ผบ.ตร. พร้อมคณะผู้แทนไทยต้อนรับผู้แทนสหรัฐอเมริกา เยี่ยมชม ศพดส.ตร.

วันนี้ (22 พ.ย.65) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมคณะผู้แทนไทยจากหลายหน่วยงานทั้งจากภาครัฐ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และภาคประชาสังคม เช่น LPN IJM Stella maris และ Hug Project ได้ร่วมกันให้การต้อนรับผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา นำโดย น.ส.เคทลีน ไฮเดนรีช เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ พร้อมคณะ ได้ให้เกียรติมาเยี่ยมชม ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ณ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเยี่ยมชมและสังเกตการณ์การทำงานของ ศพดส.ตร. หลังจากที่ผลการปฏิบัติด้านการดำเนินคดีมีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด จนทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ Tier 2 จากการประเมิน TIP Report ในปีที่ผ่านมา
หลังจากที่คณะผู้แทนไทย นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมกับ กต. พม. และภาคประชาสังคม ได้เดินทางไปพบผู้แทนสหรัฐอเมริกา และได้มีการนำเสนอผลการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการนำเสนอผลการปฏิบัติในด้านการดำเนินคดี โดยเฉพาะผลการจับกุมคดีค้ามนุษย์ และการจับกุมคดีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและเยาวชนทางอินเตอร์เน็ตของชุดปฏิบัติการ TICAC ซึ่งมีการปฏิบัติเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ในโอกาสนี้ ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา นำโดย น.ส.เคทลีน ไฮเดนรีช และคณะซึ่งได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย จึงได้เดินทางมาเยี่ยมชม ศพดส.ตร.
ในการนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมด้วยคณะผู้แทนไทย ได้พาคณะผู้แทนจากสหรัฐอเมริกาเข้าเยี่ยมชมการทำงานภายในศูนย์ ศพดส.ตร. ผลการปฏิบัติในภาพรวมของปี 2565 รวมทั้งนำเสนอวิธีการทำงานของชุดปฏิบัติการ TICAC เริ่มตั้งแต่การรับข้อมูลเบาะแส จนถึงการแจกจ่ายงานไปยังชุดปฏิบัติการทั่วประเทศ และยังได้จัดแสดงอุปกรณ์เครื่องมือเทคโนโลยีที่ชุดปฏิบัติการ TICAC ได้นำมาใช้ในการตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อช่วยในการปราบปราบการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและเยาวชนทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งคณะผู้แทนจากสหรัฐอเมริกาให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวิธีการทำงานที่ทำให้ผลการปฏิบัติในด้านการดำเนินคดี และปราบปรามการค้ามนุษย์เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ยังพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับประเทศไทย ในการบูรณาการร่วมกันป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในระดับประเทศ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป

กรมศุลกากรตรวจยึดโคคาอีน น้ำหนัก 2.31 กิโลกรัมซุกซ่อนมากับสินค้าทางพัสดุไปรษณีย์ มูลค่ากว่า 11 ล้านบาท

วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2565) เวลา 14.30 น. กรมศุลกากรแถลงข่าวการตรวจยึด
โคคาอีน น้ำหนัก 2.31 กิโลกรัม ซุกซ่อนมากับสินค้าทางพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ต้นทางจากประเทศโปรตุเกส มูลค่ากว่า 11 ล้านบาท ณ ศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพฯ หัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม.

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา
ด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายเดินหน้าปราบปรามยาเสพติด
ทั้งการผลิต การนำเข้า การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด ด้านกระทรวงการคลังโดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เพิ่มความเข้มงวดและเดินหน้าปราบปรามการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรทุกเส้นทาง กรมศุลกากรจึงเพิ่มการเฝ้าระวังการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางเรือและทางอากาศ โดยเฉพาะทางพัสดุไปรษณีย์ที่ต้องใช้ประสบการณ์และความระมัดระวังในการเปิดตรวจพัสดุต่าง ๆ เป็นอย่างมาก
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 เวลาประมาณ 9.00 น เจ้าหน้าที่ศุลกากรพบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ประเภทพัสดุไปรษณีย์ทางอากาศ ต้นทางจากประเทศโปรตุเกส จำนวน 1 หีบห่อ มีลักษณะที่น่าสงสัย จึงร่วมกับ เจ้าหน้าที่ จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย (ศรภ.)
เปิดตรวจพัสดุดังกล่าวร่วมกับพนักงาน บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ภายในพบกล่องเครื่องเล่น Play Station VR ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าปกติ ใต้กล่องพบว่ามีการซุกซ่อนถุงสีดำ ภายในพบห่อด้วยกระดาษคาร์บอนสีน้ำเงิน หลังจากแกะกระดาษคาร์บอนสีน้ำเงินพบถุงพลาสติกใสบรรจุผงสีขาว เจ้าหน้าที่จึงนำ
ผงสีขาวดังกล่าวไปทดสอบด้วยน้ำยา COBALT THIOCYANATE REAGENT พบว่าทำปฏิกิริยากับน้ำยาทดสอบพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน ขาว น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 2.31 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 11 ล้านบาท

กรณีนี้เป็นการนำของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามมาตรา 244 และมาตรา 252 ประกอบมาตรา 60 และมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2564 ในข้อหา “นำยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพัสดุดังกล่าวเพื่อส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมจับแก๊งจีนโหดอุ้มเรียกค่าไถ่-ตัดนิ้ว

จากกรณีเมื่อวันที่ 30 ต.ค.65 ที่ผ่านมา สภ.เมืองพัทยา ภ.จว.ชลบุรี น.ส.อริสรา ศุภสิริบัณฑิตย์ ได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า นายเหริน ไฮ่ ป๋อ สัญชาติจีน ถูกกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน พาตัวออกไปจากบริเวณคอนโดซีตัส ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และเรียกค่าไถ่เป็นเงินคริปโต กว่า 1,000,000 USDT หรือประมาณ 35 ล้านบาท ก่อนที่ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค.65 นายเหรินสามารถหลบหนีออกมาจากที่กุมขังได้ และได้รับการช่วยเหลือจนพ้นอันตราย ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้ว นั้น
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการควบคุมสั่งการสืบสวนหาตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้มาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ สร้างความหวาดกลัวภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 และ พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา ให้เร่งสืบสวนติดตามทุกช่องทางเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุดังกล่าวมาดำเนินคดีให้ได้
พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 29 ต.ค.65 ก่อนเกิดเหตุ นายเหริน และเพื่อนๆ รวมทั้ง น.ส.อริสรา ได้มีนัดเจอและทานข้าวร่วมกัน ก่อนที่จะแยกย้ายกันในช่วงกลางคืน ต่อมาเวลาประมาณ 22.30 น. นายเหรินได้นั่งรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ของนายเหริน ออกไปกับนายจาง เต๋อ หลง หรือต้าเต้า สัญชาติจีน โดยได้ส่งข้อความบอก น.ส.อริสราฯ ซึ่งเป็นแฟนว่า จะไปดื่มสุราด้วยกัน แต่ น.ส.อริสราฯ ไม่สามารถติดต่อได้จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ต่อมาวันที่ 30 ต.ค.65 เวลา 10.00 น. ได้มีคนร้ายส่งข้อความผ่านโปรแกรม Wechat แจ้งว่าให้หาเงินมาให้ จำนวน 1,000,000 USDT หรือประมาณ 35 ล้านบาทแลกกับชีวิตของนายเหริน และส่งภาพนายเหรินถูกพันเทปปิดตา และมีนิ้วที่ถูกตัดวางอยู่ด้วย น.ส.อริสราฯ จึงได้มาแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา เพื่อให้การช่วยเหลือนายเหรินโดยด่วน
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนนั้น คนร้ายได้ติดต่อให้ น.ส.อริสรา โอนเงินให้เพื่อแลกกับการปล่อยตัวนายเหริน โดยบังคับให้โอนเงินค่าไถ่ให้โดยเปลี่ยนเป็นเงินคริปโตสกุล USDT ซึ่ง น.ส.อริสรา ได้ทยอยโอนเงินไปให้รวมเงินประมาณ 3 แสนบาท ต่อมาวันที่ 31 ต.ค.65 ระหว่างการเจรจา นายเหริน สามารถหลบหนีออกมาจากที่กุมขังได้ และโทรศัพท์ให้ น.ส.อริสรา มารับตนที่บริเวณหมู่บ้านฮอร์สชูพ้อยท์ ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ก่อนที่จะติดต่อไม่ได้ นายเหริน ได้ส่งโลเคชั่นมาให้ น.ส.อริสรา ว่าไปคุยธุระกับนายต้าเต้า ที่หมู่บ้านเดอะเลค ห้วยใหญ่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าตรวจสอบ พบหลักฐานเป็นเชือกที่ใช้ในการมัดนายเหริน และทราบว่า ได้มีคนจีนชื่อ นายจาง เหวิน เจี๋ย หรือ อาถัง เป็นผู้มาเช่า ซึ่งหลังจากที่นำรูปถ่ายให้นายเหรินดูแล้ว ยืนยันว่าเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุร่วมกันนายต้าเต้าจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองราย และสามารถจับกุมได้ ประกอบด้วย

  1. นายจาง เต๋อ หลง หรือต้าเต้า อายุ 30 ปี สัญชาติจีน (จับกุม 2 พ.ย.65)
  2. นายจาง เหวิน เจี๋ย หรือ อาถัง อายุ 27 ปี สัญชาติจีน (จับกุม 2 พ.ย.65)
    โดยดำเนินคดีความผิดฐาน ร่วมกันเรียกค่าไถ่ โดยเอาตัวบุคคลอายุกว่า 15 ปีไป โดยใช้กลอุบายหลอกลวง หน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือกักขังบุคคลที่เอาตัวไป เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือผู้ถูกกักขังนั้นรับอันตรายสาหัส, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น, ร่วมกันทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายรับอันตรายสาหัส และร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
    จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุและนายเหริน ได้เคยร่วมกันทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยกันมาก่อน ต่อมามีความขัดแย้งกันในเรื่องของผลประโยชน์ ทำให้ต้องแยกย้ายกัน และต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุ ได้นัดเจอกันเพื่อจะพูดคุยเรื่องผลประโยชน์กัน ก่อนที่กลุ่มผู้ต้องหาจะตัดสินใจลักพาตัวนายเหรินเพื่อเรียกค่าไถ่ดังกล่าว
    หลังจากทราบเรื่องดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเพิกถอนวีซ่าของนายเหริน และน้องชาย ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดความขัดแย้งดังกล่าว และดำเนินการผลักดันตามกฎหมายต่อไป
    พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวถือเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่สร้างความหวาดกลัวให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ จึงต้องเร่งทำความจริงให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด จากการสืบสวนทราบว่า ทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหายเคยทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยกัน และมีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กันมาก่อน ผู้ต้องหาจึงได้วางแผนมาก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุทั้ง 2 รายมาดำเนินคดีได้แล้ว จากนี้จะสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมเพื่อดูว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่ หากพบผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมก็จะนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ ในส่วนของฝั่งผู้เสียหายซึ่งขัดแย้งกับผู้ต้องหาเกี่ยวกับผลประโยชน์จากการกระทำความผิด จึงได้ดำเนินการเพิกถอนวีซ่าและผลักดันกลับประเทศ และจะพิจารณาดำเนินการขึ้นบัญชีในการห้ามเดินทางเข้าประเทศต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.สุรพงษ์ ผบช.ภ.8 ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น

วันนี้ 21 พ.ย.65 เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ,พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ณ ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กรณีเมื่อวันที่ 11 พ.ย.65 ที่ผ่านมา นายสมพร สินทอง อายุ 45 ปี ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับรถยนต์ประกบและใช้อาวุธปืนหลายกระบอกยิงถล่มเสียชีวิตขณะขับรถกระบะของตน เหตุเกิดที่บริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ หมู่ 4 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี พื้นที่ สภ.เวียงสระ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ทางคดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยทราบว่าผู้ตายมีคู่กรณีที่มีความขัดแย้งเกี่ยวกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งผู้ตายยื่นประมูลงานได้หลายครั้ง อาจทำให้มีผู้ที่เสียผลประโยชน์เกิดความไม่พอใจและจ้างวานก่อเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้จำนวน 6 ราย จับกุมได้แล้วจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย

  1. นายธนากร อักขบุตร อายุ 30 ปี เป็นคนยิงผู้ตาย (จับกุม 18 พ.ย.65)
  2. นายกรัณย์ จูดหอม อายุ 39 ปี เป็นคนขับรถพาไปยิง (จับกุม 18 พ.ย.65)
  3. นายธรรมรินทร์ แสงหิรัญ อายุ 55 ปี เป็นผู้ร่วมวางแผนก่อเหตุ (จับกุม 19 พ.ย.65)

ผู้ต้องหาที่ 1-3 จะถูกดำเนินคดีความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
ผู้ต้องหาทั้งสามให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และจะมีการนำผู้ต้องหาทั้งสามนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ
โดยในวันเดียวกัน ภริยาของนายสมพร ฯ ผู้ตายเข้ามอบดอกไม้ขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฯ ที่ช่วยเร่งรัดติดตามคดีจนสามารถออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาบางส่วนมาได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมขยายผลจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมกรณีคนร้ายเขียนใบปลิวเรียกค่าคุ้มครองสวนทุเรียน

จากกรณีสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.65 เวลาประมาณ 14.00 น. ได้มีคนร้ายได้ใช้ของมีคมปอกเปลือกของลำต้นทุเรียนหมอนทอง จำนวน 9 ต้น และราดน้ำกรดฆ่ายางบริเวณดินใต้ต้นทุเรียน ทำให้ได้รับความเสียหาย รวมมูลค่าประมาณ 20,000 บาทต่อต้น ซึ่งปลูกไว้บนพื้นที่กว่า 22 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ม.8 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จว.พัทลุง และมีการเขียนข้อความด้วยปากกาลงในกระดาษลักษณะข่มขู่ บรรจุในถุงพลาสติกใสผูกติดไว้ที่ต้นทุเรียน ข้อความว่า “พวกเราจะขอความช่วยเหลือ ถ้าหากไม่ด้ายตัวอย่างมีให้เห็น ไว้แล้วที่ต้นทุเรียน ถ้าไม่อยาก ให้ต้นทุเรียนตายหมดทั้งสวน ให้คุณไปติดต่อที่ลูกพี่กูด้ายเลย กูให้เวลาพวกมึงไม่เกิน 7 วัน เน้นไม่เกิน 7 วัน” นั้น
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ควบคุมดูแลการสืบสวนติดตามและจับกุมคนร้ายในคดีดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนรู้สึกหวาดกลัว และ ไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากกลุ่มคนร้ายมีการขู่กรรโชกทรัพย์จากประชาชน จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.วัลลพ จำนงค์อาษา รอง ผบช.ภ.9,พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.สส.ภ.9, พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ จงหวัง ผกก.สภ.ป่าพะยอม และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนเร่งรัดติดตามกลุ่มคนร้ายทันที
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 16 พ.ย.65 พ.ต.อ.ภาคิณ ณ ระนอง รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าพะยอม ได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 1 ราย คือ

  1. นายเจิม หรือไข่หมูก อายุ 72 ปี ที่อยู่ 98 ม.5 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จว.พัทลุง
    โดยกล่าวหาว่า พยายามกรรโชกทรัพย์, ทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นพืชหรือพืชผลของกสิกร, บุกรุก
    จากการซักถามเบื้องต้น นายเจิมฯ หรือไข่หมูก ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ว่าตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือ ใช้ให้ นายเอ (นามสมมุติ) เป็นผู้เขียนข้อความข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองเจ้าของสวนทุเรียนแต่อย่างใด
    พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นคดีที่น่าสนใจของสื่อมวลชนและประชาชน อีกทั้ง ผู้ก่อเหตุมีการเขียนข้อความข่มขู่ว่าจะทำอันตรายต่อทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ ดังนั้นจึงได้มีการเร่งรัดสืบสวนจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุโดยเร่งด่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุม ผู้ก่อเหตุได้จำนวน 1 ราย ซึ่งจากนี้จะสั่งการให้สืบสวนหาตัวกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติมต่อไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่รู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข

ผอ.สพป.สงขลา เขต 2 ให้เสริมทักษะ จากการดูฟุตบอลโลก ทั้งครู และ นักเรียน

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

นายอุทัย กาญจนะ ผอ.สพป.สงขลา เขต 2 กล่าวถึง การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 FIFA WORLD CUP 2022 ฝากครูผู้สอนได้บูรณาการการจัดการเรียนการสอนเชื่อมโยงสู่ผู้เรียนเพื่อได้รับโอกาสรับประสบการณ์เปิดโลกทัศน์ที่ถูกต้อง เหมาะสม เสริมทักษะด้านกีฬาแก่ แก่ครู และผู้เรียน พร้อมฝากครูทุกท่านได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของนักเรียนอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งกีฬาถือเป็นยาวิเศษที่สามารถ สร้างสุขภาพ สร้างอาชีพ สร้างชาติได้ ซึ่งสอดรับกับจุดเน้นของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 2 โรงเรียน 1 ทักษะอาชีพ เป็นเป้าหมายของการบริหารการจัดการศึกษาของ หน่วยงาน ประถมศึกษาสงขลา เขต 2
ด้านนายสมสุข นายสมสุข เพชรกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคลองนกกระทุง (เรียงราษฎร์ 2)
กล่าวในฐานะเป็นผู้ที่ชื่นชอบด้านกีฬา และสนับสนุนกิจกรรมกีฬาฟุตบอลมาตลอด ว่า พร้อมให้ครูผู้สอนได้บูรณาการเชื่อมโยงจัดการเรียน การสอนกับนักเรียน ห้วงเวลาการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ได้เรียนรู้และเปิดโอกาสให้ได้รับประสบการณ์โลกทัศน์ มีเจตคติ ประโยชน์การพัฒนาด้านทักษะ เข้าถึงการแข่งขัน และแจ้งให้นักเรียนได้รับชมเพื่อเกิดความรู้ และพัฒนาทักษะการเล่นของนักฟุตบอลแต่ละคน แต่ละทีม กิจกรรมพิธีเปิด รวมถึงการให้ความรู้และการหลีกเหลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในห้วงการแข่งขันฯ เพื่อเป็นการชมการแข่งขันฟุตบอลให้เกิดความรู้ พัฒนาทักษะการเล่น จากการแข่งขันฟุตบอลเพื่อเป็นแนวทางการเรียนรู้ เทคนิคการเล่นฟุตบอล โดยทางโรงเรียน จะจัดเตรียมโทรทัศน์ ณ จุดชมโทรทัศน์ใน แมทสำคัญ ๆ ให้ครู นักเรียนได้ชม เพื่อการเรียนรู้ พัฒนาทักษะ เป็นกำลังใจของนักเรียนที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเพื่อเป็นแนวทางหนึ่งที่ให้นักเรียนสามารถเลือกตามความถนัดที่อยากเรียนได้อย่างถูกต้องเป็นแบบอย่าง
ซึ่งตนเองชอบทีมชาติอังกฤษ ชื่นชอบนักแตะ ที่ชื่อ ฟิล โฟเดน เป็นพิเศษ ที่ชอบทีมชาติอังกฤษ เนื่องจาก เป็นทีมที่เข้าถึงการตลาด คุ้นชิน
พร้อมกันนั้น นายสมสุข กล่าวอีกว่า ฝาก หน่วยงานภาครัฐ และกระทรวงศึกษาธิการ ได้สนับสนุนส่งเสริมการเรียนรู้ด้านกีฬาอย่างจริงจัง สร้างคน สร้างชาติ สร้างอาชีพ เพื่อให้เด็กไทยสู่ ฟุตบอลไทย ไปบอลโลก รวมทั้งกีฬาวอลเลย์บอล

พล.ต.ท.ดร.เสนิต ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจประธานจัดงานประเพณีศาลเจ้าพ่อหนู

พล.ต.ท.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และคุณมนสิการ สำราญสำรวจกิจ เป็นประธานพิธี พร้อม พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1, พล.ต.ต.มนต์ชัย ศรีประเสริฐ ผบก.กต.10 เป็นประธานร่วม, คุณเรืองชัย องค์ศรีตระกูล ประธานจัดงานประเพณีศาลเจ้าพ่อหนู, ดร.นฤมล-ดร.พีรวัฒน์-ดร.ธัชวิน สุรเศรษฐ ประธานกลุ่ม L.S.Jewelry Group (ห้างเพชรหลีเสง)- ประธานกต.ตร.กทม.(ภาคประชาชน)-ประธานกต.ตร.บก.น.1-ประธานกต.ตร.สน.ชนะสงคราม และประธานที่ปรึกษาคณะดำเนินงานศาลเจ้าพ่อหนู ร่วมแจกข้าวสารอาหารแห้งให้กับชาวชุมชนกว่า 1,000 ครอบครัว จากกว่า 10 ชุมชนในเขตพระนคร
นอกจากนั้นได้มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนในชุมชน ในเขตพระนคร โดยมี พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผู้กำกับสน.ชนะสงคราม, คุณบุญชญา เดชาเจริญสิริ, คุณศักดิ์ณรงค์-คุณสัญชัย โลจนะรุ่งสิริ, คุณกิตติพงษ์ เตรัตนชัย, คุณสายใจ สาริกานนท์, คุณอาทิตยา สวัสดี, ร.ต.อ.เรืองยศ-คุณ กมลพร ขันสุวรรณ, พ.ต.ท.รัฐธนนท์ เอกฐิติกุลพัทธ์ รองผกก.จร., พ.ต.ท.เอกภณ พุทธิกุล รองผกก.ป.,คุณอรพินท์ ชินวงศ์พรหม, คณะกรรมการและที่ปรึกษาศาลเจ้าพ่อหนู และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมงาน ณ บริเวณหน้าห้างนิวเวิล์ด สี่แยกบางลำพู วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย. 65

บิ๊กโจ๊ก ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ Thailand smart city Bangkok model เดินหน้า ‘สมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0’ สร้างความปลอดภัยให้ประชาชนเป็นเมืองอัจฉริยะ กลางปี 2566

ครอบคลุมทั้งกรุงเทพมหานคร พร้อมการันตีความสำเร็จของโครงการ จากงานประกวดตำรวจโลกที่ดูไบ ประเทศไทยได้อันดับ1 ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ในงาน Thailand smart city Bangkok model ที่ เครือเนชั่นกรุ๊ป โดย เนชั่นทีวี และโพสต์ทูเดย์จัดงาน จัดขึ้น ที่ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ในหัวข้อ ‘นโยบายและแนวทางเพื่อความปลอดภัยขั้นสุดของเมืองระดับมหานคร’ โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า สมาร์ทซิตี้เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น แต่ประเทศไทยยังไม่เกิดขึ้น โดยตำรวจเป็นส่วนของความปลอดภัยของสมาร์ทซิตี้

ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ที่ทำขึ้นเพื่อรองรับแนวคิดสมาค์ทซิตี้ โดยมีอดีตผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็นผู้ริเริ่มแนวคิดและตนเองเป็นผู้ลงมือทำ
โดยการเริ่มทำโครงการนี้ เริ่มจากการประเมินลักษณะทางกายภาพในการเลือกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นแลนด์มาร์คด้านเศรษฐกิจและพื้นที่ที่มีเหตุอาชญากรรมสูง ซึ่งการเข้าไปดำเนินการลักษณะทางกายภาพเริ่มต้นจากการปรับปรุงทางม้าลาย ทางเดินเท้า ปรับปรุงทัศนียภาพ เพิ่มไฟส่องสว่าง เพื่อให้เหิดความปลอดภัย เพราะเหตุอาชญากรรม ปัจจัยคือบุคคลเสี่ยงและสถานที่เสี่ยง ดังนั้นจะต้องทำพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงให้ไม่มีความเสี่ยง และทำพื้นที่ที่ประชาชนไม่กล้าเดินให้ประชาชนกลับมาเดินตามปกติให้ได้
และเมื่อปรับปรุงลักษณะทางกายภาพแล้วก็จะมาสู่การดำเนินการด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะกล้องวงจรปิด และที่ผ่านมารัฐบาลติดกล้องวงจรปิดเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ เนื่องจากไม่ได้มีการบูรณาการกล้องวงจรปิดกับหน่วยงานอื่นๆ แต่วันนี้ได้มีการบูรณาการกล้องวงจรปิดกับทุกหน่วยงานแล้ว เพื่อให้มุมกล้องสอดรับกันหากเกิดเหตุขึ้นจะได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดได้ง่ายขึ้น และมองว่าวันนี้ต้องใช้คนนำเทคโนโลยีไม่ใช่ใช้เทคโนโลยีนำคน และจะต้องมีการปรับเพิ่มกล้องเอไอ เพื่อช่วยแยกแยะบุคคลต้องสงสัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกด้วยว่า หลังจากทำโครงการนี้มาได้6เดือนก็ได้ประกวดงานตำรวจโลก ที่จัดปีละครั้งปีที่ผ่านมาจัดที่ประเทศดูไบ ซึ่งประเทศดูไบต้องการเป็นเมืองที่รวมทุกอย่างเป็นอันดับหนึ่งของโลกให้ได้มากที่สุด ตนเองก็เอาโครงการนี้ไปประกวด มีหลายชาติมาร่วม และปรากฎว่าประเทศไทยได้รับรางวัลอันดับ1ของโลก ในรางวัล ‘The Best Experience in community Policing ในด้าน Crime Prevention จากการประชุมสุดยอดตำรวจโลก ‘World Police Summit 2022’ ทั้งที่เทคโนโลยีของอเมริกา อังกฤษเหนือกว่าเราเยอะ แต่ประเทศไทยได้รางวัลนี้ เพราะนวัตกรรมด้านการป้องกันจากการมีส่วนร่วมของประชาชน

ดังนั้นการดำเนินการที่ดีที่สุดคือจะต้องให้ประชาชนรู้สึกว่า ทำโครงการแบบนี้แล้วประชาชนจะได้อะไร ให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางจริงๆ และให้ประชาชนรู้สึกได้ว่า ทำแล้วประชาชนจะได้อะไร และวันนี้งานตำรวจไม่ได้ยากจะต้องทำการสำรวจว่าประชาชนอยากให้ทำอะไร

ทั้งนี้ยืนยันว่า โครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 จะขับเคลื่อนและเดินหน้าต่อ และครั้งแรกที่ทำได้งบประมาณมา70กว่าบ้านและเมื่อมีการขับเคลื่อนจริงจัง ก็ได้งบประมาณมาทำต่อ โดยในพื้นที่ กทม.มีโครงการนำร่องที่ สน.ลุมพินี และสน.ห้วยขวาง ซึ่งทำให้ที่ผ่านมาเหตุอาชญากรรมลดลง จากตัวชี้วัดตำรวจโลก ตั้งแต่เริ่มทำในพื้นที่มีนครบาลมีเหตุอาชญากรรมลดลงเกิน80% ส่วนความหวาดกลัวภัยในกทม. ถือเป็นสำคัญเพราะเป็นเรื่องของความรู้สึกคน และที่ผ่านมาตั้งแต่มีโครงการ ความกลัวของประชาชนก็ลดลง และสิ่งเหล่านี้ตนเองรักษาไว้ ไม่ใช่ทำแค่ชั่วคราว
และขณะนี้อยู่ระหว่างรองบประมาณ ซึ่งรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 375ล้านบาท เพื่อเดินหน้าโครงการนี้ โดยมีตนเองเป็นผู้ขับเคลื่อน และคาดว่ากลางปีหน้าจะครอบคลุมทั้งกรุงเทพมหานครได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกเพิ่มเติม ว่า โครงการสมาร์ทเซฟตี้โซนเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ประชาชนและต้องการให้มีครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ เพื่อรองรับสมาร์ทซิตี้ของทุกจังหวัด และวันนี้มีโรงพัก 1484สถานีตำรวจ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องดำเนอนการให้ครบทั้งหมด แต่จะเน้นพื้นที่เมืองหลวงให้ครบทึกพื้นที่ก่อน คาดว่ากลางปี 2566 จะครบทุกพื้นที่ 88สถานีตำรวจในกรุงเทพมหานคร
และจากพื้นที่นำร่องไปแล้ว ทำให้ความเขื่อมั่นของประชาชนในการทำงานของตำรวจเพิ่มสูงขึ้น และความอุ่นใจของเหตุอาชญากรรมหรือความหวาดกลัวภัยจากตัวชี้วัดของการทำงานตำรวจโลกลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมย้ำว่าจะต้องทำพื้นที่ทุกพื้นที่ให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจและปลอดภัย และประชาชนจะเป็รตัวขี้วัดการทำงานของตำรวจด้วยหากประชาชนอุ่นใจก็หมายความว่าตำรวจได้ทำงานจริง
ส่วนการทำให้ครอบคลุมทั้งประเทศ คงต้องใช้ระยะเวลาอีก 3 ปี เพราะสิ่งสำคัญคือเรื่องของงบประมาณ ยิ่งหากไปดำเนินการในจังหวัดเล็กๆงบประมาณค่อนข้างมีน้อย เพราะวันนี้สิ่งสำคัญที่วันนี้ประชาชนไว้ใจมากที่สุดคือกล้องวงจรปิด เพราะไม่สามารถโกหกภาพได้ และเมื่อมีการเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดของแต่ละพื้นที่แต่ชุมชนเข้ามายังตู้ยามของตำรวจในแต่ละพื้นที่ได้ทั้งประเทศนั้น ตำรวจก็จะสามารถมอนิเตอร์เหตุการณ์ได้และสั่งการเข้าไปดำเนินการได้ทันรวมถึงแจ้งไปยังประชาชนให้เข้าไปช่วยตรวจสอบได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็จะทำให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจเพิ่มขึ้น เรียกว่าเป็นหารแจ้งเหตุแบบพิเศษ ไม่ต้องเสียเวลาโทรศัพท์เพื่อแจ้งเหตุอย่างเดียว

พล.ต.ท.สุคุณ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เดินทางตรวจเยี่ยม ให้โอวาท พร้อมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญและกำลังใจ

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยสนับสนุนการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการดำเนินการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ให้แก่ บุคคลสำคัญ คู่สมรส และผู้เข้าร่วมประชุมพำนักในประเทศไทยตลอดระยะเวลาการเข้าร่วมประชุม ตลอดจนสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่างๆที่จะกระทบต่อความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ วันนี้ (15 พ.ย.65) เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เดินทางตรวจเยี่ยม ให้โอวาท พร้อมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญและกำลังใจ ให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ปฏิบัติหน้าที่ สายตรวจรถยนต์ สายตรวจจักรยาน สายตรวจรถพลังงานไฟฟ้า แบบ 2 ล้อ (Segway) และอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อม การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ณ สวนลุมพิน กรุงเทพฯ โดยภารกิจการดูแลรักษาความปลอดภัย ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวรับผิดชอบ มีรถยนต์โมบายประจำจุดที่กรุงเทพฯ บริเวณสวนลุมพินี จำนวน 1 คัน และรถโมบายเคลื่อนที่ประจำที่อยุธยาอีก 1 คัน รถยนต์สายตรวจ 34 คัน รถสายตรวจจักรยาน 42 คัน และรถเซคเวย์ 6 คัน รวมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งสิ้น 153 นาย เพื่อใช้ตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในบริเวณพื้นที่จัดการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

“รองต่อศักดิ์” สุ่มตรวจด่านตรวจความปลอดภัยการประชุมเอเปค 2022 พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจชุดสืบสวนนครบาล

เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 14 พ.ย. ที่ห้องอัจฉริยะ ชั้น 6 บก.สส.บช.น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร.พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ควบคุมสั่งการ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ฟังบรรยายการปฏิบัติ ของศูนย์ช่วงเอเปค แนะนำการปฏิบัติตามนโยบาย ตร โดยมีพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
.
ซึ่งในที่ประชุมพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนประสานข้อมูลด้านการข่าวกับหน่วยงานความมั่นคงทั้งในและต่างประเทศเพื่อวางมาตรการในการป้องกันเหตุ โดยหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้มอบพระเครื่องและสิ่งของบำรุงขวัญให้กับตำรวจศูนย์สืบสวนนครบาลด้วย

Design a site like this with WordPress.com
Get started