานโดยตลอด นั้น

ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ สภ.แม่สอด และตำรวจภูธรภาค 6 ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่าโรงงานดังกล่าวคือ โรงงานผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของบริษัท วี เค การ์เม้นท์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 608 หมู่ที่ 7 ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จึงได้เดินทางมาตรวจสอบโรงงาน วี เค การ์เมนท์ ดังกล่าว และได้เรียกประชุมสั่งการให้มีการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลของโรงงานและให้มีการสัมภาษณ์คัดแยกเหยื่อ เพื่ออำนวยความยุติธรรมในกรณีดังกล่าวโดยในเบื่องต้นมีการคัดแยกเหยื่อจำนวน 2 ครั้ง
ครั้งที่ 1 วันที่ 28 – 29 ธ.ค.2565 ทีมสหวิชาชีพ ดำเนินการคัดแยกเหยื่อ จำนวน 120 คน
ครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ม.ค.2566 ทีมสหวิชาชีพ ดำเนินการคัดแยกเหยื่อ จำนวน 49 คน

โดยทั้ง 2 ครั้งยังไม่ปรากฏว่ามีความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หรือบังคับใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมาย ต่อจากนั้นองค์กรอิสระ ( NGO ) ขอให้มีการคัดแยกเหยื่อเพิ่ม ทีมสหวิชาชีพจึงได้คัดแยกเหยื่อ

ครั้งที่ 3 ในวันที่ 24 – 27 ม.ค.2566 ทำการสัมภาษณ์ ลูกจ้างโรงงานจำนวน 20 ราย ผลการคัดแยกพบการกระทำความผิดคือ
1.- ป.อาญา ความผิดอาญาฐาน ฉ้อโกง,บัตรอิเล็กทรอนิกส์
2.- พรก.บริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าว “ยึดเอกสารสำคัญฯ”
3.- พรบ.คุ้มครองแรงงาน “ให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้รับความยินยอม”
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบความผิดปกติในการจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้าง โดยอดีตผู้จัดการโรงงานและทีมงานได้นำบัตรเอทีเอ็มของลูกจ้าง ไปกดเงินสดและทำการหักเงินบางส่วน ก่อนที่จะจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้าง
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย คือ
1.นายธนกฤต รัตนชัยภูมิ
2.นายศรัณย์ สารบรรณ
3.นางสาววิภารัตน์ กงชัยภูมิ
ซึ่งต่อมาได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ครบทั้ง 3 ราย
นอกจากนี้ยังได้ออกหมายเรียกให้ นางศิริกุล ตติยวงศ์ไพบูลย์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท วี เค การ์เมนท์ คนที่ 1 มารับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดฐาน “เป็นนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาในวันทำงานโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราวๆ ไป” ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรง พ.ศ.2541

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับ นางสาวดวงฤทัย ตติยวงศ์ไพบูลย์ บุตรสาว กรรมการผู้จัดการคนที่ 2 มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “เป็นนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาในวันทำงานโดนไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราวๆ ไป” ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฯ กล่าวว่า คดีดังกล่าว เป็นคดีที่สื่อมวลชนไทย,สื่อมวลชนต่างประเทศ และประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลไทยก็ตระหนักและให้ความสำคัญในประเด็นนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในคดีดังกล่าวนี้ ได้มีการประชุม เร่งรัด และติดตามการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดในคดีได้ครบ ทุกราย ได้มีการกำชับ ชุดพนักงานสอบสวนให้มีความรัดกุมในการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งให้มีความละเอียดรอบคอบใช้หลักผู้เสียหายเป็นจุดศูนย์กลาง รวมถึงอำนวยความยุติธรรมในการดำเนินคดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ แถลงปิดคดีบังคับใช้แรงงานเมืองกาญจนบุรีดำเนินคดีนายจ้าง-ผู้สนับสุนน-คนนำพาต่างด้าว รวม 9 ราย

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและพัฒนา ได้ร่วมกันเข้าช่วยเหลือแรงงานชาวเมียนมาจำนวน 14 ราย หลังแจ้งขอความช่วยเหลือกรณีถูกหลอกมาทำงานตัดอ้อย และถูกนายจ้างยึดเอกสารหนังสือเดินทางและโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งถูกทำร้ายร่างกายและบังคับให้ทำงาน โดยมีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก เหตุเกิดที่ไร่อ้อยภายในพื้นที่หมู่ 5 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือแรงงานทั้งหมดได้พร้อมดำเนินคดีกับนายจ้าง ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีในความผิดฐานค้ามนุษย์ รวมทั้งสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการให้ครบถ้วน จากการสืบสวนพบว่า นายจิรายุทธ เฉลิมศุภเศรษฐ์ นายจ้าง ได้รับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานจากผู้รับจ้างขนแรงงานผิดกฎหมาย จากนั้นได้บังคับให้ทำงานในไร่อ้อย โดยยึดเอกสารประจำตัวทั้งหมด และมีการข่มขู่โดยใช้ทั้งอาวุธมีดและอาวุธปืน ทำให้แรงงานหวาดกลัวและยอมทำงาน โดยต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด และได้เงินสัปดาห์ละ 500 บาทต่อคน และต้องพักอาศัยด้วยกันอย่างแออัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหารวมจำนวน 9 คน แบ่งเป็นนายจ้าง 1 ราย ผู้สนับสนุน 2 ราย และคนนำพาต่างด้าวเขามาทำงานจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย 1. นายจิรายุทธ เฉลิมศุภเศรษฐ์ (นายจ้าง) ดำเนินคดีฐาน ค้ามนุษย์ และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ 2. นายเฉลิมชัย แบนดอนไพร (ผู้ใหญ่บ้าน) 3. ร.ต.อ.วชิร ชยธวัช (ลูกเขยของนายจิรายุทธฯ) ดำเนินคดีฐาน เป็นผู้สนับสนุนค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ 4. นายสรไกร ศรีนานา 5. นายนัฐวุฒิ วินกล่อม 6. นายมนัส ทองเถาว์ 7. นายเฉลิมชัย แบนดอนไพร 8. นายรณชัย เกิดสนอง 9. นายอะวิน ไม่มีนามสกุล (สัญชาติเมียนมา) ดำเนินคดีฐาน ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายนั้นพ้นจากการจับกุม เบื้องต้นในส่วนของการดำเนินคดีกับคนนำพาทั้ง 6 รายนั้น ได้แยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวนหนึ่ง และได้สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการแล้ว ส่วนการดำเนินคดีกับนายจ้างและผู้สนับสนุนนั้น อยู่ระหว่างสรุปสำนวนเตรียมส่งพนักงานอัยการ โดยแยกส่งสำนวนของเจ้าหน้าที่รัฐให้กับพนักงานอัยการพิเศษคดีปราบปรามการทุจริต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า คดีดังกล่าว หลังจากที่ได้เข้าช่วยเหลือเหยื่อจากการบังคับใช้แรงงานทั้งหมดแล้ว ในส่วนของการดำเนินคดีกับนายจ้างก็มีความคืบหน้าเรื่อยมา โดยได้ขยายผลดำเนินคดีกับผู้สนับสนุนเพิ่มเติมอีก 2 ราย ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้นายจ้างดังกล่าวบังคับใช้แรงงานได้ นอกจากนี้ยังได้ขยายผลไปถึงขบวนการนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายได้อีก 6 คน วันนี้จึงได้สรุปสำนวนเสนออัยการทั้งหมด หลังจากนี้จะได้ดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้กระทำผิดเพื่อตรวจยึดอายัดส่ง ปปง.ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เพื่อมิให้สามารถกลับมากระทำผิดได้อีก


พล.ต.ท.ณัฐ ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน Royal Thai Police SWAT Challenge 2023

วันจันทร์ที่ 8 พ.ค 2566 เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.ณัฐ สิงห์อุดม ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน Royal Thai Police SWAT Challenge 2023 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี การแข่งขันในครั้งนี้อยู่ภายใต้โครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ประจำปี 2566 โดยการแข่งขันจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8-12 พ.ค. เพื่อค้นหาสุดยอดทีมปฎิบัติการพิเศษ เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขัน UAE SWAT Challenge ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วงสิ้นปีนี้

การแข่งขัน RTP SWAT Challenge 2023 จัดขึ้นภายใต้ โครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เป็นการนํา ประสบการณ์จากการแข่งขันที่ประเทศดูไบ มาขยายผลเพื่อให้หน่วย ปฏิบัติการพิเศษในประเทศไทยได้มีโอกาสในการแข่งขัน เพื่อเตรียม ความพร้อมของบุคคล หน่วย และอุปกรณ์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ ทางการใช้อาวุธ และยุทธวิธี ที่จะ โดยทีมต่างๆ จะต้องพบกับความท้าทายทั้ง 5 สถานี ทดสอบความชํานาญในด้านต่างๆ ที่จะต้องใช้ทั้งพลังกาย พลังใจ สมาธิ และการวางแผนที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความจําเป็นต่อการปฏิบัติงานของ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ด้วยความมุ่งมั่นในการจัดโครงการนี้ หน่วยนเรศวร 261 ได้ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการเห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็ม ความสามารถเพื่อที่จะพัฒนาศักยภาพ จิตวิญญาณ ค่านิยม และความ เป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกันของหน่วยปฏิบัติการพิเศษทั้งประเทศ

การแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 5 Stage โดยผลงานจากปีที่ผ่านมาทีมหน่วยปฏิบัติพิเศษ (SWAT) จากประเทศไทยติด Top5 ระดับโลก ในการแข่งขัน UAE SWAT Challenge 2023 ในปีนี้ด้วยความมุ่งมั่นในการจัดโครงการนี้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษนเรศวร 261 ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการเห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็มความสามารถเพื่อที่จะพัฒนาศักยภาพ จิตวิญญาณ ค่านิยม และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของหน่วยปฎิบัติการพิเศษทั้งประเทศ คาดหวังอย่างยิ่งว่าผลงานจากทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เป็นตัวแทนประเทศไทยในปีนี้ติด top3 ระดับโลกแน่นอน!

สำหรับ ผลการแข่งขันใน Stage 1 (HOSTAGE RESCUE)

รางวัลชนะเลิศได้แก่ ทีม Commando (กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ)

รองชนะเลิศอันดับ 1 ทีมแดนไทย 54 (กองบังคับการตำรวจภูธรภาค9)

รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ทีมราชเดช B (กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 8)

สามารถติดตามถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ police tv

คลิปการแข่งขันวันแรก https://fb.watch/koyGw9GSxN/

พล.ต.อ.สมพงษ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ร่วมกับ สมาคมธนาคารไทย เสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ สมาคมธนาคารไทย เตือนภัยออนไลน์
เนื่องจากในรอบสัปดาห์ มีข่าวการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหลอกลวงประชาชน และมีคดีออนไลน์ ที่เกิดขึ้นมาก ได้แก่ การแอบอ้างเป็นศูนย์กระจายสินค้า หลอกให้โอนเงินเพื่อสต๊อกสินค้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วยคณะทำงาน เป็นห่วงพี่น้องประชาชน ที่อาจจะตกเป็นเหยื่ออีก จึงได้ร่วมกับ สมาคมธนาคารไทย โดย นายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักงานระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย(TBA) แถลงข่าวเตือนภัย เมื่อวันที่ 8 พ.ค.๒๕๖๖ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.กล่าวว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 เม.ย.-6 พ.ค.2566) มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4) คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และ 5) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center)

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผบก.ตอท. กล่าวว่า ภัยออนไลน์ที่น่าสนใจและเกิดขึ้นมากในรอบสัปดาห์ เรื่องแรก เป็นเรื่องมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารส่ง SMS และโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหาย มีรายละเอียด ดังนี้

  1. คดีนี้รูปแบบแรก มิจฉาชีพส่งข้อความว่า มีผู้เข้าสู่ระบบธนาคารของผู้เสียหายจากอุปกรณ์อื่น
    หากไม่ได้ดำเนินการด้วยตนเอง ให้ผู้เสียหายติดต่อธนาคารทันที โดยเพิ่มเพื่อนใน line กับมิจฉาชีพซึ่งใช้ชื่อธนาคาร และอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแล้วส่งลิงก์มาให้หลงเชื่อและกดลิงก์ เพื่อให้ผู้เสียหายดาวน์โหลดแอพพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ แล้วโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย
    จุดสังเกต
    1) มิจฉาชีพส่งข้อความพร้อมแนบลิงก์คล้ายข้อความจริงจากธนาคาร และใช้ชื่อไลน์คล้ายกับ
    เจ้าหน้าที่ธนาคาร

2) ธนาคารจะใช้หมายเลขโทรศัพท์ของธนาคาร(ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 02)ส่งข้อความ จะไม่ใช้หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวหรือเบอร์มือถือ หรืออีเมลส่งข้อความ และจะไม่มีการแนบลิงก์ให้กดแต่อย่างใด
วิธีป้องกัน
1) ไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน SMS แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้
ติดตั้ง
2) กรณีมีการส่ง SMS ที่ผิดปกติ ควรโทรศัพท์ตรวจสอบกับ call center ของธนาคารโดยตรง
3) กรณีมีการส่ง Link แปลกปลอม ให้ตรวจสอบจากเวบไซต์ http://www.who.is
4) หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ
Apple Store เท่านั้น
ธนาคารไม่มีนโยบายการส่งข้อความ SMS แบบแนบลิงก์ทุกชนิด หรือมีข้อความให้แอดไลน์ไอดี หากได้รับ SMS ดังกล่าว อย่าหลงเชื่อ !!

  1. รูปแบบที่ 2 มิจฉาชีพโทรศัพท์หาผู้เสียหายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แล้วแจ้งว่าบัญชีของ
    ผู้เสียหายมีความผิดปกติ หรือติดค้างชำระยอดบัตรเครดิต เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อมิจฉาชีพจะอ้างต่อว่า มีการนำสำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียหายไปใช้ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด แล้วให้โอนเงินไปให้มิจฉาชีพตรวจสอบ
    จุดสังเกต มิจฉาชีพจะโทรศัพท์มาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินต่างๆ แล้วเริ่มบทสนทนาพูดคุยโน้มน้าวให้หลงเชื่อ แล้วส่งต่อให้คุยกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ เพื่อให้เกิดความกลัว แล้วให้โอนเงินให้คนร้ายตรวจสอบ
    วิธีป้องกัน
    1) ให้ติดต่อ call center ของธนาคารเพื่อสอบถามข้อมูลโดยตรง เพราะธนาคารไม่มีนโยบายในการ
    โทรศัพท์แจ้งให้ประชาชนโหลดแอพพลิเคชั่น หรือโอนเงินไปตรวจสอบ
    2) กรณีอ้างหน่วยงานของรัฐที่เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ให้โทรศัพท์สอบถามข้อมูลจาก
    หน่วยงานนั้นๆ โดยตรง
    3) ถ้ามีการสนทนาทาง Video call ให้มีสติและสังเกตปากกับเสียงตรงกันหรือไม่ หรือ ภาพและท่าทางมีความผิดปกติหรือไม่

นายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักงานระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย(TBA) ผู้แทน สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารดังกล่าวข้างต้น ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อโอนเงินไปตรวจสอบ หรือกดลิงก์ทุกประเภท เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1) มาตรการป้องกัน ให้งดการส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล และงดส่งลิงก์ขอข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และเลขบัตรประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน Mobile Banking (username) ของแต่ละสถาบันการเงินให้ใช้ได้ใน 1 อุปกรณ์เท่านั้น มีการแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ Mobile Banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง ใช้เทคโนโลยีเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพของลูกค้า (biometrics) เช่น สแกนใบหน้า ในกรณีลูกค้าขอเปิดบัญชีโดยผ่านแอปพลิเคชันของสถาบันการเงิน (non-face-to-face) หรือทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking ในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น โอนเงินมากกว่า 50,000 บาท/ครั้ง หรือมากกว่า 200,000 บาทต่อวัน หรือปรับเพิ่มวงเงินทำธุรกรรมสูงขึ้นจากวงเงินเดิม นอกจากนี้ จะมีการพิจารณากำหนดเพดานวงเงินถอน/โอนสูงสุดต่อวันให้เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของกลุ่มผู้ให้บริการแต่ละประเภท โดยลูกค้าสามารถขอปรับได้ตามความจำเป็น แต่ต้องยืนยันตัวตนอย่างเข้มงวด 2) มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย ได้กำหนดเงื่อนการตรวจจับและติดตามธุรกรรมเข้าข่ายผิดปกติ หรือกระทำผิด เพื่อรายงานไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีระบบตรวจจับและติดตามบัญชีหรือธุรกรรมต้องสงสัย เพื่อให้สามารถระงับธุรกรรมได้ทันทีเป็นการชั่วคราวเมื่อตรวจพบ และ 3) มาตรการตอบสนองและรับมือ มีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (Hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางให้บริการปกติ
ในส่วนดำเนินการตาม พ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 นั้น ทางสมาคมธนาคารไทยขอประชาสัมพันธ์ว่า กรณีเมื่อทราบว่าถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินจากบัญชี ให้โทรศัพท์เข้าสายด่วนของธนาคาร ที่ผู้เสียหายมีบัญชีที่ถูกหลอกให้โอนเงินออกอยู่ ทางธนาคารจะระงับธุรกรรมไว้ชั่วคราว แล้วนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ธนาคารอื่นและผู้ประกอบธุรกิจผู้รับโอนทุกทอดทราบและระงับการทำธุรกรรมไว้ทันที จากนั้นให้ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายใน 72 ชั่วโมง(ออนไลน์ที่ http://www.thaipoliceonline.com) และไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ(เน้นย้ำ!!! ว่าต้องไปพบพนักงานสอบสวน)และจะมีคำสั่งเป็นหนังสือให้ระงับการทำธุรกรรมภายใน 7 วัน นับแต่วันที่มีการแจ้งความร้องทุกข์ข้างต้น และขอย้ำว่ากรณีสงสัยว่าจะถูกมิจฉาชีพหลอกให้โทรสายด่วนของแต่ละธนาคารได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. กล่าวว่า ช่วงนี้มีคดีที่มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นศูนย์กระจายสินค้า หลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินสต๊อกสินค้า โดยโฆษณารับสมัครงานใน Facebook ว่าสามารถทำงานที่บ้านได้ โดยไม่เสียค่าสมัคร ไม่ต้องอบรม ผู้เสียหายหลงเชื่อทักสอบถาม มิจฉาชีพคนที่ 1 จึงให้แอดไลน์ มิจฉาชีพคนที่ 2 เพื่อแจ้งรายละเอียดการทำงาน โดยให้ผู้เสียหายเข้าระบบการทำงานสต๊อกสินค้าที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมาแล้วให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ และมีขั้นตอนให้เข้าแอปพลิเคชัน Shopee และ Lazada ของจริง จากนั้นให้กดไลค์ กดแชร์สินค้าที่กำหนด แล้วบันทึกหน้าจอส่งให้ดูพร้อมโอนเงินตามมูลค่าสินค้านั้นๆ เข้าบัญชีมิจฉาชีพ ในระบบจะขึ้นว่าผู้เสียหายได้เครดิตและได้เงินค่าคอมมิชชัน 10% ของราคาสินค้าที่ทำงานสต๊อก เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายรู้สึกว่าได้คอมมิชชันจากการทำงานจริง จากนั้นมิจฉาชีพให้ผู้เสียหายทำภารกิจต่อไปโดยค่าสินค้าและค่าคอมมิชชันมากขึ้น เมื่อสินค้ามีมูลค่าหลักหมื่น หรือหลักแสน มิจฉาชีพอ้างว่าผู้เสียหายทำผิดพลาดไม่สามารถถอนเงินได้
จุดสังเกต
1) มิจฉาชีพแอบอ้างใช้ชื่อบริษัท ห้างร้านเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น Shopee Wastons Lazada เป็นต้น
2) มิจฉาชีพจะโอนค่าคอมมิชชันในช่วงแรกให้ผู้เสียหายจริงเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ
วิธีป้องกัน
1) กรณีมีการโฆษณารับสมัครงานจากบริษัท ห้างร้านที่มีชื่อเสียง ควรโทรศัพท์สอบถามรายละเอียดโดยตรง
2) หากมีการกำหนดให้ชำระเงินก่อนแล้วจะได้รับผลตอบแทน ให้พึงระลึกไว้เสมอว่าการชักชวนทำงานดังกล่าวเป็นการหลอกลวง
3) ควรศึกษารายะเอียดให้ถี่ถ้วนก่อนการสมัครงานหรือทำภารกิจใดๆ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่เปิดหรือยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร หรือ e-wallet เป็นบัญชีม้า ให้รีบนำบัตรประชาชนไปปิดบัญชีกับธนาคารโดยเร็ว เนื่องจากเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ซึ่งมีอัตราโทษสูง คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับประชาชนที่ทราบว่าถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินจากบัญชี ให้โทรศัพท์สายด่วนของธนาคารเพื่อให้ธนาคารระงับธุรกรรมไว้ชั่วคราว ภายใน 72 ชั่วโมงตามที่ทางสมาคมธนาคารไทยแจ้งให้ทราบ แล้วมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนปากคำโดยด่วน จากนั้นทางพนักงานสอบสวนจะแจ้งให้ธนาคารระงับธุรกรรมต่อไป และเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เวบไซต์ และเพจ เตือนภัยออนไลน์ หรือโทรสายด่วน 1441

ด้วยความปรารถนาดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT)

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพ พัฒนาความรู้ด้านกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์

วันนี้ (8 พ.ค.66) เวลา 09.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมงานสหวิชาชีพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว และการป้องกันการละเมิดสิทธิตามกฎหมายแรงงาน อันจะนำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 รุ่นที่ 5 ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับการอบรมประกอบด้วยพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่แรงงาน และเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ จำนวน 100 คน เข้าร่วมการสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพความรู้ในครั้งนี้

การอบรมสัมมนาเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายแรงงานเกี่ยวเนื่องกับการค้ามนุษย์ในครั้งนี้ นับเป็นรุ่นที่ 5 จากการจัดการอบรมสัมมนามาแล้วทั่วประเทศ ซึ่งปีนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงแรงงาน ให้จัดการอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว ซึ่งมักตกเป็นเหยื่อของการบังคับใช้แรงงานและการละเมิดสิทธิต่างๆ ในการทำงาน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ปฏิบัติงานซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานสามารถบูรณาการร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู้การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ระดับประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับแนวทางการแก้ไขในระดับสากล

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายแรงงานที่เกี่ยวเนื่องกับการค้ามนุษย์นี้ สืบเนื่องมาจากการที่ประเทศไทยในปัจจุบัน พบปัญหาเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานซึ่งนำไปสู่การค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่แรงงาน และเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ต้องมีความเข้าใจในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือคุ้มครองแรงงานต่างด้าว มิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือละเมิดสิทธิที่มิควรเป็น จึงได้จัดการอบรมสัมมนาเจ้าหน้าที่ร่วมกันในครั้งนี้ ซึ่งในปีงบประมาณนี้จัดอบรมไปแล้ว 5 รุ่น ทั่วประเทศ และในอนาคตจะมีการจัดการอบรมเช่นนี้อีก เพื่อให้ครอบคลุมกับเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ทั่วประเทศ ให้มีสามารถบูรณาการร่วมกันในการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นผลดีต่อภาพรวมในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยในระดับสากล

ตำรวจ รปภ.เข้มส่งบัตรเลือกตั้งกาแล้ว เข้าศูนย์ไปรษณีย์ หลักสี่“ศลต.ตร.เผย” เลือกตั้งล่วงหน้า พบถ่ายรูปบัตรเลือกตั้ง – ขายเหล้า 12 คดี

ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
Election Security and Public Order Management Centre

บิ๊กเด่น ผบ.ตร.
บิ๊กรอย รอง ผบ.ตร.

วันนี้ ( 8 พฤษภาคม 2566 ) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) มอบหมาย ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศลต.ตร. ร่วมในภารกิจการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ.2566 ในด้านการรักษาความปลอดภัย การรักษาความสงบเรียบร้อย และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

บิ๊กปิ่น ผบช. ประจำสำนักงาน ผบ.ตร..

พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการ ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่ โฆษก ศลต.ตร.เปิดเผยว่าภายหลังปิดหีบเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ศลต.ตร.ได้ส่งกำลังตำรวจทางหลวง ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจนครบาล และตำรวจภูธร คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต. ) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมภารกิจขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้ว จากศูนย์ไปรษณีย์ 15 แห่งทั่วประเทศ กลับมายังศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่ กทม. เพื่อคัดแยกส่งยังหน่วยเลือกตั้งต่อไป โดยขบวนรถขนบัตรเลือกตั้ง เดินทางออกจากศูนย์ไปรษณีย์จังหวัดต่าง ๆ ตั้งแต่เวลา 21.00 น. และถึงจุดหมายที่ศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่เป็นที่เรียบร้อยทั้ง 15 ขบวน ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยรถทุกคันตำรวจรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีตำรวจตระเวนชายแดนพร้อมอาวุธนั่งประจำรถ มีรถตำรวจทางหลวงนำขบวน และปิดท้ายขบวน โดยมีตำรวจท้องที่คอยดูแลความปลอดภัยระหว่างพักรถ

สำหรับสถานการณ์โดยรวมในวันเลือกตั้งล่วงหน้า และการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น โฆษก ศลต.ตร.กล่าวว่า ภาพรวมทั่วประเทศสถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ศลต.ตร.ได้รับรายงานการกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 12 คดี เป็นคดีจำหน่ายสุรา ในเวลาห้าม 8 คดี ในท้องที่ สน.ลุมพินี 2 คดี สน.คลองตัน 1 คดี สภ.โซ่พิสัย จว.บึงกาฬ 1 คดี สภ.ป่าตอง จว.ภูเก็ต 1 คดี ,สภ.วิชิต จว. ภูเก็ต 1 คดี, สภ.บ่อผุด จว.สุราษฎร์ธานี 1 คดี และ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช 1 คดี

ขณะที่มีรายงานการกระทำผิดในคูหาเลือกตั้งโดยถ่ายรูปบัตรเลือกตั้ง 4 คดี ในพื้นที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี 3 คดี สภ.บ้านนาสาร จว.สุราษฎร์ธานี 1 คดี

สำหรับประเด็นอื่น ๆ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย นั้น โฆษก ศลต.ตร. กล่าวว่า ศลต.ตร.ได้ประสานกับคณะกรรมการการเลือกตั้งในการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตามหากประชาชนมีเบาะแส ข้อมูล สามารถส่งมาได้ที่เฟซบุ๊กศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. หรือสามารถแจ้งตำรวจได้ที่สถานีตำรวจนครบาล สถานีตำรวจภูธร ทุกแห่ง หรือ โทร.191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ แจ้งสายด่วน กกต. 1444

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศลต.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยสำรวจปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง ในการปฏิบัติในวันเลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อเตรียมการนำเอามากำหนดเป็นแผนการปฏิบัติ(เพิ่มเติม) ในวันเลือกตั้งจริง 14 พฤษภาคม 2566 เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก ทั้งนี้เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน ที่จะมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้

พล.ต.ท.ธนายุตม์ผบช.ภ.7 พร้อมด้วยพ.ต.อ.สธนทัตรอง ผบก.ภ.จว.นครปฐมพ.ต.อ.ภูภณผกก.สภ.เมืองนครปฐม ตรวจดูความเรียบร้อยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้า

วันนี้(วันอาทิตย์ ที่ 7 พ.ค.66) เวลา 13.00 น.

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์
ผบช.ภ.7

พร้อมด้วย
พ.ต.อ.สธนทัต ตั้งสิทธิเสรีวงศ์
รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ
ผกก.สภ.เมืองนครปฐม
พ.ต.ท.อชิรวัตต์ ถาวรเจริญวัฒน์
รอง ผกก.จร.สภ.เมืองนครปฐม

โดยมี
นางสุภา บุทธยักษ์
ผอ.กต.เขตฯ
นายธีระสิทธิ์ ธนศิลป์
กกต.เขตฯ
นายรณชัย แสงศรี
กกต.เขตฯได้ร่วมกันตรวจดูความเรียบร้อยของการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้า และตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ณ อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา ต.บ่อพลับ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม
(สถานที่ลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดนครปฐม)

พ.ต.ท.วรภัทรรอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ นำทีมชุดสอบสวนลงพื้นที่ ตรวจวินผีพบยาเสพติดและอาวุธมีด


วันที่ 6 พ.ค.66 เวลาประมาณ 16.00น.
ภายใต้การอำนวยการของ
พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ
ได้สั่งการให้
พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย
รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ
พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ พริ้งสกุล รอง.ผกก.สอบสวน.สน.บางซื่อ
,พ.ต.ต.ปิยะราษฎร์ ปวิธธาตรี สวป.สน.บางซื่อ , ร.ต.ท.สมพงษ์ โบสถ์หอม รอง สวป.สน.บางซื่อ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ,ชุดเคลื่อนที่เร็ว สน.บางซื่อ กวดขันจับกุมกรณี วินผี
ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ/ใช้รถผิดประเภท(ป้ายขาว)/เรียกค่าโดยสารเกินราคา/เเละเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตตามีน) ดังนี้
1.นาย ธนาณุวัฒน์ วิเชียรศรี
ข้อหา -ขับเสพฯ
-ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ
-ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)
2.นายบุญเลี่ยม ตุมทอง
ข้อหา -ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ
-เรียกค่าโดยสารเกินราคา(80บาท)
3.นายพรพจน์ หวังหอมกลาง
ข้อหา -ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ
-เรียกค่าโดยสารเกินราคา
(80บาท)
4.นายมล ศรสระคู
ข้อหา -พกพาอาวุธมีดไปในหมู่บ้านเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
-ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ
-ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)
5.นายโกมินทร์ ธรรมา
ข้อหา -ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ
-ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)
6.นายสัมพันธ์ มณีสาย
ข้อหา -ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ
-ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)
7.นายชรินทร์ อยู่คง
ข้อหา -ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ
-ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)
8.นายเทียนชัย สินสวัสดิ์
ข้อหา -ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ
-ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)
9.นายสมชาย เฮงประดิษฐ์
ข้อหา -ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ
-ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)
10.นายหนูกาด มิ่งโอโล
ข้อหา -ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)
11.นายราเชน จาติกานนท์
ข้อหา -ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)
12.นายอุทัย นามเจริญ
ข้อหา -ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)
13.นายอัมพล โชคลิขิตอำนวย
ข้อหา -ใช้รถผิดประเภท (วินป้ายขาว)

โดยผู้ต้องหาทั้ง 13 คน มีพฤติการณ์กล่าวคือ เป็นวินผี จยย.รับจ้าง ไม่มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้รถผิดประเภท(ป้ายขาว) เเละเรียกค่าโดยสารเกินราคา รับ-ส่ง ผู้โดยสารจากด้านหลัง บขส.หมอชิต(ฝั่งขาเข้า) มาส่งผู้โดยสารบริเวณหน้า BTS/MRT สวนจตุจักร เป็นประจำ สอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพ จนท.ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ตรวจหาสารเสพติดผู้ต้องหาทั้ง 13 คน พบว่า ผู้ต้องหาที่ 1 เสพสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตตามีน) ผู้ต้องหาที่2เเละ3 เรียกค่าโดยสารเกินราคา (80บาท) ผู้ต้องหาที่4 พกพาอาวุธมีดไปในหมู่บ้านเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร จึงแจ้งข้อหาและฐานความผิด ของผู้ต้องหาทั้ง 13 คนทราบ และนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ดำเนินคดีต่อไป

Design a site like this with WordPress.com
Get started