พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมการทำสำนวนไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพิ่มการเข้าถึงความยุติธรรมให้กับประชาชน

วันนี้ (21 ม.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาเป็นประธานในการเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการทบทวนการทำสำนวนไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตาม พ.ร.บ.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562 ครั้งที่ 2 ณ สโมสรตำรวจ วิภาวดีรังสิต โดยมีประธานร่วมจากประเทศมาเลเซียคือ ดอกเตอร์ มูฮัมหมัด อิควาน ตอริมัน รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเคอบังซาน มาเลเซีย เพื่อผลิตผู้ไกล่เกลี่ยออกมาให้บริการกับประชาชนมากยิ่งขึ้น

ตามที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 พ.ย.62 แต่ประชาชนยังเข้าถึงการบริการไกล่เกลี่ยได้น้อยเนื่องจากประชาชนยังไม่ทราบอย่างทั่วถึง อีกทั้งจำนวนศูนย์ไกล่เกลี่ยยังมีไม่เพียงพอ จากปัญหาดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จึงได้วางแผนจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคประชาชนประจำสถานีตำรวจ ซึ่งจะช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้กับประชาชนในคดีเล็กน้อยทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.65 ได้เริ่มต้นจากเขตนครบาลจำนวน 18 สถานี เช่น สน.มีนบุรี สน.ลาดกระบัง สน.บางชัน และ สน.ทองหล่อ เป็นต้น และจะขยายไปทั่วประเทศในเดือน ก.พ.66 โดยในครั้งนี้มีผู้เข้าอบรมกว่า 520 คน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การฝึกอบรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับการพัฒนาในกระบวนการยุติธรรม การอบรมนี้จะช่วยผลิตผู้ไกล่เกลี่ยออกไปช่วยลดปัญหาการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของประชาชนตั้งแต่ชั้นโรงพัก ซึ่งจะช่วยลดปริมาณคดีที่จะขึ้นสู่ชั้นศาลโดยไม่จำเป็น ช่วยแก้ปัญหาคนล้นคุก และทำให้ประชาชนได้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการฝึกอบรมนี้จะผลิตผู้ไกล่เกลี่ยที่มีคุณภาพออกไปให้บริการด้านความยุติธรรมให้กับประชาชน เพื่อจะขยายพื้นที่การให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะผู้แทนไทย ร่วมประชุมทวิภาคีไทย-กัมพูชา ร่วมแก้ปัญหาการเยียวยาเหยื่อค้ามนุษย์ ส่งต่อข้อมูลการคัดแยกเหยื่อ อย่างไร้รอยต่อ

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้ร่วมกับคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมทวิภาคีไทย-กัมพูชา เพื่อหารือการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมสำหรับการดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐานในการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 ม.ค.66 โดยมีผู้แทนจากหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม โดยมีนายประวิทย์ ร้อยแก้ว รองอธิบดีอัยการ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย นอกจากนี้ยังมีผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม กรมการปกครอง กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งผู้แทนจากมูลนิธิต่างๆ อีกจำนวนมาก โดยมีองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) เป็นเจ้าภาพในการประสานงาน และมีท่านโช บุน เฮือง ปลัดกระทรวงมหาดไทย/รองประธานคณะกรรมการต่อต้านการค้ามนุษย์ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายกัมพูชา

ในการประชุมนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มีโอกาสในการนำเสนอผลงานการดำเนินคดีค้ามนุษย์ของประเทศไทยซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพของผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ซึ่งล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจกำกับติดตามและช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นประธานอนุกรรมการดังกล่าว ทำหน้าที่ในการติดตามการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและเหมาะสม นอกจากนี้ยังได้กล่าวขอบคุณทางการกัมพูชา ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีการประสานความร่วมมือกันในการช่วยเหลือเหยื่อคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับมาได้มากกว่า 1,105 คน

นอกจากนี้ การประชุมในครั้งนี้จะมีการร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนมาตรฐานในการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งผู้แทนประเทศไทยและกัมพูชาได้มีการลงนามร่วมกันไปเมื่อวันที่ 25 ส.ค.65 ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งมีกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการตามแผนการภายใน 3 ปีนับจากนี้ ซึ่งจะมีขั้นตอนเกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการส่งกลับ และการส่งต่อพยานหลักฐานไปยังประเทศปลายทาง เพื่อใช้ในการดำเนินคดีค้ามนุษย์ นอกจากนี้จะรวมไปถึงการฝึกอบรมและให้ความรู้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ เพื่อให้ความร่วมมือกันในการช่วยเหลือเหยื่อเป็นไปตามมาตรฐานสากลและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานของทั้งสองประเทศ ในการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมีมาตรฐานที่นานาชาติยอมรับ ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากการประสานงานในการช่วยเหลือเหยื่อคนไทยกลับประเทศในปีที่ผ่านมา หลังจากนี้ การประสานงานกันระหว่างทางการไทยและกัมพูชาในด้านการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ก็จะเป็นรูปแบบและมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น จะทำให้ผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว รวมทั้งได้รับการเยียวยาอย่างถูกต้องและเหมาะสมอย่างแน่นอน

นายพันธ์ทอง รองอธิบดีกรมศุลกากร ปราบปรามการลักลอบและหลีกเลี่ยงการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากราชอาณาจักร

วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม 2566) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่กรมศุลกากร มีนโยบายในการเร่งรัดปราบปรามการลักลอบและหลีกเลี่ยงการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคมและสิ่งแวดล้อมจึงให้หน่วยงานในสังกัดพร้อมหน่วยปฏิบัติการวางแผนตรวจค้นจับกุมอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สินค้าเกษตร น้ำมัน
ยาเสพติด IPRs และสินค้าละเมิดอนุสัญญา CITES โดยสืบสวนหาข่าวและออกลาดตระเวนด้วยรถยนต์ ตรวจค้นรถบรรทุก โกดัง แหล่งจำหน่าย สถานที่เก็บรักษาที่เชื่อได้ว่ามีของผิดกฎหมายเก็บซุกซ่อนอยู่ อีกทั้งยังมีแผน
การป้องกันและปราบปรามสินค้าดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงในการลักลอบนำเข้า-ส่งออกสินค้า นอกจากนี้ มีการบูรณาการกับหน่วยงาน และพันธุ์พืช สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สถานทูตต่าง ๆ องค์การตำรวจสากล (Interpol) สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Drug Enforcement Administration: DEA) เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวระหว่างกัน โดยในเดือนธันวาคม 2565 มีจำนวน 2,720 คดี คิดเป็นมูลค่ารวม 1,711.47 ล้านบาท มีผลงานที่น่าสนใจ ดังนี้
1.ผลการจับกุมยาเสพติด
ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดทั้งการผลิต การนำเข้า การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด ด้านกระทรวงการคลังโดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เพิ่มความเข้มงวดและเดินหน้าปราบปรามการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรทุกเส้นทาง กรมศุลกากรจึงเพิ่มการเฝ้าระวังการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร และการลักลอบนำยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางเรือและทางอากาศ รวมถึงการลักลอบนำยาเสพติดซุกซ่อนมากับสินค้าที่ส่งทางพัสดุไปรษณีย์ มีผลงานที่น่าสนใจ ได้แก่

  • การลักลอบนำยาไอซ์ส่งไปฮ่องกงผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ โดยเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ประมวลข้อมูลและการเฝ้าระวังพัสดุไปรษณีย์ที่มีความเสี่ยงในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดระหว่างประเทศพบพัสดุสำแดงชนิดสินค้าเป็น Pant, Dolls, Scarfs, Silk ปลายทางประเทศฮ่องกง จึงทำการตรวจสอบด้วยการ X – Ray พบความผิดปกติ จึงทำกาตรวจสอบโดยละเอียด พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์น้ำ) ซุกซ่อนในขวดคอนแทคเลนส์ น้ำหนักรวม สิ่งห่อหุ้ม 10.56 กิโลกรัม มูลค่า 6.33 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้ประสานสำนักงานศุลกากรประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง และศุลกากรฮ่องกงเพื่อดำเนินการสืบสวนปลายทางต่อไป

กรณีนี้ เป็นความผิดฐานพยายามนำยาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)
ออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 และพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 244 มาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 167

ทั้งนี้ สถิติการตรวจยึดยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในเดือนธันวาคม 2565 มีจำนวน 24 คดี มูลค่า 1,595.39 ล้านบาท สำหรับการสถิติการจับกุมยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ตั้งแต่เดือน ตุลาคม – ธันวาคม 2565 พบว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้า และส่งออกยาเสพติด โดยอันดับที่ 1 ได้แก่ เฮโรอีน มูลค่า 1,356.92 ล้านบาท รองลงมาคือ เมทแอมเฟตามีน มูลค่า 158.14 ล้านบาท และเอ็กตาซี่ มูลค่า 107.20 ล้านบาท

2 ผลการจับกุมบุหรี่
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ศุลกากร สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ได้ทำการตรวจสอบพัสดุ ณ ศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่ ตามหนังสือขอเข้าตรวจสอบพัสดุไปรษณีย์ในประเทศ จากฝ่ายสืบสวนและปราบปราม สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ผลการตรวจสอบปรากฏว่า พบพัสดุซึ่งมีเหตุอันเชื่อได้ว่า สิ่งของภายในเป็นสิ่งของที่ยังมิได้เสียค่าภาษี หลีกเลี่ยงภาษีอากร หรือของต้องกำกัดหรือของต้องห้าม หรือที่ยังมิได้
ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง ฝากส่งผ่านทางไปรษณีย์ในประเทศ เจ้าหน้าที่ศุลกากรผู้ตรวจสอบจึงทำการอายัดพัสดุหมายเลขดังกล่าวไว้และ ได้เปิดตรวจพัสดุหมายเลขดังกล่าวโดยมีเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ร่วมเป็นพยาน ผลการ
ตรวจค้นพบ บุหรี่มีถิ่นกำเนิดต่างประเทศ ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง จำนวน 39,000 มวน มูลค่า 180,732 บาท
กรณีนี้เป็นการลักลอบหนีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามมาตรา 242, 244 และมาตรา 246 ประกอบกับมาตรา 166 และ 167 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ สถิติการจับกุมบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2565 ได้แก่ 1. บุหรี่ จำนวน 110 คดี มูลค่า 3,463,728 บาท 2. บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ จำนวน 54 คดี มูลค่า 1,196,288 บาท

3 ผลการจับกุมสินค้าเกษตร
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ศุลกากร ชุดเคลื่อนที่เร็ว กองสืบสวนและปราบปราม ร่วมกับด่านศุลกากรประจวบคีรีขันธ์ ได้ร่วมกันตรวจค้นรถยนต์บรรทุก จำนวน 2 คัน บริเวณศูนย์บริการทางหลวงเขาโพธิ์ อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากสงสัยว่ามีสิ่งของที่ยังไม่ได้เสียภาษีอากรหรือมีของต้องห้ามต้องกำกัดซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์บรรทุกดังกล่าว ผลการตรวจสอบ พบกระเทียมสดบรรจุกระสอบ มีเมืองกำเนิดต่างประเทศ ไม่มีเอกสารผ่านพิธีการศุลกากรมาแสดง ขณะเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น น้ำหนักรวม 30,000 กิโลกรัม มูลค่า 1,500,000 บาท
กรณีนี้ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 242, 244, 246 และมาตรา 247 ประกอบมาตรา 166 และ 167 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ สถิติการจับกุมสินค้าเกษตรในเดือนธันวาคม 2565 มีจำนวน 61 คดี มูลค่า 5,168,554 บาท

กิจกรรมวันเด็กหลังตลาดศูนย์การค้าหนองแขม

🙏กราบขอบพระคุณ.ท่านผู้ให้การสนับสนุนทุกๆท่าน 👨‍👩‍👦‍👦🎁ด้วยชุมชนหลังตลาดศูนย์การค้าหนองแขม ในช่วงวิกฤตโควิด 19 💉งดการจัดกิจกรรมวันเด็กมาร่วม 3 ปีแล้ว คณะกรรมการผู้บริหารชุมชน.ที่ปรึกษา.มีมติในที่ประชุม. กำหนดจัดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2566 ครั้งที่ 15 ณ ที่ทำการชุมชนฯ ในวันเสาร์ ที่ 14 มกราคม 2566 เวลา 09.00 น. ถึง 12.00 น. จัดให้มีอาหาร เครื่องดื่ม.มีการมอบของขวัญ🎁พร้อมมอบ ทุนการศึกษาคนละ 100 บาท และกิจกรรมเล่นเกมส์ต่างๆแบบ.พอเพียง. (ภาคความบันเทิง พอประมาณ)😁 เพื่อมอบความสุขให้กับเด็ก👨‍👩‍👦‍👦ในชุมชม เด็กๆที่มาลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมแต่ละปีมีประมาณ 500 –700 คน ส่วนวันเด็ก👨‍👩‍👦‍👦ปีนี้เสาร์ที่14 มกราคม 2566 รับเด็กลงทะเบียน 153 คน เพื่อป้องกันโควิด 19 เพื่อลดการแออัด. 💉เว้นระยะห่าง..ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริม.ร่วมทำความดี มอบความสุขให้แด่เด็กๆเยาวชนในชุมชนฯ และเด็กๆพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งในอนาคตข้างหน้าเด็กเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญของ ประเทศชาติต่อไป เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจ♥️ให้แด่เด็กๆ. #เป้าหมาย การจัด กิจกรรม…เพื่อไม่ให้เด็กๆมายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด🚫…#ตามนโยบาย.ของชุมชน.
“ร่วมกันคิด -ร่วมกันทำ-ร่วมกันต้านภัยยาเสพติด🚫.เป็นภัยต่อชีวิต-เป็นพิษ🚫ต่อ เด็กๆและเยาวชน. 🙏กราบขอบพระคุณ.ท่านผู้ให้การสนับสนุนตามรายชื่อดังนี้.
1.นายธนกฤตเลิศไกรธนาภา(ท่านเอก) เลขาธิการสมาคมชาวนครศรีฯ2,000 บ.

  1. ท่านนายกอภิชาติ โรจน์สราญรมย์ สถาบันพัฒนา(พว) 3,000 บาท
  2. นายวิชัยโอภาสภัคธร(เฮียแว่น)
  3. ท่านดอกเตอร์ เกล้าสรวง สุพงษ์ธร ประธานสมาพันธ์ชาวใต้2,000 บาท
  4. พันตำรวจเอก สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม 2,000 บาท
  5. ท่านสุรพล เลอวิศิษฏ์ อุปนายก สมาคมชาวปักษ์ใต้ 2,000บาท
  6. พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ (นายกตลอดชีพ )1,000บ.
    8 ทานนายกสุชาติแป้นเมือง1,000บ.
  7. ท่านนายกวินัย สุทิน 1,000บ.
    9.อาจารย์สาธิตทองสม1,000บ.
  8. บริษัท c&g เตาเผาขยะ2000บาท
  9. เสี่ยหนู สนับสนุนไอศกรีมที่อร่อยในโลก 1 ถัง
    13.แจ๊กชวน ตะลิ่งทอง ไอศกรีม 1 ถัง
    14เจ๊เอ๋.จ่าอู๊ด.ร้านหลังศูนย์ ข้าวผัดไข่ฮอทดอก กระทะใหญ่พร้อมของขวัญ
  10. นายห้างด็อกเตอร์อภิวัฒน์. บริษัทมโนราห์ จำกัด ข้าวเกรียบ 700 ห่อ
  11. ร.ต.อ.ประยูร- ทนายภัณฑิลา สาระบัญญัติ 2,000
  12. กลุ่ม เพื่อนทนายวิเชียรสุขพันธ์ หมูย่างข้าวเหนียว 120 ห่อ
  13. ชะเอม แก้วตาทิพย์ สนับสนุนของขวัญ2ลังใหญ่
  14. คุณ จิระ อัศวศิริเลิศ บางบอน2,000บาท
  15. ท่านอัยการเอ็น ร่วมสนับสนุน1,000 บาท
  16. ท่านนายกอำนวยชุมชินดา1,000บาท
  17. ท่านนายกสถิตย์ ตันตาปกุล 3,000บาท
  18. เฮียชัยวัฒน์-เจ๊เจี๊ยบ สนับสนุน 1,000 บาท
  19. เสี่ยยาเจ้าของตลาดนัดหลังศูนย์ 2,000 บาท
  20. อาจารย์ประดิษฐ์ อ่อนรัก 2,000 บาท
  21. นายหัวอ๊อด ซุ้มคนค้อน 1,000บาท
  22. พี่อ๊อดชาวใต้ หนองจอก 500 บาท
  23. เจ๊แต ร้านตัดเสื้อ 1,000 บาท
  24. น้องทราย สนับสนุนขนมโดนัท 600 ชิ้น
  25. ร้านกบกะทิ สนับสนุน 5 รางวัล
  26. ร้านป้าหมูขายผลไม้สนับสนุนผลไม้.
  27. ร้านตัดเสื้อผ้าเจ๊แต 1,000 บาท
    31 ป้าดี บ้านร้านทรงไทย สนับสนุนอาหารเครื่องดื่ม
  28. ร้านป้าดาสนับสนุนข้าวไข่เจียว
  29. คุณจำเนียรปานสุข 3 รางวัล
  30. คุณวินัยประสาร สนับสนุน ขนมจีนแกงไก่
  31. ปลัดโบ้ย-เจ๊แมว ร่วมสนับสนุนอาหาร
  32. คุณยุวดี คงทอง สนับสนุนของรางวัล
  33. อาม่าขายตั๋วเครื่องบิน 15 รางวัล
  34. ป้าหมายเหล่าหบุตร 3 รางวัล
  35. เจ๊หมวยสนับสนุนของรางวัล
  36. ร้านน้องพรซักรีด 2 รางวัล
  37. ร้านเสริมสวยคุณนา 2 รางวัล
  38. ร้านทำฟันหลังศูนย์ 3 รางวัล
  39. เฮียขนุนสนับสนุน 2 รางวัล
  40. นาวาโทสุรพงษ์ เพชรแท้ สนับสนุนของขวัญ
  41. นายเฉลิมพล ตั้งทวีทรัพย์ พัดลม 1 รางวัล
  42. อาม่าโสลดา ตลิ่งทอง 5 รางวัล
  43. คุณวินัย=เจ๊ลีประสาร. ขนมจีน. แกงเขียวหวานไก่ 1 หม้อใหญ่ๆ
  44. คุณอรพิน ลิมปนาภรณ์ สนับสนุน 2 รางวัล
  45. คุณนิภาจันทานี 3 รางวัล
  46. ร้อยตำรวจโทจงรักษ์ จินา ด้านเวที
  47. ดีเจต้นน้ำสาวใต้อารมณ์ดี (พิธีกร)
  48. ด้นเพื่อชีวิต(ด้านเวที)
  49. ว่าที่ผู้หมวดปั๊ม-คุณนายเนตร สนับสนุนของขวัญ
  50. นาย บนยิ่งเจริญขุน สนับสนุนรางวัล
  51. นาง วรางคณา แซ่เบ๊( คณะกรรมการจัดงาน)
  52. น.ส.พสชนัน บุญทวีบุญยะทวีวัฒน์( คณะทำงาน)
  53. นางภาวิณี ชาญวิบูลย์เกียรติ(คณะทำงาน)
  54. คุณศลิษา สุทธิพงษ์( คณะกรรมการจัดงาน)
  55. นายสมศักดิ์เจริญขุน สนับสนุน 3 รางวัล
  56. ร้านเย็บปักสักร้อยหลังศูนย์สนับสนุนรางวัล
    📢ส่วนรายชื่อ ท่านผู้ร่วมสนับสนุน หากตกหล่น พี่หลวง จะใส่เพิ่มให้นะครับ.# ความโปร่งใส ต้องมาก่อน ต้องตรวจสอบได้. ต้องชี้แจงในที่ประชุม ให้รับทราบ. การจัดกิจกรรมวันเด็กรายรับ-รายจ่าย. ในโอกาสนี้ขออวยพรให้. ท่านสนับสนุนทุกท่าน. ขอให้มีแต่ความสุข.ความเจริญ.ร่ำรวยเงินทองมั่งมีศรีสุข🙏
    ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
    นายโชติ ประสาร (หลวงเขียว)
    ☆ประธานชุมชนหลังตลาดศูนย์การค้าฯ
    ☆ประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท.
    ☆ประธานชมรมชาวใต้หนองแขม
    ☎️โทร.089-6782338
    📢ผู้รายงานแจ้งข่าว.
    ร้อยตำรวจโทจงรักษ์ จินา
    รองประธานชมรมชาวปักษ์ใต้หนองแขม กรุงเทพมหานคร

ผบ.ตร.สั่งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เร่งตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI เรียกรับผลประโยชน์กรณีค้นสถานรับรองจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย

จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ DSI ได้เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งใน
พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งมีการแอบอ้างว่าเป็นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย แต่ภายในกลับมีคนจีนเข้า
ออกพลุกพล่าน หลังเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลแล้ว พบคนจีน 1 ราย พร้อมเงินสดจำนวน 2.5 ล้านบาท จึงได้
ทำการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อทำการตรวจสอบ ต่อมาได้มีการร้องเรียนว่า มีเงินสดที่ได้จาก
การตรวจค้นหายไปจำนวนมาก และมีการเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในบ้านเพื่อ
แลกกับการไม่ถูกจับกุม
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นกรณีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์จากการปฏิบัติ
หน้าที่ในทางทุจริต เพื่อทำข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวให้กระจ่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสง
สว่าง ผบช.น. เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและบุคคลที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวโดยด่วน
รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รวมรวมพยานหลักฐานประกอบตามกรณีดังกล่าว
จากการสืบสวนทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ
พร้อมด้วยล่ามคนจีน ได้รับการประสานจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทยในกรณีที่ นายโอนาซิส ซานริค ดาเม่
อดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย ได้เช่าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. แต่กลับมีชาวจีนเข้าออก
บ้านหลังดังกล่าวจำนวนมาก จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจ
ค้นบ้านหลังดังกล่าวในวันที่ 22 ธ.ค.65 ผลการตรวจนพบชาวจีน 2 คน พร้อมด้วยคนงานในบ้าน มีทั้งชาวไทย จีน
และเมียนมาอีก 6 คน รวมทั้งพบสุราต่างประเทศ และบุหรี่ซิการ์จำนวนหนึ่ง และยังพบเงินสดไทยจำนวนประมาณ
8 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในชาวจีนดังกล่าวคือ นายเหมา เติ้ง เผิง เป็นผู้ต้องหาตามหมายแดงของตำรวจสากล ในกรณี
เกี่ยวข้องกับแก๊งปลอมพาสปอร์ตสัญชาติหมู่เกาะมาแชลและประเทศนาอูรู แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเรียกรับ
ผลประยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว โดยได้ให้ล่ามเป็นคนไปรับเงินจากตัวแทนของชาวจีนดังกล่าว ที่ บริเวณ
ปั๊มน้ำมันบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ จำนวนเงิน 4 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยืดเงินสดจำนวน
แค่ 2.5 ล้านบาท และส่งตัวน.ส.เชี่ยง หยาง ผู้ดูแลบ้านดังกล่าว พร้อมเงินที่ตรวจยึดให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่ง
มหาเมฆ ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งถูกดำเนินคดีในกรณีไม่พกพาหนังสือเดินทาง
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่สืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับ
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของกองกำกับการสายตรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้น 16 ราย
ประกอบด้วย
1. นายตฤณ พิชิตกุญชร ผู้อำนวยการส่วนกลั่นกรองและการข่าวคดีพิเศษภาค
2. นายอนัน สีลาโคตร เจ้าหน้าที่ DSI
3. นายอดิศร สนธิวรชัย เจ้าหน้าที่ DSI
4. นายอำนาจ คำแสนเดช เจ้าหน้าที่ DSI
5. นายศุภชัย ลิ้มพิพัฒนโสภณ เจ้าหน้าที่ DS
6. ร.ต.อ.ณรงค์เดช พิทักษ์ประชาชน
7. ร.ต.ท.สุรินทร์ เอียดแก้ว
8. ด.ต.สุภชัย สุรยัพ
9. ด.ต.ปกิต มูลเพ็ญ
10. จ.ส.ต.จีระ เลขะสันต์
11. จ.ส.ต.อรรถรินทร์ วิริยะพันธ์
12. จ.ส.ต.ธรรมนูญ จันทร์นวล
13. จ.ส.ต.สิทธิพงษ์ ทวีสิน
14. ส.ต.อ.ธวัชชัย สายพันธุ์
โดยจะดำเนินคดีในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับ
ตนเองหรือผู้อื่นโดยมีชอบ ,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้า
พนักงานร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสีย
หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
15. ส.อ.มนตรี ฮวดเจริญ เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ
16. นายอู่ จิน หลง สัญชาติจีน ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาจีนของ DSI
และ ดำเนินคดีในข้อหา สนับสนุนให้เจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่น
ใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ,สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดย
ชอบ ,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อน
เร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว 16 นาย ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธ
ตลอดข้อกล่าวหา และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักประกัน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI ได้รับการประสานให้เข้าไป
ตรวจสอบบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรู ซึ่งถูกใช้เป็นแหล่งช่องสุมของชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย แต่เมื่อมี
การตรวจค้นพบผู้ต้องหาแล้ว กลับมีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
จึงได้สั่งการให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ รัฐและบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด หลังจากนี้จะทำการขยายผลจับกุมผู้ที่
เกี่ยวข้อง และผู้ต้องหาที่หลบหนี นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ เป็นประธานเปิดงานสมาคมชาวใต้บางใหญ่สัมพันธ์ ครั้งที่ 1

วันที่ 15 ม.ค. 2566 เวลา 20.39 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานเปิดงานสมาคมชาวใต้บางใหญ่สัมพันธ์ ครั้งที่ 1 และรับมอบเงินสนับสนุนเพื่อบริหารสมาคมฯ ณ สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนกาญจนาภิเษก เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร
สมาคมชาวใต้บางใหญ่ นนทบุรี ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์รวมของพี่น้องชาวใต้ที่อาศัย ในอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี และสมาชิกชาวใต้ในทุกๆส่วน โดยมีวัตถุประสงค์
-เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างสมาชิก
-เพื่อช่วยเหลือส่งเสริมการศึกษา การประกอบอาชีพและสวัสดิการของสมาชิก
-เพื่อส่งเสริมฟื้นฟู เผยแพร่และสืบทอดศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันงดงามของชาวใต้
-เพื่อร่วมกับหน่วยงานราชการ สมาคม สมาพันธ์ ชมรมต่างๆในการดำเนินกิจกรรมด้านสาธารณกุศลและสังคมสงเคราะห์สำหรับชาวใต้บางใหญ่ นนทบุรี และประชาชนทั่วไป
-เพื่อเป็นศูนย์รวมในการพบปะสังสรรค์ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและดำเนินกิจกรรมอื่นๆของสมาชิก

ผบ.ตร.สั่งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เร่งตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI เรียกรับผลประโยชน์ กรณีค้นสถานรับรองจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย

จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ DSI ได้เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งมีการแอบอ้างว่าได้รับการรับรองจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย แต่ภายในกลับมีคนจีนเข้าออกพลุกพล่าน หลังเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลแล้ว พบคนจีน 1 ราย พร้อมเงินสดจำนวน 2.5 ล้านบาท จึงได้ทำการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อทำการตรวจสอบ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้ว นั้น

ต่อมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมายื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยให้ข้อมูลว่า แท้จริงแล้วได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 10 นาย และเจ้าหน้าที่ DSI 3 นาย ร่วมกันเข้าค้นบ้านในวันดังกล่าว โดยตรวจพบบุคคลสัญชาติจีนในบ้านหลังดังกล่าวมากถึง 11 คน รวมทั้งยังพบเงินสดภายในบ้านอีกกว่า 10 ล้านบาท แต่เจ้าหน้าที่กลับเรียกรับผลประโยชน์จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวคนจีนทั้ง 11 คน และนำตัวหญิงชาวจีนซึ่งเป็นคนดูแลบ้าน พร้อมเงินสดเพียง 2.5 ล้านบาท ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบ

ล่าสุด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว ซึ่งพบว่ามีเหตุการณ์ตามที่กล่าวเกิดขึ้นจริง จึงได้สืบสวนขยายผลจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 เจ้าหน้าที่ DSI รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 16 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จำนวน 15 นาย ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักประกัน

ในวันจันทร์ที่ 16 ม.ค.66 นี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะมีการประชุมเร่งรัดคดี รวมทั้งมีการแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีดังกล่าว ณ สน.ทุ่งมหาเมฆ ในเวลา 13.00 น. จึงขอเรียนเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการแถลงความคืบหน้าดังกล่าว ตามวันเวลาที่แจ้งให้ทราบต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร.ร่วมกิจกรรมงานวันเด็ก แฟลตตำรวจลาดยาวร่วมกิจกรรมมอบความสนุกสนาน และ ดูแลความปลอดภัยงานวันเด็ก

วันที่ 14 มกราคม 2566 เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาเป็นประธานการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 ที่อาคารบ้านพักส่วนกลาง (ลาดยาว) โดยมีข้าราชการตำรวจ พร้อมครอบครัวตำรวจที่พักอาศัยในบ้านพักส่วนกลางลาดยาวให้การต้อนรับ ภายในงานมีกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนตลอดจนบุตรหลานข้าราชการตำรวจร่วมสนุก อาทิ กิจกรรมระบายสีตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ กิจกรรมตอบคำถามชิงรางวัล กิจกรรมเล่นเกมชิงรางวัล และกิจกรรมจับฉลากของรางวัลรถจักรยานกว่า 80 คัน ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานร่าเริงของเด็กๆ ที่มาร่วมงาน โดยส่วนใหญ่เป็นครอบครัวของตำรวจที่พักอาศัยแฟลตลาดยาว และมีบางส่วนเป็นเด็กๆ ที่พักอาศัยอยู่บริเวณข้างเคียง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางไปปลอบขวัญพ่อและแม่ของชายวัย 15 ปีที่ถูกหลอกให้ลงทุน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางไปปลอบขวัญพ่อและแม่ของชายวัย 15 ปีที่ถูกหลอกให้ลงทุนทำภารกิจออนไลน์จนขาดทุนและผูกคอตายที่พื้นที่อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี โดยมีพ่อแม่และพี่สาวของผู้เสียชีวิต ถือรูปถ่ายของผู้เสียชีวิตคอยอยู่ที่ ห้องเช่าเล็กๆ

วันนี้ (13 ม.ค.65 ) เวลาประมาณ 14.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการจับกุมตัวการใหญ่ ซึ่งยังอยู่ในประเทศกัมพูชาให้ได้โดยบอกว่าการหลอกลวงจะสำเร็จได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนไทยให้ความร่วมมือแค่ไหน หากคนไทยไม่ให้ความร่วมมือโอกาสที่จะหลอกลวงคนในชาติเดียวกันก็เป็นไปได้น้อย

ขณะที่ พี่สาวของผู้เสียชีวิตขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่พยายามจับกุมคนร้ายได้ครบตามจำนวน ก่อนที่จะเผาน้องชายและลอยอังคารเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทำตามเจตนารมย์ของผู้วายชนม์

ทั้งนี้ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้สึกคาดหวังว่าจะสามารถจับกุมได้ยกแก๊งค์ขนาดนี้ พร้อมกับฝากเตือนไปยังอีกหลายครอบครัว หากคิดจะลงทุนหรือถูกหลอกลวงแล้วครอบครัวเป็นด่านสำคัญที่จะช่วยกันคิดแก้ปัญหาและยืนเคียงข้างกันดังนั้นจึงไม่อยากให้ปกปิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพราะท้ายที่สุดอาจโชคร้ายเหมือนน้องชาย

รวบแก๊งนักธุรกิจแดนโสม ปั่นหุ้น หลอกลงทุน เพื่อนร่วมชาติ มูลค่าความเสียหายกว่า 1,600 ล้านบาท หลบหนีซุกประเทศไทย

สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. พิจารณาดำเนินการ กรณีกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการประสานงานจากกงสุลฝ่ายตำรวจ สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ขอให้ผลักดันผู้ต้องหาตามหมายจับสาธารณรัฐเกาหลี และเป็นบุคคลที่ต้องการตัวของทางการสาธารณรัฐเกาหลีตามประกาศตำรวจสากลสีแดง (INTERPOL Red Notice) จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1. MR.KIM หรือ นาย คิม อายุ 54 ปี 2. MR.YANG หรือ นาย หยาง อายุ 60 ปี 3. MR.YE JUN หรือ นาย เย จุน อายุ 51 ปี ซึ่งได้ร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะหลอกลงทุน และปั่นหุ้น ต่อมาเมื่อประชาชนมาลงทุนแล้ว จึงได้ยักยอกเงินที่ได้หลบหนีมายังประเทศไทย มีผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 6 หมื่นล้านวอน หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท เมื่อประมาณต้นเดือน ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. ได้จับกุม MR.YE JUN หรือ นาย เย จุน อายุ 51 ปี ในข้อหา "เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (overstay)" หนึ่งในสมาชิกแก๊ง นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี โดยคดียังอยู่ในชั้นศาล ต่อมา เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 66 เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. นำโดย พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม., ร.ต.อ.อดิศร บุญชุ่ม รอง สว.กก.ปอพ.บก.สส.สตม. พร้อมกำลัง ได้ร่วมกันจับกุม 1. MR.KIM หรือ นาย คิม อายุ 54 ปี 2. MR.YANG หรือ นาย หยาง อายุ 60 ปี นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดี ในข้อหา "เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (overstay)" พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันสืบสวนติดตาม นาย คิม อายุ 54 ปี และ นาย หยาง อายุ 60 ปี ซึ่งเป็น 2 ผู้ต้องหา ที่ยังติดตามจับกุมไม่ได้ โดยได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สตม. พบว่า นาย คิม เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 65 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผผ.90 และสิ้นสุดการอนุญาตวันที่ 22 ต.ค. 65 และ นาย หยาง เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 65 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผผ.90 และสิ้นสุดการอนุญาตวันที่ 31 ต.ค. 65 ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่า นาย คิม และ นายหยาง ได้หลบหนีไปอยู่ด้วยกันที่ คอนโดหรูย่านสุขุมวิท จึงได้ไปตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 คน ได้ย้ายที่พักหลบหนีหลังจากที่ นาย เย จุน หนึ่งในสมาชิกถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนติดตามจนกระทั่ง ได้พบบุคคลสัญชาติเกาหลีตำหนิรูปพรรณคล้าย นาย คิม และ นายหยาง ที่บริเวณสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งย่านจังหวัดปทุมธานี จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า ไม่ปรากฎข้อมูลการขออยู่ต่อ จึงได้เชิญตัวมายัง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อตรวจสอบข้อมูลในเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. ผลการตรวจสอบไม่พบข้อมูลการขออยู่ต่อ จึงแจ้งข้อหาและจับกุมดำเนินคดีดังกล่าว จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์เป็นนักธุรกิจอุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่ประเทศเกาหลีใต้ มีการเข้าซื้อบริษัทใหญ่และเป็นเจ้าของถึง 5 บริษัท มีการเปิดขายหุ้นบริษัท สร้างความน่าเชื่อถือ

โดยนำเสนอข้อมูลบริษัทและผลประกอบการเท็จ เป็นเหตุให้ประชาชนหลงเชื่อ เข้ามาลงทุน อันเป็นลักษณะการปั่นหุ้น จากนั้นจึงได้หลบมาหนีมายังประเทศไทย

Design a site like this with WordPress.com
Get started