พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งล่าตัวแก็งค์อุ้มคนจีนเรียกค่าไถ่ หลังเหตุเกิดสองคดีติดต่อกัน

เมื่อวันที่ 16 เม.ย.66 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ได้รับแจ้งเหตุกรณีนายหวง ติ่ง ซ่วน อายุ 30 ปี สัญชาติจีนถูกแก๊งคนจีนควบคุมตัวอยู่ที่บริเวณโรงแรมชาเทรียม เรสซิเดนท์ สาทร แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ พร้อมเรียกให้จ่ายค่าไถ่ตัวเป็นเงิน 1,800,000 บาท โดยผู้เสียหายติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนไทยจึงได้มาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากกรณีดังกล่าวหลังได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบเดินทางไปตรวจสอบที่โรงแรมตามที่ได้รับแจ้ง และสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายได้อย่างปลอดภัย โดยพบผู้ต้องหานั่งควบคุมตัวผู้เสียหายอยู่จำนวน 3 คน จึงได้จับกุมตัวพร้อมขยายผลดำเนินคดีรวมทั้งสิ้น 6 คน ประกอบด้วย

  1. นายเว่ย เหวิน เถา สัญชาติจีน (จับกุมได้)
  2. นายเอกราช วงษ์สุวรรณ (จับกุมได้)
  3. นายสุรชัย เลี่ยมมณี (จับกุมได้)
  4. น.ส.เซี่ยว เหลย สัญชาติจีน(หลบหนี)
  5. นายหมิง สัญชาติจีน (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) (หลบหนี)
  6. นายต้น สัญชาติไทย (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) (หลบหนี)
    จากการสอบถามผู้เสียหายทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้ยืมเงินจากน.ส.เซี่ยว เหลย จำนวน 1,800,000 บาท ต่อมาวันเกิดเหตุผู้เสียหายได้นัดเจอกับ น.ส.เซี่ยว เหลย เพื่อพูดคุยเรื่องหนี้กัน แต่กลับถูก น.ส.เซี่ยว เหลย กับพวกพาตัวขึ้นรถและนำตัวมากักขังพี่ห้องพักในโรงแรมชาเทรียมดังกล่าว และบังคับให้ใช้หนี้ทั้งหมด ซึ่งตนได้ชำระเงินไปแล้วยังขาดอีก 500,000 บาท จึงได้พิมพ์ข้อความขอความช่วยเหลือจากเพื่อนก่อนได้รับการช่วยเหลือดังกล่าว เบื้องต้นจับกุมตัวผู้ต้องหาส่ง พงส.สน.บางโพงพาง ดำเนินคดี

อีกกรณีหนึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สน.ลุมพินี โดยผู้เสียหายคือ นายหวัง หนาน เฟิง สัญชาติจีน ถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มตัวเรียกค่าไถ่จากบริเวณอาคารสินธรอซอยต้นสน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.66 ที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้เสียหาย จะต่อสู้และพยายามหลบหนีจนได้รับการช่วยเหลือที่บริเวณลานจอดรถบิ๊กซีสาขาหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวผู้เสียหายไว้ได้จำนวน 1 คน นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน. ลุมพินีและร่วมกันขยายผลดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้รวม 5 คน ประกอบด้วย

  1. นายณัฐภัทร สวัสดี อายุ 27 ปี (จับกุมได้)
  2. นายศุภพล ฮาลมัน อายุ 26 ปี (หลบหนี)
  3. นายณัฐพงศ์ ฆ้องคำอยู่ อายุ 24 ปี (หลบหนี)
  4. น.ส.สริตา ดอนม่วง อายุ 28 ปี (หลบหนี)
  5. นายโจ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง (หลบหนี)
    จากการสอบถามผู้เสียหายทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้อุ้มตนจากที่พักย่านลุมพินี ขับพาไปที่หัวหิน จากนั้นได้นำโทรศัพท์มือถือของตน นำไปโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหา รวมจำนวน 3,931,000 บาท ก่อนที่ตนจะออกอุบายขอไปซื้อของและต่อสู้จนหลบหนีได้ และได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากทั้งสองกรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่ชาวจีนถูกอุ้มไปเรียกค่าไถ่ทั้งสองกรณี ซึ่งในช่วงนี้มีเหตุลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นจำนวนมาก เบื้องต้นได้สั่งการให้ทั้งสองพื้นที่ดำเนินการเร่งออกหมายจับและจับกุมตัวผู้ต้องหาให้ได้โดยเร็ว พร้อมทั้งขยายผลไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีเพิ่มเติม และติดตามเส้นทางการเงินเพื่อยึดอายัดและนำกลับมาคืนให้กับผู้เสียหาย นอกจากนี้ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งและสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายกลับมาได้อย่างปลอดภัยทั้งสองกรณี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีอุ้มฆ่าโหด หลังพบศพผู้ตายและจับกุมได้สองราย

วันนี้ (16 เม.ย.66) เวลาประมาณ 11.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. (สส.) พร้อมชุดปฏิบัติการ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในคดีของ สภ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จากกรณีเมื่อวันที่ 3 เม.ย.66 ที่ผ่านมา ได้มีกรณีที่นายเจริญกิจ แซ่หลอ อายุ 38 ปี ถูกกลุ่มคนร้ายจำนวน 5 คน แกล้งทำเอารถชนให้เป็นอุบัติเหตุ จากนั้นเมื่อนายเจริญกิจ ลงจากรถ ได้ใช้อาวุธปืนยิงขานายเจริญกิจ และกลุ่มคนร้ายได้อุ้มตัวขึ้นรถกระบะของตนแล้วขับหลบหนีไป เหตุเกิดที่บ้านเข็กน้อย หมู่ 8 ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฯ เร่งรัดในการติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในคดีมาลงโทษโดยเร็ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่สืบสวนเร่งดำเนินการหาตัวคนร้ายทั้ง 5 คนและช่วยเหลือผู้เสียหายกลับมาอย่างปลอดภัยให้เร็วที่สุด

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจพบรถกระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุถูกเผาทำลายทิ้งที่บริเวณป่าไผ่ หมู่ 6 ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานที่ได้นำไปสู่การขอออกหมายจับผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 7 ราย ประกอบด้วย
1.นายเกียรติชัย ร่มทองกุล อายุ 34 ปี

  1. นายท้ง ร่มทองกุล อายุ 43 ปี
  2. นายธนพงศ์ มณีเถา อายุ 45 ปี
  3. นายอนวัช เฮ่อเจริญชัย อายุ 58
  4. นายสัว แซ่โซ้ง อายุ 47 ปี
  5. นายสมชาย โชติเพชรมณี อายุ 31 ปี
  6. นายจีรวัฒน์ ศิรินูเลิศ อายุ 28 ปี
    โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือการกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยจากการสืบสวนเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุในการก่อเหตุ เกิดจากความขัดแย้งในเรื่องยาเสพติด เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาเป็นกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดชาวม้ง

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 13 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 2 ราย คือ นายธนพงศ์ฯ และนายอนวัชฯ โดยทั้งสองยังให้การภาคเสธ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถขยายผลพบจุดที่กลุ่มคนร้ายใช้ก่อเหตุ เป็นกระท่อมกลางป่า บ้านห้วยทรายเหนือ หมู่ 6 ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ตรวจสอบพบศพของผู้ตายถูกเผาเสียชีวิตอยู่ภายใน ซึ่งจะได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพิ่มเติมต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จึงได้สั่งการให้เร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาและช่วยเหลือผู้เสียหายให้ได้โดยเร็ว แต่ล่าสุดได้มีการพบศพผู้เสียหายแล้ว และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ยังหลบหนีอยู่อีก 5 ราย จะได้เร่งติดตามจับกุมต่อไป หากพบว่ามีการหลบหนีข้ามชายแดนไปยังประเทศใด ก็จะประสานงานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ทางการของประเทศนั้น เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้ได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมเปิดปฏิบัติการเข้าค้น 4 จุด ขยายผลกรณี น.ส.นวพร เกี่ยวเนื่องเคสสวมบัตรชมพูและอุ้มบุญ เตรียมหารือมหาดไทยแก้ไขช่องโหว่การสวมบัตร

จากกรณีเมื่อวันที่ 8 เม.ย.66 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สืบสวนได้จับกุม น.ส.นวพร ภาเกียรติสกุล ผู้ต้องหาในกรณีการ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จและใช้เอกสารเท็จในการทำบัตรชมพูให้กับบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับจ้างอุ้มบุญของคนจีน ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ขยายผล เพิ่มเติมกรณีน.ส.นวพร ประสานเจ้าหน้าที่เขตเพื่อนำชื่อของบุคคลต่างด้าวเข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้าน เพื่อทำบัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย(บัตรชมพู) และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับจ้างอุ้มบุญให้คนจีน ต่อมาวันนี้ (13 เม.ย.66) เวลา 8.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.น.6 สน.บางรัก และ สน.ยานนาวา ได้สนธิกำลังร่วมกันเข้าตรวจค้นสี่จุดที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.นวพร ประกอบด้วย

  1. บ้านของ น.ส.นวพร เลขที่ 89 ซอยสาทร 11 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ
  2. ที่ตั้งบริษัท สหมงคลประกันภัย และ สมาคมส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจไทย-จีน เลขที่ 7 ซอยสาทร 11 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ ซึ่ง น.ส.นวพรใช้ในการแอบอ้างกับคนจีนเพื่อหลอกลวงสร้างความน่าเชื่อถือ
  3. ที่ตั้งบริษัท ต้าตี้ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด เลขที่ 9 ซอยสาทร 11 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่รับรองว่า นายหม่าหมิงชุน (ผู้เสียหายคดี สภ.หนองปรือ)เป็นพนักงาน
  4. สมาคมแต้จิ๋ว ซอยเย็นจิตร 12 ถนนจันทน์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ ซึ่งสืบทราบว่า น.ส.นวพรได้ให้คนนำพยานหลักฐานไปซุกซ่อนในที่ดังกล่าว

ผลการตรวจค้นพบว่า มีการทำลายเอกสารสำคัญหลายอย่าง ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงของ สน.ประเวศ รวมทั้ง เอกสารที่แสดงถึงความเชื่อมโยงกับบุคคลอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมเพื่อนำไปขยายผลดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการเข้าค้นทั้ง 4 จุดในวันนี้ เป็นการขยายผลเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับ น.ส.นวพร เพิ่มเติมเกี่ยวกับการสวมบัตรชมพูและการอุ้มบุญ ซึ่งจากนี้จะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทั้งกรณีการอำนวยความสะดวกในเรื่องการทำบัตรชมพูและการรับจ้างอุ้มบุญให้กับคนจีน นอกจากนี้จะมีการประชุมร่วมกับมหาดไทย เพื่อวางแผนในการแก้ไข ช่องโหว่ที่อาจส่งผลให้กลุ่มทุนจีนสีเทาเหล่านี้ สามารถดำเนินการเพื่อเอื้อประโยชน์ในการกระทำความผิดในประเทศไทย เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำผิดของกลุ่มทุนจีนสีเทาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ตำรวจท่องเที่ยวจัดพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ.2566

“ท่องเที่ยวปลอดภัยสืบสานประเพณีไทยวันสงกรานต์ ( Songkran Festival 2023 )” วันที่ 13 เมษายน 2566 ณ บริเวณลานจอดรถ สเตเดียมวัน ซอยจุฬาลงกรณ์ ๕ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

วันนี้ (13 เม.ย.66) กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท.ได้ได้จัดพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ.2566 “ท่องเที่ยวปลอดภัยสืบสานประเพณีไทยวันสงกรานต์ ( Songkran Festival 2023 )” ณ บริเวณลานจอดรถ สเตเดียมวัน ซอยจุฬาลงกรณ์ ๕ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ในการรักษาความปลอดภัย ในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน รวมถึงประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยววิถีไทย ให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 โดยมี พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทั่วราชอาณาจักร การให้ความปลอดภัย ให้บริการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้เล็งเห็นความสำคัญในหลักการดังกล่าวข้างต้น และเป็นการยกระดับการเพิ่มอันดับความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้านการรักษาความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

ในส่วนของตำรวจท่องเที่ยว มีหน้าที่ในการอำนวยความสะดวก ปกป้องคุ้มครองและรักษาไว้ซึ่งชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชน ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้เพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัย ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ รวมถึงการอำนวยความสะดวก การให้บริการ และการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลต่าง ๆ แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ดังนั้น การปล่อยแถวในครั้งนี้ จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวรับทราบถึงความตั้งใจของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะความพร้อมของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาความปลอดภัย ให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อสร้างความอุ่นใจ ความปลอดภัยในช่วงตลอดเทศกาลสงกรานต์นี้ นอกจากนี้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอฝากถึงนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชน ท่านสามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 1155 และแอพพลิเคชั่น Tourist Police i lert u ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหากต้องการติดต่อกับตำรวจท่องเที่ยวโดยตรง ก็สามารถเข้าไปติดต่อได้ที่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวทั้ง 32 สถานี และจุดบริการนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวหลักจำนวน 170 แห่ง ทั่วประเทศที่คอยอำนวยความสะดวก ให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ต้องการความช่วยเหลือ เพราะตำรวจท่องเที่ยวคือเพื่อนเดินทางคนแรกของนักท่องเที่ยวเสมอ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สําราญ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.จิรสันต์ รอง ผบช.น., ร่วมตรวจเยี่ยม ช่วงเทศกาลสงกรานต์

วันนี้(พุธที่ 12 เม.ย.66) เวลา 18.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สําราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สุวิชชา จินดาคำ ผบก.จร., พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2, พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.จร. ร่วมตรวจเยี่ยม และมอบนโยบาย ข้าราชการตํารวจที่ปฏิบัติหน้าอํานวยความสะดวกและให้บริการประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หมอชิต/ทีมประชาสัมพันธ์ บช.น.

รอง ผบ.ตร. นำผู้แทนจากสหรัฐ และ NGOs เข้าตรวจเยี่ยมกระบวนการ NRM ดูแลผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ครบทั้งกระบวนการ

วันนี้ (12 เม.ย.66) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมคุณเอลสกา วอง ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมือง จากสถานทูตสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วย NGOs และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินการตามกระบวนการกลไกส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) ที่ ภ.จว.ชุมพร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดชุมพร และเจ้าหน้าที่ทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย ปลัดจังหวัด, พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ,สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด , แรงงานจังหวัด , ประมงจังหวัด, สาธารณสุขจังหวัด, ยุติธรรมจังหวัด และป้องกันจังหวัด ร่วมประชุมชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาและดูแลผู้ถูกคัดกรอง โดยในส่วนของ ภ.จว.ชุมพรนั้น ได้มีการรับดำเนินการตามกระบวนการ NRM จากกรณีเมื่อวันที่ 23 มี.ค.66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ได้จับกุมผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 2 ราย ลักลอบขนบุคคลต่างด้าวจำนวน 77 คนเข้ามาในราชอาณาจักร คดีอยู่ในความรับผิดชอบของสภ.หลังสวน ภ.จว.ชุมพร โดยความคืบหน้าล่าสุด ได้มีการผลักดันบุคคลต่างด้าว จำนวน 74 คน ออกนอกประเทศผ่านช่องทางตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตากแล้ว เหลือบุคคลต่างด้าวจำนวน 3 คน ที่เข้ากระบวนการเพื่อเป็นพยานในการดำเนินคดีกับคนไทยที่ร่วมขบวนการในการลับลอบนำพาคนต่างด้าวเข้าประเทศ

ทั้งนี้ กลไกการส่งต่อระดับชาติ หรือ National Referral Mechanism นั้น เป็นกลไกที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประสานความร่วมมือ การแบ่งปันข้อมูล การส่งต่อความช่วยเหลือและคุ้มครองบุคคลที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จะเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และเพื่อช่วยให้บุคคลเหล่านี้สามารถเข้าถึงบริการและการช่วยเหลือทั้งหมดได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญ คุณเอลสกา ผู้แทนจากสถานทูตอเมริกาและเจ้าหน้าที่ภาคประชาสังคม มาร่วมสังเกตการณ์การดำเนินการตามกลไกส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM เพื่อให้เห็นว่า ประเทศไทยได้มีการพัฒนามาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงานเข้าร่วมบูรณาการร่วมกันเพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยทางการสหรัฐฯ ได้รับทราบถึงพัฒนาการของประเทศไทย และมีความพึงพอใจอย่างมาก ที่ได้เห็นประเทศไทยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงใจและมีผลการปฏิบัติอย่างก้าวกระโดด เช่นนี้แล้ว จะส่งผลดีต่อการพิจารณาการรายงานการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้คงสถานะเทียร์ 2 หรือ ขึ้นสู่เทียร์ 1 ได้ในอนาคตอันใกล้

พล.ต.อ.สมพงษ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./หัวหน้า ศปอส.ตร. นำเสนอสถิติการรับแจ้งความออนไลน์รอบสัปดาห์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 นี้ มีวันหยุดยาว 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-17 เม.ย.2566 ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่คนไทยมีความสุข ได้เดินทางไปรดน้ำขอพรจากญาติผู้ใหญ่ แต่พวกมิจฉาชีพกลับอาศัยโอกาสนี้ก่อเหตุหลอกลวงเอาเงินจากพี่น้องประชาชนคนไทย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วยคณะทำงาน ได้ร่วมกันนำเสนอสถิติการรับแจ้งความออนไลน์รอบสัปดาห์ ภัยที่เกิดขึ้นใหม่และภัยที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลสงกรานต์ 2566 เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้มีภูมิป้องกันภัยออนไลน์ ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (2-8 เม.ย.2566) รวมทั้งสัปดาห์มีผู้แจ้งความ 5,269 เคส/312,510,656.69 บาท สถิติการรับแจ้งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1,224 เคส/ ความเสียหายลดลง 307,208,129.81 บาท โดยสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2,600 เคส/34,066,584.28 บาท 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 719 เคส/61,185,905.30 บาท 3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 539 เคส/22,793,579.46 บาท 4) คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 286 เคส/72,795,550.02บาท และ 5) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) 276 เคส/47,917,957.49 บาท
ภัยออนไลน์ที่น่าสนใจและเกิดขึ้นมากในรอบสัปดาห์ มีจำนวน 3 เรื่อง ดังนี้

  1. “สั่งซื้อของคลายร้อน ไม่ได้ของ แถมหัวร้อน” คดีนี้มิจฉาชีพทำการปลอมเพจ Facebook ให้คล้ายของจริง นำภาพ ซึ่งคัดลอกมาจากเพจอื่น มาโพสต์เพื่อหลอกขายเสื้อสงกรานต์ ปืนฉีดน้ำ และสินค้าอื่นๆ ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมิจฉาชีพได้หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินก่อน โดยไม่ส่งสินค้าให้
    1. “การลงทุนมีความเสี่ยง ควรปรึกษา 1441” คดีนี้มิจฉาชีพทำการปลอมเพจ Facebook โดยใช้รูปโปรไฟล์บุคคล ที่มี ชื่อเสียง อาชีพและฐานะที่น่าเชื่อถือ แล้วชักชวนผู้เสียหายลงทุนเทรดหุ้น ในแอพพลิชั่น โดยนำผลตอบแทนจำนวนมากมาเป็นเหยื่อล่อ เมื่อผู้เสียหายลงทุนครั้งแรกๆ ผู้เสียหายจะได้รับค่าตอบแทน แต่ผู้ต้องสงสัยได้เก็บทุนไว้อ้างว่าจะเก็บไว้เพื่อลงทุนต่อให้ สุดท้ายได้หลอกให้ผู้เสียหายลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีเสียเงินไปจำนวนมาก
    2. “อยากกู้เงินง่ายๆ แต่ได้เงื่อนไขยากๆ”คดีนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมิจฉาชีพสร้างเว็บไซต์ปลอม แอบอ้างเป็นบริษัทคันทรี่กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ (CGH) หลอกให้กู้เงินออนไลน์ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับสัปดาห์นี้คนร้ายได้แอบอ้างเป็น บริษัท ฉัตรชัย ลิสซิ่ง จำกัด เพื่อหลอกให้กู้เงินดอกเบี้ยต่ำอีกเช่นกัน โดยจะส่งลิงก์ปลอมเพื่อให้เห็นว่ายอดเงินกู้ได้รับการอนุมัติแล้ว จากนั้นจะอ้างว่าผู้เสียหายเป็นลูกค้าใหม่ ต้องโอนเงินค้ำประกันก่อน เพื่อแสดงว่ามีความสามารถผ่อนชำระได้ และในการโอนจะตั้งเงื่อนไขเข้มงวดเพื่อหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินใหม่ทุกๆ ครั้งที่ทำผิดพลาด กรณีนี้อ้างว่าไม่ใส่เศษสตางค์ในการโอน และโทษว่าเป็นความผิดของผู้เสียหายที่กรอกข้อมูลผิด สุดท้ายข่มขู่และหลอกให้โอนเพิ่ม
      สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่เดินทางกลับไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่บ้าน ช่วยกันแจ้งเตือนว่า กรณีสั่งซื้อของออนไลน์ต้องตรวจสอบเพจร้านค้าให้ละเอียดก่อนซื้อขายทุกครั้ง ไม่หลงเชื่อลงทุนกับคนแปลกหน้า และหากต้องการกู้เงินให้ติดต่อขอกู้จากแหล่งที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์สั่งการไล่ล่าแก๊งชาวจีนก่อเหตุ ฆ่า น.ส.จิน ซ่านแล้วนำศพไปทิ้ง ริมคลองริมป่าบัว ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี


จากกรณีเมื่อวันที่ 1 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบศพหญิงไม่ทราบชื่อ ถูกนำมาทิ้งที่ บริเวณริมคลองริมป่า
บัว ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรีพื้นที่รับผิดชอบ สภ.บางแม่นาง ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอ
ไปแล้วนั้น
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวน ติดตามสืบสวนหาตัว
คนร้ายในคดีนี้ จนกระทั่งต่อมา ทราบว่า ผู้ตายคือ น.ส.จิน ซ่าน นักศึกษาชาวจีน ที่ ได้เกิดเหตุ ถูกกลุ่มคนร้าย ติดต่อ
ส่งข้อมูลภาพถ่ายของผู้ตายไปยังผู้ปกครองที่ประเทศจีน เพื่อเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเงิน 500,000 หยวน (2,500,000
บาท ) แต่ผู้ปกครองไม่ยอมโอนเงินให้ โดยจากการสืบสวน ภายหลัง จึงทราบว่า ศพ ที่พบดังกล่าว ที่ถูกนำมาทิ้ง คือ
น.ส.จิน ซ่าน ที่ถูกเรียกค่าไถ่ในคดีดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน
จนทราบว่า ผู้ก่อเหตุในคดีนี้ คือ 1.MR.PENGFEI ZHOU อายุ 24 ปี สัญชาติ จีน 2. MR.SAIKANG CHEN
ออายุ 23 ปี สัญชาติจีน 3. MR.XIONFEI ZHOU อายุ 23 ปี สัญชาติ จีน ซึ่งหลังจากการก่อเหตุ ในคดีนี้
ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศไป เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2566 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึง
ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่ง พนักงานสอบสวน สภ.บางแม่นาง ได้ร้องขอต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับ
ผู้ต้องหาดังกล่าว ตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่192/2566 , 193/2566 , 194/2566 ในข้อหา “ร่วมกัน
เอาตัวบุคคลอายุกว่า 15 ปีไปโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายหรือวิธีการข่มขืนใจด้วยประการ
อื่นใด หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายซึ่งให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอา
ตัวไปถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง นั้นถึงแก่ความตาย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยปกปิดความผิดของตน
หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้โดยไม่มีเหตุอันควร ร่วมกันทำให้เสียหายหรือเคลื่อนย้าย
ทำลาย ซ่อนเร้น ยักย้าย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพหรือสวนของศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุ
แห่งการตาย และร่วมกันลักทรัพย์ ”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จึงได้ ประสานงานไปยัง อุปทูตจีน ประจำประเทศ เพื่อประสานทาง
จีน ติดตามจับกุม ทราบว่า ขณะนี้ ทางการจีนได้ควบคุม ผู้ต้องหาชาวจีน ทั้ง 3 คน ไว้แล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
รอง ผบ.ตร. จึงได้ ส่งทีมสอบสวน สตม. เพื่อนำหลักฐานและให้ข้อมูลกับทางการจีน เพื่อซักถาม ผู้ต้องหาชาวจีน ทั้ง
3 คน และนำลายพิมพ์นิ้วมือ ส่มายัง พนักงานสอบสวน สภ.บางแม่นาง เพื่อเปรียบเทียบลายนิ้วมือแฝง ที่พบใน
สถานที่เกิดเหตุ ขณะนี้ทราบว่า ผู้ต้องหาชาวจีน ได้รับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกระทำความผิด ส่วนรายละเอียดในคดีอยู่
ระหว่างการซักถาม
นอกจากนี้จากการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมได้พบว่า มีชาวไทยเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้ คือ
น.ส.ชนิดา มาทอง อายุ 19 ปีโดยได้แจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดี ในความผิดฐาน “เป็นผู้ใช้ ในความผิดฐาน ร่วมกัน
เอาตัวบุคคลอายุกว่า 15 ปี ไปโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายหรือวิธีการข่มขืนใจด้วยประการ
อื่นใด หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายซึ่งให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอา
ตัวไปถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง นั้นถึงแก่ความตาย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยปกปิดความผิดของตน
หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ โดยไม่มีเหตุอันควร ร่วมกันทำให้เสียหายหรือเคลื่อนย้าย
ทำลาย ซ่อนเร้น ยักย้าย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งศพหรือสวนของศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุ
แห่งการตาย ” ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้เพิ่มเติม ผลเป็น
ประการใด จะแจ้งให้ทราบต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งขยายผลเครือข่าย “นวพร”อำนวยความสะดวกจีนเทา -สวมบัตร-อุ้มบุญ


จากกรณีเมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ขยายผลกรณีชายชาวจีนสวมบัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และเข้าตรวจค้นอาคาร 5 ชั้นย่านถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. พื้นที่รับผิดชอบของ สน.บางรัก พบบุคคลต่างด้าวจำนวน 7 ราย และตรวจพบว่าสภาพภายในมีการแบ่งซอยเป็นห้องพัก และมีอุปกรณ์ไว้สำหรับดูแลหญิงไทยที่รับอุ้มบุญให้กับชาวจีน ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้วนั้น
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวน ขยายผลให้ทราบถึง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสวมบัตรชมพู และกรณีการอุ้มบุญดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่า ชื่อเจ้าของสถานที่ ดังกล่าวคือ น.ส.นวพร ภาเกียรติสกุล อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ในการนำรายชื่อบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ภายในบ้านเลขที่ดังกล่าว โดยใช้วิธีการแจ้งเท็จต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นญาติของตน และสำแดงเอกสารเท็จต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ย้ายชื่อบุคคลดังกล่าวเข้ามาในทะเบียนบ้านและออกบัตรชมพูให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับ น.ส.นวพรฯ ดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และร่วมกันปลอมและใช้ดวงตรา รอยตรา หรือแผ่นปะตรวจลงตรา การเดินทางระหว่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม น.ส.นวพรฯ ได้เมื่อวันที่ 8 เม.ย.66 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า น.ส.นวพรฯ นั้น เป็นบุคคลสัญชาติจีนที่ได้รับสัญชาติไทยจากการแต่งงานกับคนไทย จากนั้นได้หย่าร้าง และมีสามีใหม่เป็นคนสัญชาติจีน ก่อนจะมีลูกด้วยกัน 3 คน โดยบุตรทุกคนได้รับสัญชาติไทยตามมารดาทั้งหมด ซึ่งทำให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับคนไทยในการประกอบธุรกิจต่างๆ ได้ตามปกติ น.ส.นวพรฯ เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงคนจีนมาลงทุนทำธุรกิจ ความเสียหายมากกว่า 700 ล้านบาท ถูกดำเนินคดีที่ สน.ประเวศ นอกจากนี้ จากการประสานข้อมูลกับทางการจีนพบว่า น.ส.นวพรฯ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ทั้งในจีน ไทย และกัมพูชา เป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี และมีทรัพย์สินในครอบครองเป็นบริษัทหลายแห่ง ซึ่งมีชื่อของญาติและบุตรของ น.ส.นวพรฯ เป็นกรรมการบริหาร รวมทั้งที่ดินและรถหรูอีกจำนวนมาก ทั้งยังทำหน้าที่เป็นคนประสานงานอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับกลุ่มทุนจีนสีเทาอีกด้วย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ทำการขยายผลกรณีกลุ่มทุนจีนสีเทามาเป็นเวลานาน ทำให้ทราบว่าเครือข่ายทุนจีนเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกัน โดยมีเครือข่ายของ น.ส.นวพรฯ ในการอำนวยความสะดวกช่วยเหลือคนจีนเหล่านี้ในการสวมบัตรและอุ้มบุญ เพื่อให้ทุนจีนสีเทาเหล่านี้สามารถประกอบธุรกิจหรือทำธุรกรรมต่างๆ เสมือนเป็นคนไทยคนหนึ่ง และเข้ามากระทำผิดในราชอาณาจักรไทย ดังนั้นจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ขยายผลติดตามเส้นทางการเงินและความเกี่ยวข้องกับเครือข่าย น.ส.นวพร ทั้งหมด หากพบผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคนจีน คนไทย หรือเจ้าหน้าที่รัฐ จะนำตัวมาดำเนินคดีทั้งหมด นอกจากนี้หากพบการกระทำผิดของ น.ส.นวพร ที่เป็นความผิดมูลฐาน ก็จะประสานงานร่วมกับ ปปง.ในการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมต่อไป

รอง ผบ.ตร.บินรับมอบตัวหนึ่งในผู้ต้องหาแก๊งค์ฆ่า 4 ศพ จว.สุราษฎร์ธานี – สั่งล่าตัว ด.ต.อรรถพรฯ มาดำเนินคดีโดยเร็ว

จากกรณีเมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 ที่ผ่านมา เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายยิงถล่มบ้านอดีตผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ สภ.คีรีรัฐนิคม ภ.จว.สุราษฎร์ธานี มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เร่งดำเนินการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยด่วน เนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเป็นที่สนใจของประชาชนและสื่อมวลชน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เร่งสืบสวนจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวให้ได้โดยเร็ว จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีจำนวนทั้งสิ้น 4 ราย นำโดย ด.ต.อรรถพร วิเชียร ผบ.หมู่ (ป) สภ.กาญจนดิษฐ์ กับพวก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนติดตามอย่างต่อเนื่อง

ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ลงพื้นที่รับมอบตัว นายมานพ ว่างงาน หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ และได้ประชุมเร่งรัดติดตามผลการสืบสวนจับกุมในคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หลังจากเมื่อวันที่ 9 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบศพ นายอรรถพล วิเชียร บุตรชายของ ด.ต.อรรถพรฯ และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุ ถูกยิงนอนเสียชีวิตภายในรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุในพื้นที่ สภ.บ้านตาขุน โดยมีผ้าขาวคลุม ในมือถือพวงมาลัยดอกไม้ และเช้าวันนี้ (10 เม.ย.66) เจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.พนิดา นิลนิยม ภรรยาของ ด.ต.อรรถพรฯ ถูกยิงเสียชีวิตเช่นกัน ภายในรีสอร์ท พื้นที่ สภ.คีรีรัฐนิคม ขณะนี้เหลือเพียง ด.ต.อรรถพรฯ ที่ยังหลบหนีซึ่งกำลังตำรวจได้ออกหมายจับไว้แล้ว อยู่ในระหว่างติดตามจับกุมต่อไป

ส่วนฉนวนเหตุสำคัญของการสังหารโหด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า มาจาก ด.ต.อรรถพร ถูกกีดขวางความรัก ที่มีต่อบุตรสาวของผู้ตาย และเจ้าตัวเคยชิงลงมือยิง ว่าที่พ่อตามาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ได้ทราบถึงความขัดแย้ง แต่ก็ไม่สามารถจัดการปัญหาได้ ทำให้ด.ต.อรรถพร ร่วมกับพวก นำอาวุธสงคราม ออกมาก่อเหตุยิงถล่มบ้านว่าที่พ่อตาอีกรอบ

ทำให้ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 6 ราย โดยเป็นฝั่งนายธรรมรงค์ พ่อตาของ ด.ต.อรรถพร เสียชีวิต จำนวน 4 ราย ฝั่งด.ต.อรรถพร ผู้ต้องหา เสียชีวิต จำนวน 2 ราย คือ นายธรรมรัตน์ เสียชีวิตที่เกิดเหตุ และ นายอรรถพร บุตรชาย ด.ต.อรรถพร เสียชีวิตระหว่างหลบหนี

รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและเป็นที่สนใจของประชาชน ในส่วนของผู้ก่อเหตุทั้งหมดตอนนี้ได้เข้ามอบตัวแล้วหนึ่งราย เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ยังเหลือที่หลบหนีอีกหนึ่งรายคือ ด.ต.อรรถพรฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กดดันอย่างต่อเนื่อง คาดว่ายังหลบหนีซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่จว.สุราษฎร์ธานี โดยน่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีเร็วๆนี้

Design a site like this with WordPress.com
Get started