ผบ.ตร.เซ็นส่งสำนวนคดีนายตู้ห่าวกับพวก ให้อัยการสูงสุดพิจารณา มั่นใจพยานหลักฐานแน่นหนา เอาผิดเครือข่ายทุนจีนสีเทาได้

วันศุกร์ที่ 13 ม.ค.66 เวลา 9.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน สำนวนคดีนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวก เดินทางไปส่งสำนวนคดี “ตู้ห่าว” ให้อัยการสูงสุด ณ สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารแจ้งวัฒนะ
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯผบ.ตร.กล่าวว่า “ คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ที่ บช.น. นำกำลังเข้าตรวจค้นผับจินหลิง พบและยึดยาเสพติด พร้อมอุปกรณ์การเสพหลายรายการเป็นของกลางพร้อมจับกุมตัวผู้ต้องหาที่มั่วสุมเสพยา และจำหน่ายยาเสพติด นำสง พงส. สน.ยานนาวา ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาศาลได้ออกหมายจับนายตู้ห่าวกับพวก ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดและสมคบ และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมทั้งขยายผลสืบสวนจับกุมบุคคลผู้เกี่ยวข้อง คดีนี้เป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้กับตน

เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบร่วมกันทำการสอบสวนกับ พงส. ในสังกัด 4 กองบัญชาการประกอบด้วย บช.น. บช.ก. บช.สอท. บช.ปส. และร่วมกับพนักงานอัยการทำการสอบสวนคดีนี้
บัดนี้การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ทางคดีมีการสอบสวนพยานบุคคล 444 ปาก สืบพยานล่วงหน้า 20 ปาก ตรวจยึดทรัพย์สิน 5,345 ล้านบาท มีพยานเอกสาร พยานนิติวิทยาศาสตร์ และอื่นๆกว่า 67 แฟ้ม จำนวน 26,892 แผ่น สอบสวนผู้ต้องหา ทั้งหมด 43 คน แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 38 คน นิติบุคคล 5 ราย
ในส่วนของบุคคลธรรมดา 38 คน จับกุมดำเนินคดีแล้ว 20 คน ยังหลบหนี 18 คน ได้สั่งการให้เร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคลอีกจำนวน 5 บริษัทแจ้งข้อหาดำเนินคดีแล้วเช่นกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับสั่งการเน้นย้ำให้ดำเนินคดีตรงไปตรงไป ตามพยานหลักฐานอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดของกลุ่มเครือข่ายทุนจีนสีเทา
วันนี้กระผมในฐานะพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ พร้อมคณะพนักงานสอบสวนได้นำสำนวนการสอบสวน มาส่งมอบให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาต่อไป มั่นใจสำนวนแน่นหนาครบถ้วน เพียงพอในการสั่งฟ้องลงโทษผู้ต้องหาได้
ขอขอบคุณคณะพนักงานอัยการ ที่ร่วมทำการสอบสวนคดีนี้ ขอบคุณ ปปส.ปปง.ที่ร่วมสืบสวนและสนับสนันข้อมูล ขอบคุณพี่น้องประชาชน สื่อมวลชนที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้คณะทำงาน รวมทั้งคุณชูวิทย์ที่คอยสนับสนุนข้อมูล ทำให้คดีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี “

รอง ผบ.ตร.เป็นประธานในพิธีมอบใบรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการทดสอบ ISO/IEC 17025 กลุ่มงานตรวจชีววิทยาและดีเอ็นเอ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ

วันนี้ (12 ม.ค.2566) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(สส) เป็นประธานในพิธีมอบใบรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการทดสอบ ISO/IEC 17025 กลุ่มงานตรวจชีววิทยาและดีเอ็นเอ ของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โดย สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ และงานตรวจพิสูจน์ ด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชนอย่างมีมาตรฐานสากล

ซึ่งสถาบันฝึกอบรมและวิจัยการพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สฝจ.) สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้ดำเนินโครงการยื่นตรวจสอบรับรองห้องปฏิบัติการทดสอบมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025:2017 ด้านการตรวจพิสูจน์ชีววิทยาและดีเอ็นเอ การตรวจพิสูจน์สารระเบิด จำนวน 5 ห้องปฏิบัติการ ปัจจุบันได้รับการรับรองมาตรฐานต้านการตรวจพิสูจน์ชีววิทยาและ ดีเอ็นเอแล้ว จำนวน 3 ห้องปฏิบัติการ จากสำนักมาตรฐาน ห้องปฏิบัติการ (สมป.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และอยู่ระหว่างดำเนินการด้านการตรวจพิสูจน์สารระเบิด 2 ห้องปฏิบัติการ สำหรับพิธีมอบใบรับรองฯ ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก Mr.Gregoly Shaw Director International Narcotics and Law Enforcement Bangkok Office (คุณเกร็กอรี่ ชอว์ ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและยาเสพติด )เข้าร่วมงานเป็น สักขีพยาน การได้รับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการทดสอบ ISO/EC 17025 กลุ่มงานตรวจชีววิทยาและดีเอ็นเอ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 และศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ จาก นายแพทย์ ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

โดยโครงการตรวจสอบรับรองห้องปฏิบัติการทดสอบตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025:2017 ด้านการตรวจพิสูจน์ชีววิทยาและดีเอ็นเอ การตรวจพิสูจน์สารระเบิด มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพ ห้องปฏิบัติการให้มีมาตรฐานเทียบเท่ากับระดับสากล เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ที่มีต่อสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าจะได้รับการบริการที่โปร่งใส เป็นกลาง ด้วยหลักวิชาการที่ทันสมัย ถูกต้อง และเท่าเทียมกันอย่างยุติธรรม

ทั้งนี้ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เป็นหน่วยงานหลัก ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้บริการด้านการ ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเก็บรวบรวมวัตถุพยาน เพื่อสนับสนุนงานสืบสวน สอบสวน ให้สามารถหาตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างตรงไปตรงมา ดังนั้น กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุจึงเป็นกลุ่มงานแรกที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจมุ่งเน้นพัฒนาวิธีการเข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วย 12 ขั้นตอนหลัก ของ FBI และได้รับการรับรองมาตรฐานหน่วยตรวจ ISO/IEC 17020 ในขอบข่ายการตรวจ สถานที่เกิดเหตุในคดีเกี่ยวกับทรัพย์ ในปี 2556 และในปี 2557 ได้ขยายขอบข่ายการรับรองด้านการตรวจ สถานที่เกิดเหตุเกี่ยวกับชีวิต และระเบิด ไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส และเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ

ในปี 2561 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจได้ ขยายขอบข่ายการรับรองมาตรฐานหน่วยตรวจไปทุกศูนย์ทั่วประเทศ โดยสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เป็นเพียง หน่วยงานเดียว ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานหน่วยตรวจ ISO/IEC 17020 ด้านการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ของประเทศในขณะนี้ โดยการตรวจสอบรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ และการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญจาก National Association of Testing Authorities; NATA ประเทศออสเตรเลีย และยังได้การรับรองมาตรฐานงานตรวจพิสูจน์ ด้านอื่นๆ อาทิ การตรวจพิสูจน์ยาเสพติด การตรวจพิสูจน์ อาวุธปืนและเครื่องกระสุน การตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือ ฝ่ามือ ฝ่าเท้าแฝง การตรวจพิสูจน์เอกสาร

สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากฝ่ายความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและยาเสพติด (INL) โดยสถานทูตสหรัฐอเมริกา ในการจัดทำมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ทดสอบ ISO/IEC 17025 ด้านการตรวจชีววิทยาและดีเอ็นเอ และการตรวจพิสูจน์สารระเบิด พร้อมกันทั้ง 5 ห้องปฏิบัติการ เริ่มตั้งแต่สนับสนุนการฝึกอบรมโดยวิทยากรจาก FBI และผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีกหลายสาขาจากต่างประเทศ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนการสอบเทียบ ซ่อมบำรุงเครื่องมือวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ จัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับทั้ง 5 ห้องปฏิบัติการ และกิจกรรมอื่นๆ จนกระทั่งได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ปัจจุบันมีห้องปฏิบัติการได้รับการรับรองเพิ่มอีก 3 ห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ห้องปฏิบัติการทดสอบด้านชีววิทยาและดีเอ็นเอ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 และศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 สำหรับการ ตรวจพิสูจน์สารระเบิดอีก 2 ห้องปฏิบัติการ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจตั้งเป้าให้ได้รับการรับรองภายในปี 2566 นี้ โดยมีสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นผู้ตรวจสอบรับรอง และในอนาคตสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจยังมุ่งเน้นการขยายขอบข่ายการรับรองมาตรฐานไปยังงานตรวจพิสูจน์ด้านอื่นๆ ให้ครบถ้วนตามยุทธศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 517 จุด กวาดล้างอาวุธในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8


เตรียมพร้อมเปิดประเทศรอรับนักท่องเที่ยว 2 ชายฝั่ง อันดามันและอ่าวไทย
แถลงผลการปิดล้อมตรวจค้น ณ ตำรวจภูธรภาค 8
วัน พุธ ที่ 11 มกราคม 2566 เวลา 13.30 น.

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมีจำนวนลดน้อยลงมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย ในภาพรวม แต่ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มคลี่คลายลง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลก ที่หลายประเทศได้เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคและเปิดประเทศควบคู่ไปกับ การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลอดจนกิจกรรมเทศกาลปีใหม่ 2566 ซึ่งตามพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ล้วนเป็นพื้นที่ที่ชาวต่างชาติและชาวไทย นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก เช่น จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา เป็นต้น
ในการนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้กำหนดและวางมาตรการในการดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ในปีงบประมาณ 2566 โดยได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ให้ดำเนินการ ตามมาตรการเชิงรุก ลดอาชญากรรมในพื้นที่ สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในภาพรวม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน จึงได้มีการวางแผนในการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น ผู้มีอิทธิพล อาวุธปืน ยาเสพติด วัตถุระเบิด ค้าประเวณี โจรกรรมรถ โดยให้ทุกหน่วยในสังกัด ภ.8 รวบรวมพยานหลักฐานในการขออนุมัติหมายค้นต่อศาลเข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายทั้งห้องเช่า เกสเฮ้าส์ บ้านพัก รีสอร์ท แหล่งมั่วสุมอาชญากรรมทุกรูปแบบที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและนักท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 19 – 23 ธ.ค.65 กว่า 517 เป้าหมายใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย

  • ภ.จว.สุราษฎร์ธานี จำนวน 112 เป้าหมาย
  • ภ.จว.นครศรีธรรมราช จำนวน 88 เป้าหมาย
  • ภ.จว.ชุมพร จำนวน 79 เป้าหมาย
  • ภ.จว.กระบี่ จำนวน 75 เป้าหมาย
  • ภ.จว.ภูเก็ต จำนวน 66 เป้าหมาย
  • ภ.จว.พังงา จำนวน 54 เป้าหมาย
  • ภ.จว.ระนอง จำนวน 43 เป้าหมาย
    ผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นในห้วงเวลาดังกล่าว สามารถตรวจเก็บ DNA บุคคลเป้าหมาย 415 ราย, จับกุมอาวุธปืน 88 กระบอก กระสุนปืน 1,199 นัด, ยาเสพติด 377 ราย (ยาบ้า 430,029 เม็ด และยาไอซ์ 305 กรัม), จับตามหมายจับ 71 ราย รวมผู้ต้องหาทั้งหมด จำนวน 619 ราย โดยมีการจับกุมอาวุธปืนมากสุดในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 32 กระบอก ตามมาด้วยจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 19 กระบอก และจังหวัดชุมพร จำนวน 14 กระบอก
    การปิดล้อมตรวจค้น 517 เป้าหมายใน ภ.8 ในครั้งนี้เป็นนโยบายที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ให้ไว้ในที่ประชุมบริหาร ตร. เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2565 โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา ให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว รองรับการเปิดประเทศและเทศกาลปีใหม่ 2566 โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญซึ่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและประชาชนชาวไทยนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว ที่ผ่านมามีการระดมปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ ภ.8 อย่างต่อเนื่องและจริงจังมาโดยตลอด ทำให้พื้นที่ท่องเที่ยวภาคใต้ของประเทศไทยปลอดภัย จากอาชญากรรมต่างๆ มากขึ้น พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวและลดปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ ให้ประชาชนอยู่กับอย่างสงบสุข
    ขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8, ผบก.สส.ภ.8, ผบก.ภ.จว.ฯ ทุก ภ.จว., หน.สภ.ฯ ในสังกัด ภ.8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติทุกนาย ที่ร่วมกันปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ จนมีผล การปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบาย ตร. และขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมตรวจ ผลการปฏิบัติครับ

พล.ต.ท.เสนิต สำราญสำรวจกิจผบช.รร.นรต.

วันนี้ (11 ม.ค.66) เวลาประมาณ 14.00 น.

พลตำรวจโท เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการว่าด้วยการศึกษา การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม 5G – AI

ได้มาร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการว่าด้วยการศึกษา การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม 5G – AI เพื่อกิจการงานตำรวจ ระหว่างโรงเรียนนายร้อยตำรวจ กับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์

โดยมี
-ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล
คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
-ศ.ดร.ธวัชชัย ชรินพาณิชกุล
รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พร้อมด้วยผู้บังคับการ, คณบดี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี

ณ ห้องสามพราน รร.นรต.

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บินตรวจความคืบหน้าคดีครูโรงเรียนนานาชาติกระทำอนาจารเด็กอนุบาล

จากกรณีเมื่อวันที่ 22 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ผู้ปกครองได้พาตัวเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ให้ดำเนินคดีกับ ครูโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง กล่าวหาว่าถูกครูรายดังกล่าวกระทำอนาจารหลายครั้ง ขอให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด นั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ศรัญญู ชำราญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีดังกล่าวอย่างละเอียดรอบคอบ สอบสวนปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
จากการซักถามปากคำเด็กร่วมกับสหวิชาชีพแล้วให้การว่า ได้ถูกคุณครูที่โรงเรียนนานาชาติที่ตนศึกษาอยู่ กระทำอนาจารโดยการจับอวัยวะเพศหลายครั้ง โดยเกิดเหตุในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดเกาะสมุย และจับกุมตัวครูดังกล่าวมาดำเนินคดีในความผิดฐาน “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและกระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก” รวมทั้งตรวจค้นที่พัก โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นครูรายดังกล่าวให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ต่อมาวันนี้ (11 ม.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมายัง สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าในการรวบรวมพยานหลักฐานและทำสำนวนคดีดังกล่าว โดยพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งฟ้องเสนอพนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุยไปแล้วเมื่อวันที่ 6 ม.ค.66 ที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้ต้องหาอยู่ในขั้นตอนการฝากขังต่อศาลจังหวัดเกาะสมุยครั้งที่ ๓

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน ซึ่งเป็นเหตุระหว่างเด็กเล็กชั้นอนุบาล ซึ่งถูกคุณครูกระทำอนาจาร เป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อนมาก จึงได้กำชับให้ฝ่ายสอบสวนใช้ความละเอียดรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องให้ได้รายละเอียดให้มากที่สุด รวมทั้งให้ฝ่ายสืบสวนดำเนินการแสวงหาพยานหลักฐาน ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน ซึ่งขณะนี้ได้มีการสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหา และเสนอสำนวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชน ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันดูแลบุตรหลานของท่าน รวมทั้งคอยสังเกตและคอยพูดคุยกับบุตรหลานเป็นประจำ หากพบเหตุเด็กและเยาวชนถูกล่วงละเมิด สามารถแจ้ง 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถแจ้งความต่อสถานีตำรวจพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือได้ทันที

กรมศุลกากร ตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน)น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 51 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

กรมศุลกากรยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน) ซุกซ่อนในแผ่นพลาสติกใส
ม้วนอยู่ภายในพรม เตรียมส่งต่างประเทศ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 51 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ

วันนี้ (10 มกราคม 2566) เวลา 14.00 น. นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รองอธิบดีกรมศุลกากรรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร นายถวัลย์ รอดจิตต์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม พ.ต.อ.ณรัชต์พล เลิศรัชตะปภัสร์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และหน่วย SITF โดยนายธัญญาวิทย์ พราวพิจักขณากูล ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนทางการเงิน สำนักปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พ.ต.อ.เส้นชัย ฟู่เจริญ ผกก.3 บก.ปส.1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และ พ.อ.มารุต
เปล่งขำ ผอ.กอง 12 สปข. ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย (ศรภ.) ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน) ส่งออกปลายทางฮ่องกง น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 51 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดทั้งการผลิต การนำเข้า การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย และสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการ
การทำงานร่วมกัน เพื่อปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด ด้านกระทรวงการคลัง โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เพิ่มความเข้มงวดและเดินหน้าปราบปรามการลักลอบนำ
ยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรทุกเส้นทาง กรมศุลกากรจึงเร่งรัดดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบเคลื่อนย้ายยาเสพติดข้ามชาติให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม

โดยเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 กองสืบสวนและปราบปราม ร่วมกับ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรมศุลกากร และหน่วย SITF ตรวจสอบสินค้าต้องสงสัยที่มีความเสี่ยงสูงในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปยังต่างประเทศ โดยสำแดงชนิดสินค้าเป็นพรม (THAI PURE COTTON CARPET) ส่งออกทางท่าเรือกรุงเทพ ประเทศไทย ปลายทางฮ่องกง จากผลการวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์พบความผิดปกติ จึงได้ดำเนินการตรวจสอบทางกายภาพ
โดยละเอียด พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน) ในลักษณะซุกซ่อนในแผ่นพลาสติกใส
ม้วนอยู่ภายในพรม น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 51 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท จึงได้ร่วมกับหน่วย SITF
โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย (ศรภ.) ตรวจยึดพร้อมทั้งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องต่อไป

กรณีเป็นความผิดฐานพยายามส่งออกยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน) ออกไป
นอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้
รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 ประกอบมาตรา 252, 166 และ 167 ประกอบประมวลกฎหมายยาเสพติด
สำหรับสถิติการจับกุมยาเสพติดทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2566 กรมศุลกากร ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา จำนวน 42 ราย มูลค่า 187,484,050 บาท

กรมศุลกากร ยึดใบพืช “Khat”น้ำหนัก 5,600 กิโลกรัม มูลค่าของกลาง 60 ล้านบาท


วันนี้ (วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566) เวลา 14.00 น. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดี

กรมศุลกากร แถลงข่าวการตรวจยึดใบพืช “Khat” (ใบคัตอบแห้ง) นำเข้าจากต่างประเทศ น้ำหนัก 5,600 กิโลกรัม มูลค่าของกลาง 60 ล้านบาท ณ กรมศุลกากร คลองเตย นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดทั้งการผลิต การนำเข้า การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย และสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด ด้านกระทรวงการคลัง โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เพิ่มความเข้มงวดและเดินหน้าปราบปรามการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรทุกเส้นทาง กรมศุลกากรจึงเพิ่มการเฝ้าระวังการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางเรือและทางอากาศ ซึ่งที่ผ่านมามีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาและออกนอกราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง สำหรับวันนี้ (วันที่ 9 มกราคม 2566) สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง

กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกันตรวจสอบตู้สินค้านำเข้า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พบใบขนสินค้าขาเข้าสำแดง รายการที่ 1 ผงใบมะรุม (MORINGA LEAVES) ประเทศกำเนิด KENYA ปริมาณ 420.000 CT น้ำหนัก 5,600.000 KGM ในฐานะพรรณไม้และส่วนของพรรณไม้ (รวมถึงเมล็ดและผล) อื่น ๆ ตัด บด หรือทำเป็นผง
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบสินค้าพบ ลักษณะทางกายภาพเป็นใบพืชแห้งแยกบรรจุ
ในถุงบรรจุภัณฑ์พลาสติกสีเงินและพลาสติกใส บรรจุในลังกระดาษสีน้ำตาล ที่ถุงบรรจุภัณฑ์ติดฉลาก
ทั้งสองด้าน ฉลากด้านหน้า เขียนระบุ MORINGA DRY TEA LEAF และฉลากด้านหลังมุมขวาด้านล่าง
มีการเขียนระบุชื่อผู้ผลิต และมีการแสดงข้อความตัวอักษรหนาในกรอบสี่เหลี่ยมว่า Product of Thailand
ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าสินค้าผลิตในประเทศไทย
เมื่อตรวจสอบเอกสารใบรับรอง Phytosanitary Certificate ที่ผู้นำเข้านำมาแสดงขณะนำเข้าระบุชื่อพืชพฤกษศาสตร์เป็น “CATHA EDULIS” ซึ่งไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าสินค้าเป็นชนิดใด จึงชักตัวอย่างสินค้าส่งสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามยาเสพติด รายงานผลตรวจพบสินค้าเป็น “ใบพืช Khat” ประกอบด้วยสารคาทิโนนและสารคาทีน จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 และประเภท 2 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564
(มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท) ซึ่งปริมาณใบ “Khat” (ใบคัตอบแห้ง) ที่ทำการยึดในครั้งนี้ น้ำหนัก 5,600 กิโลกรัม มูลค่าของกลาง 60 ล้านบาท
ใบคัต (Khat) หรือแกต เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบแอฟริกาและคาบสมุทรอาหรับ องค์การอนามัยโลกจัดให้เป็นพืชเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในระดับอ่อนถึงปานกลาง การบริโภคใบคัตอาจทำให้เสพติด หรือส่งผลต่อสุขภาพแบบเฉียบพลัน คือ โรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน หรืออาจเสียชีวิตได้
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่าการกระทำดังกล่าว เป็นกรณีความผิดฐานพยายามนำเข้าซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ ตามมาตรา 149 (1) (2) แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 พ.ศ. 2565 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 พ.ศ. 2565 และกรณีเป็นความผิดฐานนำของหัตถกรรมใด ๆ ที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามมาตรา 5 ประกอบ มาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.ห้ามนำของที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา พุทธศักราช 2481 ทั้งนี้ เป็นความผิดฐานนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้าม
อันเกี่ยวกับของนั้น ตามมาตรา 202 และมาตรา 244 ประกอบมาตรา 252 มาตรา 166 และ 167 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และยึดของกลางเพื่อสืบสวนขยายผลต่อไป
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า สำหรับสถิติการจับกุมยาเสพติด “Khat” (ใบคัตอบแห้ง) ตั้งแต่ 2556 – 2565 จำนวน 115 คดี จำนวน 6,744 กิโลกรัม มูลค่า 69,459,230 บาท และการจับกุมยาเสพติดทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2566 กรมศุลกากร ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 – 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 41 ราย มูลค่า 127,484,050 บาท

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ผบช.สตม. แถลงคดีรวบหนุ่มแดนมังกรและคดีฉ้อโกงประชาชน

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สรร พูลศิริ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน 
ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม.,
พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ  สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.


          คดีที่ 1 “รวบหนุ่มแดนมังกรสวมรอยเป็นนักธุรกิจต่างประเทศชักชวนหลอกลงทุนความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท”
           เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม, กก.1 บก.สส.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันจับกุมตัว   MR.Shangguan หรือ นายฉางกวน (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พฤติการณ์กล่าวคือ  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามบุคคล ราย MR.Shangguan หรือ นายฉางกวน อายุ 44 ปี   ซึ่งได้รับการขอร้องให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญจากสำนักงานกงสุล(ฝ่ายตำรวจ) ณ นครคุณหมิง โดยผู้ต้องหารายดังกล่าว ได้ฉ้อโกงประชาชน  มีมูลค่าความเสียหาย กว่า 1,400 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาได้เปิดบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศและทำการชักชวนให้ประชาชนเข้าทำการลงทุน ซึ่งเป็นการหลอกลวง ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่ที่ จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้เดินทางมาตรวจสอบ พบบุคคลมีตำหนิรูปพรรณคล้าย MR.Shangguan จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้ต้องหารับว่าตน คือ MR.Shangguan  อายุ 44 ปี ไม่มีหนังสือเดินทางจริง และรับว่าได้หลบหนีเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาที่ประเทศไทย  จึงได้ให้ดูหมายจับประเทศจีน รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันในหมายจับดังกล่าวจริง และจากการตรวจค้นตัว พบโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวมาจากประเทศจีน,เอกสาร

ใบขับขี่สากลสัญชาติไต้หวันปลอมที่สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ และ เอกสารแบบรับรองรายการทะเบียนประวัติ ของคนต่างด้าวฯ ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษ โดยแสดงข้อมูลถึงชื่อบุคคลอื่นและสัญชาติอื่น แต่เป็นรูปของ Mr.Shangguan ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จ สอบถาม MR.Shangguan ให้การรับว่าเป็นของตนจริง จึงได้ทำการตรวจยึดและนำตัว MR.Shangguan ส่งพนักงานสอบสวน บก.ตม.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


         คดีที่ 2 “รวบผู้ต้องหาต่างด้าวหนีคดีฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายร่วม 600 ล้านบาท”
         ตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณาดำเนินการกับนายจง (นามสมมติ) คนต่างด้าวซึ่งเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับและต้องการตัวไปดำเนินคดี  ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน โดยมีพฤติการณ์กระทำผิด คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา นายจง ได้ร่วมกับเพื่อนเปิดบริษัทและจ้างพนักงานมาทำหน้าที่โทรศัพท์หาลูกค้าเพื่อหลอกให้มาร่วมลงทุน โดยอ้างว่าบริษัทเป็นบริษัทที่สามารถทำบัตรเครดิตได้จำนวนมาก มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ
600 ล้านบาท และนายจงได้หลบหนีมายังประเทศไทย  
          กก.1 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนและตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายจง ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2562 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว 60 วัน  และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปถึงวันที่ 20 ก.ย.2566 จึงได้เสนอขอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายจง เนื่องจากเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มีพฤติการณ์สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จากนั้นได้สืบสวนติดตามหาตัวนายจง ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดนนทบุรี จนทราบว่า นายจง
จะเดินทางไปทำธุระที่ อ.บางกรวย จว.นนทุบรี จึงได้ประสานงานกับ ตม.จว.นนทบุรี เพื่อติดตามหาตัวนายจงจนกระทั่งพบนายจง จึงได้แจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ทราบ และนำตัวส่ง
กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรต่อไป  
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด
กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด
จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ http://www.immigration.go.th  จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รองผบ.ตร. นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ และเป็นประธานอำนวยการแข่งขันจัดศึกมวยมหากุศลสมาคมชาวปักษ์ใต้สามัคคี

วันนี้(8มค2566) เวลา 11.30 น. ณ สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมป์ และเป็นประธานอำนวยการแข่งขัน ได้แถลงข่าวการจัดศึกมวยมหากุศลสมาคมชาวปักษ์ใต้สามัคคีในวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 เวลา 17.30 น.ณ สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์

โดยสำหรับการจัดศึกมวยมหากุศลสมาคมชาวปักษ์ใต้สามัคคีในครั้งนี้ อันเนื่อง จากพบว่าอาคารสมาคมมีการก่อสร้างและใช้งานมาแล้วกว่า 30 ปี จึงมีความชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก มีความจำเป็นต้องปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานและความปลอดภัยจากการใช้อาคาร เพื่อให้สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องชาวปักษ์ใต้ทุกคนสืบไป คณะกรรมการบริหารสมาคม จึงมีมติให้มีการจัด “ศึกมวยมหากุศลสมาคมชาวปักษ์ใต้สามัคคี” เพื่อนำรายได้จากการจัดงานมาใช้ในการปรับปรุงอาคารสมาคมตามเจตนารมย์ของสมาคมต่อไป
​ในส่วนการดำเนินการในส่วนต่างๆ

พล.ต.ท.ดร.เสนิต ผบช.รร.นรต. เข้าอวยพรปีใหม่

วันเสาร์ที่ 7 ม.ค. เวลา 15.30 น. พลตำรวจโท เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ – คุณมนสิการ สำราญสำรวจกิจ (ภริยา), คุณบุญชญา เดชาเจริญสิริ (อาม่าแสงทอง ผ้าใบ), ร.ต.อ.เรืองยศ – คุณกมลพร ขันสุวรรณ, คุณสายใจ สาริกานนท์, คุณอาทิตยา สวัสดี ประธานกรรมการ บริษัทเจ แอนด์ บี เทรดดิ้ง (โกลด์) เข้าอวยพรปีใหม่ แด่ ดร.นฤมล สุรเศรษฐ ประธานกรรมการ L.S.Jewelry Group โดยมี ดร.พีรวัฒน์ สุรเศรษฐ ประธานกต.ตร.กทม.(ภาคประชาชน) และ ดร.ธัชวิน สุรเศรษฐ ประธานกต.ตร.บก.น.1 ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ณ ห้างเพชรหลีเสง บางลำพู

Design a site like this with WordPress.com
Get started