พล.ต.ท.สมพงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า ประตูทางออกด้านหลังที่เชื่อมต่อกับอาคารด้านในมีการล๊อคจากด้านนอก ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าของถึงทำแบบนี้ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานกระทำการโดยประมาท เป็นเห็นให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ขณะที่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ยืนยันว่า เจ้าของผับนี้แสดงตัวกับตำรวจแล้ว และไม่หลบหนีแน่นอน ส่วนอาคารไม่มีการทำประกันใดๆทั้งสิ้น โดยหลังจากนี้จะรวบรวมหลักฐานขอหมายศาลออกหมายจับเจ้าของกิจการ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ “สร้างชีวิต” อย่างยั่งยืน แก่ครัวเรือนยากจนจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมนำหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ตรวจรักษา จ่ายยา และตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น แก่ประชาชน..ฟรี


.
วานนี้ (วันที่ 4 สิงหาคม 2565) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก และนายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน (จังหวัดที่ 17 ของทางภาคเหนือ) จำนวน 12 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น จำนวน 162,540 บาท เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ ”บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมี นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอแม่สะเรียง และนายนิวัติ น้อยผาง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วยทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
.
นอกจากนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสา เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ลงพื้นที่ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่นแก่ประชาชนฟรี โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
.
ซึ่งในปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พะเยา เชียงราย น่าน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก และแม่ฮ่องสอน รวม 17 จังหวัด จำนวน 210 ครัวเรือน มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพทั้งสิ้น จำนวน 3,153,000 บาท (สามล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นสามพันบาทถ้วน)
.
การดำเนินการ “โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะจัดทีมลงพื้นที่ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พร้อมให้ความรู้ ทักษะ และมีวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดหาอุปกรณ์การประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจน เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ตลอดจนสร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยในปีงบประมาณ 2563 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งและกรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินการในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมาย 500 ครัวเรือน งบประมาณดำเนินงานทั้งสิ้น 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน)
.
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ http://www.pohtecktung.org และ
เฟซบุ๊ก แฟนเพจ http://www.facebook.com/atpohtecktung
.

ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน

แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418

ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

กก.1 บก.สส.สตม. รวบหนุ่มออสเตรียก่อคดีอื้อหนีซุกไทย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ใน
ประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทย หรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต
ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม, พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม.4 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญโดยมีรายละเอียดดังนี้
กล่าวคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ กรณี สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐออสเตรีย ประจำประเทศไทย ขอความอนุเคราะห์ในการติดตามตัว
นายเดวิด (นามสมมติ) อายุ 37 ปี สัญชาติออสเตรีย ซึ่งได้ถูกทางการออสเตรียเพิกถอนหนังสือเดินทางเมื่อวันที่
15 ธ.ค.64 และเป็นบุคคลที่สาธารณรัฐออสเตรียต้องการตัว เนื่องจากได้ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 25 พ.ค.65
ในความผิดฐานการจัดเตรียมการค้าสารเสพติด, การค้าสารเสพติด, โกงพลังงาน, ฉ้อโกงร้ายแรง และความผิดตามประมวลกฎหมายอาวุธแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย รวมความผิดทั้งสิ้น 12 กระทง
พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. จึงได้สั่งการให้
กก.1 บก.สส.สตม. สืบสวนหาตัวนายเดวิด และพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายเดวิด ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางด่าน
ตม.ทอ.ภูเก็ต บก.ตม.2 เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.65 การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุดโดยแจ้งสถานที่พำนักใน
จว.ภูเก็ต จึงได้เสนอ ผบก.สส.สตม. ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายเดวิด เนื่องจากได้ถูกทางการออสเตรียเพิกถอนหนังสือเดินทางแล้ว และเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ
เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 12 (1) และ (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ไปประสานงานกับ ตม.จว.ภูเก็ต ตรวจสอบที่คอนโดมิเนียมย่าน ต.ราไวย์
อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต พบนายเดวิด จึงได้แจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ทราบ และนำตัวส่ง
กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวรอการส่งกลับไปสาธารณรัฐออสเตรีย ต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ http://www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

“บิ๊กโจ๊ก”ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “Smart Safety Zone 4.0

วันที่ 4.ส.ค.ที่ห้อง Lotus 7 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นวิทยากรการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “Smart Safety Zone 4.0 นวัตกรรมความปลอดภัย เพื่อการป้องกันอาชญากรรม” ในงาน มหากรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยุคนิวนอมอลล์ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวไว้ว่า ตำรวจต้องทำงานเชิงรุก ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ทำให้มองเห็นได้ว่า มี ประชาชนตกงานเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดปัญหาการว่างงาน ตลอดถึงสภาวะเศรษฐกิจ ลดถอย หนี้ครัวเรือนหนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้น เป็นกันทั่วทั้งโลก วันนี้สถานะของประชาชน ของประเทศไทยถือว่าเศรษฐกิจ ย่ำแย่ สิ่งที่จะตามมาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นห่วงนั้นคือ “ปัญหาอาชญากรรม” การลัก วิ่ง ชิงปล้นต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรง แต่สิ่งที่ทำให้ประชาชนสัมผัสได้ก็คือ การทำงานเชิงรุก คือการทำงานในด้านการป้องกันปราบปราม เรต้อง
ป้องกันไม่ให้เหตุเกิด หรือว่ามีการลัก-วิ่ง-ชิง-ปล้น การป้องกันปราบปรามดียิ่งกว่าเหตุเกิดแล้ว จะมาสืบสวนจับกุม ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน อย่างมากมาย ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นในเรื่องของการทำงานเชิงรุก คือการป้องกัน ซึ่งจะตรงใจประชาชน และใช้งบประมาณน้อย ทำให้ผู้ต้องหาไม่ล้นคุก ประหยัดงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งการทำงานของตำรวจ จะกลับมาในรูปแบบของตำรวจคือประชาชน และประชาชนคือตำรวจ ประชาชนทุกคนคือตำรวจความหมายคือว่า ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม และมีส่วนรับผิดชอบในชุมชนของตนเองที่อาศัยอยู่ ในชุมชน ตำบลหมู่บ้าน เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญคือตำรวจต้องทำให้ประชาชนไว้ใจยิ่งขึ้น เมื่อความห่างระหว่างตำรวจกับประชาชนน้อยลง ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อตำรวจ ก็จะมากขึ้น เพราะฉะนั้นความร่วมมือร่วมใจ ที่จะเป็นหูเป็นตา และแจ้งเบาะแส คนร้าย ที่จะนำข้อมูลข่าวสารส่งมาให้ เช่นกรณีเกิดเหตุในหมู่บ้าน วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างทุกคนมีหน้าที่หมด เพราะว่าทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของพื้นที่ นอกจากที่ทำการของผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบในหมู่บ้าน แล้ว วินมอเตอร์ไซค์ ก็มีหน้าที่ช่วยกันดูแลประชาชนในซอยท้องถิ่น นอกนั้นนอกเหนือจากตำรวจ ด้วยเหตุนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ริเริ่มโครงการ Smart Safety Zone 4.0 เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปตามความต้องการของประชาชน โดยก่อนเริ่มได้มีการตรวจสอบ โดยใช้แบบ สอบถาม people poll เป็นการวัดผลในลักษณะ Google form ในการวัดผลแบบ Real Time ทำให้ การบริหารงานปราบปรามเป็นไปตามสภาพในความเป็นจริง และเป็นไปตามความต้องการของประชาชนจริงๆ

จากการสำรวจแบบสอบถามของประชาชน วันนี้จะเห็นได้เลยว่า ภัยที่ประชาชนกลัวมากที่สุดอันดับ 1 ภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์ และ Social Media เป็นอาชญากรรมสมัยใหม่ เช่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งโรแมนซ์สแกม เป็นภัยที่ประชาชนกลัวมากที่สุด และสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก ในลำดับต้นๆเช่นเดียวกัน และอีกภัยหนึ่งคือ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ซึ่งมักจะปรากฏให้เห็นว่าประชาชนกลัว ภัยวิ่งราวทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ มากกว่าการฆ่าคนตาย
ถามว่าทำไมการสำรวจจึงสะท้อนมาในภาพเหล่านี้ เพราะสิ่งที่สะท้อนออกมาจาก การวัดผลแบบ Real Time จากเดิมสมัยก่อน ในการวัดผลเราวัดผลกันปีละครั้ง แต่ขณะนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ปรับเปลี่ยนใหม่ มีการวัดผล ในลักษณะ Google poll และ Google form ผลแบบ Real Time ส่วนนี้จะทำให้สามารถนำข้อมูล ตามความต้องการของประชาชน มาใช้ในการบริหารงาน ได้อย่างตรงใจของประชาชน ด้วยเหตุนี้สำนักงานแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ริเริ่มนำร่อง โครงการ Smart Safety Zone 4.0 ในพื้นที่กรุงเทพฯและหัวเมืองหลัก ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นแลนด์มาร์คของประเทศไทย เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ โคราช เป็นแลนด์มาร์ค สำคัญของประเทศ ที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และย่านห้วยขวาง ซึ่งมีสถานที่สำคัญอย่างเช่น สถานทูตจีน และร้านอาหารต่างๆจำนวนมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนมักจะหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยุคนิวนอมอลล์ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวไว้ว่า ตำรวจต้องทำงานเชิงรุก ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ทำให้มองเห็นได้ว่า มี ประชาชนตกงานเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดปัญหาการว่างงาน ตลอดถึงสภาวะเศรษฐกิจ ลดถอย หนี้ครัวเรือนหนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้น เป็นกันทั่วทั้งโลก วันนี้สถานะของประชาชน ของประเทศไทยถือว่าเศรษฐกิจ ย่ำแย่ สิ่งที่จะตามมาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นห่วงนั้นคือ “ปัญหาอาชญากรรม” การลัก วิ่ง ชิงปล้นต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรง แต่สิ่งที่ทำให้ประชาชนสัมผัสได้ก็คือ การทำงานเชิงรุก คือการทำงานในด้านการป้องกันปราบปราม เรต้อง
ป้องกันไม่ให้เหตุเกิด หรือว่ามีการลัก-วิ่ง-ชิง-ปล้น การป้องกันปราบปรามดียิ่งกว่าเหตุเกิดแล้ว จะมาสืบสวนจับกุม ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน อย่างมากมาย

ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นในเรื่องของการทำงานเชิงรุก คือการป้องกัน ซึ่งจะตรงใจประชาชน และใช้งบประมาณน้อย ทำให้ผู้ต้องหาไม่ล้นคุก ประหยัดงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งการทำงานของตำรวจ จะกลับมาในรูปแบบของตำรวจคือประชาชน และประชาชนคือตำรวจ ประชาชนทุกคนคือตำรวจความหมายคือว่า ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม และมีส่วนรับผิดชอบในชุมชนของตนเองที่อาศัยอยู่ ในชุมชน ตำบลหมู่บ้าน เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญคือตำรวจต้องทำให้ประชาชนไว้ใจยิ่งขึ้น เมื่อความห่างระหว่างตำรวจกับประชาชนน้อยลง ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อตำรวจ ก็จะมากขึ้น เพราะฉะนั้นความร่วมมือร่วมใจ ที่จะเป็นหูเป็นตา และแจ้งเบาะแส คนร้าย ที่จะนำข้อมูลข่าวสารส่งมาให้ เช่นกรณีเกิดเหตุในหมู่บ้าน วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างทุกคนมีหน้าที่หมด เพราะว่าทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของพื้นที่ นอกจากที่ทำการของผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบในหมู่บ้าน แล้ว วินมอเตอร์ไซค์ ก็มีหน้าที่ช่วยกันดูแลประชาชนในซอยท้องถิ่น นอกนั้นนอกเหนือจากตำรวจ ด้วยเหตุนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ริเริ่มโครงการ Smart Safety Zone 4.0 เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปตามความต้องการของประชาชน โดยก่อนเริ่มได้มีการตรวจสอบ โดยใช้แบบ สอบถาม people poll เป็นการวัดผลในลักษณะ Google form ในการวัดผลแบบ Real Time ทำให้ การบริหารงานปราบปรามเป็นไปตามสภาพในความเป็นจริง และเป็นไปตามความต้องการของประชาชนจริงๆ

จากการสำรวจแบบสอบถามของประชาชน จะเห็นได้ว่า ภัยที่ประชาชนกลัวมากที่สุดอันดับ 1 ภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์ และ Social Media เป็นอาชญากรรมสมัยใหม่ เช่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งโรแมนซ์สแกม เป็นภัยที่ประชาชนกลัวมากที่สุด และสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก ในลำดับต้นๆเช่นเดียวกัน และอีกภัยหนึ่งคือ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ซึ่งมักจะปรากฏให้เห็นว่าประชาชนกลัว ภัยวิ่งราวทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ มากกว่าการฆ่าคนตาย
ถามว่าทำไมการสำรวจจึงสะท้อนมาในภาพเหล่านี้ เพราะสิ่งที่สะท้อนออกมาจาก การวัดผลแบบ Real Time จากเดิมสมัยก่อน ในการวัดผลเราวัดผลกันปีละครั้ง แต่ขณะนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ปรับเปลี่ยนใหม่ มีการวัดผล ในลักษณะ Google poll และ Google form ผลแบบ Real Time ส่วนนี้จะทำให้สามารถนำข้อมูล ตามความต้องการของประชาชน มาใช้ในการบริหารงาน ได้อย่างตรงใจของประชาชน ด้วยเหตุนี้สำนักงานแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ริเริ่มนำร่อง โครงการ Smart Safety Zone 4.0 ในพื้นที่กรุงเทพฯและหัวเมืองหลัก ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นแลนด์มาร์คของประเทศไทย เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ โคราช
เป็นแลนด์มาร์ค สำคัญของประเทศ ที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และย่านห้วยขวาง ซึ่งมีสถานที่สำคัญอย่างเช่น สถานทูตจีน และร้านอาหารต่างๆจำนวนมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนมักจะหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า โครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 (Smart Safety Zone 4.0) คว้ารางวัลชนะเลิศ The Best Experience in Community Policing ประเภทการป้องกันอาชญากรรม เป็นรางวัลที่มอบให้กับองค์กรตํารวจที่มีผลงานในการพัฒนาแนวคิดตํารวจชุมชนไปสู่การปฏิบัติได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด จากประชุมสุดยอดตํารวจโลก ในด้านการปฏิบัติการชุมชนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 14 – 17 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา
นวัตกรรมสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ของ ตร.ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อนำร่องในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นลำดับแรก ในการพัฒนารูปแบบวิธีการป้องกันอาชญากรรมโดยใช้นวัตกรรมและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางตามแนวคิดเรื่อง “เมืองอัจฉริยะ”โครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 เกิดจากแนวคิดของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการให้เกิดพื้นที่ปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจให้กับประชาชน ตร. จึงได้คัดเลือกพื้นที่ที่เป็นแลนด์มารค์ แหล่งเศรษฐกิจ และพื้นที่ที่ประชาชนมีความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมมาสร้างเป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยการยกระดับการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่สาธารณ ตามแนวคิดเรื่อง “เมืองอัจฉริยะ” ยกระดับการทำงานของตำรวจ ตามกรอบแนวคิด “ราชการ 4.0” ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล และบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และ สตช. ในด้านการป้องกันอาชญากรรม ในระยะแรกได้คัดเลือกสถานีตำรวจทั่วประเทศ จำนวน 15 สถานี เป็นสถานีนำร่อง ได้แก่ สน.ห้วยขวาง, สน.ลุมพินี, สน.ภาษีเจริญ, สภ.ปากเกร็ด, สภ.เมืองสมุทรปราการ, สภ.เมืองพัทยา, สภ.เมืองระยอง, สภ.เมืองปราจีนบุรี, สภ.ปากช่อง, สภ.เมืองอุดรธานี, สภ.เมืองเชียงใหม่, สภ.เมืองพิษณุโลก, สภ.เมืองราชบุรี, สภ.เมืองภูเก็ต และ สภ.หาดใหญ่ สถานีตำรวจทั้ง 15 สถานี และในระยะที่ 2 ได้ทำการขยายต่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตอนนี้มีอยู่ 100 สถานีตำรวจที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งได้เน้นการสร้างพื้นที่เซฟตี้โซน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัยในชุมชน ให้เป็นรูปธรรมโดยได้เริ่มดำเนินการดังนี้ 1) สำรวจกล้อง CTV ในพื้นที่ ปรับมุมกล้อง และบูรณาการการใช้งานกล้องร่วมกัน พร้อมติดตั้งเพิ่มเติม 2) นำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรม เช่น การติดตั้งกล้อง AI ตรวจจับใบหน้า และกล้อง AI ตรวจจับทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น 3) ติดตั้งเสาสัญญาณ S.O.S เพื่อประชาชนจะได้สามารถแจ้งเหตุด่วนได้ทันที 4) จัดทำห้องปฏิบัติการ CCOC โดยเชื่อมสัญญาณจาก หน่วยงานราชการ และเอกชนมายังห้องปฎิบัติการและนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้กับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ เพื่อคอยควบคุมและสั่งการได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5) ใช้แอปพลิเคชั่นต่าง ๆเพื่อความรวดเร็วในการสื่อสาร เช่น Police i lert u, Police 4.0, LINE Official 6) ร่วมกับหน่วยงานในท้องที่ปรับภูมิทัศน์พื้นที่เสี่ยงให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย เช่น ตัดต้นไม้ แต่งกิ่งไม้ ในพื้นที่รกล้าง ขีดสี ตีเส้น ทำความสะอาดพื้นที่ ติดไฟส่องสว่าง 7) แสวงหาความร่วมมือจากประชาชน และสร้างกลไกการมีส่วนรวมจากประชาชนในการช่วยป้องกันอาชญากรรม โครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ได้ดำเนินการไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพโดยการสนับสนุนของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่ช่วยสร้างมิติใหม่แห่งความปลอดภัย จากพื้นที่สายเปลี่ยว เปลี่ยนเป็นพื้นที่ปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ และปลอดภัยในชุมชน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจประเมินโครงการ Smart Safety Zone 4.0

การตรวจประเมินโครงการ Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสงขลา
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการประเมินโครงการ Smart Safety Zone 4.0 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.ภพพล จักกะพาก ผบก.ผค.สยศ.ตร., พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป รอง ผบก.ภ.จว.พิจิตร, พ.ต.อ.พงศ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ ผกก.ฝ่ายบริการการศึกษา ศฝร.บช.น., พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผกก.สภ.ท่ามะกา ภ.จว.กาญจนบุรี, พ.ต.อ.พงษ์พิเชษฐ์ นิลจันทร์ ผกก.ฝอ.5 บก.อก.บช.ทท. คณะกรรมการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่ดำเนินการโครงการ Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสงขลา ซึ่งเป็นโรงพักนำร่อง หนึ่งในร้อยสถานีตำรวจ เฟสที่ 2 ตามโครงการนี้ ตลอดจนติดตามความคืบหน้าในการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการป้องกันอาชญากรรม เพื่อให้การป้องกันอาชญากรรมในโครงการดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมี พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา, พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา, พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผกก.สภ.เมืองสงขลา และ ภาคีเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ตามโครงการ Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสงขลา (Big 6) ให้การต้อนรับ ดังนี้

  1. นายปรีชัย มาละวรรณโณ ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
  2. นายวิวัฒน์ สุขศิริ ปลัดเทศบาลนครสงขลา รักษาราชการแทนนายกเทศมนตรีนครสงขลา
  3. นายรัฎฐา เนตรสว่าง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสงขลา
  4. นายชัยยุทธ เสาวคนธ์ กำนัน ต.เกาะยอ ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองสงขลา
  5. นายศุภกิจ ยอดแก้ว ผจก.ฝ่ายการขายและปฎิบัติลูกค้าเขตภาคใต้ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัดมหาชน
  6. นายครรชิต นนทสุวรรณ ประธานชุมชนศรีสุดา อ.เมือง จว.สงขลา
  7. นายวิศิษฐ์ อรุโณประโยชน์ ผจก.ห้างลิวิวัฒน์สงขลา
  8. นายสมพร หาญณรงค์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำ จว.สงขลา
    พร้อมรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินการโครงการ และสาธิตการปฏิบัติการที่สำคัญในโครงการ
    สำหรับที่มาของโครงการ Smart Safety Zone 4.0 เป็นแนวคิดริเริ่มของ ผบ.ตร. ท่านปัจจุบัน ที่ต่อยอดมาจากตำรวจชุมชนสัมพันธ์ เดิม ตร. มีโครงการตำรวจชุมชนสัมพันธ์เป็นเรื่องระหว่างตำรวจกับประชาชน ที่จะทำให้ประชาชนรัก และเข้าใจตำรวจ เมื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีต่าง ๆ มากขึ้น ได้เข้ามาทำให้ชีวิตของประชาชนเปลี่ยนไป อาชญากรรมมีความซับซ้อนมากขึ้น อาชญากรรมมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาดำเนินการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมออนไลน์ การพนันรูปแบบต่าง ๆ การหลอกลวงลงทุน Romance Scam พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้ริเริ่มโครงการ Smart Safety Zone 4.0 แต่เดิมมีแค่ตำรวจกับประชาชน โดยได้เพิ่มเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตำรวจ ประชาชน และเทคโนโลยี อันเป็นที่มาของโครงการนี้
    โครงการ Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสงขลา มีพื้นที่เป้าหมาย 1.30 ตร.กม. “ชุมชนศรีสุดา, ชุมชนวัดไทรงาม, ชุมชนหลังตำหนักเขาน้อย, ชุมชนวัดตีนเมรุ, ตลาดทรัพย์สิน, แหล่งรวมธนาคาร, ร้านทอง และสถานที่ราชการ” มีจำนวนประชากร 4,328 คน เพศชาย 2,002 คน เพศหญิง 2,326 คน สถานที่สำคัญในเขต Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสงขลา
  9. ส่วนราชการ 6 แห่ง
  10. สถานศึกษา 7 แห่ง
  11. สถานกงสุล 3 แห่ง
  12. ชุมชน 4 แห่ง
  13. ตลาดสด 1 แห่ง
  14. ธนาคาร 6 แห่ง
    สภ.เมืองสงขลา ร่วมบูรณาการทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชน Big 6 และวิเคราะห์อาชญากรรม แก้ไขปัญหาชุมชน ตามที่คณะกรรมการนำเสนอปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อป้องกันอาชญากรรมเป็นประจำทุกเดือน สภ.เมืองสงขลา ได้ดำเนินการตามโครงการ Smart Safety Zone 4.0 โดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ นำมาประยุกต์ใช้ในการป้องกัน เหตุอาชญากรรมในพื้นที่โครงการดังนี้
  15. ห้องศูนย์ปฏิบัติการควบคุมสั่งการ CCOC
  16. กล้องวงจรปิด CCOC ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด
  17. สายตรวจโดรนสำหรับหาข่าว และสังเกตการณ์
  18. ตู้รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน SOS
  19. ตู้แดง QR Code สแกนผ่าน Application Police 4.0
  20. การรับแจ้งเหตุผ่าน Application Police I lert you และ Line official account
  21. มีหน้าจอแสดงพิกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่โดยใช้ Life 360
    การประชาสัมพันธ์โครงการ Smart Safety Zone 4.0 ทั้งออนไลน์และออฟไลน์มีดังนี้
  22. ใช้ Application Line official account
  23. ใช้ Application Line Smart Safety Zone 4.0 ตาสับปะรด
  24. Application Facebook
  25. Application Instagram
  26. Application TikTok
  27. Application YouTube
  28. ป้ายไวนิลแผ่นพับสติกเกอร์ประกอบการเดินเท้าประชาสัมพันธ์โครงการฯ
  29. ประชาสัมพันธ์ผ่านทางทีวี หนังสือพิมพ์ จอดิจิทัลขนาดใหญ่
    แล้วจึงเดินเท้าตรวจเยี่ยมชุมชนศรีสุดา เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการฯ สอบถามปัญหา อุปสรรค เพื่อนำมาวิเคราะห์ พัฒนาโครงการฯ ต่อไป
    จากการสำรวจ People poll Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสงขลา ของประชาชนในพื้นที่โครงการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 ถึงเดือนมิถุนายน 2565
  30. ระดับความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชนมีสถิติที่ลดลงเรื่อย ๆ ในแต่ละเดือนผ่านตัวชี้วัด ที่ ตร. กำหนดน้อยกว่า 40% ลงมา
  31. ระดับความพึงพอใจต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำงานของตำรวจมีสถิติที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละเดือนผ่านตามตัวชี้วัดที่ ตร. กำหนดมากกว่า 80% ขึ้นไป
    บัญชีรายชื่อเครือข่ายภาครัฐและเอกชน Big 6
  32. นายปรีชัย มาละวรรณโณ ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
  33. นายวิวัฒน์ สุขศิริ ปลัดเทศบาลนครสงขลา รักษาราชการแทนนายกเทศมนตรีนครสงขลา
  34. นายรัฎฐา เนตรสว่าง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสงขลา
  35. นายชัยยุทธ เสาวคนธ์ กำนัน ต.เกาะยอ ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองสงขลา
  36. นายศุภกิจ ยอดแก้ว ผจก.ฝ่ายการขายและปฏิบัติการลูกค้าเขตภาคใต้ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัดมหาชน
  37. นายครรชิต นนทสุวรรณ ประธานชุมชนศรีสุดา อ.เมือง จว.สงขลา
  38. นายวิศิษฐ์ อรุโณประโยชน์ ผจก.หางลิวิวัฒน์สงขลา
  39. นายสมพร หาญณรงค์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำ จว.สงขลา

ศอ.บต.ปลื้ม นายรัฐมนตรี”ไฟเขียว”โครงการไฟฟ้าพลังงาน เตรียมขยายพื้นที่ปลูกพืชพลังงานป้อนโรงไฟฟ้า เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายรัฐมนตรี ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เร่งดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกด้าน โดยเฉพาะในมิติของพลังงานการนลงทุนของเอกชนในการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล และ ชีวภาพ ซึ่งขณะนี้มีการก่อสร้างแล้วในพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาที่จำนวน 12 โรง และจะทำการขยายโครงการต่อไปให้ได้กำลังผลิตรวม 106.9 เมกกะวัตต์
โดยในระยะที่ 1 จะ ขับเคลื่อนด้วยการส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าให้ได้ 150 เมกกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล 15 โรง และโรงไฟฟ้าชีวภาพ 75 โรง ซึ่งจากการศึกษาพบว่าจะมีการจ้างงานในส่วนต่าง โดยเป็นการจ้างงานทางตรง ไม่ต่ำกว่า 800 อัตรา และเป็นการจ้างงานทางอ้อมอำไม่ต่ำกว่า 12,000 คน และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงาน จะมี วิสาหกิจชุมชนร่วมทุนในโครงการดังกล่าว 10 % ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ที่ท้องถิ่นได้รับ จากโครงการที่เกิดขึ้น
การขับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กในพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะสามารถเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำ เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับคนในพื้นที่ โดยเฉพาะการปลูกพืชพลังงาน เพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้า ที่ต้องใช้เชื้อเพลิงเป็นจำนวนมากในการผลิตกระแสไฟฟ้า อาทิ ไผ่ชนิดต่างๆ ที่โตเร็ว มีน้ำหนัก เป็นที่ต้องการของโรงไฟฟ้า รวมทั้งพืชโตเร็วเช่น กระถินเทพา หญ้าเนเปียร์ และไม้โตเร็วชนิดอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ สภาเกษตรกร และ วิสาหกิจชุมชน ได้มีการปลุกไผ่เพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้วกว่า 10.000 ไร่ ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ในเบื้องต้น ศอ.บต. จะ ขับเคลื่อน ให้ สภาเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และ เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชพลังงานให้ได้จำนวน ไม่ต่ำกว่า 2 แสน ไร่ และจะ ผลักดัน ให้มีการตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้ได้อย่างน้อย 60 กลุ่ม ครอบคลุมจำนวนประชาชนไม่ต่ำกว่า 12,000 ครัวเรือน สำหรับเกษตรกร ที่มีที่ดิน รกร้าง และ ที่ยังยังลังเลว่าการปลูกพืชพลังงาน จะคุ้มทุนหรือไม่ และมีตลาดรองรับตลอดไปหรือไม่นั้น ขออย่างเป็นกังวล เพราะ ศอ.บต. ได้มีการศึกษาอย่างถี่ถ้วนแล้ว และได้ทาการตัดต้นไผ่ที่ปลูกในรุ่นแรกๆ ขายให้กับโรงงานแล้ว ผลที่ออกมามาคือคุ้มทุน และการการใช้ในระยะยาว เพราะโรงไฟฟ้า 1 โรง มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 20 ปี และจำนวนความต้องการใช้ในแต่ละโรงก็มีตัวเลขที่ชัดเจนที่บ่งบอกถึงการลงทุนที่คุ้มทุน ของเกษตรกรในพื้นที่ และนอกจากนี้ ไผ่ ยังเป็น พืชเศรษฐกิจที่มีความต้องการของตลาด เพื่อใช้ผลิต เฟอร์นิเจอร์ และ เครื่องมือ เครื่องใช้อื่นๆ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกของเกษตรกรที่ปลูกไผ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าว

โฆษก ตร. เผย “ผบ.ตร.” ชมเชย ตำรวจ สน.บางซื่อ ช่วยเหลือ 2 เด็กชาย ถูก “วิน จยย.ผี” ลวงกรรโชกทรัพย์ “รอง ผกก.ป.ฯ” ติดตามดำเนินคดีถึงที่สุด พร้อมช่วยออกค่าใช้จ่าย เด็กชายประทับใจ คิดไม่ถึงเจอตำรวจแบบนี้

กรณีตำรวจ สน.บางซื่อ นำโดย พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ ได้ช่วยเหลือเด็กชาย 2 พี่น้อง ที่ถูกผู้ขับขี่วินจักรยานยนต์รับจ้างเถื่อน ใช้อุบายกรรโชกทรัพย์ ขณะจะเดินทางไปสถานีขนส่งหมอชิต เพื่อกลับบ้านเกิด ที่ จว.เชียงใหม่ โดยตำรวจ สน.บางซื่อ ได้สืบสวนติดตามผู้ก่อเหตุ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกันได้ช่วยเหลือเด็กชาย 2 คน พูดคุยทำความเข้าใจ และปลอบใจครอบครัวของเด็ก มอบเงินค่าโดยสารรถประจำทาง บริการรับ – ส่งเพื่อให้คลายกังวลเรื่องความปลอดภัย และดูแลค่าอาหาร ระหว่างดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ จนสร้างความประทับใจให้กับเด็กทั้ง 2 คน และครอบครัว เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม ต่อเนื่อง วันที่ 1 สิงหาคม 2565

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยถึงกรณีนี้ว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ชมเชยการปฏิบัติงานของตำรวจ สน.บางซื่อ ที่ใส่ใจทุกข์ร้อนของประชาชน ให้ความช่วยเหลือเด็กชายทั้ง 2 คน อย่างเต็มที่ ทั้งการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว และยังสละเงินส่วนตัว เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกให้กับเด็กชายทั้ง 2 คนที่ตกเป็นเหยื่อ ช่วยให้คลายความกังวลใจ และยังสื่อสารทำความเข้าใจเรื่องการอำนวยความยุติธรรมให้กับเด็ก รวมทั้งครอบครัว ซึ่งทำให้ประชาชนมีความเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ และเชื่อมั่นในการอำนวยความยุติธรรมของตำรวจ

ด้าน พ.ต.ท.วรภัทรฯ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 ขณะนำกำลัง ดูแลความสงบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงวันหยุดยาว ระหว่าง 28 – 31 กรกฎาคม 2565 ได้พบ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี และ ด.ช.บี (นามสมมติ) อายุ 13 ปี สองพี่น้อง ชาว จว.เชียงใหม่ เข้ามาร้องทุกข์ต่อตำรวจ ณ จุดแจ้งเหตุประจำสถานีขนส่งหมอชิต โดยเด็กเล่าว่าถูกชายไม่ทราบชื่อ อ้างตัวเป็นวินจักรยานยนต์รับจ้าง บริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาตลาดนัดจตุจักร ออกอุบายพูดจาหว่านล้อมให้ขึ้นรถจะไปส่งที่สถานีขนส่งหมอชิต คิดราคาไม่แพง 40 – 50 บาท จึงนั่งซ้อนกันไป โดยเด็กขอให้แวะที่ศูนย์การค้าใกล้ ๆ ชายที่อ้างเป็นวินฯ ก็แจ้งว่ารอได้ เมื่อเด็กทั้งสองกลับออกมาจากศูนย์การค้า ชายที่อ้างเป็นวินฯ ก็พาไปส่งที่สถานีขนส่งหมอชิต แต่กลับขอคิดค่าโดยสาร 590 บาท โดยคำนวณตามเวลาที่รอ เมื่อเด็กไม่มีให้ ชายดังกล่าวข่มขู่ว่าหากไม่ยอมจ่ายเงินจะทำร้ายร่างกาย และเรียกตำรวจ เด็กชายทั้ง 2 จึงกลัว ให้เงินไป 270 บาท ซึ่งเป็นเงินทั้งหมดที่มีติดตัว และเงินติดในบัญชีธนาคาร

รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ กล่าวว่า เมื่อทราบพฤติการณ์ผู้ก่อเหตุ จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดในทันที สืบสวนจากเลขบัญชีที่เด็กโอนเงินให้ จึงทราบตัวผู้ก่อเหตุในทันที คือนายขวัญชัยฯ ด้านเด็กทั้งสอง ยืนยันจะเดินทางกลับบ้านที่ จว.เชียงใหม่ เพราะซื้อตั๋วโดยสารไว้แล้ว จึงพาไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน ที่ สน.บางซื่อ และนัดหมายให้มาดำเนินคดีภายหลัง ซึ่งขณะนั้นเด็กทั้งสองคน อิดโรย และไม่มีเงินติดตัว ตนจึงมอบเงินให้ 500 บาท เป็นค่าอาหารระหว่างเดินทางกลับบ้าน ระหว่างเด็กเดินทางตนได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นระยะ เมื่อผู้ปกครองทราบเรื่องก็ไม่สบายใจ เกรงว่าเด็กจะได้รับอันตราย จึงพูดคุยทำความเข้าใจกับเด็ก และครอบครัว โดยเด็กต้องการคืนความยุติธรรมให้ตนเองตามกฎหมาย

พ.ต.ท.วรภัทรฯ กล่าวต่อว่า เมื่อเด็กพร้อม ตนจึงออกเงินซื้อตั๋วรถโดยสาร ไป – กลับ กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ เพื่อให้เด็กเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดี ในวันที่ 1 สิงหาคม 2565 แต่เด็กชายยังกังวลเรื่องความปลอดภัย จึงส่งตำรวจ สน.บางซื่อ ไปรอรับที่สถานีขนส่ง พามาที่ สน.บางซื่อ สอบปากคำต่อหน้าพนักงานสอบสวน, พนักงานอัยการ และสหวิชาชีพฯ ตามกฎหมาย ก่อนส่งทั้งสองพี่น้องขึ้นรถทัวร์ กลับบ้านที่ จว.เชียงใหม่ ตนเห็นว่าครอบครัวของเด็กฐานะค่อนข้างลำบาก จึงดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และช่วยเหลือค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ประมาณ 4,000 บาท โดยเป็นความตั้งใจที่อยากช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 คน ที่สู้ชีวิต พยายามหางานทำในกรุงเทพฯ ทั้งที่ยังเด็กมาก และมาโดนรังแก จึงช่วยเหลืออำนวยความสะดวกอย่างเต็มใจ และจัดการด้านคดี อำนวยความยุติธรรมให้

พ.ต.ต.วรภัทรฯ กล่าวว่า ในวันเดียวกันตำรวจ สน.บางซื่อ ได้เชิญตัว นายขวัญชัยฯ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างโดยไม่มีใบอนุญาต หรือ วิน จยย.ผี มารับทราบ 4 ข้อกล่าวหา ฐานเรียกเก็บค่าโดยสารเกินราคาฯ,ใช้รถผิดประเภทฯ, ไม่มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ และกรรโชกทรัพย์ ผู้ต้องหารับว่า เป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้จริง และได้ให้การรับสารภาพ 2 ข้อหา ได้แก่ ใช้รถผิดประเภทฯ และไม่มีใบขับขี่ฯ แต่ขอให้การปฏิเสธในข้อหา เรียกเก็บค่าโดยสารเกินราคาฯ และกรรโชกทรัพย์ โดยขอไปให้การในชั้นศาลฯ
“หลังดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ผมได้โทรศัพท์ไปแจ้งเด็ก ทั้งสองคนดีใจมาก ที่คนร้ายถูกดำเนินคดีแล้ว ขอบคุณตำรวจที่ช่วยเหลือ พ่อแม่ของเด็กก็ดีใจ เขาบอกว่าคิดไม่ถึงว่าตำรวจจะช่วยเหลือขนาดนี้ ดีกับพวกเขา ขอบคุณตำรวจมาก ๆ ผมก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ตำรวจ และช่วยเหลือพวกเขาอย่างเต็มที่” รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ กล่าว

กรมศุลกากรจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “ยุทธการกำแพงพระนคร”ปิดเส้นทางลักลอบขนยาเสพติดข้ามแดน ครั้งที่ 4

วันนี้ (3 สิงหาคม 2565) กรมศุลกากรจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ยุทธการกำแพงพระนคร” (Narcotics Operation Guardian) ปิดเส้นทางลักลอบขนยาเสพติดข้ามแดน ครั้งที่ 4 ระหว่างไทยกับเมียนมาในมิติของศุลกากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเป็นการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผนึกกำลังภาคีเครือข่ายองค์กรหน่วยงานศุลกากรประเทศเพื่อนบ้าน ในการร่วมกันสกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดบริเวณชายแดนไทย – เมียนมา ณ ห้องประชุมด่านศุลกากรแม่สาย (สะพานแห่งที่ 2) ด่านศุลกากรแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่สกัดกั้นการลักลอบนำเข้า ส่งออก และนำผ่านยาเสพติดบริเวณจุดนำเข้าส่งออกของประเทศ ประกอบกับพันธกิจของกรมศุลกากรในการเพิ่มขีดความสามารถในการปกป้องสังคมให้ปลอดภัยด้วยระบบควบคุมทางศุลกากร อีกทั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ที่ 11/2564 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นประธานคณะอนุกรรมการ สกัดกั้นการลักลอบส่งออกและนำเข้ายาเสพติดผ่านช่องทางศุลกากร กรมศุลกากรจึงได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ รวมทั้งบูรณการร่วมกันหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดตามพื้นที่ชายแดนให้มีประสิทธิภาพ โดยมอบหมายให้นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รองอธิบดีกรมศุลกากร และ นายถวัลย์ รอดจิตต์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม ดำเนินการจัดทำปฏิบัติการ “ยุทธการกำแพงพระนคร” (Narcotics Operation Guardian) โดยมีระยะเวลาการดำเนินการทั้งสิ้น 4 เดือน ระหว่างเดือนมิถุนายน 2565 – กันยายน 2565 ซึ่งในการประชุมดังกล่าว มีหน่วยงานของศุลกากรไทยและศุลกากรมาเลเซีย สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมา รวมถึงหน่วยงานความมั่นคง ตลอดจนหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดตั้งเครือข่ายประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับยาเสพติดและแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์การในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดประชุมฯ รวมทั้งหมด 3 ครั้ง ได้แก่

ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ระหว่างศุลกากรไทยกับศุลกากรมาเลเซีย มั่นคงไทย-มาเลเซีย ณ ห้องประชุมพระนิกรบดี ด่านศุลกากรสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ระหว่างศุลกากรไทยกับพาสีลาว ณ ห้องประชุมด่านศุลกากรมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ระหว่างไทยกับกัมพูชา ณ ห้องประชุมด่านพรมแดนคลองลึก ด่านศุลกากรอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการ“ยุทธการกำแพงพระนคร” ปิดเส้นทางลักลอบขนยาเสพติดข้ามแดน ครั้งที่ 4 นี้ มีนายถวัลย์ รอดจิตต์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนกรมศุลกากร พร้อมด้วยนายออน อุ่นทวีทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สาย และคณะ ร่วมประชุมหารือกับ Mr. Ye Min Thu Deputy Director, Deputy Head of Shan State Customs Office หัวหน้าคณะผู้แทนเมียนมา และคณะ พร้อมตัวแทนหน่วยงานที่ปฏิบัติงานสกัดกั้นการลักลอบขนส่ง
ยาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ในประเด็นสถานการณ์การลักลอบขนส่งยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน
ไทย – เมียนมา รูปแบบและวิธีในการลักลอบขนส่งยาเสพติด ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ
สร้างเครือข่ายการประสานงานร่วมกัน เพื่อให้การปฏิบัติงานในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนส่ง
ยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนของประเทศไทยเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อการประชุมทั้ง 4 ครั้ง เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย กรมศุลกากรหวังว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการประสานการปฏิบัติงานร่วมกันของศุลกากรไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนส่งยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนและจุดนำเข้า ส่งออกต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

” คอกาแฟต้องไปสัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟ Specialty Coffee หลากหลายเมนู ทั้ง Espresso Bar และ Speed Bar ด้วยเมล็ดกาแฟสุดพรีเมียมจากทั่วทุกมุมโลกDavin Cafe “

ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ขอ
มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับ Mr.Charoen Booitthalait Managing Director ร้านกาแฟ Davin Cafe ร้านกาแฟตกแต่งสไตล์ Steampunk ในกรุงเทพที่เปิดใหม่ใหญ่อลังการ…บรรยากาศและกลิ่นอายความเท่และดิบของความเป็นยุโรปแถมยังโอ่โถ่งบรรยากาศวิหารกรีกโรมันและพนักงานต้อนรับอย่างอบอุ่น สายถ่ายรูปและคอกาแฟอย่าพลาดย่านเลียบด่วนรามอินทรา

CR: รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

รถทัวส์ชาวไทยเกิดอุบัติเหตุ ประสานงานกับรถพ่วงตาย 5 บาดเจ็บระนาว

น ส พ เบาะแสอาชญากรรม
ศูนย์ข่าวจังหวัดมุกดาหาร

วันที่ 31 กรกฏาคม 2565
เวลา 21.30. น. มีคณะทัวส์ชาวไทยเกิดอุบัติเหตุรถทัวส์หมายเลขทะเบียน บก 1499 สะหวันนะเขตซึ่งจ้างเหมาลำโดย789 รุ่งเรืองทัวร์บได้รรทุก นักท่องเที่ยวชาวไทยกลับจาก สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้เสียหลักพุ่งชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ในพื้นที่แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ด้าน
นายบุญเรือง เมฆฉิม
รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและสถานกงสุลใหญ ณ แขวงสะหวันนะเขตทราบเรื่องดังกล่าว ได้สั่งการให้ทีมกู้ชีพกู้ภัยในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารบูรณาการร่วม เพื่อนำผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่เป็นชาวไทยกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลมุกดาหาร
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหารร่วมกับทีมกู้ชีพกู้ภัยร่วมใจมุกดาหารและกู้ภัยเต็กก่าธงแดงมุกดาหาร ได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถพยาบาลและอุปกรณ์ตัดถ่างเพื่อเข้ารับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งหมดกลับเข้าราชอาณาจักรไทย โดยเริ่มปฏิบัติการได้ในช่วง 22.00 น. โดยประสานงานออกร่วมกับทีมกู้ภัยสะหวันเขต
แบ่งออกเป็นผู้บาดเจ็บชาวไทยจำนวน 18 ราย และผู้เสียชีวิตชาวไทย
3 ราย นำส่งรักษา ที่โรงพยาบาลมุกดาหารทั้งหมด
ภาพ ข่าวโดย สุวิทย์ โพธิรัชต์
สุดารัตน์ คนไว อนุภาพ. อาจหาญ เหยี่ยวข่าวพญายม รายงาน

Design a site like this with WordPress.com
Get started