ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานเปิดฝึกอบรมให้ความรู้การสืบสวนทางเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ให้กับเจ้าหน้าที่ TICAC

วันนี้ (24 ส.ค.65) เวลา 08.30 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดการฝึกอบรมในโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการสืบสวนเชิงนิติวิทยาศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ของชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต สำนักงานตำรวแห่งชาติ (TICAC) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 26 ส.ค.65 ณ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในชุดปฏิบัติการ พนักงานสอบสวน รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นๆ ที่ทำหน้าที่ในทีมสหวิชาชีพ ร่วมเข้ารับการฝึกอบรมในโครงการดังกล่าว

โดยจุดประสงค์ของการจัดการฝึกอบรมในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจในการสืบสวนทางเทคโนโลยีที่มีความจำเป็นในการปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและเยาวชนทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งในปัจจุบันอาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในหลายพื้นที่และทวีความรุนแรงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ ปัญหาดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากความซับซ้อนภายใต้การพัฒนาที่ก้าวกระโดดของเทคโนโลยีสารสนเทศ เนื่องจากสังคมยุคใหม่ได้ก้าวไปสู่ยุคข้อมูลดิจิทัลเต็มตัว จึงส่งผลให้คนร้ายพัฒนารูปแบบและวิธีการก่อเหตุโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นเครื่องมือก่ออาชญากรรมที่เป็นการล่อลวงและประทุษร้ายทางเพศต่อเด็กและเยาวชน

สื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนในสังคมมากขึ้นและการเข้าถึงอย่างง่ายดายบนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ทั้งทางโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันคนร้ายมักเลือกใช้สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งแอพพลิเคชั่น Line Facebook และ Twitter ในการกระทำความผิดต่อเด็กและเยาวชนในหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการคุกคามทางเพศ การเผยแพร่สื่อลามกอนาจาร การข่มขู่หลอกลวงต่างๆ ซึ่งการกระทำผิดผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตนั้น การนำตัวผู้กระทำความผิดมารับโทษเป็นเรื่องที่ยากลำบากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการสืบค้นหาตัวผู้กระทำผิดมีความสลับซับซ้อน ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการเพิ่มพูนความรู้และทักษะด้านการสืบสวนเชิงนิติวิทยาศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ (Computer Forensic Investigation) เพื่อนำมาประยุกต์ร่วมกับเทคนิคการสืบสวนพื้นฐาน ซึ่งจะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการควบคุมปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งสามารถรักษาความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานที่นำไปพิสูจน์การกระทำความผิดในชั้นศาลได้

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการจัดการฝึกอบรมในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือและองค์ความรู้ของเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยในระดับสากล เป็นหนึ่งในวิธีการแก้ไขปรับปรุงตามข้อเสนอแนะจากการทำ TIPS Report ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 เรื่องการดำเนินคดี (Protection) มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญา
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การจัดการฝึกอบรมในครั้งนี้ เป็นการยกระดับความรู้ความสามารถของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ พนักงานสอบสวน หรือสหวิชาชีพ ที่จำเป็นจะต้องมีความรู้พื้นฐานที่ดีในการสืบสวนข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้ผ่านการฝึกอบรมนี้ไปแล้ว ก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักสากลมากขึ้น เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และช่วยทำให้ภาพลักษณ์ในด้านการดำเนินการตามกฎหมายของไทยดูดีมากขึ้น ตามคำแนะนำของสหรัฐอเมริกาในการทำ TIPS Report ในปีที่ผ่านมา

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดฝึกอบรมความรู้เทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ

วันนี้ (23 ส.ค.65) เวลา 08.30 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี เปิดการอบรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 ตามโครงการวิจัย
เรื่อง สมาร์ท เซฟตี้ โซน เพื่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน (Smart Safety Zone for the Safety of People’s Lives and Properties) รุ่นที่ 2 ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยหลังจากได้เปิดการฝึกอบรมโครงการดังกล่าวในรุ่นที่ 1 ไปแล้ว เมื่อวันที่ 18-19 ส.ค.65 ที่ผ่านมา ณ สน.ลุมพินี ซึ่งได้ทำการฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำอยู่ที่สถานีนำร่องในเขต บช.น. จำนวน 3 สถานี รวมผู้รับการฝึกอบรมจำนวน 105 คน ซึ่งในรุ่นที่ 2 นี้ มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ที่จะต้องไปประจำอยู่ ณ สถานีตำรวจทั่วประเทศ ซึ่งในขณะนี้ตามสถานีต่างๆ ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีตามโครงการ Smart Safety Zone 4.0 ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องฝึกอบรมนักเรียนนายร้อยตำรวจเหล่านี้ ให้มีทักษะในการใช้เครื่องมือ เครื่องใช้ในด้านการติดตามสืบสวนสอบสวนหรือด้านจราจร และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดและป้องกันปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ โดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีระบบ Smart
Safety Zone 4.0 ตามแนวความคิด “เมืองอัจฉริยะ” การฝึกอบรมในครั้งนี้ มุ่งพัฒนาและเสริมสร้างทักษะการใช้เทคโนโลยี เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้เชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ จากหลายภาคส่วนเข้ามาให้ความรู้กับนักเรียนนายร้อยตํารวจที่มีความสนใจ เข้ารับฟังการอบรมจากวิทยากร เพื่อนําความรู้และทักษะที่ได้จากการฝึกอบรมในครั้งนี้ ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานในอนาคตให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ให้มีทัศนคติในการป้องกันอาชญากรรมด้วยการใช้เทคโนโลยีและการทำงานร่วมกับภาครัฐ เอกชน และประชาชน รวมทั้งยังอาจนำไปต่อยอด เพื่อฝึกฝนทักษะดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่คนอื่นได้ต่อไป

สพป.สงขลา เขต 2 ประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่าย

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

วันนี้ 23 สิงหาคม 2565 ที่ ห้องประชุม รร.ลีการ์เดนส์ พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลานายอุทัย กาญจนะ ผอ.สพป.สงขลา เขต 2 เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายผู้ตรวจสอบภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เครือข่ายที่ 1-19 จำนวน 189 คน ปีงประมาณ พ.ศ.2565 โดย สพฐ.มอบหมายให้ สพป.สงขลาเขต 2 และสพป.และ สพม.ในเครือข่ายที่ 5 เป็นเจ้าภาพ โดยร่วมกับ สพท.ในภาคทุกเขต พร้อมอำนวยการและบริการอำนวยความสะดวกเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายผู้ตรวจสอบภายในทุกเขตเป็นหลักประกันโดยมีการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ความเชื่อมั่น เพื่อเกิดการบริหารความเสี่ยง มีระบบการควบคุมภายในอย่างเหมาะสม ถูกต้องเรียบร้อย ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลคุ้มค่างบประมาณ สู่ความสำเร็จ
โดยมีวิทยากร นางสาวปัทมา เทียนเนียม ผอ.กลุ่มตรวจสอบภายใน สพฐ.และ นายปุริมปรัชญ์ จันทร์หอม หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต สนง.ปปช. จังหวัดสงขลา ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจเพื่อนำไปปฏิบัติและสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติหน้าที่ได้เรียบร้อย ลดความสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตต่อไปจะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 23-25 สิงหาคม นี้

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำกำลังเข้าตรวจค้นยึดทรัพย์เครือข่ายผู้ต้องหาคดีร่วมกันทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ ในพื้นที่ 9 จังหวัด 74 จุด เกือบ 700 ล้านบาท

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ม.ค.65 ที่ผ่านมา กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์จังหวัดพัทลุง ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ช่วยติดตามคดีการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวที่เป็นสมาชิกได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และคดีนี้ยังมีความสลับซับซ้อน แม้มีเจ้าหน้าที่หลายคนถูกพบว่ากระทำผิด แต่ยังสามารถทำงานในสหกรณ์ได้ ซึ่งอาจทำให้พยานหลักฐานต่างๆ สูญหายหรือถูกแก้ไขไปอีก ความเสียหายโดยรวมมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท นั้น
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.เร่งสืบสวนและสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น และได้ออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 293/2565 ลงวันที่ 22 มิ.ย.65 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งดังกล่าว มีอำนาจในการสืบสวนคดีร่วมกันทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์พัทลุง จำกัด เพื่อเร่งคลี่คลายคดีและติดตามทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายกลับคืนให้กลุ่มผู้เสียหาย

จากการสืบสวนพบว่า ในช่วงปี พ.ศ.2563 หลังจากที่ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด ได้มีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการสหกรณ์และคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ รวมทั้งได้มีการตรวจสอบการดำเนินการทางบัญชีของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง ผลปรากฏว่า มีการพบความผิดปกติทางบัญชี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริตของคณะกรรมการดำเนินการ ฝ่ายจัดการเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกรวมหลายราย จึงได้มีการร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจากการสอบสวนพยานบุคคล และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏพบกลุ่มผู้ต้องหา ประกอบไปด้วยคณะกรรมการดำเนินการ ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด และบุคคลภายนอก จำนวน 25 คน มีพฤติการณ์ในการร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ และลงมือกระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระต่างกัน เป็นเวลาต่อเนื่องกันมาเป็นเวลายาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 จนถึงปี พ.ศ.2563 โดยมีรูปแบบการกระทำความผิดมากกว่า 10 วิธี เช่น การตกแต่งบัญชีของสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิก การตกแต่งบัญชีลูกหนี้และลูกหนี้ที่ไม่มีตัวตน หรือตกแต่งบัญชีเกินความเป็นจริง การปลอมใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,577,836,978.14 บาท
ต่อมา ในห้วงระหว่างวันที่ 6-8 มิ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 25 คน ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ประกอบด้วย

นางสาวสุภา อายุ 68 ปี ผู้ต้องหาที่ 1
นางสุพร อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาที่ 2
นางสุชาดา อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาที่ 3
นางสาวจุฑารัตน์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาที่ 4
นางสาวนันทิยา อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาที่ 5
นางอัมพร อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาที่ 6
นางพัชราภรณ์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาที่ 7
นางสาวสุกัญญา อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาที่ 8
นางสาวปาณิศา อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 9
10.นางสาวสุวนันท์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาที่ 10
11.นางสาวกชกร อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาที่ 11
12.นายไกรศิริ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาที่ 12
13.พ.ต.ท.วิเชียร อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ 13
14.ร.ต.ต.พันธ์ชัย อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาที่ 14
15.ด.ต.ชุณฐกฤตม์ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาที่ 15
16.พ.ต.อ.ชำนาญ อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาที่ 16
17.ร.ต.ท.อรุชา อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาที่ 17
18.ร.ต.อ.ธนเวทย์ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ 18
19.ด.ต.วิชา อายุ 75 ปี ผู้ต้องหาที่ 19
20.นางสารภี อายุ 68 ปี ผู้ต้องหาที่ 20
21.นายศิรัฐโรจ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 21
22.นางมณฑา อายุ 75 ปี ผู้ต้องหาที่ 22
23.นายวิเชียร อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ 23
24.นางพรศรี อายุ 74 ปี ผู้ต้องหาที่ 24
25.นางสาวพัชรา อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 25

โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้าง, ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ พบว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ไปยังเครือญาติใกล้ชิดของกลุ่มเครือข่ายผู้ต้องหา ในเขตพื้นที่ 9 จังหวัด จึงได้ทำการอายัดบัญชีธนาคารและในวันนี้ (22 ส.ค.65) ได้ขออนุมัติหมายค้นศาลอาญา เพื่อเข้าตรวจค้น 74 เป้าหมายในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง, ภูเก็ต, นครศรีธรรมราช, ตรัง, กระบี่, ประจวบคีรีขันธ์, จันทบุรี, ระยอง และกรุงเทพมหานคร โดยผลการตรวจค้น สรุปการดำเนินการ ดังนี้

  1. อายัดบัญชีผู้ต้องหา รวมจำนวน 37 บัญชี เงินคงเหลือในบัญชี 4,369,867.76 บาท
  2. ตรวจยึดบ้านพร้อมที่ดิน 28 หลัง
  3. ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 28 หลัง
  4. ห้องชุด 6 ห้อง
  5. ที่ดินเปล่า(โฉนด) 13 แปลง
  6. ที่ดินเปล่า (นส.3 ก.) 11 แปลง
  7. รีสอร์ต 1 แห่ง (หัวหิน)
  8. ตลาดสดนาโยง จ.ตรัง (6 ไร่)
  9. อายัดทุนเรือนหุ้นสหกรณ์ (ผู้ต้องหา 6 ราย)
  10. รถยนต์ 19 คัน รถจักรยานยนต์ 12 คัน
    และทรัพย์สินอื่นๆจำนวนหลายรายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดอายัด ทั้งหมด 694,441,500 บาท

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์พัทลุงนี้ เป็นคดีที่สร้างความเสียหายให้กับสมาชิกสหกรณ์ในวงกว้างและมีมูลค่าความเสียหายกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมาก หลังจากที่ได้รับการร้องขอความเป็นธรรมก็ได้มีการเร่งรัดการดำเนินการเรื่อยมา จนสามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด 25 รายได้ก่อนหน้านี้ จากนั้นได้สั่งการให้มีการสืบหาทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด เพื่อจะดำเนินการเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้น 9 จังหวัดในวันนี้ และเข้าตรวจค้นอายัดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหาให้ได้มากที่สุด เพื่อจะนำมาช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายของผู้ที่ได้รับผลกระทบในคดีนี้ ให้ได้รับความเป็นธรรมจนถึงที่สุด

พล.ต.ท.ธนายุตม์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอง ผบช.ภ.7 แถลงจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ก่อคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ จำนวน 2 ราย

วันนี้(วันจันทร์ ที่ 22 ส.ค. 65) เวลา 12.00 น.

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร
พ.อ.ปิยะ เกียรติอมรเวช รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดสมุทรสาคร (ฝ่ายทหาร), พ.ต.อ.พัฒน์ปกรณ์ ชั้นประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.อภิชิต สุรพินิจ รอง ผบก.สส.ภ.7, พ.ต.อ.ศุภชัย ไตรสมบูรณ์ นวท.(สบ.5) ศพฐ.7, พ.ต.อ.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง, ผกก.สภ.กระทุ่มแบน, พ.ต.อ.ยอดชาย แก้วเรือง, ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม, ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.7 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ก่อคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ จำนวน 2 ราย ได้แก่
1.นายกุศลิน หรือ มี สุขแปดริ้ว อายุ 52 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.202/2565 ลง 15 สิงหาคม 2565
2.นายสมปอง หรือ ปอง ลิ้นปิ่น อายุ 66 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.203/2565 ลง 15 สิงหาคม 2565

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ”

พฤติการณ์แห่งคดี

ด้วยเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2565 เวลาประมาณ 20.51 น. ได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายณรงคฤทธิ์ เกตุแก้ว เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองนกไข่ จังหวัดสมุทรสาครได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณบ้านเลขที่ 73 ม.7 ต.หนองนกไข่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเชื่อว่าผู้ก่อเหตุคือผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย จึงขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งศาลจังหวัดสมุทรสาครอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.202-203/2565 ลง 15 สิงหาคม 2565 ในข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรสาคร เข้าไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 49/6 ม.2 ต.เจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เมื่อไปถึงพบและจับกุมนายกุศลิน หรือ มี สุขแปดริ้ว ผูต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร และได้นำหมายค้นศาลจังหวัด สมุทรสาคร เข้าไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 47 ม.4 ต.หนองนกไข7 อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พบและจับกุมนายสมปอง หรือ ปอง ลิ้นปิ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร นำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดีให้รอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีลงโทษผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องได้จนถึงที่สุด ตามคติที่ว่า “คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนร้ายต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์” และกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายให้ทำงานด้วยความรอบคอบตามหลักยุทธวิธีตำรวจที่ได้ฝึกทบทวนมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่ครอบครัวพี่น้องข้าราชการตำรวจ ตามที่ ผบ.ตร. ได้ฝากข้อห่วงใย

ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน

ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงประชาชนว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ และขอชมเชยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

ณ สภ.กระทุ่มแบน ต.ตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร

ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงผลจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ยาบ้าล็อตใหญ่ จำนวน 3.4 ล้านเม็ด และยึดทรัพย์ได้มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2565 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณหน้าที่ทำการ ตำรวจภูธรภาค 1

ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้การป้องกันและปราบปรามปัญหา ยาเสพติดเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ โดยเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยปราบปรามอย่างเข้มข้น รวมถึงการขยายผล อายัดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด

ตำรวจภูธรภาค 1 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน รอง ผบช.น. ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ประภาส มั่งคง รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ธงรบ แจ้งจิต ผกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี นายประสาร หยงสตาร์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 1 และ ว่าที่ร้อยตรี อากาศ ปานแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดภาค 1 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ “จับยาบ้าล็อตใหญ่ จำนวน 3.4 ล้านเม็ด และทรัพย์สินที่ยึดได้ รวมมูลค่าประมาณกว่า 15 ล้านบาท”

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย

  1. นายธนพล หรือมอส ลิ้มสกุล อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 15 หมู่ 10 ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
  2. นายประพจน์ หรือโอ๋ มะลิสุวรรณ อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 202 หมู่ 4 ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
  3. นายสมชาย หรือแจ๊ส จรมา อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 4/1 หมู่ 8 ตำบลดอนทราย อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
    พร้อมด้วยของกลาง 9 รายการ
  4. ยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) ชนิดเม็ดมีลักษณะกลมแบนประทับอักษร WY อยู่ด้านหนึ่ง จำนวน 3,400,000 เม็ด
  5. รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้อ ISUZU ดีแม็ก สีขาว ทะเบียน ฒต 6988 กท
  6. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ NISSAN มาร์ช สีแดง ทะเบียน 1ขน 6880 กท
  7. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU ดีแม็ก สีบลอนด์เทา ป้ายแดง ทะเบียน บ-6785 กท
  8. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ HONDA ทะเบียน 4 กร 603 กท.
  9. รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้อ ISUZU ดีแม็ก สีขาว ทะเบียน กล 4788 พระนครศรีอยุธยา
  10. รถตู้ ทะเบียน ฮท 8405 กท
  11. ทองคำ 5 รายการ (ตรวจยึดทรัพย์สินต่อเนื่องจากการกระทำผิดที่เกี่ยวข้อง)
  12. รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน ทะเบียน 2 ขฎ 4129 กท และ 4 กผ 6669 กท และ อีก 1 คันไม่ติดแผ่นป้าย
    *** รวมมูลค่าราคาทรัพย์สินที่ยึดไว้ได้ประมาณ 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาท) ***

ในข้อหา โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันผลิตนำเข้าส่งออก จำหน่าย ยาเสพติด หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”

โดยมีพฤติการณ์ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรธัญบุรี ได้ทำการตรวจยึดยาบ้าชนิดเม็ด ลักษณะกลมแบนสีแดงและสีเขียว ประมาณ 320,000 เม็ด

สถานที่เกิดเหตุ บริเวณถนนรังสิต – นครนายก (คลอง 8 ขาเข้ากรุงเทพฯ) ตรงข้ามธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หมู่ 4 ตำบลลำผักกูด อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ต่อมาพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรธัญบุรี ได้ออกหมายจับ นายนเรนทร์ สมพงษ์ ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี 365/2565 และนายทศพล พรมสอน ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 366/2565 ในข้อหา “ร่วมกันผลิตนำเข้าส่งออก จำหน่าย ยาเสพติด หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายนเรนทร์ สมพงษ์ และนายทศพล พรมสอน ในชั้นจับกุมทั้ง 2 คน ได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดขยายผลตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้ร่วมขบวนการค้ายาเสพติดกับกลุ่มดังกล่าวข้างต้น ยังมี นายสมชาย จรมา, นายประพจน์ มะลิสุวรรณ และนายธนพล ลิ้มสกุล ซึ่งมีพฤติการลักลอบลำเลียงยาบ้าจากภาคเหนือ โดยใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ NISSAN มาร์ช สีแดง ทะเบียน 1ขน 6880 กรุงเทพมหานคร เป็นรถนำทาง และใช้รถกระบะตู้ทึบ ยี่ห้อ ISUZU ดีแม็ก สีขาว ทะเบียน ฒต 6988 กรุงเทพมหานคร ใช้เป็นรถขนยา โดยจากการสืบสวน พบว่าได้ขับไปขนยาบ้าและนำไปส่งภาคใต้สำเร็จหลายครั้ง
โดยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตรวจชุดขยายผลได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายสมชาย จรมา, นายประพจน์ มะลิสุวรรณ และนายธนพล ลิ้มสกุล จะขึ้นไปรับยาบ้าที่จังหวัดเชียงรายโดยใช้ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ NISSAN มาร์ช สีแดง ทะเบียน 1ขน 6880 กรุงเทพมหานคร เป็นรถนำทาง และใช้รถกระบะตู้ทึบ ยี่ห้อ ISUZU ดีแม็ก สีขาว ทะเบียน ฒต 6988 กรุงเทพมหานคร เป็นรถขนยาตรงตามที่สืบทราบมา จึงได้นำกำลังติดตามไปจนกระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบรถยนต์ทั้ง 2 คัน จอดอยู่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเพื่อตรวจค้น ผลการตรวจค้น ภายในรถพบยาบ้า จำนวน 1,000,000 เม็ด (หนึ่งล้านเม็ด) สอบถามทั้ง 3 คน ยอมรับว่าจะนำยาบ้าไปส่งที่ภาคใต้และก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นจับกุม ได้นำยาบ้าจำนวน 12 กระสอบ จำนวน 2,400,000 เม็ด (สองล้านสี่แสนเม็ด) ไปซุกซ่อนที่ห้องเช่าเลขที่ 169/12 หมู่ 3 ตำบลป่าเช่า อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จากนั้นได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดยาบ้าข้างต้นที่ห้องเช่าดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัว โดยนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนหรือได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือพบเบาะแสในการกระทำผิด พบเห็นบุคคลต้องสงสัยหรือบุคคลที่หลบหนีหมายจับ ขอให้แจ้งข้อมูลมายัง ตำรวจภูธรภาค 1 หรือสายด่วน 191, 1599 หรือ สำนักงาน ป.ป.ส. โทร 1386

ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับรายการมวย” ศึกรวมพลังคนมวย ” ณ.สนามมวยนานาชาติหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

แวดวงกีฬา มวยไทยภาคใต้
โดย … มนูญ (สิงห์จุก ม.อ.) สิกะพันธ์

ทีมข่าว ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ หาดใหญ่ จ.สงขลา
เมื่อวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2565 จัดโดย” หมวดสงค์ ทางหลวง ” ผลมวยคู่เอกในคืนนั้น พญาครุฑ เสือจันถกบ้านมวยไทย แพ้คะแนน เพลิง พรัญชัย คู่รองเพชรแดนใต้ ขุนพลแดนใต้ ชนะน็อก ขุนศึก ดาบสงค์ทางหลวง ยกที่ 4 คู่ค้ำ เพชรลูกหม้อ อีสานควนปริง แพ้คะแนน เมฆขาว รุ่งชัยสิทธิ์ คู่ตาม สุวรรณมณี อบจ.สตูล แพ้น็อก ศรีเพชรน้อย เกียรติ หมู่ 5 ยกที่ 3 และ ปานเพชรแท้ หนุ่ยหยาดน้ำค้าง ชนะน็อก มังกรทอง พักยกร่วมใจ ยกแรก โปรโมเตอร์ผู้จัดครั้งนี้ ขอบคุณแฟนมวยทุกท่าน ที่เดินทางมาเป็นกำลังใจและสนับสนุนเข้าชมมวยมา ณ.โอกาสนี้อีกครั้งครับท่าน …. ข่าวดี ๆ สำหรับเยาวชนในอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เมื่อ” จ.ส.ต.ประสาน อาจหาญ ” หัวหน้าค่ายมวย ศักดิ์ประสาน ได้เปิดยิมส์ สอนศิลปะการต่อสู้มวยไทย และ ปันจักสีลัต สถานที่ตั้งอยู่ ข้างที่ทำการไปรษณีย์เทพา อ.เทพา จ.สงขลา จะทำการเปิด “ศักดิ์ประสานยิมส์ ” เป็นทางการ ในวันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2565นี้ บริหารจัดการโดย จ.ส.ต.ประสาน อาจหาญ ลูกหลานท่านใดสนใจเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ ติดต่อมาเลยที่เบอร์ 087 -9674086 รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน ครับท่าน…. ในเวลานี้ต้องขอบอกว่า เวทีมวยเคลื่อนที่ ของ”หมวดเนก ตากใบ ” มีการจองคิวยาวเหยียด หลังจากรัฐบาลปลดล๊อค ให้มีการแข่งขันชกมวยได้ โปรโมเตอร์ จัดมวยกันแทบทุกพื้นที่เลยทีเดียว จึงทำให้เวทีมวยเคลื่อนที่ ได้มาตรฐาน ของ “หมวดเนก ตากใบ” มีงานเข้า สัญจร นำเวทีมวยเคลื่อนที่ ไปทั่วภาคใต้ตอนล่าง ก็ขอแสดงความยินดีด้วย ที่มีงานตลอดครับ “หมวดเนก ตากใบ” ….” ว่าที่พันตรียุทธนา เจ้าดูรี ” นายอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ขอเชิญชมมวยดีนัดพิเศษกับ” ศึก…วันของดีเมืองจะนะ +พักยก 77 ” ณ.สนามมวยชั่วคราวหน้าสถานีรถไฟจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา ในวันที่ 22 -23 สิงหาคม 2565 เปิดให้แฟนมวยได้ชมฟรี 2 คืนซ้อนเลยทีเดียว มาติดตามมวยคู่สำคัญของในวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม นี้ มวยคู่เอกชม เพชรแสนคม พักยก 77 เจอ พลายพยัคฆ์ เอ็นนี่มวยไทย คู่รอง หนึ่งแสน ว.เศียรคีรี พบ ลูฟี ตองพัทลุง คู่ค้ำสิบแสน จ่ายุทธสืบ ปะทะ ยูซูป ภูเก๊ตไฟเตอร์มวยไทย และพอรุ่งขึ้นอีกคืนในวันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2565 ชมมวยคู่เอกนำรายการ อนุวัฒน์ วีเค.เขาใหญ่ เจอ ธีรพล แดงเขาทราย คู่รอง สิงห์วิเศษ ภูเก็ตสิงห์มวยไทย พบ ฉลามขาว ส.พงษ์อมร พร้อมคู่มวยยอดไอ้แอ้ดแดนใต้ประกอบรายการอีกเต็มพิกัด ขอย้ำว่ามวยศึกในนัดนี้ชมฟรีทั้ง 2 คืนน่ะ ครับท่าน….”เสี่ยยุทธ ทุ่งลุง ร่วมกับ ผู้ใหญ่กอล์ฟ บ้านไร่ ” จัดรายการมวยนัดพิเศษกับ” ศึกรวมน้ำใจคนมวย + กกตร.เพื่อการกุศล “ณ.สนามมวยชั่วคราว ทางเข้าเทศบาลพะตง ต.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 โดยมี ผอ.พิทยา รัตนพันธ์ ผู้จัดการค่ายมวยรัตนภานุ จับมือกับ “เสี่ยแขก” สมชาย เทศรุ่งเรือง หัวหน้าค่ายมวย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม สนับสนุนขนมวยระดับค่าตัวเงินแสน มาให้แฟนมวยจังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียงได้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม ชมมวยคู่เอกนำรายกาาในคืนนั้น กริชเพชร รัตนภานุ แลกเดือด สุรชัย ส.สมหมาย คู่รองกระดูกเหล็ก อ.อัจฉริยะ ลุย สะแกงาม จิตรเมืองนนท์ คู่ค้ำ ตี๋ใหญ่ รัตนภานุ ใส่ ก้องฟ้า ศ.อุสมาน คู่ตาม ดีเซลเล็ก ฐานทัพเรืออะคาเดมี่ เจอ น้องเดียร์ โด่งเมืองคอน พร้อมคู่มวยฟอร์มสดสูสี ได้เสียประกอบรายการอีกเต็มอัตราศึก อย่าพลาดชมน่ะ ครับท่าน…….
///////////////////////////////////////////////////////
บรรยายภาพ a1
“หมวดเนก ตากใบ “ขึ้นบนเวที กล่าวขอบคุณ แฟนมวยที่เดินทางมาเข้าชมมวยเป็นกำลังใจ รวมถึงไปยัง ทุกภาคส่วนและทุกๆ ฝ่าย ที่ให้การสนับสนับสนุนรายการมวย”ศึกต้นกล้าชายแดนใต้ ” ณ.สนามมวยฟอร์ด แยกไฟแดงปัตตานี จังหวัดปัตตานี เมื่อวันเสาร์ที่13 สิงหาคม 2565ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนัดปฐมฤกษ์ เวทีมวยน้องใหม่ นัดต่อไปพบกันในวันเสาร์ที่27 สิงหาคม2565นี้ หลังจากนั่นจะมีการแข่งขันชกมวยชนิด เสาร์ เว้นเสาร์ ของทุกเดือน
//////////////////////////////////////////
บรรยายภาพ a2
นายกประจวบ (น้องรัก พิทักษ์คลองทราย) ทองกลิ่น อดีตนักมวยเก่า คนยืนฝากขอบคุณ ฉัตรชัย ปัญญาวุธ ประธานชมรมนักมวยเก่าจังหวัดสงขลา / ทินกร ป้อมพยัคฆ์ รองประธานชมรมฯ และอาจารย์กระจ่าง ศิริกาศ นายทะเบียนชมรมฯ ที่ได้เดินทางมาร่วมงานศพแม่ยาย ที่สำนักสงฆ์คลองทรายทอง อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อวันที่15 สิงหาคม2565 ที่ผ่านมา
///////////////////////////////////////////////////
บรรยายภาพ a3
“ป.เป็ด สยามคาดเชือก “ศักดา สุวรรณรัตน์ เดินทางมากราบไหว้ “พล.อ.จำลอง คุณสงค์ ” ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ที่ท่านได้อุปสมบท เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ.วัดแหลมพ้อ เกาะยอ จ.สงขลา เมื่อวันที่28 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา
////////////////////////////////////////////////
บรรยายภาพ a4
อาจารย์ประภาส เพ็ชรไทยพงค์ นั่งด้านขวา บุคคลสำคัญของวงการมวยภาคใต้ ได้มีโอกาสมาพบปะกับ อดีตนักมวยเก่าชื่อดัง “ฟ้าสีทอง ศ.ศักดิ์สมาน” ซึ่งรับราชการเป็นครูผู้ช่วย ที่ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดปัตตานี บรรยากาศมีความสุข กันทั่วหน้า เมื่อวันที่15 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ภาพ – ข่าว มนูญ (สิงห์จุก ม.อ.) สิกะพันธ์ ทีมข่าว ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ หาดใหญ่ จ.สงขลา

สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์

วันที่ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์(สวทท.) โดย นางสาวพรลพัชร นรารัตน์วันชัย นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์ฯ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์

โดยว่าที่ร้อยตรี ดร. ถวัลย์ รุยาพร สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายกสภาทนายความ มอบให้นายเกียรติศักดิ์ เหลืองอังกูร อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายสภาทนายความฯ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ร่วมกัน มีนายปัญญา จารุมาศ ประธานโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย, ดร.วิเชียร รุจิธำรงกุล กรรมการโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย, ดร.ภูวิช ปัญญาสิทธิ์ อุปนายก สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์ฯ และนายถวิล ปานศรี กรรมการฝ่ายกฎหมายสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์ฯ ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน

ในการลงนามฯ ครั้งนี้ มีนางภาณี นิ่มเฉลิม กรรมการโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย, นายปราโมทย์คริษฐ ธรรมคุณากร กรรมการโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย, นายศุภพิชัย แอกทอง กรรมการโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย, นางสาวจุฑาทิพย์ ลิ้มพงษ์ประเสริฐ กรรมการโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย, นายพงศจักร คงสุวรรณ กรรมการโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย และ ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พิณทุสรศรี กรรมการสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์ฯ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนามฯ

สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงฯ นี้ มีวัตถุประสงค์ทางวิชาการ
1) เพื่อพัฒนาวิชาการ พัฒนาองค์กรและประสานความร่วมมือด้านวิชาการเกี่ยวกับการพูด การเป็นพิธีกร หรือผู้ดำเนินรายการ อาทิ วิทยุ โทรทัศน์ สื่อโซเซียลมีเดียหรือสื่ออื่นๆ
2) เพื่อให้สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ผลิตบุคลากรตามข้อ 1 โดยผ่านการเรียนรู้กระบวนการปฏิบัติงานและทักษะด้านวิชาชีพนักกฎหมายอย่างมีคุณภาพตรงกับความต้องการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
3) เพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรตามข้อ 1 ให้มีศักยภาพและเพิ่มพูนองค์ความรู้เสริมความเข้มแข็งทางด้านวิชาการและวิชาชีพนักกฎหมาย

เจนกิจ นัดไธสง สวทท.68 รายงาน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ สั่งดำเนินคดีตำรวจหญิงทารุณอดีตทหารหญิงกำชับดำเนินคดีเด็ดขาด

จากกรณีมีอดีตทหารหญิง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นนายจ้างของตนบังคับใช้แรงงานดูแลรับใช้ และทำร้ายร่างกาย เช่น ถูกตบตีตามร่างกาย ถูกเครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย ใช้ไม้หน้าสามตีที่ใบหน้า เป็นต้น ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ตามที่ปรากฏในข่าวและสื่อต่างๆ ไปแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงต้องเร่งทำความจริงให้กระจ่างและกำชับให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.ราชบุรี และชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ออกสืบสวนติดตามคดีอย่างเร่งด่วน และให้นำผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ร่วมกับสหวิชาชีพ เพื่อพิจารณารายละเอียดพฤติการณ์ให้ครบถ้วน
จากการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าผู้ก่อเหตุคือ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ อายุ 43 ปี ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 และจากการสอบสวนปากคำ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ทราบว่าตนเองรู้จักกับผู้ต้องหามาเป็นเวลาหลายปี โดยก่อนหน้านี้ตนได้มาช่วยผู้ต้องหาทำงานที่ร้านกาแฟ ก่อนจะปิดตัวลงในภายหลัง เนื่องจากขายไม่ดี ต่อมาผู้ต้องหาแจ้งว่าจะฝาก น.ส.เอ เข้ารับราชการทหาร โดยเรียกเงินค่าดำเนินการ จำนวน 5 แสนบาท ซึ่งตนนั้นได้จ่ายให้แล้วบางส่วน เหลือยอดหนี้ที่ผู้ต้องหาต้องการอีก 240,000 บาท โดยได้หักออกจากเงินเดือนหลังเข้ารับราชการแล้ว เหลือเพียงเดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน จากนั้นผู้ต้องหาได้ย้าย น.ส.เอ ไปช่วยราชการ และยังบังคับให้ น.ส.เอ มาทำงานอยู่ที่บ้านของผู้ต้องหา โดยทำหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน ขับรถ ดูแลเรื่องอาหารการกิน และอื่นๆ ตามที่ผู้ต้องหาสั่ง เมื่อ น.ส.เอ ทำสิ่งใดไม่ถูกใจ ก็จะถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการทุบตีตามร่างกาย ใช้ไม้หน้าสามตีตามเนื้อตัว ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อต ตามร่างกาย ต่อมาผู้ต้องหาได้บังคับให้ น.ส.เอ ลาออกจากทหาร และขู่ว่าถ้าไม่ทำตามจะทำร้ายร่างกายอีก น.ส.เอ จึงยื่นหนังสือลาออกจากราชการ เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา แต่ผู้ต้องหายังบังคับและทำร้ายร่างกาย น.ส.เอ เช่นเดิม ต่อมา น.ส.เอ ได้ขอความช่วยเหลือจากทางบ้านเพื่อให้พาเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนถึงที่สุด

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (20 ส.ค.65) ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ผู้ต้องหา ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี โดยพนักงานสอบสวนจะได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ผู้ต้องหาว่า “เป็นข้าราชการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยการข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของบุคคลนั้นเอง หรือผู้อื่น โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมิชอบ ขู่เข็ญว่าจะใช้กระบวนการทางกฎหมายโดยมิชอบ หรือโดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น แก่ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิด ในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ตนดูแล อันเป็นความผิดฐาน ค้ามนุษย์ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ (ความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 , มาตรา 6/1 , มาตรา 13 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295)

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงได้กำชับให้มีความละเอียดรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งเร่งรัดให้มีการดำเนินการให้ความช่วยเหลือกับเหยื่อให้ได้รับความยุติธรรม ในกรณีของตัวตำรวจหญิงซึ่งได้มอบตัวแล้วนั้น จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาดและไม่มีการยกเว้น นอกจากนี้จะให้ทางต้นสังกัดพิจารณาโทษทางวินัยเพื่อมิให้เกิดการกระทำผิดในลักษณะเช่นนี้อีก

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นประธานปิดอบรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มีความเชี่ยวชาญการใช้เทคโนโลยี โครงการ Smart Safety Zone 4.0

วันนี้ (19ส.ค.65)เวลา 16.30 ณ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีปิดโครงการฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 โดยการฝึกอบรมมีขึ้น ตามโครงการวิจัยเรื่อง สมาร์ท เซฟตี้ โซน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน (Smart Safety Zone for the Safety of People’s Lives and Properties) รุ่นที่ 1 ซึ่งจะจัดอบรมระหว่างวันที่ 18-19 ส.ค.65 โดยการจัดการฝึกอบรมครั้งนี้ ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจนำร่องระยะที่ 1 ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้แก่ สน.ห้วยขวาง, สน.ลุมพินี และ สน.ภาษีเจริญ รวมทั้งสิ้น ๑๐๕ นาย โดยหลังจากฝึกอบรมเสร็จแล้ว ยังได้มีการทดสอบความรู้ความเข้าใจ ตามโครงการและการนำเอาเทคโนโลยีและงานวิจัยต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยระบบที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น ระบบบริหารจัดการกล้องโทรทัศน์วงจรปิด, ระบบการตรวจจับวัตถุต้องสงสัย, ระบบตรวจจับใบหน้าและทะเบียนรถ, ระบบการแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ (S.O.S.), ระบบกระจายเสียงแบบเฉพาะจุดและพื้นที่ (Public Announcement) และ แพลตฟอร์มบริหารจัดการ Application แบบ One stop service เป็นต้น โดยผู้ทำการทดสอบต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 มีผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งสิ้น 104 ราย ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 1 ราย

Design a site like this with WordPress.com
Get started