วัดนาทวี จัดอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประจำปี 2565

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

วันนี้ 10 กรกฎาคม 2565 ที่วัดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา พระครูสุวัฒนาภรณ์รองเจ้าคณะสงขลา/เจ้าอาวาสวัดนาทวี ร่วมกับ คณะทำงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ คณะที่ 4 จ.สงขลา ได้จัดกิจกรรมอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประจำปี 2565 เพื่อนำพระสงฆ์ไปจำพรรษายังวัดที่ขาดแคลนในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา โดยมี พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค 4 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลาเป็นประธานสงฆ์ พร้อมด้วยพระครูสุวัฒนาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา/เจ้าอาวาสวัดนาทวี ซึ่งในปีนี้มีผู้สมัครร่วมโครงการ จำนวน 45 คน โดยในการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการขึ้นเป็นปีที่ 13 ซึ่งสามารถช่วยให้วัด สำนักสงฆ์ และที่พักสงฆ์ ในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้และยังเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจประชาชนในพื้นที่ต่อไปได้

นักข่าวเตรียมทำหนังสือขอภาพจากกล้องวงจรปิดจากทางโรงเรียนและสถานีตำรวจภูธรทุ่งลุง

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา
นักข่าวเตรียมทำหนังสือขอภาพจากกล้องวงจรปิดจากทางโรงเรียนและสถานีตำรวจภูธรทุ่งลุง ให้ร้อยเวรเป็นหลักฐานในการประกอบคดี
วันนี้ 10 กรกฎาคม 2565 นายสมเพชร เสาร์คำ ผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ และ ทีวี หลายฉบับ,หลายช่อง ประจำศูนย์ข่าวภาคใต้ หลังจากที่ถูกครู โรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาล ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมด้วยคณะกกรมการสถานศึกษาอีกหลายคนได้ควบคุมตัว กักขังหน่วงเหนี่ยวนาน 2 ชั่วโมง พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง และกล่าวหาว่าเป็นนักข่าวปลอม ถูกคุมตัวส่ง ร.ต.อ.ปิยะพงษ์ สังข์ทอง ร้อยเวร สภ.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อเห็นนายสมเพชรฯ ก็ได้บอกกับ ครู และคณะกรรมการฯว่า นายสมเพชร เป็น นักข่าวจริง พร้อมได้ปล่อยตัวและคืนมือถือให้
ต่อจากนั้นนายสมเพชร ก็ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ปิยะพงษ์ ฯเพื่อให้ดำเนินคดีกับครูและคณะกรรมการของโรงเรียนฯ 3 ข้อหาหนัก คือ กักขังหน่วงเหนี่ยวฯ ชิงทรัพย์ และหมิ่นประมาท ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ในวันนี้ฯ นายสมเพชรฯ ได้เตรียมทำหนังสือเพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพไว้ในวันที่เกิดเหตุ เพื่อนำไปให้ร้อยเวร สภ.ทุ่งลุง เก็บไว้เป็นหลักฐานในการประกอบสำนวนคดี เนื่องจากที่บริเวณหน้าโรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ที่บริเวณนห้าประตูทางเข้าโรงเรียนฯด้วย และจะขอภาพกล้องวงจรปิดของสถานีตำรวจภูธรทุ่งลุง เพื่อให้ร้อยเวรนำไปเป็นหลักฐาน เนื่องจากทางสถานีตำรวจภูธรทุ่งลุง ได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธร และในบริเวณภายในสถานีตำรวจภูธรทุ่งลุง ด้วย

ร่วมฉลองเสนาสนะและทอดผ้าป่าสามัคคี

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา
วันนี้ 10 ก.ค.65 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมฉลองเสนาสนะและทอดผ้าป่าสามัคคี ณ สำนักสงฆ์ควนคำทอง บ้านท่าดินแดงตก ม.6 ต.ป่าบอน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง

นายก”สื่อ” เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี และหล่อเทียนพรรษา

นายปรีชา สถิตเรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ก.ค.65 นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย,นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย หัวหน้าข่าว นสพ.เดลินิวส์ภาคใต้ตอนล่าง เลขานุการคณะกรรมการที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เป็นประธานในการทอดผ้าป่าสามัคคี และ หล่อเทียนพรรษา ณ วัดมะเดื่อทอง ( กะโผ๊ะ) ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นเป็นชุมชนไทยพุทธ ที่มีพุทธศาสนิกชน ได้เดินทางมาร่วมในการทอดผ้าป่าและหล่อเทียนพรรษา เพื่อสืบสานพรุพุทธศาสนากันอย่างพร้อมเพียง
ซึ่งพระครูอดุลสุวรรณกิจ เจ้าอาวาสวัดมะเดื่อทอง ได้กล่าวกับพุทธศาสนิกชนที่มางานในครั้งว่า เป็นการจัดขึ้นเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาโดยจัดให้มีการทอดผ้าป่าสามัคคีและหล่อเทียนพรรษาในวันเดียวกัน เพื่อความสะดวกของญาติโยม หลังจากที่โควิด 19 ได้ คลี่คลายลง และปัจจัยที่พุทธบริษัทได้มาร่วมทำบุญทอดผ้าป่า ในครั้งนี้ จะนำไปทำโครงการปรับภูมิทัศน์หน้าวัดและภายในวัด โดยเฉพาะที่ดินหน้าวัด จำนวน 6 ไร่ จะปลูกเป็นสาวนป่า ล้อมรั้วรอบบริเวณ โดยจะปลูกพันธุ์ไม้ 3 ส่วน ได้แก่ไม้ยืนต้น ( ตรงกลาง ) ด้านข้างจะเป็นไม้กินใบ ด้านข้างสุดจะเป็นไม้สมุนไพร ซึ่งยังต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ที่จะต้องอาศัย ญาติโยม ที่มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาชวยกัน

ดร. อลงกต เปิดงาน และมอบรางวัล งานวิ่งมาราธอน UTM : UTHAI THANI MARATHON 2022

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม 2565 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. อลงกต วรกี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี 
เวลา 05.00 – 07.15 น. ปฏิบัติราชการแทน นาย ขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี โดยมี ท่าน เจเศรษฐ์  ไทยเศรษฐ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานี เขต 1 ร่วมพิธีเปิดงาน และมอบรางวัล งานวิ่งมาราธอน UTM : UTHAI THANI MARATHON 2022 ณ สวนน้ำเฉลิมพระเกียรติบึงพระชนก มูลนิธิไทยเศรษฐ์ ร่วมกับรันโรเวอร์ องค์กรเชี่ยวชาญการจัดกิจกรรมการวิ่งมาราธอน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบของ SPORT TOURISM และกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ในทุกภาคส่วน รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงเสน่ห์ในวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ที่สงบ เรียบง่าย รวมทั้งศิลปวัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม ของจังหวัดอุทัยธานี     
เวลา 08.30 น. ร่วมพิธีบวงสรวงอัญเชิญปู่พญานาคาธิบดีนาคราช ณ บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นเขาสะแกกรัง วัดสังกัสรัตนคีรี อำเภอเมืองอุทัยธานี
เวลา 09.00 – 15.00 น. รับเกียรติ วิทยากร บรรยาย ชุดวิชา สถาบัน และกระบวนการทางการเมืองไทย สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หน่วยที่ 11 – 15 วันที่ 2 แก่นักศึกษา หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ การบริหารการปกครองท้องที่ จังหวัดนครสวรรค์ ภาคการศึกษา ที่ 2  ปีการศึกษา 2564 ณ ห้องปฏิบัติการ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ฝ่ายความมั่นคง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี อำเภอเมืองอุทัยธานี จำนวน 59 คน ตามโครงการความร่วมมือระหว่างกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผ่านระบบออนไลน์  MIS TEAM

ชม! ชิม! ช๊อป! ผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ “งานมหกรรมสมุนไพรไทยครั้งที่ 19” ณ ฮอลล์ 11-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี วันนี้ – 10 ก.ค.65

เมื่อวันที่ 6 ก.ค.65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และคณะผู้บริหาร เข้าเยี่ยมชมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 19 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 10 กรกฎาคม 2565 ณ ฮอลล์ 11-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ภายในงานมหกรรมสมุนไพร มีการออกบูธผลิตภัณฑ์แปรรูป กัญชา กัญชง จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทุกภูมิภาคที่มาจัดแสดงและยังมีไฮไลท์อื่นๆ อีกที่น่าสนใจ อาทิ บูธหมอพืชพันไมล์ ชัยเศวตสิริกุล ร่วมเปิดตำรับยาสมุนไพร กัญชา – กัญชง แปรรูปผลิตภัณฑ์หลากหลายจากภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น ตำรับยาหมอพื้นบ้าน ที่ช่วยเหลือผู้ป่วยให้คลายทุกข์จากอาการเจ็บป่วย สู่นวัตกรรมเทคโนโลยีและการพัฒนาต่อยอด ที่เรียบง่ายเข้าถึงได้จริงทุกเพศทุกวัยไม่เป็นอันตราย โดย หมอพืชพันไมค์ วิทยากร ผู้เชี่ยวชาญและเป็นผู้ผลักดันให้เกิดผลประโยชน์แก่ส่วนรวม และมีอาจารย์ภาค นายชยกร นิรันดร์ นักวิจัยอิสระ ศึกษาค้นคว้าและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร กัญชา-กัญชง-กระท่อม หลากหลายสายพันธุ์มาอย่างยาวเวลานาน ร่วมบรรยายให้องค์ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวันเพื่อการดูแลสุขภาพปรับสมดุลของร่างกายสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น

กัญชา ช่วงสูญยากาศเป็นโอกาสทองของคนไทยที่ได้สัมผัส ศึกษาเรียนรู้แบบไกล้ชิดทั้งแนวทางทางการแพทย์แผนปัจจุบันตำรับยาหมอพื้นบ้านทั้งในเชิงอุตสาหกรรมช่องทางการตลาด ที่ยั่งยืนของเกษตรกรไทยในการลงทุนแบบต้นทุนต่ำ เพื่อต่อยอดกัญชา กัญชง มาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพ การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ให้แก่ประชาชน โดยไม่มีการสนับสนุนให้ใช้กัญชากัญชงในทางที่ไม่เหมาะสม รวมถึงให้คำปรึกษาถึงความเป็นไปได้ กับ อาจารย์ภาค นายชยกร นิรันดร์ได้ที่ เมืองทองธานี ฮอลล์ 11-12 ระหว่างวันที่ 6-10 กค. 65 นี้ อยู่โซน 3 ใต้ป้ายสมุนไพร ให้มองเห็นช่องทางการตลาด มีแนะนำวิธีการลงทุนต่ำให้มีผลกำไรที่เหมาะสม และแนะแนวทางที่เป็นไปได้จริง

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

สมาคมเท่งไฮ้แห่งประเทศไทยร่วมกับรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกเดินทางไปมอบถุงยังชีพให้ผู้ป่วยติดเตียง

" ที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตนครศรีธรรมราชเราคนไทยด้วยกันไม่ทอดทิ้งกัน "

ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ร่วมกับ คุณสมเกียรติ เหล่าทวีสุข นายกสมาคมเท่งไฮ้แห่งประเทศไทย และ อุปนายกสมาคมเท่งไฮ้แห่งประเทศไทย เตรียมถุงยังชีพขนขึ้นรถออกจากสมาคมเท่งไฮ้แห่งประเทศไทยเพื่อนำไปขึ้นรถเทรลเลอร์ มีลักษณะคือรถหัวลากติดตั้ง จานเทรลเลอร์ (Fifth Wheel) รถกึ่งพ่วงใช้บรรทุกน้ำหนักเพื่อเดินทางไปจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อนำไปมอบให้กับผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตนครศรี
ธรรมราชร่วมกับสำนักปฎิบัติการภารกิจรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4 โดยพลตรี สุรเทพ หนูแก้ว รองผู้อำนวยการสำนักปฎิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4

” เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน “

CR : รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

ผอ.โรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์เผย เพิ่งทราบเรื่องครูและกรรมการโรงเรียน กักขัง,ชิงทรัพย์ นักข่าว

จะสอบสวนข้อเท็จที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางคลี่คลายคดี
จากรณีที่นาย สมเพชร เสาร์คำ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และทีวีหลายช่อง ในภาคใต้ตอนล่าง ถูก” ครูและกรรมการสถานศึกษา โรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ทำการกักขัง หน่วงเหนียว, ชิงทรัพย์ และ หมิ่นประมาท ในขณะที่เข้าไป เพื่อขอสัมภาษณ์ในกรณีที่ ครูผู้ปกครองทำโทษนักเรียนหน้าเสาธงด้วยการใช้ ปัตตาเลี่ยน กล้อนผมนักเรียน และเป็นข่าวดังในโซเชียล เพื่อที่จะไปสัมภาษณ์ ผู้อำนวยการถึงข้อเท็จจริง โดยได้ขออนุญาตจาก รปภ. และแจ้งให้ รปภ.ของโรงเรียนทราบถึงวัตถุประสงค์ของการเข้าไปในโรงเรียนแล้ว แต่ถูกครูและกรรมการโรงเรียนคุมตัวไปสอบสวนด้วยการกักตัวไว้ในโรงเรียนกว่า 2 ชั่วโมง และยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ไปตรวจสอบ กล่าวหาว่าเป็นนักข่าวปลอม ก่อนที่จะเรียกตำรวจมานำตัวนายสมเพชร ไปยัง สภ.ทุ่งลุง เพื่อดำเนินคดี แต่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำโทรศัพท์คืนให้และไม่รับแจ้งความ
หลังจากนั้น นายสมเพชร ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ. ปิยะพงษ์ สังข์ทอง ร้อยเวร เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ครูและกรรมการสถานศึกษา ทั้งหมด ในข้อหา ชิงทรัพย์ ,กักขังหน่วงเหนี่ยว และ หมิ่นประมาท
ความคืบหน้าในกรณีดังกล่าว ในวันนี้เวลา 14.00 น. นายอภัย ภัยภักดี ผู้อำนวยการโรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ ได้เดินทางมายัง สำนักงานสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) ถนนไทยอาคาร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเข้าชี้แจงกับนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย(สนพท.) ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยนายอภัย ชี้แจงว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ในโรงเรียนและอยู่ระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่ จึงไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่มีจ้าหน้าที่มาแจ้งให้ทราบว่า มี นักข่าว เข้ามาในโรงเรียนเพื่อขอพบและสัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการทำโทษด้วยการกล้อนผมนักเรียนหน้าเสาธง ถ้ามีเจ้าหน้าที่มาแจ้งให้ทราบคงจะไม่เกิดเรื่องอย่างที่เกิดขึ้น
ส่วนในเรื่องของการตรวจสอบผู้ที่เข้ามาในบริเวณโรงเรียน เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยตามระเบียนของสถานที่ราชการ เป็นจุดที่มีการ สกรีนผู้ที่เป็นบุคคลภายนอกที่เข้ามาในโรงเรียน ในเบื้องต้นทราบเพียงว่า ผู้สื่อข่าวไม่มีบัตรประจำตัวเพื่อแสดงกับเจ้าหน้าที่ จึงทำให้ต้องมีการนำตัวไปพูดคุย และเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดได้มีการ ทำความเข้าใจที่ สภ.ทุ่งลุง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเมื่อมีการแจ้งความเกิดขึ้น จะต้องกลับไปดำเนินการ สอบสวนข้อเท็จจริงให้ละเอียดอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ทราบถึงรายละเอียดทั้งหมด
นายสมเพชร ผู้สื่อข่าว ผู้ถูกกระทำ ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เมื่อมาถึงที่ สภ.ทุ่งลุง หลังจากที่ ตำรวจ ยืนยันว่าตนเป็น นักข่าวจริง ไม่ใช่นักข่าวปลอม และได้ นำโทรศัพท์ที่ถูกยึดไป 2 เครื่อง คืนให้กับตนแล้ว ตนยังถูก คุกคามจาก ครูและกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนให้ขอโทษครูและกรรมการสถานศึกษาอีกด้วย ทั้งที่โดยข้อเท็จจริง ครูและคณะกรรมการสถานศึกษาต้องขอโทษตนเองที่เป็นผู้ถูกกระทำ ส่วนในความคืบหน้าของคดีนั้น ร้อยเวรได้นัดหมายในวันอังคารนี้เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนที่จะออกหมายเรียกผู้ที่เป็นกลุ่มผู้ชิงทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยวและหมิ่นประมาทตนเอง มารับทราบข้อกล่าวหา

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

“เฉลิมชัย”ทำลายสถิติสำเร็จอีกครั้งส่งออกผลไม้ครึ่งปีแรกทะลุ 1 ล้านตัน สร้างรายได้กว่า 8 หมื่นล้าน

ชื่นชมชาวสวนภาครัฐภาคเอกชนร่วมมือพัฒนาคุณภาพจนครองแชมป์ตลาดจีนเด็ดขาดเกือบ 50 % แต่ห่วงลำไยทรุดสั่งฟรุ้ทบอร์ดปรับกลยุทธ์เร่งแก้ไข ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board)แถลงวันนี้(8 ก.ค.)ว่า การส่งออกผลไม้สดไปสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้พิธีสารระหว่างไทย-จีนในรอบ 6 เดือนแรกปีนี้มีปริมาณถึง 1,123,543 ตัน ทำลายสถิติการส่งออกในระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งส่งออกได้ 1,002,771 ตันโดยเพิ่มขึ้นกว่า 120,000 ตัน หรือกว่า 10 % คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 81,282 ล้านบาทในขณะที่ต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคนานัปการโดยเฉพาะผลกระทบจากมาตรการไดนามิคซีโร่โควิดของจีนในการป้องกันการแพร่ระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่ปลายปี2564เป็นต้นมาและ สงครามรัสเซีย-ยูเครนตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นส่งผลต่อค่าระวางขนส่งทางบกทางเรือทางอากาศปรับตัวเพิ่มขึ้นในขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงจากภาวะเศรษฐกิจทำให้มูลค่าการส่งออกผลไม้สดลดลง 2,900 ล้านบาทหรือลดลง 3.45 %ส่วนหนึ่งเกิดจากการส่งออกลำไยลดลงเนื่องจากการปิดด่านบางด่านของจีนช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปีจากปัญหาโควิด19ในจีนจึงสั่งให้ฟรุ้ทบอร์ดปรับกลยุทธ์เร่งแก้ไขปัญหาลำไยซึ่งหล่นจากการส่งออกไปจีนเป็นลำดับ3รองจากทุเรียนและมะพร้าว

“ขอแสดงความชื่นชมชาวสวนภาครัฐภาคเอกชนที่ร่วมมือพัฒนาคุณภาพจนครองแชมป์ตลาดผลไม้ในจีนมีมาร์เก็ตแชร์เกือบ 50 % ทิ้งห่างอันดับ2คือชิลีและเวียดนามซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด10กว่าเปอร์เซ็นต์และ6เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
ขอให้ยึดมั่นในนโยบายยกระดับคุณภาพและมาตรฐานรวมทั้งป้องกันการปนเปื้อนโควิดและโรคพืชหรือแมลงพืชต่อไป ส่วนที่มีปัญหาการสวมสิทธิ์ทุเรียนของเราได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการตรวจตราจับกุมและดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดเพราะส่งผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของผลไม้ไทย”.

นักธุรกิจพื้นที่ วอน รัฐบาล สั่ง สภาพัฒน์ฯ ให้ เร่ง ดำเนินการโครงการ”นิคมอุตสาหกรรมจะนะ”

ให้เร็วขึ้น เพื่อรับ วิกฤติเศรษฐกิจ ที่ยังรุนแรงในอนาคต
แหล่งข่าวจาก สภาธุรกิจจังหวัดสงขลา เปิดเผยกับ ผู้สื่อข่าว วิกฤติเศรษฐกิจ หลัง”โควิด 19” และจากผลกระทบการทำสงครามระหว่าง รัสเซีย กับ ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกพื้นที่และทุกภาคส่วน ซึ่งผลกระทบดังกล่าวส่งผลไปยังผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่ นักลงทุน นักธุรกิจ จนถึงชาวบ้านร้านค้า ผู้ขายแรงงาน ผู้หาเช้ากินค่ำ และ นักศึกษาที่จบการศึกษาแล้วไม่มีงานทำ
ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้ารัฐบาลยังไม่เร่งดำเนินการโครงการ”เมืองต้นแบบ ที่ 4 “ หรือ นิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่เป็นการลงทุนของภาคเอกชน ทั้งหมด จะยิ่งทำให้ วิกฤติเศรษฐกิจ ของจังหวัดชายแดนภาคใต้เลวร้ายยิ่งขึ้น เพราะวันนี้มีปัญหาเต็มไปหมด แม้เรื่องของระบบ”โลจิสติกส์” ทั้งทางบกและทางน้ำ ก็แข่งขันกับประเทศอื่นๆไม่ได้ การส่งสินค้าไปต่างประเทศต้องพึ่งพาประเทศมาเลเซีย และท่าเรือน้ำลึกที่มีอยู่ใน จ.สงขลา ก็ไม่สามารรองรับการขนส่งได้ ถ้ายังไม่มีการสร้างท่าเรือแห่งใหม่ที่ทันสมัย อย่างที่จะเกิดขึ้นใน นิคมอุตสาหกรรมจะนะ ในอนาคตภาคใต้ตอนล่าง จะไม่มีการแข่งขันกับภาคอื่นๆได้เลย และผลกระทบก็จะลุกลามไปยัง กลุ่มคนที่เป็นลูกจ้าง แรงงาน ภาคเกษตรกร และอื่นๆ
ในภาคตะวันออก กำลังจะเกิด นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือ “EEC”ขึ้น ซึ่งจะเป็นโครงการเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ที่ทำให้ผู้คนทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็กำลังจะมี นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อสร้างงานให้คนภาคอีสานไม่ต้องเข้ามาทำงานใน กทม. เหลือแต่ภาคใต้ที่ไม่สามารถ ทำโครงการใหญ่ๆได้เลยเพราะถูกขัดขวางจาก เอ็นจีโอ และคน กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ที่เกรงว่าการเกิดโครงการใหญ่ๆ จะกระทบกับอาชีพของตน
รัฐบาลต้องเร่งให้ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่รับผิดชอบโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เร่งดำเนินการขับเคลื่อนโดยเร็ว และหน่วยงานที่รับผิดชอบทุกหน่วย ให้เดินหน้าโดยเร็ว และต้องไม่ให้ความสำคัญกับ เอ็นจีโอ เพราะเห็นอยู่แล้วว่า เอ็นจีโอ กลุ่มนี้ ต่อต้านทุกโครงการที่ถูกนำเข้ามาในภาคใต้ ที่สำคัญ เอ็นจีโอ ( บางกลุ่ม ) ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อมโยงกับ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ที่ขัดขวางโครงการเศรษฐกิจและสนับสนุนมวลชนที่ขัดแย้งกับรัฐบาล
สำหรับโครงการ ที่มีการ ศึกษา หรือ ดำเนินการ ในส่วนต่างๆ ทั้งโดย ศอ.บต. และหน่วยงานอื่นๆ ก็ไม่ต้องยกเลิก เพราะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ วันนี้ รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ ในเรื่อง SEA และเรื่องของ EIA EHIA โดยเร็ว เพื่อเป็นการสร้างความเติบโตให้กับทุกภาคส่วนของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นภูมิภาคที่ล้าหลังกว่าภูมิภาคอื่นๆ

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

Design a site like this with WordPress.com
Get started