นายพิพัฒน์ รมต.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุคุณ ผบช.ทท. จัดพิธีปล่อยแถวส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย

​วันนี้ (27 ธ.ค.65)  เวลา 17.00 น. กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ                ได้จัดพิธีปล่อยแถวส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2566 (New Year 2023) ณ บริเวณลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยเป็นการแสดง ความพร้อมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยวในการดูแลนักท่องเที่ยว และประชาชนในช่วงเทศกาลต้อนรับ           ปีใหม่ พ.ศ. 2566 (New Year 2023) โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท. เข้าร่วมพิธีฯ

​กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทั่วราชอาณาจักร การดูแลความปลอดภัยให้บริการช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้เล็งเห็นความสำคัญในหลักการดังกล่าวข้างต้น จึงได้จัดพิธีปล่อยแถวส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ต้อนรับเทศกาล  ปีใหม่ 2566 (New Year 2023) และเป็นการยกระดับเพิ่มอันดับความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว ของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้านการรักษาความปลอดภัย และสร้าง ความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

​ดังนั้น การปล่อยแถวในครั้งนี้ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวรับทราบถึงความตั้งใจ ของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะความพร้อมของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาความปลอดภัย ให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อความปลอดภัย                    ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 (New Year 2023) นอกจากนี้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอฝากถึงนักท่องเที่ยว และพี่น้องประชาชน ท่านสามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 1155 ตลอด 24 ชั่วโมง และแอพพลิเคชั่น ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว Tourist Police i lert u

ปปส กทม จับมือฝ่ายสืบสวน และพิสูจน์หลักฐาน เปิดรถของกลาง 11 คันในผับจินหลิง เก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ พบยังไม่เคยถูกตรวจสอบ จากที่ตรวจยึดไว้ทั้งหมด 35 คัน ผอ.ปปส. กทม. เผย ยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องในคดี 4,400 ล้านแล้ว

วันนี้ (27 ธ.ค.65) เวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พ.ต.อ.กู้เกียรติ เจริญบุญ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายอุดมชัย โลหณุต. ผอ.สำนักงาน ปปส.​กทม. และกองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปเปิดรถยนต์ของกลางจำนวน 11 คัน จากที่ตรวจยึดไว้ 35 คัน ในผับจินหลิง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร

โดยพบว่ารถทั้ง 11 คันยังไม่เคยถูกเปิดและเก็บลายนิ้วมือ รวมทั้งดีเอ็นเอและเอกสารภายในรถ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่เป็นรถของนายทุนจีนสีเทา ที่มีความเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว โดยเฉพาะรถยนต์ อัลพาร์ด สีดำทะเบียน 7 กภ 1234 ซึ่ง จากเอกสารภายในรถพบว่าเป็นของนายหยาง เฉิน ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของนายตู้ห่าว

และอีกคันคือรถยนต์โรลสรอยส์ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท โดยพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีความเชื่อมโยงไปถึงคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านตากสิน โดยก่อนหน้านี้มีการตรวจค้นไปแล้วสองครั้งและตรวจยึดอายัดทรัพย์สินไว้จำนวนมาก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นวันนี้เป็นการตรวจเก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอภายในรถแต่ละคันซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้เปิดตรวจ จึงต้องทำให้ครบถ้วนนอกจากนี้ยังมีหลักฐานอีกหลายรายการที่ไม่ได้ถูกตรวจเช่นกันไม่ว่าจะเป็นชิปแลกเงินสำหรับเล่นการพนัน ถาดรองไม้ซึ่งน่าจะใช้เป็นถาดรองยาเสพติดสำหรับสูดดม และยังมีหลอดสำหรับเสพยาตกกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่

โดยยืนยันว่าขณะนี้ฝ่ายสืบสวนได้ ดำเนินการในส่วนของคดีนายตู้หาว ครบแล้ว 100% ที่เหลือเป็นส่วนของสำนวนการสอบสวนซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้รับผิดชอบ ทางทีมสืบสวน ไม่มีความเกี่ยวข้อง

ส่วนปัญหาที่นายชูวิทย์ เป็นห่วงนั้น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่าไม่ต้องเป็นกังวลเพราะถึงปัจจุบันนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เข้ามาดูแลเรื่องสำนวนการสอบสวนด้วยตัวเองดังนั้นการทำงานจากนี้ไปก็ต้องเป็นไปตามกลไกส่วนจะมีการบันทึกหลักฐานชิ้นใดเกี่ยวข้องกับในคดีใดบ้างส่วนนี้เป็นหน้าที่ของนครบาล

ขณะที่ผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานครบอกว่าการตรวจเก็บในวันนี้จะนำไปเป็นหลักฐานสำคัญในการเชื่อมโยงข้อมูลในคดีต่างๆโดยขณะนี้ทาง ปปส ได้มีการยึดอายัดซับไว้แล้วกว่า 4400 ล้านบาทและไม่ได้รู้สึกหนักใจ เพราะทรัพย์สินที่ยึดมาเป็นทรัพย์สินที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีและมีความเกี่ยวเนื่องจึงต้องยึดมาตรวจสอบ อย่างไรก็แล้วแต่กระบวนการในการดำเนินการของ ปปส จะต้องเริ่มขึ้นหลังจากคดีอาญาสิ้นสุดแล้ว

นอกจากเก็บพยานหลักฐานลายนิ้วมือดีเอ็นเอในรถยนต์ทั้งหมดแล้วในวันนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยังได้ทำบันทึกตรวจยึดและตรวจเก็บหลักฐานดีเอ็นเอจากกองวัสดุที่ถูกนำมาวางรวมไว้กลางลานซึ่งพบว่ามีทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในสถานบันเทิง ถ้วยชามแก้วทั้งขยะ รวมไปถึงเศษอาหารจำนวนมากส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ขณะที่ภายในหลายห้องยังอยู่ระหว่างการตรวจเก็บวัตถุพยาน ของกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งยังไม่เปิดให้บุคคลใดเข้าไปภายในได้

ทั้งนี้การดำเนินการตั้งแต่ช่วงเช้ากินเวลาต่อเนื่องมาถึงช่วงบ่ายโดยมีการระดมช่างกุญแจฝีมือดีที่สามารถเปิดรถยนต์ที่ทันสมัยเป็นระบบไฟฟ้ามาช่วยเปิดประตูเนื่องจากกุญแจทั้งหมดไม่มีใครยอมรับว่าอยู่ที่ไหน โดยรถยนต์คันที่เปิดยากที่สุดก็เป็นรถยนต์เบนซ์สีดำ ทะเบียน 3 กว 6666 ซึ่งถูกระบุว่าเป็นของนายทุนจีนสีเทาที่มีความเชื่อมโยงกับคดียาเสพติดสำคัญ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเปิดอยู่นาน

จะเห็นได้ว่าการเข้าตรวจสอบวันนี้เป็นส่วนหนึ่งจากที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดการดำเนินการจึงไม่ทำให้แล้วเสร็จในวันที่มีการจับกุมทั้งๆที่สถานที่ทั้งสามแห่งติดกัน ซึ่งในเรื่องดังกล่าวรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่า ไม่ทราบเพราะไม่ได้อยู่ในชุดจับกุมเนื่องจากในวันที่เกิดเรื่องเป็นการดำเนินการของชุดจับกุมจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องนี้ได้

กรมศุลกากรตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 MDMA (เอ็กซ์ตาซี่)น้ำหนัก 3.01 กิโลกรัม ซุกซ่อนมากับสินค้าทางพัสดุไปรษณีย์ มูลค่า 18 ล้านบาท

วันนี้ (27 ธันวาคม 2565) เวลา 09.00 น. กรมศุลกากรตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 MDMA (เอ็กซ์ตาซี่) น้ำหนัก 3.01 กิโลกรัม มูลค่า 18 ล้านบาท ซุกซ่อนมากับสินค้าทางพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ต้นทางจากประเทศเยอรมนี ณ ศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพฯ หัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายเดินหน้าปราบปรามยาเสพติด ทั้งการผลิต การนำเข้า การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน
เพื่อปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด ด้านกระทรวงการคลังโดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เพิ่มความเข้มงวดและเดินหน้าปราบปรามการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร
ทุกเส้นทาง กรมศุลกากรจึงเพิ่มการเฝ้าระวังการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางเรือและทางอากาศ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน มีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

ซึ่งในวันนี้ (27 ธันวาคม 2565) เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ศุลกากรพบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ประเภทพัสดุไปรษณีย์ทางอากาศ ต้นทางจากประเทศเยอรมนี จำนวน 1 หีบห่อ มีลักษณะที่น่าสงสัย
จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย (ศรภ.) และพนักงาน บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดตรวจพัสดุดังกล่าว ภายในพบถุงกาแฟ จำนวน 3 ถุง ปะปนมากับกล่องชาชนิดต่างๆ เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้มือบีบดูถุงกาแฟทั้งสามมีลักษณะผิดปกติ จึงทำการเปิดถุงกาแฟทั้ง 3 ถุง เพื่อตรวจสอบพบถุงพลาสติกใสบรรจุเกล็ดสีน้ำตาล-ขาวน้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 3.01 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงนำเกล็ดสีน้ำตาล-ขาว ดังกล่าว ไปทดสอบด้วยน้ำยา MARQUIS REAGENT พบว่าทำปฏิกิริยากับน้ำยาทดสอบเปลี่ยนจากใสเป็นสีเทาดำในเวลาต่อมา
จึงสันนิษฐานได้ว่า เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 MDMA ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ ECSTASY (ยาอี) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 3.01 กิโลกรัม มูลค่า 18 ล้านบาท

กรณีนี้เป็นการนำของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามมาตรา 244 และมาตรา 252 ประกอบมาตรา 60 และมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2564 ในข้อหา “นำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 MDMA เข้ามา
ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพัสดุดังกล่าวเพื่อส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท. ดร. เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต. รับมอบเครื่องกรองน้ำ

พลตำรวจโท เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รับมอบเครื่องกรองน้ำ จำนวน 2 เครื่อง จากคุณพอฤทัย บุณยะจินดา กรรมการมูลนิธิบุณยะจินดา เพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว และร่วมหารือเรื่องการมอบทุนให้ นรต.ที่มีผลการเรียนอันดับ 1 ได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศในระดับปริญญาโท และทุนให้แก่ นรต.ที่ขาดแคลน ณ สง.ผบช.รร.นรต.

พล.ต.ท. ดร. เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต. ร่วมทำบุญบริจาคสร้างโรงเรียน

พลตำรวจโท เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีพุทธาภิเษกเบิกพระเนตรพระพุทธรัศมี โดยพระสงฆ์ไทย_จีน พุทธาภิเษกชุดพระบูชาจำลอง 3 องค์ขนาด 9 นิ้ 5 นิ้วพร้อมสาวก รวมวัตถุมงคลจีนมอบผู้ร่วมทำบุญบริจาคสร้างโรงเรียน โรงเจของวัดมังกรฯเป็นวัตถุมงคลที่ระลึกใน ปี2566 ณ วัดมังกรกมลาวาส

กรมศุลกากรยึดเนื้อสุกรลักลอบเข้าประเทศตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาน้ำหนัก 1,142 กิโลกรัม รวมมูลค่า 137,040 บาท

วันนี้ (26 ธันวาคม 2565) กรมศุลกากรร่วมกับทหารพรานและกรมปศุสัตว์ยึดเนื้อสุกร
ข้ามชายแดน ซุกโกดัง น้ำหนัก 1,142 กิโลกรัม รวมมูลค่า 137,040 บาท บริเวณพื้นที่บ้านหนองเอี่ยน ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา
ด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการลักลอบ
นำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักรไทย
กรมศุลกากรจึงให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่าง ๆ เข้มงวดในการตรวจค้นจุดที่มีความเสี่ยงในการลักลอบ
นำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรเข้ามาในประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ASF ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค พร้อมปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในประเทศอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในวันนี้ (26 ธันวาคม 2565) กรมศุลกากรได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบนำเอาเนื้อสุกรที่ชำแหละแล้วจากฝั่งประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศทางตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาในพื้นที่บ้านหนองเอี่ยน ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารกรมทหารพรานที่ 13 และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ จังหวัดสระแก้ว นำกำลังไปทำการตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบชายชาวกัมพูชา 2 คน ขณะลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็งบรรจุกระสอบและทยอยนำเก็บในโกดังร้าง เจ้าหน้าที่ศุลกากรด่านศุลกากรอรัญประเทศ และเจ้าหน้าที่ทหารจึงได้แสดงตน เพื่อขอตรวจค้น พบเนื้อสุกรแช่แข็ง ประมาณ 1,142 กิโลกรัม รวมมูลค่า 137,040 บาท ไม่ผ่านพิธีการทางด่านศุลกากร

เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการสอบถามข้อมูล ทราบว่า ชายดังกล่าวได้รับการว่าจ้างให้ขนเนื้อสุกร
ข้ามจากชายแดนกัมพูชามาฝั่งไทย โดยนำมาวางไว้บริเวณริมหนองน้ำติดชายแดนกัมพูชา และทยอยนำมาเก็บไว้ในโกดังร้าง การกระทำดังกล่าว เป็นความผิดฐานนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และของกลางดังกล่าวเป็นซากสัตว์ ผู้ใดนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ต้องได้รับอนุญาตตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 พนักงานศุลกากรจึงใช้อำนาจตามมาตรา 166 มาตรา 167
แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โฆษกกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า จากสถิติการจับกุมการลักลอบนำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ถึงปัจจุบัน มีจำนวนทั้งหมด 14 คดี รวม 174,832 กิโลกรัม มูลค่า 35,584,340 บาท ทั้งนี้ กรมศุลกากรจะส่งมอบเนื้อสุกรแช่แข็งให้กรมปศุสัตว์เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ลักลอบขุดดินจากป่าสงวนแห่งชาติไปทำถนนหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

วันที่24 ธ.ค.2565 กรณี แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (โดยทางลับ) กรณีมีการลักลอบขุดดินจากป่าสงวนแห่งชาติไปทำถนนหลวง (เส้นบ้านนาด่าน อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ไป เขาขาดทางเชื่อมไป อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ระยะทางประมาณ3กิโลเมตร)

และยังไม่ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่าจะมีการเข้าตรวจสอบแต่อย่างใด เป็นเส้นเดียวกันกับที่ออกข่าวสามมิติทางช่อง3เมื่อสองปีก่อน ฝากถึงใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย (เข้าจับจริงดำเนินการจริงไม่ใช่เข้าไปเป็นพรรคพวกกัน) กรณีถ้าเจ้าหน้าที่ไม่อยากจับงั้นก็ฝากไปแก้
กฎหมาย

คนจำนวนมากคนที่เขาต่อสู้เพื่อทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นสมบัติของคนทั้งประเทศก็ยังมีอยู่

Surasak008 ผอ.ข่าวประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือเบาะแสอาชญากรรมและล่าสีเทา
0646038444

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมลรอง ผบ.ตร.เป็นประธานการแถลงข่าว “ปฏิบัติการกวาดล้างรถยนต์ ใช้เอกสารปลอมในพื้นที่ภาคตะวันออก”

วันนี้ 23 ธ.ค.65 เวลา 14.30 น.

โดยมี
พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย
ผบช.ภ.2
พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์
รอง ผบช.ภ.2
พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง
รอง ผบช.ภ.2
พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง
รอง ผบช.ภ.2
พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ
ผบก.สส.ภ.2

พร้อมด้วย

ผบก.ภ.จว. รอง ผบก.ภ.จว. ผกก. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวผลการปฏิบัติการระดมกวาดล้าง รถยนต์ใช้เอกสารปลอม (แผ่นป้ายการเสียภาษีประจำปีและใบขับขี่)
ในพื้นที่ภาคตะวันออก ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในการสืบสวนปราบปรามจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์
ในพื้นที่ภาคตะวันออก

ณ ห้องประชุมรอดบางยาง
ตำรวจภูธรภาค 2

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมขยายผลจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมกรณีคนร้ายเขียนใบปลิวเรียกค่าคุ้มครองสวนทุเรียน

จากกรณีสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.65 เวลาประมาณ 14.00 น. ได้มีคนร้ายได้ใช้ของมีคมปอกเปลือกของลำต้นทุเรียนหมอนทอง จำนวน 9 ต้น และราดน้ำกรดฆ่ายางบริเวณดินใต้ต้นทุเรียน ทำให้ได้รับความเสียหาย รวมมูลค่าประมาณ 20,000 บาทต่อต้น ซึ่งปลูกไว้บนพื้นที่กว่า 22 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ม.8 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จว.พัทลุง และมีการเขียนข้อความด้วยปากกาลงในกระดาษลักษณะข่มขู่ บรรจุในถุงพลาสติกใสผูกติดไว้ที่ต้นทุเรียน ข้อความว่า “พวกเราจะขอความช่วยเหลือ ถ้าหากไม่ด้ายตัวอย่างมีให้เห็น ไว้แล้วที่ต้นทุเรียน ถ้าไม่อยาก ให้ต้นทุเรียนตายหมดทั้งสวน ให้คุณไปติดต่อที่ลูกพี่กูด้ายเลย กูให้เวลาพวกมึงไม่เกิน 7 วัน เน้นไม่เกิน 7 วัน” ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พ.ย.65 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 รายคือ นายเจิม หรือไข่หมูก เส้งเอียด อายุ 72 ปี นั้น
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ควบคุมดูแลการสืบสวนติดตามและขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ สร้างความหวาดกลัว และไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากกลุ่มคนร้ายมีการขู่กรรโชกทรัพย์จากประชาชน จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.วัลลพ จำนงค์อาษา รอง ผบช.ภ.9,พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.สส.ภ.9, พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ จงหวัง ผกก.สภ.ป่าพะยอม และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เร่งรัดขยายผลนำตัวบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาดำเนินคดีเพิ่มเติม
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าพะยอม ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ ศาลจังหวัดพัทลุง และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 1 ราย คือ

  1. นายวิโรจน์ หรือ สท.แบน จันทร์มล อายุ 56 ปี
    โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นพืชหรือพืชผลของกสิกร, ร่วมกันบุกรุก เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
    จากการสืบสวนพบว่า นายวิโรจน์ฯ ได้ให้การกับตำรวจโดยมีเนื้อหาขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ทำให้เกิดข้อพิรุธสงสัย และยังพบความเชื่อมโยงระหว่างนายวิโรจน์ฯ กับนายเจิมฯ นอกจากนี้ เมื่อนายวิโรจน์ฯ และนายเจิมฯ ถูกเจ้าหน้าที่เรียกตัวมาสอบสวนก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ได้พยายามเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งน่าเชื่อว่ากระทำไปเพื่อพยายามปิดบังความเชื่อมโยงของทั้งสองคน
    นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังขยายผลไปยังคดีที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ซึ่งเกิดขึ้นช่วงวันที่ 21 -22 ก.ย.65 ได้มีคนร้ายลักลอบเข้าไปในสวนทุเรียนของนายโชคดี คงยวง อายุ 68 ปี ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ก่อเหตุปักป้ายที่มีข้อความว่า “15 วันต้นทุเรียนที่อยู่ในสวนจะถูกต่ำลายตายหมดไม่เหลืออยู่ในสวนสักต้นเดียว ถ้าหากยังคิดว่าพวกกูไม่มีน้ำยาจะทำลายต้นทุเรียน แล้วจะเสียใจชั่วชีวิต 15 วัน เท่านั้นน้ำยาฆ่าตอยางลง 3 ชั่วโมงเท่านั้น จากพวกกูเด็กนายหัว” ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำเอาข้อความที่ถูกเขียนดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับ

ลายมือของนายเจิมฯ พบว่าเป็นลายมือคนเดียวกัน จึงได้ดำเนินคดีกับ นายเจิม หรือไข่หมูก เส้งเอียด เพิ่มเติมอีก 1 คดี โดยกล่าวหาว่า พยายามกรรโชกทรัพย์, บุกรุก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวแล้ว พบว่ายังมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดีนี้ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่โดยปกติสุข เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่รู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และใช้ชีวิตประจำวันได้ต่อไป จากนี้จะยังขยายผลสืบสวนหาผู้กระทำผิดเพิ่มเติม หรือขยายผลไปยังคดีก่อนหน้านี้ที่มีพฤติการณ์ในลักษณะเดียวกัน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุอย่างเด็ดขาด ไม่ให้กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีก

มอบน้ำดื่ม

วันที่ 23 ธันวาคม 2565 ดร.อ๊อด โพธิ์เงิน ,นาวาอากาศตรีหญิงจุฑาทิพย์ -เรืออากาศหญิง บุษยมาส บุญยฤทธิ์ (บริษัทเจเค เอเชีย จำกัด) ได้มอบน้ำดื่ม ข้าวสาร ตราใบเงิน และถุงยังชีพ จำนวนหนึ่ง ให้กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เนื่องในโอกาสวันปีใหม่และวันเด็ก

Design a site like this with WordPress.com
Get started