ขนมการอจี้สูตรโบราณที่สืบทอดมาเป็นรุ่นที่ 2 จากคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นชาวจีนโพ้นทะเลได้สูตรการทำขนมการอจี้มาจากเมืองจีน ที่ทำมากว่า 70 ปี

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

หนึ่งเดียวในเมืองสงขลา ที่ยังคงความอร่อยแบบดั้งเดิมกระทงละ 20 บาท
ที่บริเวณย่านเมืองเก่าสงขลา ถนนนางงาม (ตรงข้ามศาลเจ้าพ่อหลักเมือง) อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา จะมีรถเข็นจอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นร้านขายขนมการอจี้สูตรโบราณร้านเก่าแก่ ของ คุณทิพวรรณ ดิลกเวช อายุ 75 ปี ที่สืบทอดการทำขนมการอจี้สูตรโบราณ มาจากคุณพ่อคุณแม่เป็นรุ่นที่ 2 โดยได้ช่วยคุณพ่อคุณแม่ขายขนมการอจี้ มาตั้งแต่อายุ 13 ปี ปัจจุบันนี้ อายุ 70 กว่าปี ในอดีตคุณทิพวรรณจะขายเต้าฮวยสูตรโบราณที่ได้รับจากคุณแม่ หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ได้สืบทอดการทำขนมการอจึ้ สูตรโบราณเป็นรุ่นที่ 2 ทำมาประมาณ 30 ถึง 40 ปี และยังคงสูตรเดิมนี้เอาไว้ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่เป็นชาวจีนโพ้นทะเลได้สูตรการทำขนมการอจี้มาจากเมืองจีน มีความอร่อยแบบฉบับจีนแท้ เนื้อแป้ง กรอบนอกนุ่มใน เมื่อรับประทานพร้อมน้ำตาล และงาที่คลุกเคล้าให้เข้ากันสามารถเพิ่มรสชาติความอร่อยได้ มากทีเดียว การอจี้สูตรโบราณแท้ๆ ขายกระทงละ 20 บาท ปริมาณไม่เยอะมาก ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกน้ำตาล งาขาว อร่อยทานเพลิน
สำหรับสูตรการทำขนมการอจี้ จะใช้แป้งข้าวเหนียวนำมาโม่ หลังจากนั้นก็นึ่งให้สุก แล้วนำมาทอดด้วยเตาถ่านไฟอ่อนๆ เพื่อให้กรอบนอกนุ่มในและลูกค้าสามารถรับประทานแบบร้อนๆโดยคลุกกับน้ำตาลและงาขาวเพื่อเพิ่มความอร่อยในรสชาติของขนมการอจี้สูตรโบราณดั้งเดิมจากเมืองจีน โดยทางร้านทำวันละ 3 กระทะเปิดขายตลอดทั้งวัน สร้างรายได้ให้กับครอบครัววันละประมาณ 1,000 บาท ซึ่งสามารถอยู่ได้ ในช่วงเศรษฐกิจยุคโควิด
ในขณะเดียวกัน คุณทิพวรรณฯยังได้ทำขนมโบราณอีกหลายชนิด ที่หาทานยากทั้งเมี่ยงลาว ข้าวเม่า หมี่กรอบ ขนมกออ่อน เปี๊ยะโบราณ ขนมผิง ขนมตุ๊บตับ ถั่วตัดและกรอบเค็ม ขนมทุกอย่าง 35 บาท 3 ห่อ 100 บาทและสามารถสั่งซื้อทางโทรศัพท์ที่หมายเลข 087-9316895 และที่หน้าร้านมีป้ายการันตีความอร่อย ของเทศบาลนครสงขลาเกี่ยวกับขนมการอจี้ของคุณทิพวรรณเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้อ่านและเข้าใจถึงความเป็นมาของขนมการอจี้ ว่า
“ขนมการอจี้สูตรโบราณแท้”คุณทิพวรรณ เจ้าของร้านการอจี้ เล่าว่าตนได้สืบทอดกิจการต่อจากรุ่นคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นชาวจีนโพ้นทะเล ในอดีต คุณทิพวรรณได้ขายเต้าฮวยสูตรโบราณที่ได้รับจากคุณแม่ ก่อนที่ในปัจจุบัน คุณทิพวรรณ ได้ขายขนมการอจี้แทน คุณทิพวรรณกล่าวว่า ขนมการอจี้เป็นขนมโบราณของชาวจีน และคุณทิพวรรณได้รับสูตรการทำขนมการอจี้ จากคุณแม่เช่นกัน ขนมการอจี้ของคุณทิพวรรณจึงมีความอร่อยแบบฉบับจีนแท้ เนื้อแป้ง กรอบนอกนุ่มใน เมื่อรับประทานพร้อมน้ำตาล และงาที่โรยหน้าสามารถเพิ่มรสชาติความอร่อยได้มากทีเดียว”
คุณทิพวรรณ ดิลกเวช กล่าวว่า ทำขนมการอจี้สูตรโบราณ มาตั้งแต่สมัยพ่อเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สืบทอดมาจนถึงรุ่นลูกซึ่งเป็นรุ่นที่ 2 โดยได้ช่วยพ่อแม่ทำขนมการอจี้มาตั้งแต่อายุ 13 ปีตอนนี้อายุ 70 กว่าปีแล้วและที่เริ่มทำจริงจังขนมการอจี้มากกว่า 30 ปีแล้ว ตอนนี้อายุ 70 กว่าปี ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าขาประจำทั้งนั้นรวมทั้งนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาเห็นก็แวะซื้อกินเช่นเดียวกัน

สพป.สงขลา เขต 2 ขับเคลื่อนเด็กไทยวิถีใหม่ อ่านออกเขียนได้ทุกคน

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

วันนี้ 19 ก.ค.65 ที่ ห้องประชุมโกเมน สพป.สงขลา เขต 2 นายอุทัย กาญจนะ ผอ.สพป.สงขลา เขต 2 มอบให้นางพิมพ์พันธ์ เฮ่งประดิฐ ผอ.กลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผล เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการ การขับเคลื่อน นโยบายการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภาษาไทย มีจุดเน้น อ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น ลายมือสวยยกชั้น ของ เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 2 และสนองนโยบายของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เด็กไทยวิถีใหม่ อ่านออกเขียนได้ทุกคน มีเป้าหมาย นักเรียน ชั้น ป.1-3 อ่านออกเขียนได้ ชั้น ป.4-6 อ่านคล่องเขียนคล่อง ชั้น ม.1-6 มีสมรรถนะการอ่านชั้นสูง
สพป.สงขลา เขต 2 ให้ความสำคัญกับนโยบายดังกล่าว ได้เร่งรัดให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ตามเป้าหมายโดยเฉพาะห้วงเวลาการเปิดเรียนออนไซด์ของสถานศึกษาหลังการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง การขับเคลื่อนครั้งนี้ เพื่อให้คณะกรรมการฯเพื่อเตรียมดำเนินการ ตั้งแต่ต้นจนจบการดำเนินการโครงการนโยบายการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภาษาไทย
และจะจัดอบรม ในวันที่ 24 ก.ค.65 ผ่านออนไลน์ แก่ครูที่สอนภาษาไทย มีความรู้ ทักษะ เกี่ยวกับการกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อปัญหาการอ่าน และการเขียนภาษาไทยของนักเรียน และขับเคลื่อนการดำเนินการนโยบาย เด็กไทยวิถีใหม่ อ่านออกเขียนได้ทุกคนขับเคลื่อน สอดรับกับ จุดเน้น อ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น ลายมือสวยยกชั้น ของ เขตพื้นที่ฯ โดยมีวิทยากรมืออาชีพให้ความรู้ โดยมีวิทยากรมากความสามารถ มีนางนฤมล จันทสโร และนางปัทมพร สุวรรณจำรูญ จากโรงเรียนบ้านโคกพะยอม อำเภอคลองหอยโข่ง และได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.เชิดชัย อุดมพันธ์ อ.จาก ม.สงขลานคริน วิทยาเขตปัตตานี

วัดนาทวี ร่วมกับ มูลนิธิครูดีศรีสงขลา แจกทุนการศึกษา แก่นักเรียน

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

วันนี้ 19 กรกฎาคม 2565 ที่วัดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา พระครูสุวัฒนาภรณ์ หรือ อาจารย์ภัทร อริโย รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา/เจ้าอาวาสวัดนาทวี ร่วมกับ นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง ประธานนิธิครูดีศรีสงขลา ได้จัดให้มีพิธีมอบทุนการศึกษา แก่เด็กนักเรียนใน เขต อ.นาทวี จำนวน 30 ทุนๆละ 2,000 บาท เพื่อเป็นการสร้างเด็กดีให้กับสังคมเป็นขวัญกำลังใจแก่เยาวชนที่เรียนดี ตามโครงการคุณธรรมนำความรู้ ซึ่งได้มอบติดต่อกันมาหลายปีเพื่อเสริมสร้างให้เยาวชนมีจิตสำนึกในคุณของชาติ ศาสนา พระมหากษัตรย์ ตามเจตนาของโครงการ ซึ่งจัดให้มีขึ้นทุกๆปี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ สั่งดำเนินคดีเด็ดขาด ผู้ต้องหาอ้างชื่อ ผู้ช่วย ผบ.ตร. หลอกผู้เสียหายจะช่วยเหลือเรื่องประกันตัว สูญเงินกว่า 6 ล้านบาท

จากกรณีได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.ธิรวรรณ์ เขียวงาม ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ นาย Ritesh Patel
ชาวอังกฤษ ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในสถานกักกันคนต่างด้าว กก.3 บก.สส.สตม. ว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. สามารถช่วยเหลือทางคดีและสามารถประกันตัว
นาย Ritesh Patel ได้ ทำให้ น.ส.ธิรวรรณ์ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้มอบเงินกว่า 6,000,000 บาท ให้กับกลุ่มผู้ต้องหา แต่
ปรากฏว่าจนถึงปัจจุบัน นาย Ritesh Patel ก็ยังไม่ได้รับการประกันตัวหรือได้รับการปล่อยตัวแต่อย่างใด นั้น

กรณีดังกล่าวนี้ มีรายละเอียดผู้ต้องกัก คือ นาย Ritesh Patel สัญชาติอังกฤษ ซึ่งใช้หนังสือเดินทางปลอมใน
นามชื่อ นาย Bret Blake Webber สัญชาติอังกฤษ ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ซึ่งทางการรัฐบาลอังกฤษได้
ประสานข้อมูลมายัง ตท. และ สตม. โดยได้ทำการเพิกถอนและยกเลิกหนังสือเดินทางฉบับดังกล่าว เพื่อประสงค์ให้ทางรัฐบาลไทย ส่งตัวบุคคลดังกล่าวกลับประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ นาย Ritesh Patel เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดจะต้องเดินทางไป
ขึ้นศาลต่อไป

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผกก.สน.ปากคลองสาน และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนเนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีการแอบอ้างผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพื่อให้มีการดำเนินคดีผิดไปจากระเบียบ ข้อบังคับ หรือกฎหมาย

จากการสืบสวนและทำให้ทราบพฤติการณ์ในคดี กล่าวคือ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นาย Ritesh Patel ชาวอังกฤษ ซึ่งพบว่ามีหมายแดง (หมายจับตำรวจสากล) และถูกส่งตัวไปกักขังเพื่อรอดำเนินการส่งกลับไปยังประเทศอังกฤษ ไว้ที่สถานกักกันคนต่างด้าว กก.3 บก.สส.สตม. โดยในระหว่างที่ นาย Ritesh Patel ผู้ต้องกัก ได้อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองนั้น ได้มี น.ส.ธิรวรรณ์ฯ ผู้เสียหาย เข้ามาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอประกันตัวผู้ต้องกัก แต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้ประกันตัว ต่อมา น.ส.ธิรวรรณ์ฯ จึงได้ขอความช่วยเหลือเรื่อง
ประกันตัวไปยัง นายธนัญวัธน์ ธนันธัญภัทรน์ ซึ่ง นายธนัญวัธน์ฯ แจ้งว่า ได้มี นายวิทยา สมศรีษมสกุล อ้างว่าสามารถช่วยประสานดำเนินการในประกันตัวผู้ต้องกักได้ เนื่องจากตนรู้จักกับ พ.ต.อ.ราเมศ แก้วสูงเนิน ผกก.(สอบสวน)
กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.แม่ฮ่องสอน ซึ่งอ้างว่าเป็นชุดทำงานและเป็นเพื่อน นรต.รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. มั่นใจได้ว่าจะสามารถทำเรื่องประกันตัวหรือทำให้ได้รับการปล่อยตัวอย่างแน่นอน ทำให้ น.ส.ธิรวรรณ์ฯ
และ นายธนัญวัธน์ฯ หลงเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้จริง โดยนายวิทยาฯ ได้แจ้งว่าต้องมีค่าดำเนินการที่จะต้องชำระ
ให้กับนายวิทยาฯ จำนวน 6,000,000 บาทให้เรียบร้อยก่อน

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.65 เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่ผู้ต้องกักอยู่ในความควบคุมที่สถานกักกันคนต่างด้าว
(บางเขน) นายธนัญวัธน์ ฯ ได้เดินทางมากับ นายวิทยา ฯ เข้าติดต่อร้อยเวรรักษาการณ์ประจำสถานกักกันคนต่างด้าว (บางเขน) เพื่อขอพบกับผู้ต้องกัก ซึ่งร้อยเวรรักษาการณ์แจ้งว่าไม่สามารถเข้าพบได้ แต่นายวิทยาฯ ได้พยายามพูดคุยโทรศัพท์กับบุคคลซึ่งอ้างตัวว่าตนคือ พ.ต.อ.ราเมศฯ เป็นชุดทำงานของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จะขอติดต่อเข้าพบผู้ต้องกักคนดังกล่าว และยังอ้างว่าผู้ต้องกักดังกล่าวเคยทำงานเป็นสายให้กับตนเอง และพยายามจะขอให้เข้าพบผู้ต้องกักแต่ร้อยเวรรักษาการณ์ก็ได้ปฏิเสธเนื่องจากขัดต่อระเบียบปฏิบัติและให้ติดต่อกับผู้บังคับบัญชาโดยตรง

ต่อมา นายวิทยาฯ ได้แจ้งให้นายธนัญวัน์ฯ และ น.ส.ธิรวรรณ์ฯ ไปทำการโอนเงินตามบัญชีธนาคารที่ นายวิทยาฯ แจ้งไว้ โดยให้โอนให้ครบตามจำนวน ยอดรวมเป็นเงิน 6,000,000 บาท เมื่อโอนเงินครบแล้ว นายธนัญวัธน์ฯ ได้พยายามติดต่อเรื่องการขอประกันตัวกับ นายวิทยาฯ แต่ก็นายวิทยาฯ ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดและไม่สามารถติดต่อได้ ในภายหลัง นส.ธิรวรรณ์ฯ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงเอาเงินไปโดยทุจริต ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ปากคลองสาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า นายวิทยา สมศรีษมสกุล ได้มีการติดต่อกับ พ.ต.อ.ราเมศ แก้วสูงเนิน ในห้วงเวลาเกิดเหตุจริง และมีพยานบุคคลยืนยันว่าบุคคลทั้งสองได้มีการกล่าวอ้างถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักหาล ซึ่งเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในการติดต่อขอประกันตัวหรือขอเข้าพบผู้ต้องกักเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถจะช่วยเหลือได้จริง โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่กำหนดไว้ รวมความเสียหาย 6,000,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า ได้มีการโอนงินต่อไปยังบัญชีธนาคารของ พ.ต.อ.ราเมศฯ และบัญชีอื่นๆ ของบุคคลในครอบครัวของ พ.ต.อ.ราเมศ ฯ รวมทั้งบัญชีธนาคารของนายวิทยา สมศรีษมสกุล จึงเชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจริงโดยแบ่งหน้าที่กันทำจากข้อมูลดังกล่าว พนักงานสอบสวน สน.ปากคลองสาน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายเรียกผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว ทั้งเป็นผู้หลอกลวง และเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย

  1. พ.ต.อ.ราเมศ แก้วสูงเนิน ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.แม่ฮ่องสอน
  2. นายวิทยา สมศรีษมสกุล อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ซอยเปรมฤทัย9 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี
    จ.นนทบุรี
  3. นายอภิรักษ์ เที่ยงธรรม อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159/16 ถนนพญาเสือ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
    น.ส.ณัฐนรี บุญมา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/4 หมู่ 5 ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก
  4. น.ส.ทิพย์สุดา อินสองใจ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 221/13 ถนนไชยานุภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง
    จ.พิษณุโลก

โดยเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 5 รายจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งจะได้มีการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 รายมารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากพฤติการณ์ในคดีดังกล่าวนี้ มีการแอบอ้างซื่อตนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงผู้เสียหาย และทำให้หลงเชื่อว่าตัวผู้กระทำผิดสามารถช่วยเหลือในการดำเนินการตามที่ผู้เสียหายต้องการได้ ซึ่งในกรณีนี้ได้สั่งการกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย มีความละเอียดรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกรายจนถึงที่สุด ทั้งนี้ขอยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ และกฏหมาย ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

บิ๊กโอ๋ ผบช.ภ.7 ประชุม ด่วน เร่งรัดติดตามผล “คดีผูกคอตาย”

วันนี้(วันจันทร์ ที่ 18 ก.ค. 65) เวลา 14.00-16.00 น.

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7
เรียกประชุม ด่วน เร่งรัดติดตามผลความคืบหน้าคดีที่น่าสนใจของประชาชน “คดีผูกคอตาย แต่ญาติสงสัยว่าเป็นคดีฆาตกรรม เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 65 เวลาประมาณ 01.00 น. เหตุเกิดบริเวณบ้านเลขที่ 89/111 หมู่ 8 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จว.นครปฐม”

พร้อมด้วย
พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา
รอง ผบช.ภ.7
พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน
รอง ผบก.สส.ภ.7
พ.ต.อ.ศุภชัย ไตรสมบูรณ์
นวท.(สบ.5) ศพฐ.7
พ.ต.อ.รณภพ พรอรุณ
รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์
รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ คำปาเชื้อ
รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พ.ต.อ.สุรชัย สุกใส
รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยได้กำชับให้
1.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เร่งรัดสืบสวนหาพยานหลักฐานในคดีตามที่ได้สั่งการเพิ่มเติม สืบสวนเดินภาคพื้นดิน บ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ตรวจสอบภาคอากาศ จุดบริเวณที่ใกล้เคียง
2.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสอบสวน สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องในคดีเพิ่มเติม สอบสวนปากคำแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพโดยละเอียด นำรายงานการสืบสวนเข้าสู่สำนวน ส่งวัตถุพยานและเร่งติดตามผลการตรวจพิสูจน์หลักฐาน จากกองพิสูจน์หลักฐานนำเข้าสำนวนการสอบสวน และดำเนินการตามที่ได้สั่งการเพิ่มเติม
3.ให้ พฐ. เข้าตรวจที่เกิดเหตุอีกครั้งโดยละเอียด รวมถึงตรวจสอบคราบโลหิตบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ จำลองสถานการณ์ให้ทราบว่าราวเหล็กที่ใช้แขวนคอสามารถรับน้ำหนักผู้เสียชีวิตได้ไหมและรับน้ำหนักสูงสุดได้เท่าใด และประสานตรวจความเร็วรถผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิด
4.สืบสวน สภ. ทำไทม์ไลน์กล้องวงจรปิดโดยละเอียด ตรวจสอบเกี่ยวกับบริษัท รายรับรายจ่ายข้อมูลงบดุลบริษัท
5.สืบสวน ภ.จว. ตรวจสอบประวัติส่วนบุคคลของผู้ต้องสงสัย
6.สืบสวนภาค ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ สื่อสังคมออนไลน์ของผู้ต้องสงสัย และฮาร์ดดิสก์ตัวเก่าของกล้องวงจรปิดในบริษัทผู้ต้องสงสัย
7.ให้ผู้บังคับบัญชา ควบคุมกำกับดูแลและสั่งการในคดีด้วยตนเอง ตรวจสำนวนการสอบสวน ตามคำสั่ง ตร.ที่ 419/2556 อย่างเคร่งครัด, โดยให้ดำเนินการแจ้งความคืบหน้าทางคดีให้ฝ่ายผู้เสียหายทราบเป็นระยะ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน
8.ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีทุกนาย พึงระมัดระวังการให้ข่าว โดยเน้นย้ำ อย่าให้มีการเผยแพร่แนวทางการสืบสวนหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทางคดีต่อสื่อมวลชนหรือมีภาพไปปรากฎยังสื่อโซเชี่ยลมีเดียต่าง ๆ เพราะจะทำให้ข้อมูลความลับคดีหรือเทคนิคในการสืบสวนรั่วไหล ทำให้ทำงานได้ยาก
9.กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายให้ทำงานร่วมกันเป็นทีม(teamwork) บูรณาการการข่าวร่วมกันทุกฝ่าย แบ่งหน้าที่กันทำงานให้ชัดเจน
10.ให้รายงานผลการปฏิบัติให้ทราบทุกระยะ หากพบปัญหาให้รายงานให้ทราบ เน้นย้ำอย่าให้เกิดข้อบกพร่องในการนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดีให้รอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีลงโทษผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องได้จนถึงที่สุดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน และคืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” และ “ขยัน อดทน ดำรงตนอย่างมีเกียรติ”

ณ ห้องประชุม ภ.จว.นครปฐม ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

ตำรวจนครบาลจัดกิจกรรมการให้ความช่วยเหลือข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง

วันนี้(จันทร์ที่ 18 ก.ค.65) เวลา 09.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น., พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สยาม บุญสม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.น., คุณนิกร หงษ์ศรีสุข ผู้แทนคณะที่ปรึกษา บช.น., คุณศิริเพ็ญ ตั้งทวีสุโข นวลมา ประธานชมรมและคณะแม่บ้าน บช.น. ร่วมพิธีการจัดกิจกรรมการให้ความช่วยเหลือข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง เพื่อเป็นการบำรุงขวัญและกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจ ในสังกัด บช.น. ตามโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน “ ณ ลานอเนกประสงค์ บช.น./ทีมงานประชาสัมพันธ์ บช.น.

คุณศิริเพ็ญ ตั้งทวีสุโข นวลมา ประธานชมรมและคณะแม่บ้าน บช.น.

สน.ชนะสงคราม

สน.นางเลิ้ง

“เฉลิมชัย“รุกลึกทุกตำบลทั่วประเทศเร่งขับเคลื่อนโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรแพลตฟอร์มใหม่เป็นครั้งแรกของประเทศ

“อลงกรณ์”เผยความคืบหน้าตั้งกลไกใหม่ครบ7พันตำบลเดือนหน้าเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ภาคเกษตรของไทย

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเปิดเผยวันนี้ว่า กระทรวงเกษตรฯ.และทุกภาคีภาคส่วนกำลังเร่งขับเคลื่อนโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากทุกจังหวัดเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการพัฒนาเชิงพื้นที่ครอบคลุมลึกลงไปใน70,000หมู่บ้าน 7 พันตำบล 878 อำเภอรวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วยแนวทางการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนโดยตนได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับจังหวัดและคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับอำเภอ878อำเภอตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาภาคการเกษตรของไทยโดยเฉพาะปัญหาความยากจน หนี้สินและความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้ได้สั่งการให้เร่งจัดตั้งกลไกพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลหมู่บ้านให้เสร็จโดยเร็ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรกรรมยั่งยืนกล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งคณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลคาดว่าจะครบ7,435พันตำบลภายในเดือนหน้าซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับทุกภาคีภาคส่วนในแต่ละตำบลโดยเฉพาะ กระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นกลไกการพัฒนาภาคเกษตรอย่างยั่งยืน
“นับเป็นครั้งแรกที่มีโครงสร้างและระบบการพัฒนาภาคเกษตรที่หยั่งลึกลงถึงตำบลหมู่บ้านชุมชนใน76จังหวัดและกรุงเทพมหานครเพื่อดึงพลังชุมชนCommunity Empowerment)ออกมารวมพลังการแก้ไขปัญหาในอดีตและปัจจุบันรวมทั้งการพัฒนาสู่อนาคตที่ดีขึ้น ซึ่งมีปลัดอำเภอ เกษตรตำบล อบต.และอาสาสมัครเกษตร( อกษ.)เป็นแกนหลักร่วมกับตัวแทนภาคเอกชนภาควิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิในหมู่บ้านตำบลเชื่อมโยงกับคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับอำเภอระดับจังหวัดและศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์AICแต่ละจังหวัดโดยมีหน้าที่จัดทำและขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรแบบยั่งยืนภายใต้แพลตฟอร์มการพัฒนาหลากหลายรูปแบบ เช่น โครงการพัฒนาระบบชลประทานชุมชน โครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ โครงการศูนย์บริการจัดการดิน-ปุ๋ยชุมชน โครงการร้านค้าสีเขียว(Green Shop)แบบออนไลน์และออฟไลน์ โครงการเกษตรแปลงใหญ่ โครงการเกษตรอัจฉริยะ(Smart Farming) โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรมูลค่าสูง โครงการศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.) โครงการเศรษฐกิจพอเพียงพืช-ประมง-ปศุสัตว์ โครงการช่างเกษตร โครงการเกษตรพลังงาน โครงการเกษตรสุขภาพและโครงการเกษตรท่องเที่ยว เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อปักหลักวางหมุดหมายการพัฒนาแบบยั่งยืนลงไปถึงระดับชุมชนหมู่บ้าน
ภายใต้5ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนได้แก่ตลาดนำการผลิต-เทคโนโลยีเกษตร4.0-เกษตรปลอดภัย-เกษตรยั่งยืน-เกษตรมั่นคง การบูรณาการทำงานเชิงรุกทุกภาคส่วนและเกษตรกรรมยั่งยืนตามแนวทางศาสตร์พระราชาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่(Area based)
ให้ บรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทย มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580).

“นักท่องเที่ยวซาอุประทับใจตำรวจท่องเที่ยว สัญญาเที่ยวไทยอีก”

วันนี้ (17 ก.ค.2565) พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในฐานะ โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้เปิดเผยว่า พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมีความประสงค์แจ้งให้สื่อมวลชนและสาธารณะทราบว่าในวันที่ 16 ก.ค.65 เวลาประมาณ 01.40 น. Mrs.Algarz Rehub Saleh A นักท่องเที่ยวชาวซาอุดิอาระเบียพร้อมเพื่อนได้ทำกระเป๋าสัมภาระซึ่งมีของสำคัญหายระหว่างการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังโรงแรมที่พัก และได้เดินทางกลับมาขอความช่วยเหลือตำรวจท่องเที่ยวที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาต่อมา

และเพียงเวลาไม่นาน ภายใต้การกำกับของ พ.ต.อ.มิลินทร์ เพียรช่าง ผู้กำกับตำรวจท่องเที่ยวประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยวได้ตรวจสอบจนพบรถแท็กซี่ที่นักท่องเที่ยวใช้บริการ และได้ประสานแจ้งคนขับจนสามารถนำกระเป๋าดังกล่าวกลับคืนมาอย่างปลอดภัยส่งผลให้นักท่องเที่ยวซาอุดังกล่าวได้เขียนชื่นชมประเทศไทยและตำรวจท่องเที่ยวว่า

“The Staff is very kind and professional, they helped
us with our lost item and handle it very good ,we was
hopeless and they gave so many efforts. No words can
describe how thankful we are. Love. Bangkok is very lucky to
have such incridible and friendly team, we will visit
again because of them, they are the BEST.”

“เจ้าหน้าที่( ตำรวจท่องเที่ยว) ใจดีและทำงานแบบมืออาชีพมากๆ พวกเขาช่วยเราหาของที่เราทำหายเองและมีการบริหารจัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ที่จริงเราหมดหวังที่จะได้ของคืนไปแล้ว แต่ตำรวจท่องเที่ยวก็ทุ่มเทอย่างสุดกำลังจนได้ของคืนมาจนได้

ไม่มีคำพูดใดที่สามารถอธิบายความรู้สึกขอบคุณของเราอย่างจริงใจได้ เรารักกรุงเทพฯ และกรุงเทพช่างเป็นเมืองที่โชคดีมากที่มีตำรวจท่องเที่ยวแบบนี้ เราจะกลับมาเที่ยวอีกแน่นอนเพราะการทำงานของตำรวจท่องเที่ยว พวกเขายอดเยี่ยมที่สุด”

พล.ต.ต.อภิขาติฯ กล่าวอีกด้วยว่า feedback ของนักท่องเที่ยวชาวซาอุดิอาระเบียกลุ่มนี้ เป็นเหมือนขวัญและกำลังใจที่ทำให้ตำรวจท่องเที่ยวจะตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจการท่องเที่ยวของโลกต่อไป

และถือโอกาสนี้ ขอบคุณคนขับแท็กซี่รายนี้ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นับว่าเป็นคนไทยและคนขับแท็กซี่ที่มีคุณภาพมากๆ โดยอยากให้ประชาชนทุกคน ทุกสาขาอาชีพพร้อมใจและร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยอย่างอบอุ่น

เชื่อเหลือเกินว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวซาอุดิอาระเบียประทับใจและมั่นใจในการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

“Saudi tourists are impressed with the Tourist Police, promise to travel to Thailand again”

Today (17 July 2022) at the Tourist Police Bureau, Pol Maj Gen Apichat Suriboonya, Deputy Commissioner of the Tourist Police as a Spokesperson of this Bureau has revealed to the press that Lt. Gen. Sukhun Pormmayon Commissioner of the Tourist Police Bureau, would like to inform the press and the public that on the 16 Jul 2022 at around 1:40 am Mrs. Algarz Rehub Saleh A, a Saudi tourist with friends have lost their luggages with important items during the journey from Suvarnabhumi Airport to the hotel. They all later returned to the tourist police at the Suvarnabhumi Airport again for needing help.

Just only a short time, under the supervision of Police Colonel Milin Pianchang, Superintendent of the tourist police at Suvarnabhumi Airport, the tourist police ran checking and found the taxi that took such tourist to the hotel. Quickly, they coordinated the taxi driver until the bag can be returned safely. This resulted in the Saudi tourists writing praise for Thailand and the tourist police that

“The Staff is very kind and professional, they helped.
us with our lost item and handle it very good ,we was
hopeless and they gave so many efforts. No words can
describe how thankful we are. Love. Bangkok is very lucky to
have such incridible and friendly team, we will visit
again because of them, they are the BEST.”

Pol Maj Gen Apichat also said that the feedback of this group of Saudi tourists is like a moral support that urges the tourist police work hard to make Thailand become superpower of tourism. He took this opportunity to thank the taxi driver for his cooperation and for being a very good Thai person.

Also, Pol Maj Pol Apichat said that he would like all Thai people are united and join together to host warmly and welcome all tourists from all over the world who come to visit Thailand. He does believe this phenomenon will make Saudi tourists more impressed and confident in their trips to Thailand.

หนุ่มรักคุดคลั่ง  ตามตื๊อสาวสวยไม่สำเร็จชักปืนข่มขู่ อาละวาดร้านค้า

เบาะแสอาชญากรรม
ศูนย์ข่าวจังหวัดมุกดาหาร
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2565
้เมื่อเวลา.17.30.น
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ เมืองมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายทางเบอร์แจ้งเหตุร้าย 191ว่ามีชายคลั่งเมาสุราอาละวาดร้านค้า ตำบลนาโสก อำเภอเมือง จังหวัวมุกดาหาร โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่ ลูกค้าภายในร้านและเจ้าของร้าน ที่หญิงสาวทำงานอยู่
แต่หญิงสาวไม่เล่นด้วยจึงได้ หลบหนีไปร้องเรียน ขอความช่วยเหลือ จากผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยและประธานสหกรณ์ร้านค้าให้ช่วยดำเนินการประสาน เจ้าหน้าที่ชุดตำรวจ 191 จึง ได้ออกติดตามตัวและให้ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อติดตามชายคลั่งรักคนดังกล่าวมาดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสภ.เมืองมุกดาหารทราบตัวคนร้ายแล้วได้รับเป็นคดีอาญาเรียบร้อย เตรียมออกหมายเรียกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวเบาะแส ได้รับรายงานจากชาวบ้านว่านายคลั่งรัก คนดังกล่าวนั้นมีพฤติกรรมแอบอ้างตนว่าเป็นลูกหลานนายตำรวจใหญ่สภ.เมืองมุกดาหาร และก่อนหน้านี้ก็เคยก่อกวนอาละวาดบีบแตรเสียงดังโวยวายหลายครั้ง แม้ฝ่ายปกครองจะตักเตือนด้วยวาจาแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล
ผู้เสียหายจึงตัดสินใจแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญาจนถึงที่สุดโดยไม่ประสงค์จะยอมความ อีกต่อไป เบาะแสอาชญากรรมศูนย์ข่าวจังหวัดมุกดาหาร

เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์กของแม่ทัพภาค 4 ลงฉุกเฉินกลางสวนยางพารา รอดราวปฎิหาริย์

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 15 ก.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์กของกองทัพภาคที่ 4 ร่อนลงจอดฉุกเฉินกลางสวนยางพาราของชาวบ้านหมู่ที่ 1 บ้านคลองยน ตำบลวังใหญ่ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ามี พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) อยู่ภายในเครื่องรวม 7 นาย และในขณะเกิดเหตุได้มีชาวบ้านในละแวกดังกล่าวที่เห็นเหตุการณ์ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ และเข้าไปช่วยเหลือทหารที่อยู่ในเครื่องออกมาร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยที่อยู่ใกล้เคียง
หลังเกิดเหตุกำลังเข้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้ง ฉก.สงขลา ตชด.43 รวมทั้งตำรวจ สภ.เทพา และฝ่ายปกครองอำเภอเทพา ได้เข้าตรึงกำลัง และเคลียร์พื้นที่ เพื่อความปลอดภัย รวมทั้งเร่งดำเนินการช่วยเหลือทหารที่อยู่บนเครื่องทั้งหมดออกมาได้อย่างปลอดภัย เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งมีทั้งหมด 7 นาย ยังคงรู้สึกตัวดี ประกอบด้วย แม่ทัพภาคที่ 4 , ช่างเครื่อง 2 นาย , นักบิน 2 นาย , ทส. 1 นาย และช่างภาพ 1 นาย
โดยล่าสุดแม่ทัพภาคที่ 4 ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา บาดเจ็บกระดูกสะโพกขวาหัก และมีเลือดออกภายใน ส่วนทหารอีก 6 นาย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเทพา และอยู่ในระหว่างการยืนยันอาการ ประกอบด้วย พ.ต.ประสาร ด้วงชาญ , ร.อ.วิสารท์ ชูสังกิจู , ร.ท.ณัท โสหากาค์ , จ.ส.อ.พพิทณุ พันเต , จ.ส.อ.ธีรพงษ์ คูหาแก้ว และ ส.ท.พีระวิทย์ โอสถเจริญ
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า เฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์กลำดังกล่าว ได้นำ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ทหาร รวม 7 นาย เดินทางออกจากค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปยังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยขึ้นบินราว 08.45 น. ที่ผ่านมา
และคาดว่า ในระหว่างเดินทางทาถึงพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา เครื่องยนต์อาจจะเกิดขัดข้อง และทางนักบินได้พยายามนำเครื่องลงจอดฉุกเฉิน แต่ในระหว่างที่ลดระดับลง เครื่องได้ไปเกี่ยวกับยอดต้นยางพารา และเสียการทรงตัว แต่โชคดีที่แม่ทัพภาคที่ 4 และทหารภายในเครื่องทั้งหมดแค่ได้รับบาดเจ็บ
โดยจากนี้ต้องรอให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบในส่วนของเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์ก และทำการเก็บกู้ตามขั้นตอนต่อไป อาจจะในช่วง 1-2 วันนี้
ส่วนแม่ทัพภาค 4 และทหารรวม 7 นาย ที่อยู่บนเครื่องนั้น ขณะนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดแล้ว และทุกคนยังคงปลอดภัย รวมทั้งขอขอบคุณชาวบ้าน และชาวสวนยางในพื้นที่ใกล้เคียง ที่พบเห็นเหตุการณ์ และได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเข้าร่วมช่วยเหลือทหารที่อยู่บนเครื่องออกมาได้อย่างปลอดภัย
คืบหน้าเหตุเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์ก คณะของ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 ขัดข้องลงจอดฉุกเฉินกลางป่าสวนยางใน อ.เทพา จ.สงขลา ล่าสุดเร่งส่งตัวทั้ง 7 นาย ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ พบแม่ทัพภาค 4 อาจกระดูกสะโพกหัก แต่ยังรู้สึกตัวดี
จากกรณีเหตุเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์กคณะของ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 ขัดข้อง และบินลงจอดฉุกเฉินกลางสวนยางพาราของชาวบ้านในพื้นที่ ม.1 บ้านคลองยน ต.วังใหญ่ อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้ทั้งแม่ทัพภาค 4 และทหารบนเครื่องรวม 7 นาย บาดเจ็บ
โดยมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ และเข้าไปช่วยเหลือทุกคนได้อย่างปลอดภัย ก่อนนำส่งโรงพยาบาล และทางฝ่ายความมั่นคงได้เข้าควบคุมพื้นที่ เพื่อเร่งตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเก็บกู้ซากเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์กต่อไป เหตุเกิดเมื่อช่วงประมาณ 09.00 น. ที่ผ่านมา นั้น
ล่าสุดวันที่ 15 ก.ค. 65 ทาง พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า เบื้องต้นเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์กของแม่ทัพภาคที่ 4 ลงฉุกเฉิน ระหว่างเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ โดยเมื่อช่วงเช้าเดินทางออกจากค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปยังไปค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยบนเครื่องทั้ง 7 นาย ประกอบด้วย แม่ทัพภาคที่ 4 , นักบิน 2 นาย ,ช่างเครื่อง 2 นาย , ทหารคนสนิท และ ช่างภาพ
แต่ระหว่างบินเครื่องน่าจะเกิดปัญหา นักบินจึงตัดสินใจนำเครื่องบินลงฉุกเฉินในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา และเครื่องกระแทกต้นไม้และต้นยางพาราในระหว่างนำเครื่องลงจอด จนทำให้ พล.ท.เกรียงไกรศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ นักบินได้ รวมทั้งทหารบนเครื่องได้รับบาดเจ็บ
และขณะนี้ได้ส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดไปที่โรงพยาบาลเทพา และนำเฮลิคอปเตอร์ทยอยนำตัวทั้งหมดส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอาการล่าสุด 1.พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 รู้สึกตัวดี ไม่มีสับสน หายใจมีเจ็บหน้าอก ออกซิเจนต่ำ และสงสัยเรื่องกระดูกสะโพกหัก มีความดันตก ให้ยากระตุ้นความดัน และประเมินปัสสาวะโดยใส่สวนปัสสาวะ
ด้าน 2.พ.ต.ประสาร ด้วงชาญ ผบ.มว.บินใช้งานทั่วไป พัน.บ.9 รู้สึกตัวดี มีแผลถลอกบริเวณมือข้างขวา ปวดต้นคอ หลัง และสะโพก ไม่มีชาปลายเท้า และ มีแผลรอยช้ำที่แขนข้างซ้าย , 3.ร.อ.วิสารท์ ชูสังกิจ นธน.มทบ.44 รู้สึกตัวดี มีแผลที่คางเป็นแผลเปิด มีกระดูกโผล่ หัวไหล่ข้างซ้ายปวดบวมผิดรูป และแขนขวาปวดบวมผิดรูป
ส่วน 4.ร.ท.ณัช โลหากาศ นักบินใช้งานทั่วไป พัน.บ.9 ปวดต้นคอด้านขวามีรอยช้ำขนาด 1 ฝ่ามือ มีบาดแผลบริเวณมือข้างซ้ายบริเวณนิ้วมือ 3-4 แผล ปวดต้นขาข้างซ้าย หายใจไม่มีหอบเหนื่อย , 5.จ.ส.อ.ธีรพงษ์ คูหาแก้ว ช่างประจำอากาศยาน พัน.บ.9 รู้สึกตัวดี มีบาดแผลรอยช้ำตามร่างกาย เจ็บข้อมือข้างขวาแผลที่ต้นขาซ้าย , 6. จ.ส.อ.พิศณุ พันเต ช่างประจำเครื่องบิน พัน.บ.9 รู้สึกตัวดี มีต้นขาขวากระดูกหัก ไม่มีแผลเปิด ให้น้ำเกลือ 2 เส้น ตรวจภายในช่องท้องไม่มีเลือดออกภายในช่องท้อง
และ 7. ส.อ.พีรวิชญ์ โอสถเจริญ พลยิงอาวุธต่อสู้รถถัง ร.152 พัน.1 รู้สึกตัวดี มีสับสนเป็นบางครั้ง ถามตอบรู้เรื่อง ดามบริเวณต้นคอ ออกซิเจนปลายนิ้ว 100% ความดันอยู่ที่ 142/ 84 ให้น้ำเกลือไว้ 2 เส้น รวมทั้งสงสัยเรื่องกระดูกต้นขาขาข้างขวาหัก ไม่มีเลือดออกในช่องท้อง ให้ออกซิเจน ให้ดามบริเวณคอ และเฝ้าระวังเรื่องกระดูกสันหลังหัก มีรอยช้ำบริเวณตาข้างขวาเป็นรอยช้ำม่วง ตรวจบริเวณช่องท้องไม่มีเลือดออกภายในช่องท้อง และคาสายสวนปัสสาวะ เพื่อประเมินปัสสาวะออก
พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 ส่วนใหญ่ เครื่องรางของขลังที่ท่านแม่ทัพภาค 4 นำพาติดตัวประจำก็คือ หลวงพ่อทวด ส่วนองค์ประธาน พระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 ปี 2530 วัดบวรนิเวศน์วิหาร
สำหรับ”พระกริ่งปวเรศปี 30″ส่วน “พระกริ่งปวเรศรุ่น 2” วัดบวรนิเวศฯ ได้จัดสร้างขึ้น เนื่องในวโรกาสมงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบนักษัตร เมื่อปี 2530โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จำลอง “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” เพื่อเฉลิมฉลองศุภมงคลสมัยและเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในมหามงคลวโรกาสนี้ พร้อมทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จฯ ประกอบพิธีเททองเป็นมหามงคลฤกษ์ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2528 ณ บริเวณพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศฯ กรุงเทพฯ ที่ถือเป็นสุดยอดพระกริ่งก็คือ นอกจากเนื้อหาพิมพ์ทรงองค์พระจะมีความงดงามแล้ว ภายในองค์ยังบรรจุ ผงจิตรลดาและบรรจุเส้นพระเจ้า (พระเกศา) ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานบรรจุทั้ง 25,000 ชุด ตามจำนวนที่จัดสร้าง
ทางด้าน พระครูสุวัฒนาภรณ์ หรือ อาจารย์ภัทร อริโย รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา / เจ้าอาวาสวัดนาทวี ก่อนที่ ฮ. ตก พระอาจารย์ภัทร ฯ เคยให้ เครื่องรางของขลัง และเป็นของดี กับ พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมสั่งว่า ห้ามบอกใคร ว่า พระอาจารย์ภัทรฯให้ของดีไป จนกระทั่งมาเกิด ฮ ตกในครั้ง รอดราวปาฎิหาริย์

Design a site like this with WordPress.com
Get started