พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระพงศ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ ร่วมแถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดที่ก่อคดีอุฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ 4 คดี

วันนี้ (วันจันทร์ที่ 14 พ.ย.65) เวลา 15.30 น. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา, พล.ต.ต.วิชิต บุญชิน ผบก.ภ.จว.สระบุรี,เจ้าหน้าที่ พฐ. และคณะ กต.ตร.อยุธยา ร่วมแถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดที่ก่อคดีอุฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ เป็นที่สนใจของประชาชน และคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 4 คดี ดังนี้
1.)คดีพยายามลักทรัพย์งัดตู้ ATM เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565 บริเวณร้านสะดวกซื้อซีเจ สาขาตลาดอุทัย
2.)คดีปล้นร้านทอง ในห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาเสนา
3.)คดียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 190,000 เม็ด
4.)คดียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 200,000 เม็ด
โดยมี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวฯ ณ ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา

อธิบดีกรมศุลกากร ลงนามบันทึกข้อตกลงเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2565) เวลา 13.00 น. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม กับ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน

ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิต สำนักงาน ป.ป.ส. เขตพญาไท กรุงเทพฯ

พล.ต.ท.ธนายุตม์ ผบช.ภ.7 พร้อม รอง ผบช.ภ.7 แถลงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติด

ภ.จว.สมุทรสาคร

วันอาทิตย์ที่ 13พฤศจิกายน 2565

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7

พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.7

พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7

พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7

พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7

พล.ต.ต.ปรีดา อิ่มเจริญ ผบก.ศฝร.ภ.7/หัวหน้าชป.ปส.ภ.7

พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.๗

พล.ต.ต.ดร.จักษ์ จิตตธรรม ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร

พ.ต.อ.พัฒน์ปกรณ์ ชั้นประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร

พ.ต.อ.สราวุธ ศรีชัย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร

พ.ต.อ.วรพล ยิ่งเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร

พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย อินทรปรีชา รอง ผบก.จว.จว.สมุทรสาคร

พ.ต.อ.ยอดชาย แก้วเรือง ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร

พ.ต.อ.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง ผกก.สภ.กระทุ่มแบน

พ.ต.ท.อภิวิทย์ แจ่มแจ้ง รอง ผกก.ป.สภ.กระทุ่มแบน

ฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาคร ภายใต้การอำนวยการของ นายอาวุธ วิเชียรฉาย ปลัดจังหวัดสมุทรสาครนายบรรพต จันทรวงษ์ นายอำเภอกระทุ่มแบน, นายณัฐพล บุญทวี ปลัดอาวุโสอำเภอกระทุ่มแบน และ นายจตุนันท์ จอมทัน ปลัดอำเภอกระทุ่มแบน

ชุดจับกุมโดย พ.ต.ท.วุฒิชัย ทวีกาญจนวัฒน์ รอง.ผกก.สส.สภ.กระทุ่มแบน, พ.ต.ท.บัญชา เพียรไธสง สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน และ พ.ต.ต.วิษณุ ทองบุญ สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน

ได้ร่วมกันทำการจับกุมผู้ต้องหา ดังนี้ 1.นายสรัล หรือต้น ใส่น้อย อายุ 25 ปี (7-7498-00015-24-9)

ที่อยู่ 254/53 ถ.สุคนธวิท ต.ตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร (ผู้ต้องหาที่ 1) 2.น.ส.นัยนา หรือหนิง รอดสิน อายุ 40 ปี (3-6404-00439-08-4)

ที่อยู่ 3 หมู่ 8 ต.กกแรต อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย (ผู้ต้องหาที่ 2 )

พร้อมของกลาง1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,593,020 เม็ด ( 796 มัด และ 5 ถุง ) 2.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ oppo สีทอง จำนวน 3 เครื่อง

โดยกล่าวหาว่า

“ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

สถานที่จับกุม

บริเวณ ห้องเช่าห้องที่ 2 คลองน้อยโฮมสเตย์ หมู่ 3 ต.ท่าเสา อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และ
บริเวณ หน้าห้องเช่ายายจิต ห้องเลขที่ 5 หมู่ 11 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
จับกุมตัวนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รองผบ.ตร. เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ตามนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ได้สั่งการให้เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหามาให้ได้โดยเร็ว

ตำรวจภูธรภาค 1 นำโดย พลตำรวจโทจิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, พลตำรวจตรีพนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1
ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ นำโดย พลตำรวจตรีพัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ, พันตำรวจเอกสุรวุฒิ แสงรุ่งเรือง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ, พันตำรวจเอกโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ, พันตำรวจเอก ประธาน นันทกอบกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ, พันตำรวจเอก ภูริส จินตรานันท์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ
สถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ พันตำรวจเอก อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ, พันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผู้กำกับการสืบสวนสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน นำโดย พันตำรวจตรีธนกร จุปะมะตัง สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ, พันตำรวจตรีพัชรภูมิ ปิยะศาสตร์ สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน

ได้ร่วมกันจับกุมตัว
นายชาญวิทย์ หรือดอน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ซ.วัชรพล 1/1 แยก 1 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ เลขบัตรประจำตัวประชาชน

โดยกล่าวหาว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือ ทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย”

พร้อมของกลาง

  1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ซิตี้ สีขาว ทะเบียน ฎล 8211 กรุงเทพฯ
  2. เสียมโลหะ ขนาด ยาวประมาณ 120 ซม. จำนวน 1 อัน
  3. กระเป๋าผ้าสีน้ำตาล ยี่ห้อ OYASUMI ภายในบรรจุกระเป๋าผ้าสีน้ำเงินยี่ห้อ SAVE THE WORLD จำนวน 1 ใบกระเป๋าใส่ของสีดำ ยี่ห้อ EDSEASONS จำนวน 1 ใบ กระเป๋าใส่ของสีดำ ยี่ห้อ URBANSEASON จำนวน 1 ใบ ถุงมือผ้าสีเหลือง ดำ จำนวน 1 คู่
  4. เสื้อยืดแขนสั้น สีเขียว พิมพ์คำว่า NEWYORK CITY จำนวน 1 ตัว กางเกงขายาวสีดำ ลายพราง มีแถบคาดสีขาวบริเวณด้านขวา จำนวน 1 ตัว และรองเท้าแตะสีขาว จำนวน 1 คู่
  5. เลื่อยมือ จำนวน 1 อัน
  6. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Iphone สีดำ จำนวน 1 เครื่อง
  7. คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อ แม็คบุ๊ค โปร จำนวน 1 เครื่อง

โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าอาคาร แอด เอส 115 เรสซิเดน เลขที่ 335 หมู่ที่ 4 ซ.สุขุมวิท 115(อภิชาติ) ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

จากกรณี เมื่อ วันที่ 1 ต.ค.2565 เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจาก แม่บ้านของอาคาร แอดเอส 115 เรสซิเดนซ์ ว่าได้พบความผิดปกติของผู้เข้าพัก ห้องพักเลขที่ 402 อาคาร แอดเอส 115 ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน จึงเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุและเชื่อว่าน่าจะมีเหตุฆาตกรรม จึงนำเรียนผู้บังคับบัญชาให้ทราบ จากนั้น พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เข้าตรวจสอบและเข้าควบคุมและบริหารเหตุการณ์ ซึ่งในระหว่างนั้นได้พบ นายชาญวิทย์ (ผู้ต้องหาในคดีนี้) ขับรถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีขาว ทะเบียน ฎล-8211-กทม. ย้อนกลับมายังห้องที่เกิดเหตุ จึงได้ควบคุมตัวและซักถาม ซึ่งนายชาญวิทย์หรือดอน ผู้ต้องหา รับว่า ได้มาเปิดห้องพักอาศัยอยู่กับแฟนสาว น.ส.อรนันท์หรือพิน นราทร อายุ 30 ปี อยู่เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ผู้ตาย (ทราบภายหลัง) โดยเข้าพักอาศัย เมื่อวันที่ 28 ก.ย.65 ที่ผ่านมา และได้ใช้อาวุธมีดซึ่งตระเตรียมมาเพื่อจะลงมือก่อเหตุแทงทำร้าย น.ส.อรนันท์ หรือพิน นราทร จนถึงแก่ความตาย ตามประสงค์ที่คิดและวางแผนมาก่อนล่วงหน้า เนื่องจากหึงหวงผู้ตายเริ่มตีจาก และ มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป จากนั้นได้ทำการหั่นและชำแหละร่างผู้ตายแยกออกเป็นชิ้นใส่ถุงดำและนำออกไปทิ้งฝังไว้ที่ ริมถนนประเสริฐมนูกิจ ตอหม้อทางด่วนฉลองรัช ทิศทางมุ่งหน้ารามอินทรา แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพ ฯ พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ได้แจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานห้องพักที่เกิดเหตุรวมถึงจุดบริเวณที่ทิ้งศพ โดยได้ทำการขุดศพขึ้นมาพิสูจน์ทราบรวมทั้งเก็บวัตถุพยานต่าง ๆ จากจุดที่ผู้ต้องหานำไปทิ้ง

พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา นายชาญวิทย์ ว่า ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือ ทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
และจากการตรวจสอบประวัติ นายชาญวิทย์ วงศ์สหาก ผู้ต้องหา ไม่พบประวัติการกระทำผิดแต่อย่างใด

สตม.ระดมกวาดล้างอาชญากรรมห้วงระหว่างวันที่ 10 ต.ค. – 12 พ.ย.65

ตามที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ประจำปี พ.ศ.2565 (APEC 2022 Thailand) ในห้วงระหว่างวันที่ 14 – 19 พ.ย. 65 ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่กำชับให้ สตม. ดำเนินการระดมกวาดล้าง สืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยเน้นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการ อยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่กำลังจะมีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ อีกทั้งทำให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. จึงดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยมีเป้าหมายหลัก เป็นคนต่างด้าวที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และเมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้ว ให้ขยายผลการจับกุมทุกรายเพื่อให้ทราบถึงผู้ร่วมกระทำความผิด เครือข่ายของผู้กระทำความผิด และให้ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด/เครือข่ายของผู้กระทำความผิด ต่อไป
ผลการดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงระหว่างวันที่ 10 ต.ค. – 12 พ.ย.65 มีดังนี้
1.สามารถจับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) ได้ทั้งสิ้น 785 ราย จับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 1,249 ราย (ลาว 770, เมียนมา 349, กัมพูชา 108, อื่น ๆ 22)
2.ดำเนินการประชาสัมพันธ์การแจ้งที่พักอาศัยตามมาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ในพื้นที่ กทม. จำนวน 2,723 แห่ง และมีผลการเปรียบเทียบปรับ กรณีเจ้าบ้านหรือผู้ครอบครองเคหสถานไม่แจ้งที่พักอาศัยกรณีรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยตาม ม.38 จำนวน 587 ราย

  1. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย บก.ตม.2 มีการปฏิเสธคนต่างด้าวในการขอเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จำนวน 2,453 ราย
  2. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับ ตำรวจท่องเที่ยว เปิดปฏิบัติการ Operation X-ray พื้นที่ หาคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ในวันพุธที่ 9 พ.ย. 65 ณ โรงแรมรามาการ์เด้น เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน และมีข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 500 นาย และข้าราชการตำรวจสังกัดตำรวจท่องเที่ยว จำนวน 50 นาย รวมข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมทั้งสิ้น 550 นาย ออกตรวจ Operation X-ray พื้นที่จุดเสี่ยงในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวที่อยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) จำนวน 7 ราย จับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 1 ราย เปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านหรือผู้ครอบครองเคหสถานไม่แจ้งที่พักอาศัยกรณีรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยตาม ม.38 จำนวน 17 ราย
  1. บก.สส.สตม. จับกุมชาวจีนมีหมายจับข้อหาสวมบัตรประชาชน

โดยสามารถจับกุม นายเชา (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.125/2565 ลง 20 เม.ย. 64 ข้อหา แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน, เป็นผู้สนับสนุนในการขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทยฯ โดยการนำหมายค้นศาลอาญาเข้าค้นอาคารพาณิชย์ ย่านสุทธิสาร ถนนวิภาวดีรังสิต เขตพญาไท กรุงเทพฯ พร้อมทั้งได้ตรวจยึดของกลาง จำนวนหลายรายการ อาทิ เช่น ชุดเครื่องแบบทหารพร้อมติดป้ายชื่อของผู้ต้องหา,คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ,รถยนต์ จำนวน 2 คัน, โฉนดที่ดินจำนวน 3 ใบ, บัตรประชาชนจีน 1 ใบ, หนังสือเดินทาง จำนวน 3 เล่ม เป็นต้น เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน ทำการตรวจสอบว่ามีการกระทำความผิดอื่นใด อีกหรือไม่ จากการสืบสวนก่อนจับกุม พบว่าผู้ต้องหามักใช้รถติดธงประจำประเทศไทยและจีนคล้ายกับรถของสถานทูต และยังมีรถนำขบวนอีก 1 คัน โดยคาดว่าเป็นทะเบียนรถปกติ ไม่ใช่รถของสถานทูตแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าเป็นการพยายามทำให้ดูเหมือนรถของสถานทูตเท่านั้น
และได้จับกุมนายศตวรรษ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติไทย คนขับรถของนายเชา (นามสมมติ) พร้อมของกลาง วิทยุสื่อสารยี่ห้อ SRENDER จำนวน 1 เครื่อง ในข้อหา มีและใช้งานเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากการสืบสวนขยายผล ได้ขอหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรีเข้าตรวจค้นบ้านนายเชา (นามสมมุติ) บริเวณริมถนนภายใน หมู่ ๙ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ดังนี้
1) นายสามารถ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี สัญชาติไทย ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครอง ซึ่งสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษี มาตรา 203 พรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560”
2) นายอานำ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษี มาตรา 203 พรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 และเป็นคนไม่มีสถานะทางทะเบียน ออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมด้วยของกลาง
1) รถกระบะหลังคาสูง สีขาว
2) สุรา บรรจุในภาชนะภายในกล่อง จำนวน 40 ขวด

  1. บก.สส.สตม. ร่วมกับตำรวจจีนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายอินเตอร์โพล (RED NOTICE) สัญชาติจีน จำนวน 2 ราย นำส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อผลักดันออกนอกราชอาณาจักร

เจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐประชาชนจีนประสานผ่านสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย มายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายอินเตอร์โพล (RED NOTICE) สัญชาติจีน จำนวน 2 ราย
บก.สส.สตม. จึงได้ทำการสืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ดังนี้
6.1 นายหลี่ (นามสมมุติ) สัญชาติจีน อายุ 27 ปี ซึ่งมีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีหมายอินเตอร์โพล (RED NOTICE) แล้วได้หลบหนีมาอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยมีข้อหาในการกระทำความผิดคือฉ้อโกงประชาชนผ่านแอพพลิเคชั่น มีผู้เสียหายกว่า 400,000 ราย ความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท จากการสืบสวนพบว่าได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ย่ายสุทธิสาร กรุงเทพมหานคร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบ นายหลี่ (นามสมมุติ) เมื่อทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริงกับหมายอินเตอร์โพล (RED NOTICE) จึงเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักร และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. ผลักดันออกนอกราชอาณาจักร
6.2 นายฮู (นามสมมุติ) สัญชาติจีน อายุ 40 ปี ซึ่งมีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีหมายอินเตอร์โพล (RED NOTICE) แล้วได้หลบหนีมาอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยมีข้อหาในการกระทำผิดคือ ครอบครองสิ่งของต้องห้าม และปลอมเอกสาร จากการสืบสวนพบว่าได้หลบหนีไปอยู่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ จว.สมุทรปราการ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบ นายฮู (นามสมมุติ) เมื่อทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริงกับหมายอินเตอร์โพล (RED NOTICE) จึงเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักร และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. ผลักดันออกนอกราชอาณาจักร

  1. บก.สส.สตม. จับกุมนายจาง (นายสมมุติ) สัญชาติไต้หวัน จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า นายจาง(นามสมมุติ) ใช้หนังสือเดินทางประเทศกัมพูชา เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อ 30 ต.ค. 65 ได้รับอนุญาตประเภท ผ.ผ.14 เมื่อนำข้อมูลตรวจสอบในระบบสารสนเทศ (Biometric) ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพบว่า มีใบหน้าคล้ายกันกับนายโด (นามสมมุติ) สัญชาติไต้หวัน ซึ่งใช้หนังสือเดินทาง ประเทศไต้หวันเข้ามาในราชอาณาจักร น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลเดี่ยวกัน และ จากการประสานงานไปยังสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำ ประเทศไทย พบว่า หนังสือเดินทางของนายโด (นามสมมุติ) เป็นของบุคคลอื่น และจากการสืบสวนยังทราบว่านายจาง(นามสมมุติ) เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ จึงถือว่ามีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าเป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือ ความปลอดภัยของประชาชนฯ บก.สส.สตม. จึงเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักร และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. ผลักดันออกนอกราชอาณาจักร

โดยการดำเนินการครั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เน้นค้นหาจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งคนต่างด้าวที่มีหมายจับ โดยเมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้ว จะทำการขยายผลการจับกุมทุกรายเพื่อให้ทราบถึงผู้ร่วมกระทำความผิด เครือข่ายของผู้กระทำความผิด และให้ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด/เครือข่ายของผู้กระทำความผิด ต่อไป

สั่งเด้งแล้ว 5 เสือ สภ.เมืองสมุทรปราการ หลัง “บิ๊กโจ๊ก” ยันมีเหตุปล้นบ่อนในพื้นที่ พร้อมตั้งกรรมการสอบ ผกก.รายงานข้อมูลเท็จหรือไม่

12 พ.ย.65 พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยจากกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกสื่อมวลชนว่าจากการส่งชุดทำงานลงพื้นที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ พบว่ามีบ่อนการพนันและมีเหตุปล้นบ่อนจริง เบื้องต้นตนเองได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด สมุทรปราการ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมกับให้มีคำสั่งให้ 5 เสือ สภ.เมืองสมุทรปราการ ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

ส่วนกรณีที่ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ออกมาระบุว่า ในพื้นที่ไม่มีเหตุการณ์ปล้นบ่อนและยิงปะทะกับการ์ดในบ่อนก่อนจะมีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บ ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จกับผู้บังคับบัญชาหรือไม่นั้น ได้สั่งการให้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานให้ทราบโดยเร็วที่สุด

พร้อมกันนี้สั่งกำชับให้ทุกพื้นที่เร่งกวดขันเรื่องบ่อนการพนันและปราบปรามอาชญากรรมมาอย่างต่อเนื่อง หากพร่องจะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบ จะไม่มีการปกปิดหรือเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน

ด้านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด สมุทรปราการ ยืนยันว่าได้มีหนังสือคำสั่งให้ 5 เสือ สภ.เมืองสมุทรปราการ ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ.จว.สมุทรปราการ ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมาแล้วโดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมกับตั้งกรรมการสอบ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ กรณีรายงานข้อมูลตอนแรกว่าไม่พบว่ามีเหตุดังกล่าว

สั่งเด้ง5เสือ #สภเมืองสมุทรปราการ #บิ๊กโจ๊ก #เหตุปล้นบ่อน #ตั้งกรรมการสอบ #เมืองปาก #รายงานข้อมูลเท็จหรือไม่ #โหนกระแส

พล.ต.ท. เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต. ให้การต้อนรับ ท่านประมวล นิลกลาง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกา

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.00 น. พลตำรวจโท เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี อำนาจ เดชบุณเหลือง ผู้บังคับการศูนย์ฝึกตำรวจ พันตำรวจเอก นที ไชยานุพงศ์ รองผู้บังคับการศูนย์ฝึกตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ท่านประมวล นิลกลาง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกา ณ ห้องไผ่สิงโต อาคารกองบัญชการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พร้อมคณะดังนี้ นายเหรียญทอง เพ็งพา ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความปลอดภัย นางสาว ศศิวรดา จันทรกูล เจ้าพนักงานตำรวจศาลชำนาญการพิเศษ พันตำรวจโท ชูศักดิ์ เมืองระรื่น เจ้าพนักงานตำรวจศาลชำนาญการพิเศษ พันตำรวจโท กฤษฐ์หิรัญ พิพัฒภุมรานนท์ เจ้าพนักงานตำรวจศาลชำนาญการพิเศษ พันตำรวจโท ศุภฤกษ์ เพ็ชรสงฆ์ เจ้าพนักงานตำรวจศาลชำนาญการพิเศษ พันตำรวจโทหญิง ณัฏฐ์ชนิตา วิพุชชัยพลเดช เจ้าพนักงานตำรวจศาลชำนาญการ ที่ได้มาเยี่ยมเยือน และหารือขอความร่วมมือในการจัดฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานตำรวจศาล ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ

พล.ต.ท. เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต.เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศข้าราชการตำรวจ

วันที่ 9 พฤศจิกายน 65 เวลาประมาณ 08.30 น.
พลตำรวจโท เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศข้าราชการตำรวจ ในสังกัด รร.นรต.
โดยมี พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.รร.นรต.
พร้อมด้วย ผู้บังคับการ , คณบดี , รองผู้บังคับการ ผู้กำกับการ ที่ทำหน้าที่ หน.หน่วย
และ ผู้เข้ารับการประดับเครื่องหมายยศ ,เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี
ณ ห้องสามพราน อาคาร กองบัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ

บิ๊กโจ๊ก ยืนยัน ปากน้ำ มีเหตุ ปล้นบ่อน จริง ขณะที่ ผกก รายงานข้อมูล

จากกรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ย 65 มีข่าวลือหนาหูว่า ในพื้นที่ ปากน้ำ อ เมือง จ สมุทรปราการ มีกลุ่มคนร้าย 8 คน บุก ปล้นบ่อน และมีคนร้ายเสียชีวิต 1 ราย เนื่องจากถูกการ์ดของบ่อนการพนันยิง ต่อมา พ.ต.อ เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ผกก สภเมืองสมุทรปราการ ชี้แจง และ ยืนยันว่า ไม่มี เหตุปล้นบ่อนการพนันในพื้นที่ และผู้ก่อเหตุ ถูกยิงเสียชีวิต ตามที่มีข่าวลือ

ล่าสุดวันที่ 11 พ.ย 65
พล ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ผ่านทางโทรศัพท์ ว่า
เมื่อวานนี้มีการโทรสอบถามเรื่องดังกล่าว ซึ่ง พ.ต.อ เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกกสภ สมุทรปราการ ได้รายงาน ตนเอง ว่า ไม่มีเหตุ ปล้นบ่อน ยิงกัน หรือ มีบ่อน แต่ตนเองฉงนใจ ว่า หากไม่มีเหตุจริง ทำไมจึงมีกระแสข่าวหนาหู
ตนเองจึงได้ โทรศัพท์ไปสอบถามกลับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเขตสายไหมต้องรอด จนได้ข้อมูลมาบางส่วน และ ตนเองได้ส่งทีมสอบสวนส่วนตัว ลงพื้นที่ตรวจสอบพิสูจน์ข้อเท็จจริง เหตุ ปล้นบ่อน จึงทราบว่า มีบ่อนและมี การลักลอบเล่น การพนันจริง รวมไปถึงมีเหตุการณ์ ปล้นบ่อน จริง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยดีกว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผกก สภ เมืองสมุทรปราการ ได้โทรศัพท์กลับมาหาตนเอง และ ยอมรับว่า มีเหตุการณ์ ปล้นบ่อน เกิดขึ้นจริง ซึ่งตนเองก็ได้ กาวตักเตือนไป ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ตำรวจ พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดเหตุ ปล้นบ่อน ดังกล่าว

รอง ผบ.ตร.จับมือกับภาคเอกชนมอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์กราดยิงในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์พร้อมมอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชน

ผ่านมาแล้วเกือบหนึ่งเดือนกับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมกราดยิงในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตและ ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

ถึงวันนี้ที่บริเวณด้านหน้าของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ก็ยังคงมีประชาชนนำนมและของเล่นมาให้น้องน้องที่บริเวณด้านหน้าของ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและยังคงปิดสถานที่ดังกล่าวไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไป ส่วนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งใหม่ยังอยู่ระหว่างการเตรียมการจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้าง

โดยใน วันนี้ 11 พ.ย.65 เวลาประมาณ 13.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.ภพพล จักกะพาก ผบก.อก.บช.ทท. พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู พร้อมด้วยครอบครัวตั้งคารวคุณ ได้มอบเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์จริงในครั้งนั้นพร้อมกับมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนโรงเรียนบริเวณโดยรอบ รวมเป็นเงินเกือบ 300,000 บาท

ทั้งนี้จากการพูดคุยกับญาติของผู้สูญเสียต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไม่สามารถลืมเลือนเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นได้และยังคงคิดถึงน้องน้องที่จากไป แม้ว่าที่ผ่านมาทีมจิตแพทย์จะเข้ามาพูดคุยบ้างเป็นครั้งคราวซึ่งบรรเทาความสุขเศร้าไปได้ในระดับหนึ่ง

ส่วนการทำสำนวนคดีนั้น พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า จะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า โดยจะแบ่งออกเป็นสองสำนวนคดี คดีแรกเป็นการทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและอีกคดี เป็นเรื่องของการชันสูตรพลิกศพ ของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิต ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการจ่ายเงินเยียวยาไปแล้วรายละ 200,000 บาท

Design a site like this with WordPress.com
Get started