พล.ต.ท.ธิติ ผบช.น. เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการ

วันนี้(อังคารที่ 4 ต.ค. 65) เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการ โดยมี คณะ รอง ผบช.น., ผบก.น 1-9 ,สส.,อคฝ.,สปพ,ศฝร.,จร.,ผกก.ทั้ง 88 สน.ในสังกัด บช.น. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมใหญ่ บช.น./ทีมงานประชาสัมพันธ์ บช.น.

พล.ต.ท.สำราญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,คณะ รอง ผบช.น. , คณะ ผบก. ในสังกัด บช.น. ร่วมพิธีรับ-มอบหน้าที่ผบช.น.

วันนี้(อังคารที่ 4 ต.ค.65) เวลา 08.00น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,คณะ รอง ผบช.น. , คณะ ผบก. ในสังกัด บช.น. และข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.น. ร่วมพิธีรับ-มอบหน้าที่ ผบช.น. เนื่องด้วยตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อ 7 ก.ย.65 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 ดำรงตำแหน่ง ผบช.น.ทั้งนี้ตั้งแต่ 1 ต.ค.65 เป็นต้นไป ณ บริเวณด้านหน้า บช.น.และห้องประชุมปารุสกวัน 1/ทีมงานประชาสัมพันธ์ บช.น.

พล.ต.ท.ธิติ ผบช.น., คณะ รอง ผบช.น. และผู้บังคับบัญชาระดับสูงในสังกัด บช.น. ร่วมพิธี สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

วันนี้(อังคารที่ 4 ต.ค.65) เวลา 07.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., คณะ รอง ผบช.น. และผู้บังคับบัญชาระดับสูงในสังกัด บช.น. ร่วมพิธี สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในพื้นที่ประกอบด้วย

  1. พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9
  2. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร กรมพระนเรศรวรฤทธิ์
  3. ศาลพระภูมิ
  4. ศาลเจ้าแม่เกตุมณี
  5. ศาลเจ้าแม่ทับทิม
  6. อนุสาวรีย์ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน ณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล /ทีมประชาสัมพันธ์ บช.น.

พล.ต.ท. เสนิต ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหาร

วันที่ 3 ตุลาคม 2565 เวลา 10.00 น. โดยประมาณ พลตำรวจโท เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหาร โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ครั้งที่ 9/2565 โดยมี พลตำรวจตรี อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผู้บังคับการในสังกัด คณบดี ข้าราชการตำรวจ ระดับพันตำรวจเอกขึ้นไปในสังกัด และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ณ ห้องเตมียเวส ในการประชุมบริหาร พลตำรวจโท เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้ให้นโยบายในการปฏิบัติราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ให้สอดคล้องกลับนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และได้มอบวิสัยทัศน์ไว้ว่า “มุ่งผลิตตำรวจชั้นสัญญาบัตร มืออาชีพให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เพื่อเป็นกรอบในการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจสังกัดโรงเรียนนายร้อยตำรวจต่อไป

“ทีมวิจัย รร.นรต.”ส่งมอบผลผลิตการวิจัย แผนงาน “เสริมพลังทางสังคมเพื่อรับมือใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์”

เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ให้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม

วันที่ 3 ตุลาคม 2565 ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จังหวัดนครปฐม พันตำรวจเอกหญิง ดร. กัญญ์ฐิตา ศรีภา รองศาสตราจารย์ อาจารย์ (สบ 5) หัวหน้าแผนงานวิจัย เปิดเผยว่า คณะผู้วิจัยโรงเรียนนายร้อยตำรวจ นำโดย ศาสตราจารย์ พลตำรวจโท ดร. วีรพล กุลบุตร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และคณะผู้วิจัย จากคณะสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.ธีรวุฒิ นิลเพ็ชร์  ผู้วิจัย และ ร.ต.อ.หญิง พัชรา ต๊ะตา ร่วมกับผู้ร่วมวิจัยจากมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พลรพี ทุมมาพันธ์ คณะวิทยาการการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ตรีทิพย์ บุญแย้ม วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ อาจารย์ดร. ฐิติมา เวชพงศ์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์  

โดยคณะจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้ทำการส่งมอบผลผลิตจากการศึกษาวิจัยเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ ให้แก่ ผู้แทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ร่วมกับ ดร.โชติมา หนูพริก ผู้อำนวยการกลุ่มผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาการศึกษาสำหรับผู้ที่มีความสามารถพิเศษ อาจารย์เอกสิทธิ์ ปิยะแสงทอง นักวิชาการศึกษาชำนาญการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยผลผลิตจากการศึกษาวิจัยที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจดำเนินการส่งมอบให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่

(1) รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง “การเสริมพลังทางสังคมเพื่อรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์” (2) มาตรการสำหรับสถานศึกษาในการกำกับดูแลความปลอดภัยจากการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน (3) มาตรการสำหรับสถานศึกษาเพื่อป้องกันการเสพติดเกมและภัยที่เกิดจากการเล่นเกมออนไลน์ของเด็กและเยาวชน และ (4) สื่อการเรียนรู้ออนไลน์สำหรับสถานศึกษาในการป้องกันและลดปัญหาการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน

พันตำรวจเอกหญิง ดร. กัญญ์ฐิตา กล่าวว่า ทั้งนี้ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ  เล็งเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญในการร่วมกันดูแลเด็กและเยาวชนไทยให้ปลอดภัยจากการใช้สื่อออนไลน์และรับมือกับเทคโนโลยีออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม

โดยได้มีกำหนดแนวทางในการใช้ประโยชน์จากผลการศึกษาวิจัยของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในประเด็นที่สำคัญคือ การนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์เพื่อการป้องกันและลดปัญหาการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ไปขยายผลต่อในสถานศึกษาในสังกัด เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้และทักษะที่สำคัญให้แก่ผู้เรียน

รวมถึงส่งต่อทั้ง 2 มาตรการที่ได้จากการศึกษาวิจัยให้แก่กลุ่มงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปศึกษาและขับเคลื่อนขยายผล นอกจากนั้นยังได้มีข้อตกลงร่วมกันที่จะขยายผลต่อยอดจากการศึกษาวิจัย ไปสู่การจัดอบรมเพื่อพัฒนาครูและนักเรียนของสถานศึกษาในสังกัด เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ในการรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์

ซึ่งต่อมาคณะผู้วิจัย โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้นำผลผลิตจากการศึกษาวิจัยอีกส่วนหนึ่ง ได้แก่ (1) รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง “การเสริมพลังทางสังคมเพื่อรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์” และ (2) มาตรการส่งเสริมเกมออนไลน์สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน ไปส่งมอบให้แก่ ผู้แทนจากสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้แก่ นายคมกริช ทรงแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มตรวจและส่งเสริมสถานประกอบกิจการ และ นางสาววจี ทางเจริญ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและสนับสนุนภาคประชาสังคม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรม มีภารกิจสำคัญเกี่ยวกับการเฝ้าระวังการนำเสนอเนื้อหาของสื่อที่ไม่เหมาะสม ไม่ปลอดภัย ไม่สร้างสรรค์ และกระทบต่อศีลธรรมอันดี ซึ่งแม้หน้าที่ตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ. 2551 ยังไม่ครอบคลุมไปถึงการควบคุมเนื้อหาเกมออนไลน์ แต่ในปัจจุบัน กระทรวงวัฒนธรรมอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าว

พันตำรวจเอกหญิง ดร. กัญญ์ฐิตา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้ผนวกเรื่องของการควบคุมเกมทั้งในลักษณะออนไลน์และออฟไลน์ คณะผู้วิจัยจึงเห็นว่ามาตรการที่พัฒนาขึ้นจากการศึกษาวิจัย จะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยกำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินงานที่ให้เกิดประโยชน์ทั้งในเชิงควบคุมผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเล่นเกมออนไลน์และส่งเสริมให้เกิดเกมออนไลน์สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ผู้แทนจากสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องดังกล่าว และจะได้นำผลการวิจัยและมาตรการส่งเสริมเกมออนไลน์สร้างสรรค์และปลอดภัยให้กับเด็กและเยาวชน ไปใช้ประโยชน์และขับเคลื่อนขยายผลต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกันกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ใกล้จะแล้วเสร็จ

สำหรับแผนงานวิจัย “เสริมพลังทางสังคมเพื่อรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์” คณะสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) แบ่งเป็น 2 โครงการย่อยภายใต้แผนงาน ได้แก่ โครงการ “การบูรณาการความร่วมมือเพื่อส่งเสริมและกำกับดูแลความปลอดภัยจากการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน” และโครงการ “การพัฒนาเครือข่ายทางสังคมเพื่อสร้างมาตรการในการป้องกันและควบคุมผลกระทบทางลบจากเกมออนไลน์ในเด็กและเยาวชน” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์ ผลผลิตจากการศึกษาวิจัยประกอบด้วย (1) มาตรการกำกับดูแลความปลอดภัยจากการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน แบ่งเป็น 2 มาตรการที่เน้นการทำงานในลักษณะภาคีเครือข่าย ได้แก่ “มาตรการสำหรับสถานศึกษา” ประกอบด้วย 5 มาตรการย่อย สรุปเป็น พัฒนาครู-ส่งเสริมผู้เรียน-เข้าถึงครอบครัว-เฝ้าระวังเหตุ-ดูแลช่วยเหลือ และ “มาตรการทางกฎหมาย” ประกอบด้วย การปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัย การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ และการดำเนินการช่วยเหลือและคุ้มครองเด็กและเยาวชนให้ปลอดภัยจากการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ที่เข้าข่ายกระทำผิดทางกฎหมาย (2) สื่อการเรียนรู้ออนไลน์สำหรับสถานศึกษาในการป้องกันและลดปัญหาการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ มีลักษณะเป็น e-learning กึ่งเกม ประกอบด้วย 3 ด่าน ด่านแรกเป็นด่านสร้างความตระหนักถึงความรู้สึกของผู้อื่น ด่านที่สองเป็นด่านให้ความรู้ด้านการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์และด้านกฎมาย ส่วนด่านที่สามเป็นด่านให้ตัดสินใจแก้ไขปัญหา

(3) มาตรการส่งเสริมเกมออนไลน์สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน ประกอบด้วย 5 มาตรการย่อย ได้แก่ การควบคุมเนื้อหาเกมออนไลน์ให้เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน  การกำหนดแนวทางในการแสดงข้อมูลสำคัญแก่ผู้ใช้บริการควบคู่กับการให้บริการเกมออนไลน์  การติดตามตรวจสอบเนื้อหาเกมออนไลน์ที่ไม่สร้างสรรค์และไม่ปลอดภัย  การส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตเกมออนไลน์สร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน และการเฝ้าระวังและปกป้องเด็กและเยาวชนจากภัยคุกคามที่แฝงมากับเกมออนไลน์

(4) มาตรการป้องกันการเสพติดเกมและภัยที่เกิดจากการเล่นเกมออนไลน์สำหรับเด็กและเยาวชน ประกอบด้วย 5 มาตรการย่อย สรุปเป็น ป้องกัน-ค้นหา-เฝ้าระวัง-เสริมคุณค่า-รักษาดูแล นอกจากนั้น ในกระบวนการศึกษาวิจัยของแผนงานวิจัย ยังทำให้เกิดการเสริมพลังทางสังคมเพื่อการรับมือและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีออนไลน์ โดยภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการวิจัย ตระหนักถึงประโยชน์ของมาตรการและสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นจากการศึกษาวิจัย และเห็นควรนำไปขับเคลื่อนขยายผลต่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง

จากการดำเนินการศึกษาวิจัยจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ คณะผู้วิจัยโรงเรียนนายร้อยตำรวจคาดหวังว่า ผลงานวิจัยจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเกิดเครือข่ายทางสังคม ที่ร่วมกันผลักดันมาตรการและสื่อการเรียนรู้ที่จัดทำขึ้น ให้สามารถนำไปขยายผลที่ก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างและในเชิงบวกแก่เด็กและเยาวชน ช่วยให้เด็กและเยาวชนไทยสามารถรับมือและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนช่วยลดผลกระทบทางลบทั้งในเชิงปัญหาพฤติกรรมและปัญหาทางสังคม รวมถึงเกิดการขยายเครือข่ายความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“พันตำรวจเอกหญิง ดร. กัญญ์ฐิตา กล่าว”

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ร่วมกับนางปวีณา ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี แถลงจับกุมขบวนการหลอกลวงผู้เสียหาย อายุ 16 ปี ไปบังคับค้าประเวณี

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2565 เวลา 14:00 น. พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล ร่วมกับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี แถลงข่าวจับกุมขบวนการหลอกลวงผู้เสียหาย อายุ 16 ปี ไปบังคับค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา ซึ่งได้เคยร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปบังคับค้าประเวณี เข้าข่ายการค้ามนุษย์ ที่ เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา และช่วงเดือนกันยายน นางปวีณาหงสกุลได้ประสาน มายัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ต่อมาสามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 รายได้วันนี้ นางปวีณาได้พาพ่อแม่เด็ก เดินทางมาจาก จว.บุรีรัมย์ เข้าขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และฟังการแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาด้วย และในวันเดียวกันนี้ นางปวีณาได้พาพ่อแม่ นร.หญิงพัฒนาการช้า อายุ 17 ปี ขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาลที่ได้สั่งการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมกับรอง ผอ. รร.รัฐบาลแห่งหนึ่งย่านบางชัน โดยวันที่ 1ต.ค. 2565 ตำรวจ ได้นำ รองผอ.ส่งศาลเรียบร้อยแล้ว

รายที่ 1
แม่ ด.ญ.อายุ 16 ปี จาก จว.บุรีรัมย์ ร้องขอความช่วยเหลือกับ นางปวีณา ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าลูกสาวลูกหลอกบังคับไปค้าประเวณีที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา นางปวีณา ได้ประสานขอความช่วยเหลือไปยัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พันเอก ณรงชัย เจริญชัย ผบ.ฉก. ร.14 แม่สอดติดต่อทหารเมียนมา ต่อมา ทหารเมียนมา สามารถเข้าช่วยเหลือหญิงสาววัย 16 ปี ถูกหลอกบังคับค้าประเวณีที่ร้านคาราโอเกะหลังกาสิโนแจ๊คดรากอนไนท์เมืองเมียวดีประเทศเมียนมาข้ามฟากกลับประเทศไทยในคืน วันที่ 6 ก.ย. 2565 และต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คนดำเนินคดีแล้ว

รายที่ 2
วันที่ 28 ก.ย. 2565 แม่น้องพลอย (นามสมมุติ) ถูก รองผู้อำนวยการโรงเรียน ทำอนาจาร นางปวีณาประสานขอความช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และพาพ่อแม่และน้องพลอยไปแจ้งความกับ พ.ต.อ.วสุ เชื่อพุทธ ผกก.สน.บางชัน โดย พล.ต.อ.สุรเขษฐ์ หักพาล ได้สั่งการติดตามคดีอย่างใกล้ชิด จนวันที่ 1 ต.ค. 65 ตำรวจได้เรียกตัว รองผู้อำนวยการ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา แจ้งข้อหาและนำตัวฝากขังที่ศาลมีนบุรี วันที่ 1 ต.ค. แล้ว

นางปวีณา หงสกุล กล่าวแสดงความยินดีกับ พล ต. อ. สุรเชษฐ์ ที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น รอง ผบ.ตร. และขอบคุณที่ได้จับกุมผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็ว โดยมูลนิธิปวีณา จะได้จับมือจับมือกับศูนย์พิทักษ์เด็กสตรีครอบครัวป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง ศพดส.ตร. โดยมี พล ต.อ. สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ ตร. เป็นผู้อำนวยกา ศูนย์พิทักษ์เด็กสตรีครอบครัวป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง ศพดส.ตร. ร่วมทำงานกับมูลนิธิปวีณาช่วยเหลือสังคมอย่างเข็งแข็ง ต่อไป

พล.ต.ท.ดร.เสนิต ผบช.รร.นรต. (คนใหม่) รับมอบหน้าที่ตำแหน่งและธงประจำหน่วย

พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ผบช.รร.นรต.คนเก่า) ส่งมอบหน้าที่ตำแหน่ง ผบช.รร.นรต. (คนใหม่) แก่ พล.ต.ท.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ

วันเสาร์ที่ 1 ต.ค. 65 เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ทำพิธีลงนามในสมุด รับ-ส่งมอบหน้าที่ตำแหน่ง ผบช.รร.นรต. และ ธงประจำหน่วย ให้แก่ พล.ต.ท.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต. เพื่อรับหน้าที่ต่อ โดยมี คุณมนสิการ สำราญสำรวจกิจ (ภริยา), ดร.พีรวัฒน์ สุรเศรษฐ ประธานกต.ตร.กทม. (ภาคประชาชน),  ดร.ธัชวิน สุรเศรษฐ ประธานกต.ตร.บก.น.1 – กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ(191), คุณสุพจน์ พงษ์บุญคุ้มลาภ, คุณศักดิ์ณรงค์ โลจนะรุ่งสิริ, ดร.โชติมา นิ่มอร่ามวงศ์, ร.ต.อ.เรืองยศ – คุณกมลพร ขันสุวรรณ, คุณบุญชญา เดชาเจริญสิริ, และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยานในงานพิธี
ณ โรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน จ.นครปฐม

พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ผู้ช่วยผบ.ตร. ร่วมงานเสวนาและให้ข้อมูล การปราบปรามการค้ามนุษย์ข้ามชาติ

ผู้เข้าร่วมงานฟังการเสวนานี้ ร่วมด้วยผู้สื่อข่าวจากหลายประเทศ ซึ่งให้ความสนใจเกี่ยวกับเนื้อหาที่มีจะการสะท้อนสังคมถึงปัญหาการค้ามนุษย์ในปัจจุบันที่ต้องปราบปรามอย่างจริงจัง และแนวโน้มของปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะต้องได้ความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ในการปรามการค้ามนุษย์

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผบ.ตร. เผยว่าการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยได้อธิบายถึงลักษณะและรูปแบบของการค้ามนุษย์ในปัจจุบัน ทั้งในรูปแบบของการบังคับใช้แรงงานทั้งในรูปแบบทั่วไป และในภาคการประมง การบังคับค้าประเวณี การแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศในรูปแบบต่างๆ ซึ่งในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการที่เป็นหลักในการขับเคลื่อนงานดังกล่าว ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ซึ่งตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ ได้รับหน้าที่ขับเคลื่อนงานดังกล่าว ได้สร้างผลการปฏิบัติในด้านต่างๆ เพิ่มขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด จนส่งผลให้สหรัฐอเมริกาให้การยอมรับและพิจารณายกระดับไทยจาก Tier 2.5 กลับขึ้นมาอยู่ Tier 2 โดยผลงานที่ชัดเจนและเป็นที่ประจักษ์ คือ การช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จากประเทศเพื่อนบ้าน ได้กลับเข้าไทยอย่างปลอดภัย ส่วนการสืบสวนขยายผลบทลงโทษแก่ผู้กระทำผิดทั้งกระบวนการนั้น อาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และดำเนินคดีนั้นมุ่งเน้นให้ผู้กระทำผิดต้องถูกลงโทษตามกฏหมาย ซึ่งการใช้กฏหมายฟอกเงินมาบังคับใช้ เพื่อเป็นการตัดโอกาสของผู้กระทำผิดกฏหมายต่อไป ส่วนการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์และเร่งรัดการเยียวยาผู้เสียหายโดยตรงซึ่งจะต้องทำงานประสานกับ พม. ด้านการพัฒนาศักยภาพให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานนั้น จะมีการจัดทำคู่มือสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์โดยตรง เพื่อให้การสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด ข้อกฏหมายการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ตนั้น สอดคล้องกับโครงการ D.A.R.E. 2 C.A.R.E. ซึ่งมุ่งเน้นให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนเพื่อสร้างความรับรู้เท่าทันและสามารถป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะมุ่งดำเนินการตามนโยบายโดยใช้วิธีการป้องกันก่อนเกิดเหตุให้ได้ผลมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพมาก รวมทั้งให้การประชาสัมพันธ์ผลงานด้านการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปอย่างกว้างขวาง และเพื่อผลสำเร็จนั้นต้องได้ความร่วมมืออย่างแท้จริง จากหลายประเทศที่ตั้งใจจะปราบปรามการค้ามนุษย์จริงจังสักที เพื่อที่จะได้ผลสำเร็จตามมา

จับหัวโจกและสมาชิกแก๊งหาดวัดใต้ ก่อเหตุรุมทำร้ายคู่อริพบเกี่ยวข้องกับกลุ่มยิงอาวุธสงครามกลางเมือง

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ก.ย.65 สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย ได้นำเสนอคลิปวีดีโอ เกิดเหตุทำร้ายร่างกายกันที่บริเวณร้านอาหารซิ๊กตี้นายบาร์ เลขที่ 69 ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน ได้พังประตูร้านเข้าไปทำร้ายร่างกาย น.ส.จุฑามาศ หรือจูน คชนะ อายุ 23 ปี, นายปฏิวัติ บุญเสนอ อายุ 19 ปี และ นายสุรวิสิฐ หรือโก้ วิจิตรพณิชยากุล อายุ 33 ปี พร้อมกับทำลายกล้องวงจรปิดภายในร้าน และนำฮาร์ดดิสของกล้องวงจรปิดของร้านที่เกิดเหตุไปด้วย โดยกลุ่มชายดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับแก๊งเอกมัยหรือแก๊งหาดวัดใต้ ที่เคยใช้อาวุธปืนสงครามยิงต่อสู้กับแก๊งคู่อริ มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ปรากฎเป็นข่าวดังเมื่อประมาณ เดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา นั้น
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งสืบสวนคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ลดความหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจต่อหน้าประชาชนเป็นจำนวนมาก และยังมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มแก๊งค์ที่เคยใช้อาวุธปืนสงครามก่อเหตุยิงถล่มกันใน พื้นที่ จ.อุบลราชธานี โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 และพล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี เร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย จากการรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบสวนปากคำผู้เสียหาย ทราบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่ก่อเหตุ มีนายเอกรินทร์ หรือ เสี่ยเอก เป็นหัวหน้าแก๊ง โดยมีสาเหตุเกิดจาก น.ส.จุฑามาศฯ ผู้เสียหาย มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับหญิงคนสนิทของเสี่ยเอก ทำให้เสี่ยเอกโกรธแค้นยกพวกมารุมทำร้าย น.ส.จุฑามาศฯ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง จนได้รับบาดเจ็บ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 7 ราย ตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.นายเอกรินทร์ หรือเอก สุนทราเมธากุล อายุ 45 ปี ที่อยู่ 33 ถ.ห่อบำรุ่ง ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
2.นายกิรินทร์ หรือเดียร์ เกลียวทอง อายุ 25 ปี ที่อยู่ 31/2 ซอยสุขาอุปถัมป์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
3.นายอรรถพล หรืออิฐ ทัศน์ศรี อายุ 30 ปี ที่อยู่ 41/3 ถ.เขื่อนธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
4.นายยศกฤศ หรือเต๋า ตุยาสัย อายุ 29 ปี ที่อยู่ 97 ถ.เขื่อนธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
5.นายวุฒิพงศ์ หรือบัวขาว ทองบ่อ อายุ 27 ปี ที่อยู่ 140 ม.5 ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
6.นายสุรชาติ หรือหนุ่ย ตุยาสัย อายุ 27 ปี ที่อยู่ 97 ถ.เขื่อนธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

  1. นายชุมพร หรือเหลื่อม สะอาด อายุ 32 ปี ที่อยู่ 64 ม.8 ต.บุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

โดยกล่าวหาว่า ปล้นทรัพย์ และร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย, โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ในเวลากลางคืนและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นอีกคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชน กลุ่มผู้ก่อเหตุลงมือกระทำผิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย อีกทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาที่เคยก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงกันกลางเมืองอุบลราชธานีมาแล้ว เชื่อว่ายังมีผู้ก่อเหตุอยู่อีก ดังนั้นจึงต้องเร่งขยายผลจับกุมตัวมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดให้หมดทุกราย ซึ่งหลังจากนี้จะสั่งการให้ทาง ภ.จว.อุบลราชธานี มีมาตรการในการป้องกันเหตุลักษณะเช่นนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุรุนแรงเกิดซ้ำรอยขึ้นมาได้อีก พี่น้องประชาชนชาวอุบลราชธานีจะได้อยู่กันโดยสงบสุข มีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่านี้ ลดความหวาดกลัวภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด
สำหรับคดีดังในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี นั้นเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 3 ส.ค.65 ที่ผ่านมา บริเวณลานอุบลสแควร์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โดยมีการนำอาวุธปืนสงคราม อาวุธปืนพกสั้นนานาชนิด ยิงปะทะกัน ระหว่างแก๊งขามใหญ่ (ร้านพญายอ) และแก๊งหาดวัดใต้ (ร้านเอกมัย ) ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนปากคำพยานมากกว่า 61 ปาก สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้จำนวนทั้งสิ้น 20 ราย (แก๊งขามใหญ่ 7 ราย , แก๊งหาดวัดใต้ 13 ราย) จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว จำนวน 18 ราย (แก๊งขามใหญ่ 6 ราย , แก๊งหาดวัดใต้ 12 ราย) หลบหนี 2 ราย (แก๊งขามใหญ่ 1 ราย , แก๊งหาดวัดใต้ 1 ราย) โดยสำนวนการสอบสวนอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน

“พล.ต.ท.สุรเชษฐ์”สั่งรวบคนร้ายแก็งค์เงินกู้โหด จ้างวานฆ่าลูกหนี้ถึงบ้าน

พบประวัติ เคยต้องโทษจำคุก ออกมากระทำผิดต่อเนื่อง
 
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 ที่ ภ.จว.พัทลุง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 29 ส.ค.65 เวลา 02.57 น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนยิง      นายณรงค์ นิลโชติ อายุ 62 ปี เจ้าของร้านนายหัวคาราโอเกะ เสียชีวิต 1 ราย และ นางวรรณดี จรเสมอ อายุ 51 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.ทะเลน้อย ภ.จว.พัทลุง ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนตกมากถึง 15 ปลอก ตามที่ปรากฏตามข่าวและสื่อโซเชียลมีเดีย นั้น

กรณีดังกล่าว ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.สส.ภ.9 พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญในครั้งนี้โดยเร่งด่วน จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีสาเหตุโกรธเคืองอยู่กับ นางจีระวรรณ หรือนก มูสิกรักษ์ อายุ 47 ปี ซึ่งมีอาชีพปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยสืบทราบว่า ผู้เสียชีวิตได้กู้เงินจากนางจีระวรรณฯ เป็นเงินรวม 30,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 30 ต่อเดือน แต่นายณรงค์ฯ ผู้เสียชีวิตไม่สามารถชำระค่างวดและดอกเบี้ยได้ อีกทั้งนายณรงค์ฯ และนางวรรณดีฯ เป็นพยานปากสำคัญซึ่งกำลังจะขึ้นให้การต่อศาล ในคดีที่บุตรชายของนางจีระวรรณฯ ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

จากสาเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสืบสวนหาผู้ก่อเหตุทั้งหมด จนสามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 4 ราย ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ประกอบด้วย

1) นางจีระวรรณ หรือนก มูสิกรักษ์ อายุ 47 ปี ผู้จ้างวานฆ่า ดำเนินคดี ในความผิดฐาน เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2) นายวิสุทธิ์ หรือเปา พรมบุญแก้ว อายุ 27 ปี ลูกเขยของนางจีระวรรณฯ ผู้ร่วมก่อเหตุ (คนขับ) 3) นายกฤษฎา รัตนพันธ์ อายุ 30 ปี ผู้ร่วมก่อเหตุ (คนยิง) 4) น.ส.อนุสรา หรือนุ๊ก มูสิกรักษ์ อายุ 26 ปี ลูกสาวของนางจีระวรรณฯ ผู้ช่วยพาผู้ก่อเหตุหลบหนีดำเนินคดี ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวหรือไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ , ร่วมกันเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุอันควรโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ , ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน

จากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่า นางจีระวรรณฯ ได้จ้างวานให้ นายวิสุทธิ์ฯ ลูกเขยของตนกับพวก ใช้อาวุธปืนไปยิงนายณรงค์ฯ และนางวรรณดีฯ ตามวันเวลาเกิดเหตุ จากนั้นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ก่อนที่ต่อมา น.ส.อนุสราฯ ลูกสาวของนางจีระวรรณฯ จะรับตัวนายวิสุทธิ์ฯ กลับมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านของนางจีระวรรณฯ และใช้ชีวิตตามปกติเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย รวมถึงขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ในความผิดเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้โดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หลังพบว่ามีลูกค้าที่กู้ยืมเงินนอกระบบและเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา มากกว่า 200 ราย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความอุ่นใจในการใช้ชีวิตตามปกติสุขให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีอาชีพปล่อยเงินกู้นอกระบบ และใช้วิธีการข่มขู่ลูกหนี้จนสร้างความหวาดกลัวในพื้นที่เป็นอย่างมาก และยังก่อเหตุฆ่าผู้อื่นได้อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย วันนี้นอกจากจะดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นแล้วนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้โดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยจะดำเนินคดีในลักษณะต่างกรรมต่างวาระ เป็นการป้องปรามมิให้ผู้อื่นกระทำผิดในลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวพัทลุงกลับคืนมาให้ได้โดยเร็ว “ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว”

Design a site like this with WordPress.com
Get started