นายชัยยุทธ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เผยผลการตรวจพบการกระทำความผิดประจำเดือนมิถุนายน 2565

นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากร มีนโยบายในการเร่งรัดปราบปรามการลักลอบและหลีกเลี่ยงการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดพร้อมหน่วยปฏิบัติการวางแผนตรวจค้นจับกุมอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สินค้าเกษตร น้ำมัน ยาเสพติด IPRs และสินค้าละเมิดอนุสัญญา CITES โดยสืบสวนหาข่าวและออกลาดตระเวนด้วยรถยนต์ ตรวจค้นรถบรรทุก โกดัง แหล่งจำหน่าย สถานที่เก็บรักษาที่เชื่อได้ว่ามีของผิดกฎหมายเก็บซุกซ่อนอยู่ อีกทั้งยังมีแผนการป้องกันและปราบปรามสินค้าดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงในการลักลอบนำเข้า-ส่งออกสินค้า นอกจากนี้ มีการบูรณาการกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ ทหาร กอ.รมน. ป.ป.ส. บช.ปส. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สถานทูตต่าง ๆ องค์การตำรวจสากล (Interpol) สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Drug Enforcement Administration: DEA) เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวระหว่างกัน
สำหรับการตรวจพบการกระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากรประจำเดือนมิถุนายน 2565 มีจำนวน 3,068 คดี คิดเป็นมูลค่ารวม 227.24 ล้านบาท มีผลงานที่น่าสนใจ ดังนี้

  1. ผลการจับกุมยาเสพติด

1.1 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต ตรวจค้นสัมภาระผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่มีข้อพิรุธที่อาจจะลักลอบกลืนยาเสพติด จึงนำตัวไปเอกซเรย์ร่างกายที่โรงพยาบาลถลาง จังหวัดภูเก็ต จากการตรวจสอบภาพเอกซเรย์ พบสิ่งแปลกปลอมรูปร่างทรงกลมและทรงรีเป็นจำนวนมากในช่องท้อง ผลการตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมดังกล่าว พบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน จำนวนรวม 115 ก้อน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 1.49 กิโลกรัม มูลค่า 4.47 ล้านบาท

1.2 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับชุดปฏิบัติการ Airport Interdiction Task Force (AITF) ได้ทำการตรวจค้นกระเป๋าผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศจำนวน 3 ราย พบหีบห่อต้องสงสัยภายในเป็นผงละเอียดสีขาว เมื่อทดสอบด้วยน้ำยาทดสอบเบื้องต้น พบเป็นสารเสพติดประเภทโคคาอีน จำนวนรวมทั้งสิ้น 15.7 กิโลกรัม มูลค่ารวม 47 ล้านบาท

1.3 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 กองสืบสวนและปราบปราม พบยาเสพติด ประเภท
แมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนในถุงข้าวสารส่งไปรษณีย์ออกนอกประเทศ ปริมาณ 2.96 กิโลกรัม มูลค่า 1.77 ล้านบาท อันเป็นการส่งของต้องห้ามต้องกำกัดส่งออกนอกราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และพ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560
ทั้งนี้ สถิติการตรวจยึดยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในเดือนมิถุนายน 2565 มีจำนวน 12 คดี มูลค่า 56.99 ล้านบาท

  1. ผลการจับกุมบุหรี่

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2565 ด่านศุลกากรท่าอากาศยานหาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้ลาดตระเวนบริเวณทางหลวง พบรถยนต์ปิกอัพตอนเดียวตู้ทึบ ผลการตรวจค้นพบบุหรี่มีถิ่นกำเนิดต่างประเทศ

โดยไม่พบเอกสารหรือหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง จำนวน 40 ลัง 400,000 มวน มูลค่า 1.77 ล้านบาท
ทั้งนี้ สถิติการจับกุมบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเดือนมิถุนายน 2565 ได้แก่ 1. บุหรี่ จำนวน 131 คดี มูลค่า 45.8 ล้านบาท 2. บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ จำนวน 160 คดี มูลค่า 1.26 ล้านบาท

3.ผลการจับกุมสินค้าเกษตร
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2565 กองสืบสวนและปราบปราม ได้ตรวจค้นรถบรรทุกสิบล้อพ่วง บริเวณริมถนน หมายเลข 214 ตำบลบ้านยาง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ พบข้าวสาร มีเมืองกำเนิดต่างประเทศ เข้ามา
ในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร น้ำหนักกระสอบละ 48 กระสอบ จำนวน 47,952 กิโลกรัม มูลค่า 815,184 บาท
ทั้งนี้ สถิติการจับกุมสินค้าเกษตร เดือนมิถุนายน 2565 จำนวน 53 คดี มูลค่า 5.4 ล้านบาท

นายอำเภอดอนตาล เข้าร่วมประชุมเพื่อ ปรับปรุงพัฒนาและซ่อมแซม อุทยานสวนสมเด็จย่า

เบาะแสอาชญากรรม ศูนย์ข่าวจังหวัดมุกดาหาร
อำเภอดอนตาล

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565
เวลา 14.00.น
นายชาคริต ชุมจันทร์ นายอำเภอดอนตาล ร่วมในการประชุมเพื่อปรึกษาหารือการบริหารจัดการอุทยานสมเด็จย่าฐานวรพัฒน์ เพื่อพัฒนาปรับปรุงและซ่อมแซม และการดูแลรักษาอุทยานสมเด็จย่าฐานวรพัฒน์ใน่เขตพื้นที่อำเภอดอนตาล ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะแก่การเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวของอำเภอดอนตาลจังหวัดมุกดาหาร โดยมีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์ดอนตาล นายกเทศมนตรีตำบลดอนตาลผาสุก และองค์การบริหารส่วน ตำบลบ้านบาก เข้าร่วมในการประชุม
ณ ห้องประชุมวรพัฒน์ ชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอดอนตาลฟ เพื่อที่ หารือเรื่องงบประมาณนำมาซ่อมแซมและพัฒนาสวนสมเด็จย่าให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติต่อไป ภาพข่าวโดย สุวิทย์ โพธิรัชต์ เหยี่ยวข่าวพญายม หน
เบาะแสอาชญากรรม รายงาน

อสม.ชุมชนนาโปใหญ่ ออกปฎิบัติการรณรงค์กำจัดลูกน้ำยุุงลาย เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก

เบาะแสอาชญากรรม
ศูนย์ข่าวจังหวัดมุกดาหาร
เมือวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 เวลา.08.00.อสม.ชุมชนนาโปใหญ่ เทศบาลเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ออกปฎิบัติการรณรงค์กำจัดลูกน้ำยุุงลาย เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกในชุมชนบ้านนาโปใหญ่ พร้อมเยี่ยมผู้ป่วย ผู้สูงอายุเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจนำโดยประธาน อสม นางสาวยุพิน เนาคำแพง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชาวบ้าน และให้คำแนะนำเรื่องโรค ไข้เลือดออก ให้กับพี่น้องชุมชนบ้านนาโปใหญ่ เพื่อให้เข้าใจถึงพิษภัยของ โรคไข้เลือดออกต่อไป ภาพ ข่าว
โดย อสม ช่อเพชร ทองผา
สุวิทย์ โพธิรัชต์ เหยี่ยวข่าวพญายม หน เบาะแสอาชญากรรม รายงาน

อยุธยา – จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับคณะสงฆ์ จัดพิธีบรรพชาอุปสมบท 910 รูป เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา

12 สิงหาคม 2565
วันที่ 25 กรกฎาคม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ คณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดพิธีบรรพชาอุปสมบท 910 รูป เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ณ วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี พระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมกับ พระเทพมงคลโสภณ เจ้าคณะภาค 17 – 18 ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดเสนาสนารามราชวรวิหาร และนางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน
สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จัดพิธีบรรพชาอุปสมบทในครั้งนี้ โดยมีบุคลากรจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้ารับการบรรพชาอุปสมบท จำนวน 13 ท่าน ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะอยู่ปฏิบัติศาสนกิจของสงฆ์ ระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม 2565 รวมระยะเวลา 20 วัน
รัฐบาล ได้จัดโครงการบรรพชาอุปสมบท 910 รูป เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนจากทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าว รวมทั้งศึกษาพระธรรมวินัยและปฏิบัติธรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา สามารถนำมาปรับใช้และปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้เกิดการประพฤติปฏิบัติดีแก่สังคมโดยส่วนรวม มีจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและการแสดงความจงรักภักดี รวมทั้งได้พัฒนาจิตใจให้เกิดสติ สมาธิ และปัญญา สามารถนำธรรมะ มาใช้ในการพัฒนางาน พัฒนาชีวิต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติ

ภาพ / ข่าว เดชา. อุ่นขาว ทีมข่าว ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

วัดนาทวี จัดบรรพชาอุปสมบทหมู่ 910 รูป เฉลิมพระเกียรติ

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

วันนี้ 25 กรกฎาคม 2565 ที่วัดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา พระครูสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนาทวี / รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา ได้จัดให้มีโครงการบรรพชาอุปสมทบหมู่ 910 รูป เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา วันที่ 12 สิงหคม 2565 ( จังหวัดสงขลา จำนวน 14 รูป ) โดย มี พระราชวรเวทีเจ้าคณะจังหวัดสงขลาประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระครูสุวัฒนาภรณ์เจ้าอาวาสวัดนาทวี ,นายวรณัฐ หนูรอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานฝ่ายฆารวาส และข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน เข้าร่วมในพิธีอีกจำนวนหนึ่ง

บิ๊กโอ๋ พล.ต.ท.ธนายุตม์ ผบช.ภาค7 พร้อม รองผบช.ภาค7 และ ผบก.จ.นครปฐม ร่วมแถลงความคืบหน้า “คดีฆาตกรรมอำพรางศพ”

ตามนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
พลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พลตำรวจโท ต่อศักดิ์ สุขวิมล
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พลตำรวจโท สมพงษ์ ชิงดวง
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พลตำรวจโท กิตตี้รัฐ พันธุ์เพ็ชร์
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ตำรวจภูธรภาค ๗ ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗
ตำรวจตรี นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗,พลตำรวจตรีบุญญฤทธิ์ รอดมา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗ , พลตำรจตรี ปรัชญา ประสานสุข รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗
ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจตรี ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม , พันตำรวจเอก รณภพ พรอรุณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม
พันตำรวจเอก พงษ์สวัสดิ์ คำปาเชื้อ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม, พันตำรวจเอก พงษกร อุปพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม, พันตำรวจเอก กัปนาท ณ วิชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว พันตำรวจเอกอรรถการ กองสุผล ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม

กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค ๗ พลตำรวจตรี ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค ๗, พันตำรวจเอก ชิตภพ โตเหมือน รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจ ภูธรภาค ๗, พันตำรวจเอก ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดมพล ผู้กำกับการสืบสวน ๑ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค ๗

ได้ทำการจับกุมและดำเนินคดี นายสุชิน ไม้ชัยมงคล หรือนายจิงกวง เฉิน (Mr.Jingguang Chen) ผู้ต้องหาตาม
หมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ ๒๓๕/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดย เจตนาและย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งกายตาย และกระทำการใด ๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดี”

ของกลางในคดี
๑.เครื่องหนีบผมพร้อมสายไฟ ๑ ชุด
๒.เซิร์ฟเวอร์บันทึกข้อมูลภาพกล้องวงจรปิดยี่ห้อ SOCHINK (SMK-๘๙๓๒ NVR) ๑ เครื่อง
๓.ชุดกล้องวงจรปิด ไร้สาย ๓๖๐ องศา พร้อมเมมโมรี่การ์ด ๑ ชุด
๔.ตลับพลาสติกสีแดง-ดำ ๑ ตลับ
๕.แฟลตไดร์ฟ ๑๖ GB สีดำ ๒ อัน
๖.ราวผ้าม่าน ๒ ราว

พฤติการณ์แห่งคดี
เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น. ได้มีผู้มากล่าวโทษ กรณีนางสาวปารวี เฉิน เสียชีวิตอย่างน่าสงสัยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนหาข้อเท็จจริง เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ ๘๙/๑๑๑ หมู่ ๘ ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม

พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.ส.ภ.โพธิ์แก้ว ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว สืบสวนหาข้อเท็จจริงจนหราบว่านายสุชิน ไม้ชัยมงคล หรือ นายจิงกวง เฉิน (Mr.Jingguang Chen) เป็นสามีของผู้ตาย ได้นำศพผู้ตายส่ง รพ.วิชัยเวช โดยให้รายละเอียดว่าผูกคอตนเองตาย และพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน นำศพส่ง รพ.ศิริราช เพื่อชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการตายต่อไป จากการสืบสวนพบว่า นายสุชินฯ หรือนายจิงกวง เฉิน (Mr._Jingguang Chen) ได้ทำลายพยานหลักฐานที่สำคัญหลายรายการซึ่งเป็นการอำพรางคดีโดยทุจริต พนักงานสอบสวนจึงยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครปฐมขออนุมัติหมายจับ ซึ่งศาลจังหวัดนครปฐมอนุมัติหมายจับที่
๒๓๕/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ในความผิดฐาน “กระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในกระการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดี
เปลี่ยนแปลงไป โดยทุจริตหรือเพื่ออำพราง”

ต่อมาวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว
พร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.นครปฐม และ บก.สส.ภ.๗ ติคตามจับกุมตัวนายสุชิน ไม้ชัยมงคล หรือ นายจิงกวง เฉิน (Mr.Jingguang Chen) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม
ที่ ๒๓๕/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณภายในวัดคลองอ้อมใหญ่ หมู่ ๓ ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และได้ส่งตัวฝากขังไว้ที่
เรือนจำกลางนครปฐม

ต่อมาวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ พนักงานสอบสวนได้รับผลการตรวจชันสูตรพลิกศพจาก รพ.ศิริราช โดยรายละเอียดสำคัญในรายงานขัดแย้งกับคำให้การของนายนายสุชิน ไม้ชัยมงคล หรือนายจิงกวง เฉิน
(Mr.Jingguang Chen) จึงมีพยานหลักฐานเพียงพอเชื่อได้ว่านางสาวปารวี เฉิน ถูกนายสุชิน ไม้ชัยมงคล หรือ นายจิงกวง เฉิน (Mr.Jingguang Chen) ฆาตกรรม

วันนี้ฯ (๒๕ ก.ค. ๖๕) พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อ นายสุชิน ไม้ชัยมงคล
หรือ นายจิงกวง เฉิน (Mr.Jingguang Chen) ที่เรือนจำกลางนครปฐมว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งกายตาย และกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดี”

ตำรวจทางหลวงขอนแก่น ตรวจยึดยาบ้าได้ 3 ล้านเม็ด ซุกซ่อนมาในรถ


ส่วนผู้ต้องหาอาศัยความมืดหลบหนี
กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล.,พ.ต.อ.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.จตุพล เร่งถนอมทรัพย์ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.อนุรัตน์ ฉิมทิม ผกก.4 บก.ทล.,พ.ต.ท.ภวัต ฉัตรอินแก้ว รอง ผกก.4 บก.ทล.,พ.ต.ท.ยุทธนัน จันทร์เนตร รอง ผกก.4 บก.ทล.
ชุดตรวจยึด นำโดย พ.ต.ท.บดินทร์ ชูเฉลิมสว.ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล. ,ร.ต.อ.จุติภูมิ ชิดนอก รอง สว. ส.ทล.กก.4 บก.ทล.,ร.ต.อ.พัลลภ สารคำ รอง สว.ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล.,ร.ต.อ.เอกสิทธิ์ อินทร์โท่โล่ รอง สว. ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล. ,ร.ต.อ.อภิชาต บุญฉิม รอง สว.(ป.) ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล., ร.ต.ต.ปรีชา มะลิมาตย์ รอง สว.(ป.) ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล., ร.ต.ต.สำเนาว์ เจิมจาตุผล รอง สว.(ป.) ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล., ด.ต.จิระ พลสง , ด.ต.กิตติกร โมหา , ด.ต.เรืองศักดิ์ วิชัยศร , ด.ต.ธีระวุฒิ พระคุณ , จ.ส.ต.ณัฐวุฒิ มาเพชร ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล.
ร่วมกันตรวจยึดของกลาง
1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) มีอักษร TG 999 ปรากฏบนห่อ (ก้อน) มียาบ้าทั้งหมด จำนวน 10 กระสอบ กระสอบละ 30 ก้อน ก้อนละ 10,000 เม็ด รวมมียาบ้าทั้งหมด จำนวน 3,000,000 เม็ด
2.รถยนต์กระบะยี้ห้อนิสันนาวาร่า สีดำหมายเลขทะเบียน ผน 3952 อุดรธานี
3.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ วีโว่ สีดำ ไม่ทราบหมายเลข
4.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อออปโป้ สีดำ ไม่ทราบหมายเลข
5.กระเป๋าหนังสีดำแบบสะพาย ภายใน มีกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลพร้อมเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนและใบอนุญาตขับขี่
6.บัตรประจำตัวประชาชน ระบุชื่อ นายมงคล (ขอสงวนนามสกุล) วางอยู่หน้าคอนโซนในรถยนต์
ตำแหน่งที่พบของกลาง เบาะหลังคนขับ (แคปที่นั่งโดยสาร)

พฤติการณ์ในการตรวจยึด ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.บดินทร์ ชูเฉลิม สว.ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล. ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่า จะมีขบวนการลักลอบขนยาเสพติดผ่านเข้ามาในเขตพื้นที่รับผิดชอบโดยทางรถยนต์ จึงได้นำเจ้าหน้าตำรวจชุดตรวจยึด ออกตรวจสืบสวนหาข่าว, ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด บริเวณถนนมิตรภาพ ทล.2 กม.360-361 ต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น กระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. สังเกตเห็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ นิสสัน รุ่นนาวาร่า สีดำ หมายเลขทะเบียน ผน 3952 อุดรธานี (ทราบภายหลัง) วิ่งมาตามเส้นทาง ทล.2 จากจังหวัดอุดรธานี มุ่งหน้าเข้าจังหวัดขอนแก่น
เมื่อรถยนต์กระบะคันดังกล่าวขับเข้ามา เห็นเจ้าหน้าตำรวจชุดตรวจยึดตั้งจุดสกัดอยู่ จึงได้ชะลอรถ และเลี้ยวเข้าไปภายในซอยสถานีรถไฟโนนพระยอม ถนนโยธาธิการ ขก.2101 ต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบติดตามไป พบรถยนต์ดังกล่าวจอดติดเครื่องอยู่ บริเวณซอยสถานีรถไฟ โนนพระยอม จึงเข้าไปตรวจสอบ แต่ไม่พบบุคคลภายในรถยนต์คันดังกล่าว คาดว่า อาศัยความมืดหลบหนี จึงเข้าตรวจค้นภายในรถ ซึ่งมีถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 10 ถุง วางอยู่เบาะหลังคนขับ (แคปที่นั่งโดยสาร) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำรถคันกล่าว พร้อมของกลางมาตรวจสอบโดยละเอียด ที่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) มีอักษร TG 999 ปรากฏบนห่อ (ก้อน) มียาบ้าทั้งหมดจำนวน 10 กระสอบ กระสอบละ 30 ก้อน ก้อนละ 10,000 เม็ด รวมมียาบ้าทั้งหมด จำนวน 3,000,000 เม็ดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดจึงทำบันทึกตรวจยึด และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.น้ำพอง ติดตามหาตัวผู้กระทำผิดเพื่อนำตัวมาดำเนินการต่อไป.

นิพนธ์ เป็นประธานเปิดการแข่งขันรถยนต์ออฟโรด ที่ เทพา

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานในการเปิดการแข่งขันรถยนต์ออฟโรด ของเทศบาลตำบลลำไพล อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา โดยมี นายวงศกร นุ่นชูคัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายสิทธิชัย เทพภูษา นายอำเภอเทพา ผู้กำกับ สภ.ห้วยปลิง สมาชิกสภา อบจ.สงขลา สมาชิกสภาเทศบาลตำบลลำไพล นายสมยศ พลายด้วง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 สงขลา พรรคปชป. ผู้จัดการ ธกส.สาขาลำไพล คณะกรรมการจัดการแข่งขัน และผู้เข้าร่วมแข่งขันรถยนต์ออฟโรดให้การต้อนรับ ณ สนามแข่งขัน ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
โดยที่โครงการจัดการแข่งขันรถยนต์ออฟโรด ประจำปี 2565 เทศบาลตำบลลำไพล ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้จัด
ให้มีโครงการกิจกรรมการแข่งขันรถยนต์ออฟโรดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ตำบลลำไพล อำเภอเทพา และเพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวชุมชนเสริมสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยว รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีสภาพคล่อง ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน
สำหรับการจัดการแข่งขันรถยนต์ออฟโรดในครั้งนี้มีการแข่งขันทั้งหมด ๕ รุ่น คือ รุ่นโอเพ่น รุ่นเที่ยวป่าทั่วไป รุ่นคานแข็ง รุ่นปีกนก และรุ่น วีไอพี (VIP)
รมช.มท.กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับคณะกรรมการจัดการแข่งขันที่ครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากทุกสารทิศทั่วไทย ที่ทำให้อำเภอเทพาเป็นสนามแข่งขันรถยนต์ออฟโรดที่มีศักยภาพอีกสนามหนึ่งของประเทศไทย จึงขอบคุณทุกท่านที่ทุ่มเทเสียสละจัดสถานที่นี้ให้เป็นสนามแข่งขันให้มีชื่อเสียง และหวังอย่างยิ่งว่ากิจกรรมอย่างยี้จะสามารถจัดต่อเนื่องได้เป็นประจำทุกปี และให้เป็นกิจกรรมที่จะต้องอยู่ในปฏิทินเพื่อการท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอเทพา ซึ่งถือเป็นการสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว ที่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา และหวังยิ่งว่ากิจกรรมนี้จะอยู่คู่กับอำเภอเทพา และจัดให้ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกๆปี จึงขอฝากท้องถิ่นให้ช่วยสนับสนุนกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนถึงมีการพัฒนาไปสู่สากลมากยิ่งขึ้นในอนาคต

” วันหยุดสุดสัปดาห์ บ้านหนองบัวเย็น ตำบลนาข่า อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น “

รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

” เราคนไทยด้วยกันไม่ทอดทิ้งกัน “

ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ลงพื้นที่อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น เนื่องด้วยคุณอมรรัตน์ เครือสวัสดิ์ ช่างภาพรายการคืนคุณให้แผ่นดิน แจ้งว่ามีน้องคนหนึ่งชื่อ เด็กชายกิตติพงษ์ นูสีหา (น้องมังกร ) อายุ 10 ปี ชั้นป.4 โรงเรียนบ้านหนองสองห้อง ตำบลนางาม อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น น้องมังกร
ฐานะทางครอบครัวไม่สู้ดีอาศัยอยู่กับคุณยายอยากให้ผู้ใหญ่ใจดีมาช่วยเหลือในการผ่าตัดนิ้วเท้าซ้ายและนิ้วเท้าขวาเพิ่มข้างละนิ้วเท้าเพราะเวลาสวมรองเท้านักเรียนจะลำบากมากและช่วยค่าใช้จ่ายการเดินทางมาผ่าตัดนิ้วเท้าซ้ายและนิ้วเท้าขวาขอช่วยค่าใช้จ่ายที่พักฟื้นที่โรงพยาบาลระหว่างผ่าตัด รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกได้ประสานงานผู้ใหญ่ใจดีที่ชอบปิดทองหลังองค์พระปฎิมามาช่วยเหลือพอประมาณ
รายการคืนคุณให้แผ่นดินวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ลงพื้นที่มาที่โรงเรียนบ้านหนองสองห้อง ตำบลนางาม อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น นายจูมทอง เกษมาลา โรงเรียนบ้านหนองสองห้อง สพป. ขอนแก่น เขต2 และนักการสมบัตร แก้วดวงศรีต้อนรับทีมงานรายการคืนคุณให้แผ่นดินอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองทางรายการคืนคุณให้แผ่นดินและท่านผู้ใหญ่ใจดีไดัมาช่วยเหลือพอประมาณได้มอบค่าใช้จ่ายเล็กน้อยและหน้ากากอนามัยปกป้องระบบทางเดินหายใจจากฝุ่นละออง และป้องกันเชื้อโรคการแพร่ระบาดไวรัสCovid -19 พร้อมนำขนมมาแจกจ่ายน้องๆในวันหยุดสุดสัปดาห์และพาน้องๆชั้นป.4 โรงเรียนบ้านหนองสองห้องเพื่อนๆของน้องมังกรไปรับประทานอาหารกลางวันร้านอาหารที่อยู่ใกล้โรงเรียน

# เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

CR : รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากเตือนภัยการกู้เงินนอกระบบ การทวงหนี้ที่ผิดกฎหมายการปล่อยกู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต มีโทษหนักถึงจำคุก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนภัยการกู้เงินนอกระบบ โดยปัจจุบันยังคงอยู่ในห้วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชนบางส่วน จึงมีความจำเป็นต้องไปกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มากขึ้น ซึ่งก็มีเหล่ามิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสนี้แฝงตัวมาในรูปแบบของแหล่งเงินกู้นอกระบบและได้กระทำความผิดรูปแบบต่างๆ โดยการกระทำความผิดที่พบคือการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราและการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมายทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินในรูปแบบต่างๆได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดให้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ และได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชน สร้างการรับรู้แนวทางป้องกันและหากพบการกระทำผิดให้ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุทิน ทรัยพ์พ่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปน.ตร.) สั่งการไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปน.ตร.) และหน่วยงานอื่นๆ ในสังกัดที่เกี่ยวข้อง เร่งทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบรวมถึงนายทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายอย่างจริงจังต่อเนื่องเด็ดขาด เพื่อให้ได้ผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม ดังเช่นกรณีที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ ได้นำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้(20ก.ค.65) ที่ผ่านมาในพื้นที่ อ.เมือง จว.ลำพูน โดยลูกหนี้รายหนึ่งซึ่งมีอาชีพค้าขายในตลาดแห่งหนึ่งได้ไปกู้เงินนอกระบบจากเจ้าหนี้หลายเจ้ารวมเงินต้นประมาณ 12,000 บาท ต่อมาได้มีคนมาติดตามทวงหนี้ที่บ้านเกิดเหตุหลายครั้งมีการพูดจาข่มขู่และปาของเข้าไปในบ้านทำให้ทรัยพ์สินได้รับความเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ สอบปากคำพยานและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
โดยต่อมาในที่ 23ก.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุในคดีนี้ได้แล้วจำนวน1ราย ส่วนอีก 1 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหา ร่วมกันทวงถามหนี้ลักษณะข่มขู่ลูกหนี้หรือกระทำการอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่นฯ และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยหากมีการทวงหนี้โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ฯ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง การใช้วาจาดูหมิ่นหรือการเปิดเผยข้อมูลการเป็นหนี้ของลูกหนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนผู้ที่กระกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000-500,000 บาทและการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และหากมีการตรวจสอบพบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ก็อาจมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถิติของ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทาความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตารวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) พบว่าในช่วงระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 64 – 30 มิ.ย.65 มีการแจ้งการกระทำความผิดซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินกู้นอกระบบกว่า 1,361 เรื่อง ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้ว 1,093 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 80 คงเหลือ 268 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 20 โดยการกระทำความผิดที่ได้รับแจ้งมากที่สุด 3 อันดับ คือ การปล่อยกู้ออนไลน์ ,การเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา,และการทวงหนี้ผิดกฎหมาย ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดําเนินการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทําความผิดต่อไป
รวมถึงขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงวิธีหลีกเลี่ยงการถูกทวงหนี้นอกระบบด้วยรูปแบบต่างๆ และแนวทางการป้องกัน ดังนี้
1.หากถูกแก๊งทวงหนี้ แอบอ้าง ข่มขู่ ควรตั้งสติให้ดี อย่าตื่นตระหนก รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบหรือให้ความช่วยเหลือ
2.ทำการบันทึกข้อมูลการสนทนา ภาพถ่าย คลิปวีดีโอ เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ เพื่อใช้ในการดำเนินคดีภายหลัง
3.หากมีความจำเป็นต้องกู้เงิน ควรกู้จากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้
นอกจากนี้ หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Design a site like this with WordPress.com
Get started