บิ๊กโจ๊ก นำมวลชนสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์จัดโครงการ สืบสานวัฒนธรรม ประเพณีสงกรานต์ รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ ประจำปี 2566 ครั้งที่6

วันที่ 23 เม.ย. 2566 พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เป็นประธานในพิธีโครงการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์รดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุ ณ.สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์

ซึ่งมีผู้สูงอายุร่วมกิจกรรมนี้จำนวน 130 ท่านโดยมีอายุสูงสุดถึง 101 ปี โดยในกิจกรรมได้มีพิธีพุทธศาสนา สวดเจริญพระพุทธมนต์และการขอขมากรรมจากผู้สูงอายุและการรดน้ำดำหัวขอพรจากผู้สูงอายุ รวมทั้งจัดอาหารเลี้ยง ผู้สูงอายุและผู้ร่วมกิจกรรมรวมทั้งมอบของที่ระลึกให้แก่ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน

พล.ต.อ.สมพงษ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พร้อม พล.ต.ท.ธนายุตม์ผบช.ภ.7 ร่วมแถลง“ผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นและจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในส่วนของ ภ.7 – 9”

(วันพฤหัสบดี ที่ 20 เม.ย. 66) เวลา 14.30 น.

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์
ผบช.ภ.7

ร่วมแถลง
“ผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นและจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในส่วนของ ภ.7 – 9”

โดยมี
พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง
ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. / รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.
เป็นประธาน

พร้อมด้วย
นายกองเอกพงศธร ศิริสาคร
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม
พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์
รอง ผบช.ภ.7
พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล
ผบก.สส.ภ.7
พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ
ผบก.ศพฐ.7
พ.อ.มหิทธิ ใจกล้า
หัวหน้าฝ่ายข่าว ผอ.กอ.รมน.จว.นครปฐม
นายประสาร เกิดทอง
ผู้แทน ปปส.ภาค 7
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ณ หน้าอาคารตำรวจภูธรภาค 7 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

สน.ราษฎร์บูรณะ พร้อมรองปลัดกรุงเทพ และ ผู้อำนวยการเขตทุ่งครุ ลงพื้นที่สอบถามปัญหา พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์โครงการชุมชนยั่งยืน


วันพุธ ที่ 19 เมษายน 66
เวลา 17.00 น.
ภายใต้การอำนวยการของ
พ.ต.อ.วัชรพล สุวนันทวงศ์
ผกก.ป.สน.ราษฎร์บูรณะ
พ.ต.ท.เอกพจน์ สังเมียน
รอง ผกก ป.สน.ราษฎร์บูรณะ
มอบหมายให้
ร.ต.ต.สำรวย ทวีการไถ
รอง สว(ป.)สน.ราษฎร์บูรณะ
ทีมงาน ตชส.สน.ราษฏร์บูรณะ
ชุดปฏิบัติการ
พร้อมด้วย
นายเฉลิมพล โชตินุชิต
รองปลัดกรุงเทพมหานคร
นายพงค์ศักดิ์ พูลยรัตน์
ผู้อำนวยการเขตทุ่งครุ
นางสาวผาสุข ชาญชัยเชาว์วิววัฒน์
ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตทุ่งครุ.
นายระพีพันธ์ ทองอยู่
ประธานชุมชนนูรุ้ลฮุดา
นางสาวกรรณิการ์ บินฮาซัน
กรรมการชุมชนนูรุ้ลฮุดา
ลงพื้นที่สอบถามปัญหา พบว่าไฟทางเดินในชุมชนไม่เพียงพอ และได้ดำเนินการติดตั้งบางส่วนแล้ว
พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์โครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติประจำปี 2566,
โครงการดำเนินงานดูแลผู้ที่ใช้ยาเสพติดโดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง(CBTx)
ของสาธารณสุข 54 (ทัศเอี่ยม)
และขั้นตอนการคัดกรองผ่านการ x-ray

ณ ชุมชนนูรุ้ลฮุดา เเขวงบางมด
เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ
และประชาสัมพันธ์
สติ๊กเกอร์แจ้งเบาะแสยาเสพติดเพื่อให้ประชาชนแจ้งเบาะแสอาชญากรรมและยาเสพติด โดยผ่าน QR code ตามนโยบายพร้อมแนะนำขั้นตอนการแจ้งเบาะแสข้อมูลยาเสพติด / ผู้ติดยาให้แก่ประชาชน ในชุมชน, สอบถามปัญหาภายในชุมชนและหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ประชาสัมพันธ์โครงการ RTP Cyber Village
และการใช้ Clubhouse ในการประสานการปฏิบัติ
ประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อนบ้านเตือนภัย
ประชาสัมพันธ์สื่อไซเบอร์วัคซีน
ทั้งนี้ในการดำเนินโครงการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด 19 อย่างเคร่งครัด

พล.ต.ท.ธนายุตม์ ผบช.ภ.7 เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกอบรมครูฝึก (ครู ข.)

วันที่(19 เม.ย.66) เวลา 11.00 น.
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกอบรมครูฝึก (ครู ข.) สำหรับการฝึกทักษะยิงปืนให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่งานป้องกันปราบปราม สืบสวน และจราจรในสถานีตำรวจ ภ.7 จำนวน 240 นาย
โดยมี พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7, ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี,
พ.ต.อ.ปรัชญา ทองน้ำวน รอง ผบก.อก.ภ.7, รอง ผบก.ฯ ในสังกัด ภ.7, ผกก.3บก.สอ.ตชด., ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.7
ร่วมพิธี ณ สนามยิงปืนยุทธวิธี ค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง คลายร้อน ส่งความสุขและความห่วงใย แจกพัดลมมือถือ ทิชชูเปียกแบบเย็น และน้ำดื่ม ให้แก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา-ท่องเที่ยวในเทศกาลสงกรานต์ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) และสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อ)


.
วันนี้ (วันพุธที่ 12 เมษายน 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยประชาชน ที่สัญจร เดินทางกลับภูมิลำเนา-ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นการเดินทางในช่วงสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน – ร้อนมาก จึงมอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมลงพื้นที่แจกจ่ายพัดลมมือถือ ทิชชูเปียกแบบเย็น และน้ำดื่ม ให้กับประชาชน ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) และสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อ) รวม 2,216 ชุด รวมมูลค่า 397,772 บาท (สามแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบสองบาทถ้วน) โดยมีอาสาสมัครศิลปิน อาทิ นางสาวอธิชา เทศขำ (เมย์-อธิชา) และ นางสาวนิภาพร พลไทร (หมามุ่ย-นิภาพร) ร่วมแจกจ่ายให้กับประชาชน ซึงบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น
.
เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอให้ทุกท่านเดินทางขับขี่ปลอดภัย ท่องเที่ยวโดยสวัสดิภาพตลอดช่วงเทศกาล ทั้งนี้ หากท่านพบ ประสบเหตุฉุกเฉิน ต้องการความช่วยเหลือ ท่านสามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนและแอปพลิเคชัน ป่อเต็กตึ๊ง 1418 ทุกที่ ทั่วประเทศ ดาวน์โหลดฟรีได้แล้ววันนี้ ทั้งในระบบ Play Store และ App Store ที่ http://www.1418help.com
.
ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ http://www.facebook.com/atpohtecktung
.
“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งปราบน้ำมันเถื่อนเต็มรูปแบบ ทั้งทางบกและทางน้ำ

จากกรณีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มีการตรวจพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศเพื่อนบ้าน นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เนื่องจากราคาน้ำมันของประเทศไทยที่สูงกว่าประเทศมาเลเซียกว่าเท่าตัว ทำให้ผู้กระทำผิดสบช่องโอกาสในการหากำไรจากความต่างดังกล่าว ลักลอบนำน้ำมันมาขายให้กับลูกค้ารายย่อยในพื้นที่ เช่น ปั๊มหลอด โรงงาน รถขนส่ง หรือเรือประมงขนาดเล็ก ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีน้ำมันมากกว่าร้อยล้านบาทต่อปี

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) ให้ดำเนินการปราบปรามเครือข่ายลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาจำหน่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปนม.ตร. เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิด โดยเน้นการเพิ่มการป้องกันตามชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งพบการกระทำผิดคือ สงขลา สตูล และนราธิวาส รวมทั้งพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงคือปัตตานี ยะลา ตรัง และพัทลุง เป็นต้น รวมทั้งการลักลอบนำเข้าน้ำมันทางทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กองทัพเรือ และศรชล เป็นต้น

โดยทางบกมีรายสำคัญ ได้แก่ กลุ่มเจ้ฟางซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อนกลุ่มนี้ จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มของเจ้ฟางซึ่งมีรถบรรทุกสินค้าเป็นเครือข่าย แต่ละคันจะดัดแปลงถังน้ำมันให้มีขนาดใหญ่ และมีช่องเก็บน้ำมันได้มากขึ้น

โดยรถบรรทุกเหล่านี้ จะเข้าไปส่งสินค้าที่ชายแดนประเทศมาเลเซียทุกวัน วันละนับสิบรอบ เมื่อรถขนสินค้าเสร็จ ก็จะเติมน้ำมันจนเต็มถังที่ดัดแปลง และขับกลับออกมาจากชายแดนมุ่งหน้าไปยังโกดังในตำบลทุ่งลุง ซึ่งอยู่ห่างพรมแดนประมาณ 30 กิโลเมตร เพื่อไปรอถ่ายให้กับรถปิ๊กอัพ ที่จอดรออยู่ในโกดังชายป่า บริเวณริมถนนกาญจนวนิช ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ชุดปฏิบัติการ ศปนม.จึงได้บุกเข้าไปจับกุมนายนี อุสมาน / นายอีบ หมัดยูโชะ ขณะกำลังถ่ายน้ำมันจากรถขนส่ง ให้กับรถปิ๊กอัพดัดแปลงที่โกดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ตำบลทุ่งลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พบ รถกระบะ Toyota สีบรอน 2คัน ทะเบียน 3ฒธ 1065 และ 3ฒธ 7065 ตีตู้ทับ ภายในบรรทุกถังน้ำมันดีเซล 2 พันลิตร โดยกล่าวหาว่า มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 203

ทั้งนี้จากการสืบสวนยังพบอีกว่า กลุ่มเจ้ฟาง ถือเป็นเจ้าใหญ่ทำมาเป็นสิบปี โดยรถแต่ละคัน จะบรรทุกน้ำมันได้ครั้งละ 1 พันลิตร เฉลี่ยวันละ 10 กว่าเที่ยว ที่วิ่งเข้าออก ระหว่างพรมแดน ซึ่งมีระยะห่างไม่ถึง 30 กิโลเมตร โดยจะร่วมมือกับคนขับรถหัวลาก พอได้น้ำมันออกมา จากนั้นก็จะเอามารวมกันไว้ที่โกดัง เพื่อถ่ายขายปลีกในพื้นที่ ทั้งปั้มหลอด ประมง และเกษตรกรรม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การปราบปรามความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมเครือข่ายผู้กระทำผิดซึ่งลักลอบนำน้ำมันจากประเทศมาเลเซียเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้เป็นจำนวนมากหลายแสนลิตรต่อเดือน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มักใช้วิธีการในการลักลอบขนในปริมาณน้อยจำนวนหลายครั้งแล้วนำเข้ามาเก็บ รวมในโกดังที่เตรียมไว้จากนั้นจึงลักลอบนำไปขายให้กับพวกปั๊มหลอด เรือประมงขนาดเล็ก หรือรถขนส่ง ทำให้รัฐเสียรายได้ต่อปีเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบกับสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ซึ่งประกอบอาชีพถูกต้องเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้นอกจากที่จะจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบนำเข้าเหล่านี้แล้ว จะขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเครือข่ายอื่นๆที่ยังกระทำผิดอยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดน นำมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถลงจับกุม เจ้าของแฟรนไชส์ปิ้งย่าง “ย่างให้”หลอกลวงให้ร่วมลงทุนความเสียหายกว่าห้าล้านบาท

จากกรณีเมื่อวันที่ 29 มี.ค.66 มีกลุ่มผู้เสียหาย จำนวน 20 คน รวมตัวกันเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เนื่องจากถูก นายมณฑล ทองคำ เจ้าของแฟรนไชส์ธุรกิจอาหารปิ้งย่าง ชื่อ “ย่างให้” มีพฤติการณ์ชักชวนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจโดยการันตีผลตอบแทน และใช้วิธีการสร้างความน่าเชื่อถือจากออกรายการโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ต่างๆ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าธุรกิจของตนประสบความสำเร็จ เปิดสาขากว่า 400 สาขาทั่วประเทศ มีการนำภาพศิลปิน นักแสดง มาโพสต์ในเพจเฟซบุ๊กเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและนำเงินมาร่วมลงทุนธุรกิจกับผู้ต้องหา ภายหลังผู้เสียหายไม่ได้รับเงินปันผลและผลกำไรตอบแทนตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 5,530,000 บาท
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. รับคำร้องทุกข์และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลอาญา ต่อมา ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาข้างต้น ตามหมายจับที่ 1122/2566 ลงวันที่ 10 เม.ย.66 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน,กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ต่อมาวันที่ 16 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า นายมณฑลฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับได้หลบหนีและซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเลขที่ 10/1 ถนนพิชัยรณรงค์สงคราม ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี จึงได้ขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดสระบุรี ตามหมายค้นที่ ค.91/2566 ลงวันที่ 16 เม.ย.66 เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ นายมณฑลฯ ผู้ต้องหา พักอาศัยอยู่ภายในบ้าน จึงได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันมาเข้าพบที่สโมสรตำรวจแล้วนั้น ได้สั่งการให้ บก.ปอศ. ดำเนินการรับคำร้องทุกข์และสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดี จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าวได้ ซึ่งผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการหลอกให้กลุ่มผู้เสียหายลงทุนโดยใช้วิธีการอ้างว่าจะแบ่งผลประโยชน์ให้ในอัตราสูง และสร้างความน่าเชื่อถือโดยการออกรายการต่างๆ และใช้บุคคลมีชื่อเสียงมาทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก จากนี้หลังจากจับกุมผู้ต้องหาได้ จะได้ตรวจสอบทรัพย์สินและดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ของผู้ต้องหา เพื่อนำกลับมาช่วยเหลือเยียวยาคืนให้กับผู้เสียหายให้ได้มากที่สุดโดยเร็ว

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ รอง ผบ.ตร.(ปป) ช่วยชายคล้ายอาการโรคลมแดด

วันนี้ (18 เม.ย.พ.ศ.2566) เวลาประมาณ 16.30 น. ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.(ปป) ได้เดินทางไปตรวจราชการในเขตพื้นที่ จว.นครราชสีมา

ขณะที่ได้เดินทางมายังในเขตพื้นที่ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จว.นครราชสีมา ได้พบเห็นรถบัสโดยสารไม่ประจำทาง จอดอยู่ในลักษณะ กีดขวาง การจราจร และ มีกลุ่มผู้โดยมีกลุ่มผู้โดยสาร ลงมา ขอความช่วยเหลือ

จึงได้ หยุดรถ และ ลงไป ตรวจสอบ พบว่า ผู้ขับขี่รถบัสคันดังกล่าว เป็นชาย มีอายุ ประมาณ 50 ปี มีอาการแขนขาอ่อนแรง และไม่สามารถพูดจาโต้ตอบ ลักษณะคล้ายอาการโรคลมแดด (Heat Stroke)

จึงได้ทำการช่วยเหลือ นำ ผู้ขับขี่รถบัส ลงมาจากที่นั่งคนขับ และทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนอาการดีขึ้นในระดับหนึ่ง และ ติดต่อประสานงาน รถกู้ชีพ นำส่ง รพ.ใกล้เคียง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายคดีเกาะหลีเป๊ะ-เร่งดำเนินคดีผู้บุกรุกพื้นที่และรังวัดพื้นที่ให้ชัดเจน

นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 29ธ.ค.65 ที่ผ่านมา ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ตามที่ ภาคประชาชนได้เรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ได้กำกับดูแลและเร่งแก้ไขปัญหาข้อพิพาท โดยใช้การบังคับใช้กฎหมายนำการเจรจา ใช้การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิ กรมที่ดิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมการปกครอง กรมธนารักษ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถนำเอาพื้นที่ถนนที่ประชาชนใช้ในการสัญจรคืนกลับมาให้กับชุมชนได้ นอกจากนี้ยังได้วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาระยะยาว เพื่อแก้ไขการพิพาทเรื่องที่ดินให้ถูกต้อง รวมทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของชาวเลในพื้นที่เช่น การทำประมงพื้นบ้านในพื้นที่อุทยาน การตรวจสอบรังวัดที่ดินที่ถูกรุกล้ำเพื่อคืนพื้นที่ให้กับชาวบ้าน เป็นต้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (18 เม.ย.66) เวลาประมาณ 16.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล พร้อมด้วย กรมการปกครอง กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ กรมประมง กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดินพิพาทบนเกาะหลีเป๊ะ โดยมีการติดตามการดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายในการรังวัดที่ดินตามโฉนดแปลงเลขที่ 2 4 5 7 10 11 ซึ่งมีปัญหาข้อพิพาทกับชาวบ้าน ชุมชนชาวเล และนายทุน ซึ่งบางแปลงนายทุน ได้มีการฟ้องร้องคดีกับทางชาวบ้านในพื้นที่ โดยได้สั่งการให้ดำเนินการติดตามเจ้าของมาแสดงตนในทุกๆแปลง และดำเนินการรังวัดที่ดินเพื่อให้ได้ขอบเขตแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน มิให้มีปัญหาพิพาทใหม่เกิดขึ้นอีก โดยจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 1 เดือน รวมทั้งความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับโรงแรมและผู้ประกอบการที่มีการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ รวมทั้งสถานที่ที่ก่อสร้างผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไปแล้วนั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จะทำให้ผู้บุกรุกสามารถดำเนินการสร้างอาคารจนทำให้เกิดปัญหาลุกลามในปัจจุบันได้ โดยมีคดีบุกรุกที่ดินอุทยานจำนวน 8 คดี และคดีความผิดตาม พ.ร.บ.อาคารฯ อีกถึง 108 คดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ อบต.จะเร่งดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ให้ครบโดยเร็ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นอกจากความคืบหน้าในแจ้งการบังคับคดีให้กับสถานที่ที่ต้องมีการรื้อถอนทราบตามขั้นตอนของกฎหมายแล้วนั้น ในวันนี้ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบเขตแดนของที่ดินแปลงต่างๆ ที่เป็นข้อพิพาทอยู่ โดยกรมอุทยานฯและกรมที่ดิน จะเร่งเชิญเจ้าของที่ดินแปลงต่างๆ มาร่วมรังวัดที่ดิน เพื่อออกโฉนดให้ชัดเจน โดยจะทำให้เสร็จภายในเวลา 1 เดือน นอกจากนี้ ยังติดตามความคืบหน้าของการร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกพื้นที่และสถานประกอบการที่สร้างอาคารผิดขั้นตอนตาม พ.ร.บ.อาคารฯ ซึ่งทาง อบต. ได้เร่งดำเนินการไปแล้วประมาณ 50 คดี และกำลังเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมให้ครบทั้ง 108 ราย ทั้งนี้หลังจากดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งหมดแล้ว จะทำให้ภาพรวมของที่ดินพิพาทมีความชัดเจนขึ้น และสามารถวางแนวทางแก้ไขในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวเกาะหลีเป๊ะทั้งหมด

บิ๊กโจ๊กสั่งตั้งกรรมการกลางตรวจสอบทรัพย์สินสองฝ่ายเพื่อความโปร่งใส เชิญเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ หรือเจ้าคณะภาคลงมาช่วยแก้ปัญหา ส่วนเรื่องการบังคับคดีและเรื่องทุจริต ตำรวจจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ขอให้ชาวบ้านใจเย็น

วันนี้ (17 เม.ย.66) เวลาประมาณ 16.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และพล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.กำธร จันที ผบก.ภ.จว.พิจิตร ร่วมกับ นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ฝ่ายปกครอง ฝ่ายพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีของสภ.โพนทะเล กรณี เมื่อวันที่ 6 เม.ย.66 มีกลุ่มชาวบ้าน ที่สนับสนุนอดีตเจ้าอาวาสวัดบางคลาน จ.พิจิตร บุกยึดวัด ปิดทางเข้าออก ยื่นเงื่อนไขเลื่อนการบังคับคดีส่งมอบทรัพย์สินให้เจ้าอาวาสวัดที่ได้รับการแต่งตั้งคนปัจจุบัน

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์​ ลงมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากวัดบางคลาน จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้สักการะบูชาเป็นจำนวนมากทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีพุทธศาสนิกชน เดินทางมาที่วัดหลายพันคน แต่ปัจจุบันมาเพียง 10-20 ราย เนื่องจากนักท่องเที่ยวและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย และยังมีการปิดล้อมวัดโดยกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตเจ้าอาวาส

ปัญหาดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2557 ชาวบ้านที่สนับสนุนอดีตเจ้าอาวาสเกิดความไม่พอใจที่มีการแต่งตั้งรักษาการณ์เจ้าอาวาสองค์ใหม่ และต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางคลานในปัจจุบัน ทำให้เกิดการชุมนุม ปิดล้อมวัด และบางครั้งมีกลุ่มชายชุดดำเข้ามาบุกยึดวัด รวมทั้งทำร้ายร่างกายชาวบ้านฝ่ายตรงข้าม เบื้องต้นมีทรัพย์สินของวัดที่ต้องส่งมอบไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งยังต้องตรวจสอบต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาจากนี้ จะหารือร่วมกับเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ หรือเจ้าคณะภาค เพื่อตั้งคณะกรรมการกลางขี้นมาตรวจสอบทรัพย์สินของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เกิดความโปร่งใส หากตรวจแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะเกิดความแคลงใจเรื่องก็จะไม่มีทางจบลงได้ จากนั้นก็จะดำเนินการบังคับคดี เนื่องจากศาลมีคำสั่งแล้ว ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนกรณีเจ้าอาวาสที่ได้รับการแต่งตั้งไม่สามารถเข้าวัดได้ ก็อยากให้ชาวบ้านใจเย็นลงสักนิด พระท่านได้รับการแต่งตั้งมาแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ทุกฝ่ายต้องใจเย็นๆ ส่วนเรื่องปัญหาชายชุดดำ จะมีการสอบสวนและดำเนินคดีกับทุกราย รวมทั้งผู้ให้การสนับสนุน หรืออยู่เบื้องหลังกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ยอมรับว่า รู้สึกเสียดายโอกาสแทนคนพิจิตร ที่วันนี้ไม่มีใครกล้ามาเยือนที่วัด เนื่องจากกลัวปัญหาที่เกิดขึ้น และยอมรับว่า ปัญหาเรื่องทรัพย์สินวัด เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นสมบัติชาติ ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น ทั้งสองฝ่าย จะต้องเปิดเผยอย่างโปร่งใส หากมีการตรวจสอบเช่นนี้ หลักฐานต้องปรากฎ และจะต้องดำเนินคดีกับทุกคน ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกรณีตรวจพบความผิด ขอยืนยันว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลาแก้ไข และ ผบ.ตร.มีความห่วงใย จึงอยากให้ลงมาช่วยเป็นตัวกลาง จึงอยากให้ชาวพิจิตรช่วยกันเพื่อส่วนรวม ในการหาทางออกร่วมกัน

Design a site like this with WordPress.com
Get started