สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมธนารักษ์จัดทำโครงการบ้านพักสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนที่พักอาศัย

วันที่ 15 ก.ย. 65 เวลา 10.00 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบ้านพักสวัสดิการเพื่อข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมธนารักษ์ กระทรงการคลัง โดยมีนายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์เป็นผู้แทนลงนามฯ ทั้งนี้ มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมธนารักษ์ร่วมในพิธีฯ
สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ตามที่ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการขาดแคลนที่พักอาศัยของข้าราชการตำรวจ และลูกจ้างประจำในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีจำนวนไม่เพียงพอ และในกรณีของข้าราชการตำรวจ
ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็ประสบปัญหาไม่มีที่พักอาศัยเนื่องจากต้องคืนบ้านพักราชการ จึงได้มีนโยบายจัดทำโครงการบ้านพักสวัสดิการเพื่อข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำฯ ระหว่างกรมธนารักษ์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นี้ขึ้นมา โดยมอบหมายให้สำนักงานส่งกำลังบำรุงประสานงานไปยังกรมธนารักษ์ เพื่อบูรณาการความร่วมมือกันในการพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในการครอบครองของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากกรมธนารักษ์ แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มพื้นที่มาพัฒนาจัดสร้างเป็นที่พักอาศัยสวัสดิการให้กับข้าราชตำรวจทั้งในราชการและหลังเกษียณอายุราชการไปแล้ว ตลอดจนลูกจ้างประจำฯ เพื่อให้มีที่พักอาศัยที่ดี มีคุณภาพในรูปแบบของบ้านเดี่ยวหรืออาคารชุดคอนโดมิเนียมที่ทันสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมือนเช่นคอนโดมิเนียมหรือบ้านจัดสรรเอกชนชั้นนำ ในทำเลที่มีความสะดวกสบาย และที่สำคัญมีราคาย่อมเยาสามารถครอบครองได้ เช่น โครงการบ้านสวัสดิการตำรวจ รถไฟฟ้าเสนานิคม ซึ่งเป็นอาคารชุดคอนโดมิเนียม จำนวน 80 ห้อง

พล.ต.ท.สำราญ ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร รอง ผบช.น.ร่วมแถลงการตรวจค้นตามหมายค้น 20 จุดและมีผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งสิ้น 11 ราย

วันนี้(15 ก.ย.65) เวลา 12.20 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. , พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 , พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. , พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.สุรพงค์ ธรรมพิทักษ์ รอง ผบก.น.2 , พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น.2 , พ.ต.อ.สุธิศักดิ์ พิริยะภิญโญ ผกก.สน.สุทธิสาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ร่วมแถลงข่าวการตรวจค้นตามหมายค้น 20 จุดและมีผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งสิ้น 11 ราย ในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นและซ่องโจร สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ส.ค.65 เกิดเหตุยิงปืนเข้าไปในงานแต่งงาน โดยเจ้าบ่าวเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย จนทำให้มีผู้เสียชีวิต ณ ลานอเนกประสงค์ บช.น.

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีถวายสักการะ บวงสรวง และอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) ขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์

ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์และบูรณะส่วนที่สึกหรอของพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) ซึ่งได้มีพิธีบวงสรวงเพื่ออัญเชิญจากแท่นประดิษฐานด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อไปบูรณะซ่อมแซม ณ สำนักช่างสิบหมู่
กรมศิลปากร เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าร่วมพิธี นั้น บัดนี้การบูรณะพระบรมรูปฯได้ดำเนินการเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

สำหรับพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหามงกุฎ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) จัดสร้างขึ้นจากดำริของ พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน และราชวงศ์จักรี ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนและข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ เพื่อเป็นการระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ อีกทั้ง เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของตำรวจ รวมถึงเป็นที่สักการะบูชาของข้าราชการตำรวจและประชาชนทั่วไป โดยพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เป็นพระบรมรูปหล่อจาก
ทองล่ำอู่ ขนาดเท่าพระองค์จริง สูง 175 ซม. ในพระอิริยาบถทรงประทับยืน คาดพระแสงกระบี่นารายณ์
พระหัตถ์ขวาทรงธารพระกร (ไม้เท้า) ผู้ปั้น คือ อาจารย์สุภร ศิระสงเคราะห์ นายช่างประติมากร กองหัตถศิลป์
กรมศิลปากร และผู้ดำเนินการหล่อ คือ นายแหลมสิงห์ ดิษฐพันธุ์ โรงหล่อแหลมสิงห์ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี

วันนี้(14 ก.ย. 65) เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เป็นประธานในพิธีสักการะ บวงสรวง และอัญเชิญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) ขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ บริเวณด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน

ในส่วนของการดำเนินงานเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์และการบูรณพระบรมรูปฯ ครั้งนี้ สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการก่อสร้างปรับปรุงอาคาร สถานที่ ตลอดจนมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในหน่วยงาน จึงส่งผลให้บดบังความสง่างามของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ
ผู้เปรียบเสมือนเป็น “พระราชบิดาของข้าราชการตำรวจไทย” ประกอบกับองค์พระบรมรูปฯ มีสภาพชำรุด
สึกหรอตามกาลเวลา พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ควบคุมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอัญเชิญพระบรมรูปฯ ไปทำการบูรณะยังสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร พร้อมดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมบริเวณแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ
ให้มีความสวยงาม ดูสมพระเกียรติ อันจะเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เพื่อน้อมรำลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน และเพื่อให้เป็นศูนย์รวมจิตใจ ความภาคภูมิใจ
ของข้าราชการตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ตร. และ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตัดริบบิ้นเปิดร้านกาแฟสุดคูล “ปันรักษ์ คาเฟ่”

“ปันรักษ์ คาเฟ่” สาขาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อครอบครัวตำรวจ พร้อมเสิร์ฟกาแฟหอมกรุ่น จากดอยสามหมื่น “ผบ.ตร. และ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ” ตัดริบบิ้น แกรนด์โอเพ่นนิ่ง ร้าน”ปันรักษ์ คาเฟ่” สาขาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อยอดแบรนด์กาแฟยี่ห้อตำรวจ จากโรงเรียน ตชด. สร้างโอกาส สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิต

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นำคณะผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เปิดร้านปันรักษ์ คาเฟ่ (Punrak Cafe) สาขาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน กทม. โดย “ปันรักษ์ คาเฟ่” เป็นร้านกาแฟในโครงการของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างโอกาส สร้างรายได้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตครอบครัวตำรวจ ตามคอนเซ็ปต์ From Village to a cup นำเมล็ดกาแฟพันธุ์ดี จากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เบญจมะ 1 บ้านดอยสามหมื่น อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เป็นวัตถุดิบหลัก สู่เมือง พร้อมเสิร์ฟทุกเมนู ทุกแก้วหอมกรุ่น

เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ พร้อมด้วย คุณรัตนาภรณ์ฯ นำคณะผู้บังคับบัญชา ตร. และแขกผู้มีเกียรติ ทำพิธีเปิดห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร และสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จากนั้น ผบ.ตร. และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ทำพิธีเปิดร้าน “ปันรักษ์ คาเฟ่” สาขาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ซึ่งเป็นร้านปันรักษ์ คาเฟ่ สาขาที่ 3 พร้อมเปิดให้บริการ ที่อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร และสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 07.30 น. – 15.00 น. โดยมี 4 เมนูแนะนำ ต้องลิ้มลองรสหอมกรุ่น สดชื่น ทั้ง ปันรักษ์ไอซ์คอฟฟี่ ปันรักษ์ไอซ์ลาเต้ ไอซ์ยูซุอเมริกาโน่ และ ไอซ์ยูซุโซดา

ทั้งนี้ในพิธีเปิดร้าน “ปันรักษ์ คาเฟ่” สาขาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นิมนต์เจ้าคุณมีชัย เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม ประกอบพิธีเจิมป้าย เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย

พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ กล่าวว่า วันนี้เรามีร้าน “ปันรักษ์ คาเฟ่” 3 สาขาแล้ว หลังจากเปิดสาขาแรก ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 ทั้งนี้จุดมุ่งหมายของการขยายสาขา เพื่อเป็นการขยายแบรนด์ปันรักษ์ สร้างรากฐานยั่งยืน สร้างอาชีพเสริมให้ครอบครัวตำรวจ โดยร้านปันรักษ์ คาเฟ่ มีเครื่องดื่ม กาแฟ ผลิตภัณฑ์กาแฟ และผลิตภัณฑ์สินค้า ของฝากฝีมือครอบครัวตำรวจทั่วประเทศ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าร้านปันรักษ์ จะเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้า สร้างผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ครอบครัวตำรวจมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นไปตามจุดประสงค์หลักที่เราต้องการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพ เริ่มจากการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ตำรวจ และครอบครัวตำรวจต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เชิญชวนพี่น้องประชาชน มาลองลิ้มรสกาแฟรสชาติดี หอมละมุน ที่ร้าน “ปันรักษ์ คาเฟ่” ทุกสาขา

สมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเปิด “ร้านปันรักษ์ คาเฟ่”

ณ อาคารศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

ร้าน “ปันรักษ์ คาเฟ่ (Punrak Cafe)” เป็นร้านกาแฟแห่งความภาคภูมิใจ เริ่มต้นจากเมล็ดกาแฟผลผลิตของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเบญจมะ 1 บ้านดอยสามหมื่น อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งต่อมาคุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้มีแนวคิดในการพัฒนาอาชีพและผลิตภัณฑ์จากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ สร้างรายได้ เปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน และยกระดับผลิตภัณฑ์กาแฟจากดอยสามหมื่นตั้งแต่การปลูก เก็บ คั่ว บด จนพร้อมเสิร์ฟในแก้วกาแฟหอมกรุ่น ณ ร้านปันรักษ์ คาเฟ่

ร้าน “ปันรักษ์ คาเฟ่” ให้ความสำคัญกับคุณภาพของกาแฟ และเมนูต่างๆทุกประเภท มีการคัดสรร
เมล็ดกาแฟอาราบิก้าสายพันธุ์ดีที่ปลูกอยู่ในระดับความสูง 1,400-1,600 เมตร ซึ่งจะทำให้เมล็ดกาแฟ
มีสารคาเฟอีนที่มีคุณภาพสูงมาก ไม่ว่าจะนำมารังสรรค์เป็นเมนูไหนๆ ก็หอมชื่นใจ ซึ่งภายในร้านปันรักษ์ คาเฟ่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีเมนูเครื่องดื่มรวมกว่า 30 เมนู เมนูซิกเนเจอร์คือ “ปันรักษ์ไอซ์ลาเต้” และ “ปันรักษ์ไอซ์คอฟฟี่” ในราคา 60 บาท รวมถึงเมนูสุดพิเศษ “หนุมานปันรักษ์” ที่มีจำหน่ายเฉพาะ ร้านปันรักษ์ คาเฟ่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็สามารถสร้างความสดชื่นได้ไม่แพ้กัน ซึ่งนอกจากเครื่องดื่มแล้ว ยังมีสินค้า Farmer market ของที่ระลึก OTOP จากฝีมือครอบครัวตำรวจ เช่น กระเป๋าผ้าปักม้ง ลายขวัญดาว ซึ่งผ่านการออกแบบ และปักมือออกมาเป็นลวดลายในแบบเฉพาะของสมาคมแม่บ้านตำรวจวางจำหน่ายด้วยเช่นกัน

นอกเหนือจากเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อม และผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์แล้ว บรรยากาศของร้าน
“ปันรักษ์ คาเฟ่” กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็อบอุ่นไม่แพ้กัน ภายในร้านมีการตกแต่งในสไตล์มินิมอล รูปแบบเดียวกับ ร้านปันรักษ์ โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนโทนสีนั้น เป็นโทนสีเหลืองไข่ไก่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากพิพิธภัณฑ์วังปารุสกวัน ที่ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นพร้อมกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นตลอดทั้งวัน

วันนี้ ร้าน “ปันรักษ์ คาเฟ่” กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมแล้ว ที่จะนำรสชาติ
ความหอมอร่อยและความภาคภูมิใจของชุมชนดอยสามหมื่น มาแบ่งปันความสุขร่วมกันกับทุกๆท่านที่มาใช้บริการ ตามคอนเซ็ปต์ From Village to a cup เป็นพื้นที่สร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับน้องๆนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และครอบครัวข้าราชการตำรวจให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้

พล.ต.ท. จิรพัฒน์ มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแด่ข้าราชการตำรวจเกษียณประจำปีงบประมาณ 2565

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.65 เวลา 10.30 น. ที่ศาลาดนตรีสุริยเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต จ.ปทุมธานี
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ประธานพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ของตำรวจภูธรภาค 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
โดยมีคุณพึงพิศ ภูมิจิตร ประธานชมรมแม่บ้าน ภ.1, คณะ รอง ผบช.ภ.1, ผบก.ในสังกัด ภ.1, รอง ผบก.ในสังกัด ภ.1, ผกก./หน.สภ.ในสังกัด ภ.1, คณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมกันนี้มี ดร.ชัยรัตน์ จำนงค์การ ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ประธานมูลนิธิ กต.ตร.จว.นนทบุรี 2563
และคณะที่ปรึกษาตำรวจภูธรภาค 1, ข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธีฯ

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ฯ กล่าวแสดงความชื่นชมยินดี กับข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ที่ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณในวันนี้ ขอบคุณในคุณงามความดีที่ได้กระทำมาตลอดชีวิต ด้วยการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน ทำให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย สร้างคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประเทศชาติโดยรวม

พล.ต.ท.สำราญ ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พัฒนา ผบก.ศฝร.บช.น. ร่วมพิธีประดับเข็มเชิดชูเกียรติครูตำรวจ D.A.R.E.

วันนี้(อังคารที่ 13 ก.ย.65) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.ศฝร.บช.น., พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.ศฝร.บช.น., ผู้แทน บก.น.1-9 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธีประดับเข็มเชิดชูเกียรติครูตำรวจ D.A.R.E. เหรียญทอง เงิน ทองแดง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยหลังจากนั้น ผบช.น. และผู้แทนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมถ่ายรูปหมู่เพื่อเป็นที่ระลึก ณ ห้องประชุมใหญ่ บช.น./ทีมงานประชาสัมพันธ์ บช.น.

เปิดปฏิบัติการตรวจยึดทรัพย์ผู้ต้องหาเพิ่มอีกกว่า 309 ล้านบาทพร้อมสรุปสำนวนคดีทุจริตสหกรณ์พัทลุงส่งอัยการ

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ม.ค.65 ที่ผ่านมา กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์จังหวัดพัทลุง ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ช่วยติดตามคดีการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวที่เป็นสมาชิกได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และคดีนี้ยังมีความสลับซับซ้อน แม้มีเจ้าหน้าที่หลายคนถูกพบว่ากระทำผิด แต่ยังสามารถทำงานในสหกรณ์ได้ ซึ่งอาจทำให้พยานหลักฐานต่างๆ สูญหายหรือถูกแก้ไขไปอีก ความเสียหายโดยรวมมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท นั้น
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.เร่งสืบสวนและสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น และได้ออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 293/2565 ลงวันที่ 22 มิ.ย.65 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งดังกล่าว มีอำนาจในการสืบสวนคดีร่วมกันทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์พัทลุง จำกัด โดยประสานความร่วมมือกับ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง เลขา ป.ป.ง., พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ผอ.คด.4 ปปง., นางชลธิชา ดาวเรือง ผอ.คด.3 ปปง. เจ้าหน้าที่ ปปง. เพื่อเร่งคลี่คลายคดีและติดตามทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายกลับคืนให้กลุ่มผู้เสียหายและดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหาในความผิดฐานฟอกเงิน
พฤติการณ์ในคดี กล่าวคือ เมื่อปี พ.ศ.2563 ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด ได้มีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการสหกรณ์ , คณะกรรมการดำเนินการชุดใหม่ และได้จัดให้มีการตรวจสอบหลักฐานทางบัญชีของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง พบความผิดปกติทางบัญชี การเงิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริตของคณะกรรมการดำเนินการ ฝ่ายจัดการเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอก จึงได้มีการร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจากการสอบสวนพยานบุคคล และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏพบผู้ต้องหากับพวก ซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินการ ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด และบุคคลภายนอก มีพฤติการณ์ร่วมกัน ตกลง วางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ กระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระต่างกัน เป็นเวลาต่อเนื่องกันมาเป็นเวลายาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 จนถึงปี พ.ศ.2563 โดยมีรูปแบบการกระทำความผิดและวิธีการ มากกว่า 10 วิธีการ เช่น การตกแต่งบัญชีของสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิก การตกแต่งบัญชีลูกหนี้และลูกหนี้ที่ไม่มีตัวตน หรือตกแต่งบัญชีเกินความเป็นจริง การปลอมใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,489,572,427.14 บาท
ในคดีนี้ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 27 ราย แบ่งเป็น

  • เป็นผู้จัดการและเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ จำนวน 12 ราย (คดีอาญา)
  • เป็นข้าราชการตำรวจ อยู่ในราชการ จำนวน 6 ราย ขณะกระทำความผิดมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ รองประธาน และเหรัญญิก ซึ่งมีอำนาจลงนามสั่งจ่ายเช็ค (คดีอาญา)
    ร.ต.ต.พันธ์ชัยฯ รอง สว.(ป) สภ.เมืองพัทลุง
    พ.ต.ท.วิเชียรฯ สว.กก.2 บก.ส.๑
    ด.ต.ชุณฐกฤตม์ฯ รอง สว.กก.สส.ภ.จว.พัทลุง
    ร.ต.อ.ธนเวทย์ฯ รอง สว.กก.สส.ภ.จว.พัทลุง
    ร.ต.ท.หญิง อรุชาฯ รอง สว.ธุรการ สภ.โคกชะงาย และ
    ด.ต.สุทัศน์ฯ ผบ.หมู่ ป.สภ.ควนขนุน
  • เป็นอดีตข้าราชการตำรวจ เกษียณแล้ว จำนวน 3 คน

ขณะกระทำความผิดมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ รองประธาน และสมาชิกสมทบ (คดีอาญา)
พ.ต.อ.ชำนาญฯ อดีต ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.พัทลุง
ร.ต.ต.ใจฯ อดีต ผบ.หมู่ ป.สภ.ควนขนุน และ
ด.ต.วิชาฯ อดีต รอง สว.(ป) สภ.ศรีบรรพต เป็นสมาชิกสมทบ/ผู้นำเช็คไปขึ้นเงิน

  • บุคคลภายนอก จำนวน 5 คน (คดีอาญา)
    เป็นสมาชิกสมทบ/ผู้นำเช็คไปขึ้นเงิน/รับโอนเงิน จำนวน 3 ราย (นางสารภีฯ, นายศิรัฐโรจฯ และนางมณฑาฯ)
    เป็นโปรแกรมเมอร์ จำนวน 1 ราย (นายวิเชียรฯ)
    เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีภาคเอกชน จำนวน 1 ราย (นางพรศรีฯ)
    โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้าง, ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม
    และดำเนินคดีในความผิดเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่
  • เป็นอดีตข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ฯ เกษียณแล้ว จำนวน 1 ราย (ส่ง ปปช.)
    นางพัชราฯ ตำแหน่ง ผอ.ฯ ผู้ตรวจสอบบัญชีภาครัฐ
    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 ได้มีปฏิบัติการเข้าตรวจค้น 74 เป้าหมายในพื้นที่ 9 จังหวัด เพื่อตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งสามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้มูลค่ากว่า 694 ล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้
    1.อายัดบัญชี ผู้ต้องหาจำนวน 37 บัญชี เงินคงเหลือในบัญชี 4,369,867.76 บาท
    2.ตรวจยึดบ้านพร้อมที่ดิน 28 หลัง
    3.ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 28 หลัง
    4.ห้องชุด 6 ห้อง
    5.ที่ดินเปล่า(โฉนด) 13 แปลง
    6.ที่ดินเปล่า (นส.3 ก.) 11 แปลง
    7.รีสอร์ต 1 แห่ง (หัวหิน)
    8.ตลาดสดนาโยง จ.ตรัง (6 ไร่)
    9.อายัดทุนเรือนหุ้นสหกรณ์ (ผตห.6ราย)
    10.รถยนต์ 19 คัน รถจักรยานยนต์ 12 คัน
    ต่อมาเช้าวันที่ 13 ก.ย.65 ได้เข้าตรวจค้นเพิ่มเติมอีก 25 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี, นครศรีธรรมราช, ตรัง และพัทลุง สามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้เพิ่มเติมอีกกว่า 309 ล้านบาท
    โดยทรัพย์สินที่สามารถติดตามยึดอายัดมาได้ในคราวนี้ ประกอบด้วย
  1. บ้าน จำนวน 7 หลัง โฉนดที่ดิน 5 แปลง (เพิ่ม)
  2. ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 5 จุด
  3. ที่ดินตามโฉนดที่ดิน จำนวน 18 จุด
  4. อายัดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ มูลค่า 52,311,640 บาท
    รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกยึดอายัดในคราวนี้ 309,311,640 บาท

รวมมูลค่าทรัพย์สินตรวจยึดได้ทั้งหมด 1,003,753,140 บาท
สำนวนการสอบสวนในคดีนี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำพยานกว่า 959 ราย เอกสารในสำนวนมีมากกว่า 50,000 แผ่น พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาทั้ง 26 รายตามฐานความผิดทุกข้อกล่าวหา สรุปสำนวนเตรียมเสนออัยการต่อไป ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 ราย ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ ได้แยกทำสำนวนเสนอส่ง ปปช. เพื่อดำเนินการอีกส่วนหนึ่งแล้ว ในส่วนของทรัพย์สินที่มีการตรวจยึดอายัดทั้งหมดรวมกว่า 900 ล้านบาท ได้แยกสำนวนเป็นคดีฟอกเงินอีกส่วนหนึ่ง และจะเร่งสรุปสำนวนเสนออัยการในชั้นต่อไป

“ปวีณา” พาผู้เสียหาย ร้อง “บิ๊กโจ๊ก” ถูกหลอกค้าประเวณี-หลอกทำงานต่างประเทศ

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหายวัย 16 ปี ที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานการสนทนาหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อพูดคุยเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้สืบสวนติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายข้ามชาติกลุ่มนี้

โดย นางปวีณา เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ครอบครัวเหยื่อวัย 16 ปี ได้ร้องทุกข์เข้ามายังมูลนิธิปวีณา หลังลูกสาวถูกหลอกให้ไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะและถูกบังคับให้ค้าประเวณี ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ทางมูลนิธิจึงพาครอบครัวผู้เสียหายไปร้องทุกข์ที่กรมการกงสุลฯ และประสานทหารเมียนมาชุด TBC ที่ดูแลพื้นที่แม่สอดเมียวดีเข้าไปพาตัวออกมาจากร้านคาราโอเกะที่ถูกหลอกไปทำงาน จนสามารถพาตัวเหยื่อกลับมายังประเทศไทยได้เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา

ขณะที่ แม่ของเหยื่อผู้เสียหายวัย 16 ปี เล่าว่าลูกสาวได้ถูกคนไทยทักมาใน Facebook ชักชวนให้ไปทำงานร้านคาราโอเกะ อ้างว่าจะให้ค่าตอบแทนทำงาน 5 วัน จำนวนเงิน 50,000บาท ลูกสาวจึงมาขอตนว่าอยากไปทำงาน ตนถึงให้ไป แต่ปรากฏว่าลูกสาวทักข้อความมาบอกว่าตัวเองถูกหลอกและถูกบังคับให้ค้าประเวณี ก่อนบอกว่าอยากตาย ตนจึงรีบไปแจ้งความตำรวจแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าจึงตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณา

ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ บอกว่าเบื้องต้นได้พาเหยื่อเขาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยได้รับหลักฐานโทรศัพท์มือถือที่เป็นข้อมูลสำคัญในการติดต่อกับเครือข่ายนี้ โดยเบื้องต้นมองว่าจะต้องสืบถึงตัวชาวไทยที่เป็นนกต่อในประเทศ ก่อนขยายผลไปหาเครือข่ายในต่างประเทศต่อไป โดยมองว่าหากไม่มีคนไทยที่หลอกคนไทยด้วยกันเองตั้งแต่แรกก็จะไม่มีคนถูกหลอกไปเป็นค้ามนุษย์ในลักษณะนี้

ตำรวจตรวจยึดรถสิบล้อบรรทุกน้ำมัน 6 คน ซึ่งสวมป้ายทะเบียนเหมือนกัน ขณะจอดอยู่ในลานจอดรถพื้นที่ ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา ต้องสงสัยอาจเกี่ยวข้องการขนน้ำมันเถื่อน

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

วันนี้(9ก.ย.65) พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา ร่วมกับ พ.ต.อ. สุรเชษฐ์ สุวรรณนพมาศ ผู้กำกับการ สภ.ควนเนียง ร่วมกุบตำรวจศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงหรือปนม.
เข้าตรวจยึดรถสิบล้อบรรทุกน้ำมันจำนวน 6 คัน ซึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถพื้นที่บ้านแพรกสุวรรณ ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา เนื่องจากรถทั้ง 6 คัน เป็นรถที่สวมทะเบียนเหมือนกัน โดยแยกเป็นทะเบียน 72-2856 สระบุรี 2 คัน ทะเบียน 72-2515 สระบุรี 2 คัน และทะเบียน 72-2851 สระบุรี 2 คัน
และทั้ง 6 คันเป็นรถยี่ห้อเดียวกัน สีขาวเหมือนกัน ลายสติ๊กเกอร์ทั้งสีและแบบเดียวกัน แต่ขณะเข้าตรวจยึดเป็นรถเปล่าไม่ได้บรรทุกน้ำมัน เจ้าหน้าที่จึงนำมาตรวจสอบที่ สภ.ควนเนียง พร้อมกับชายอีก 4 คน ซึ่งทำหน้าที่ดูแลรถมาทำการสอบสวน ถึงที่มาที่ไปของรถบรรทุกสิบล้อทั้ง 6 คัน ว่ามีใครเป็นเจ้าของ มีใบอนุญาตขนน้ำมันหรือทะเบียนการค้าน้ำมันถูกต้องหรือไม่ รวมถึงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนถ่ายน้ำมันเถื่อนด้วยหรือไม่
เบื้องต้นได้ยึดรถทั้ง 6 คันเอาไว้และดำเนินคดีในข้อหา ปลอมและใช้เอกสารปลอม ส่วนข้อหาอื่นๆยังอยู่ระหว่างการเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องนำเอกสารมายืนยันว่ามีใบอนุญาตถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่

Design a site like this with WordPress.com
Get started