ส่วนราชการ ตั้งเสาร์เอกเสาร์โท เพื่อเตรียมสร้างบ้านให้กับ้ผู้ประสบภัย จากเหตุการณ์เพลิงไหม้

ี้เบาะแสอาชญากรรม
ศูนย์ข่าวจังหวัดมุกดาหาร
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565
เวลา.07.09 .น นายชาคริต ชุมจันทร ์นายอำเภอดือนตาล พร้อมนายประหยัด คนไว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านนาสะเม็ง ซึ่งเป็นตัวแทนของ นายบุญนาม อินทปัญญา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาสะเม็งและเจ้าหน้าที่กองช่าง อบต นาสะเม็ง และชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง
บ้านนาสะเม็งหมู่1หมู่2 และหมู่7 ได้ร่วมแรงร่วมใจกับส่วนราชการ ตั้งเสาร์เอกเสาร์โท เพื่อเตรียมสร้างบ้านให้กับ
้ผู้ประสบภัย จากเหตุการณ์เพลิงไหม้เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านพี่น้องประชาชนบริเวณใกล้เคียง ที่ร่วมสนับสนุนร่วมบริจาคข้าวของเครื่องใช้เงินทอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กาชาดจังหวัดมุกดาหารและนาย อำเภอดอนตาลและองค์การบริหารส่วนตำบลนาสะเม็ง ซึ่งคอยดูแลเกี่ยวกับงบประมาณการก่อสร้างบ้านเรือนดังกล่าว ตามงบประมาณที่ได้จัดตั้งไว้ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือให้แล้วเสร็จตามขั้นตอนต่อไปภาพโดย สุวิทย์ โพธิรัชต์ เรียบเรียงโดย สุดารัตน์ คนไว ทีมงานเบาะแสอาชญากรรมมุกดาหารรายงาน

ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ กสทช.และ AIS ทลาย ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’

ตรวจค้น 9 จุดทั่ว กทม. ยึดเครื่องส่งสัญญาณ IP PBX จำนวน 43 เครื่อง ใช้ใส่ซิมเบอร์ปกติ ส่งสัญญาณ 4G/5G โยนออกนอกประเทศ ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านใช้โทรหลอกเหยื่อในไทย 1 เดือน โทรได้ 20 ล้านครั้ง

พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พร้อมด้วย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.ร่วมกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ‘AIS’ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายแก็ง Call Center หลอกลวงประชาชน

สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายถูกคนร้าย ‘แก็งคอลเซ็นเตอร์’ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ โทรเข้ามาแจ้ง มีการค้างค่าปรับ รวมถึงการพัสดุที่ผิดกฎหมาย ขอให้ผู้เสียหายทำการโอนเงิน เพื่อนำไปตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปให้มิจฉาชีพ ต่อมาทราบว่าถูกหลอกลวง จึงดำเนินการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้ร้องเรียนผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองพิสูจน์หลักฐานกลาง จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้น จำนวน 9 จุด ในพื้นที่เขตบางนา ห้วยขวาง และลาดพร้าว ซึ่งเป็น “จุดที่ใช้ส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือสำหรับโทรมาหลอกลวงประชาชน”

เจ้าหน้าที่จับกุมนาย สุรชาติ แซ่โจ พร้อมผู้ต้องสงสัยอีก 4ราย สามารถยึดของกลาง เช่นเครื่องสัญญาณ IP PBX จำนวน 43 เครื่อง เครื่องส่งญาณไร้สาย wireless router จำนวน 30 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือจำนวนมาก

หนึ่งในจุดที่เข้าตรวจค้น อยู่ที่แมนชั่นแห่งหนึ่งภายในซอยบางนา-ตราด 19 ซึ่งเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ เช่าห้องภายในแมนชั่น ชั้น 2 จำนวน 2 ห้อง ภายในห้องเป็นห้องโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ แต่มีอุปกรณ์เราท์เตอร์สำหรับส่งสัญญาณ 4G/5G สำหรับใช้โทรศัพท์จำนวนมาก และพบผู้ต้องสงสัยอีกจำนวน 4 คนอยู่ภายในห้องด้วย ซึ่งเบื้องต้นทั้ง 4 รายยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า จากการตรวจสอบประวัติการพูดคุยในโทรศัพท์มือถือ เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้

การตรวจค้นรวมทั้ง 9 จุด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายสุชาติ แซ่โจว ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 ราย ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และข้อหา นำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งนายสุชาติเป็นผู้ดูแล โดยได้รับค่าจ้างโอนเข้าบัญชาจากต่างประเทศ เดือนละ 2 หมื่นบาท และจากการตรวจค้น สามารถตรวจยึดอุปกรณ์เราต์เตอร์ได้รวม 43 เครื่อง แต่ละเครื่องสามารถบรรจุซิมได้ 32 ซิม โทรได้ซิมละ 500 ครั้งต่อวัน

ดังนั้น ใน 1 เดือน จะสามารถโทรได้ถึง 20 ล้านครั้ง คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรในประเทศไทยที่จะถูกมิจฉาชีพโทรไปหลอกลวง ซึ่งตำรวจได้ตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบขยายผลต่อไป

พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นการจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในไทย โดยอาศัยความร่วมมือจาก ‘ระบบ AIS Report Spam’ และร่วมกับ กสทช. ในการหาพิกัดของเครื่องส่งสัญญาณ ซึ่งวิธีการนี้ ทำให้มิจฉาชีพสามารถใช้ ‘เบอร์ประเทศไทย’ โทรศัพท์มาได้ แม้คนที่โทรจะอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยก่อนหน้านี้ที่มิจฉาชีพใช้เบอร์ +697 โทรมา แต่คนเริ่มรู้ทันไม่รับสาย จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้

วิธีการ คือการนำซิมเบอร์โทรศัพท์ปกติใส่เข้าไปในเครื่องนี้ และส่งสัญญาณ 4G/5G โยนออกไปนอกประเทศ ให้คนที่เป็นคอลเซ็นเตอร์ที่ทำงานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านใช้โทรมาคุยกับประชาชนในไทย โดยไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ในการโทรข้ามประเทศ

จากนี้จะต้องตรวจสอบว่า ทำไมถึงมีการนำเข้าเครื่องส่งสัญญาณตัวนี้มาได้ และจะนำซิมโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้ทั้งหมด ไปตรวจสอบชื่อผู้จดทะเบียนต่อไป ซึ่งจะมีความผิดด้วย คล้ายกับบัญชีม้า

สำหรับเครือข่ายนี้ จากการสืบสวนพบว่า เริ่มทำมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีหัวหน้าผู้บงการ เป็นชาวต่างชาติ ตอนนี้รู้สัญชาติแล้ว อยู่ระหว่างขยายผลเพื่อจับกุมต่อไป

ขณะที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์นี้ เช่าห้องที่คอนโด และใช้อุปกรณ์คล้ายตัวจ่ายไฟ เป็นเราต์เตอร์สำหรับใส่ซิมและส่งสัญญาณออกไป ซึ่งเครื่องส่งสัญญาณตัวนี้ หากจะมีการนำเข้ามาใช้ ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และการลักลอบนำเข้าประเทศมา ก็ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ด้วย

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาทาง AIS พยายามมาตลอดที่จะสื่อสาร ให้ความรู้กับประชาชนในการตรวจสอบแยกแยะสายโทรศัพท์ของมิจฉาชีพ แต่มิจฉาชีพยังคงมีกลไก เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ จึงได้เปิดศูนย์ 1185 Spam Report Center ขึ้นมา โดยทำงานใกล้ชิดกับตำรวจไซเบอร์ ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเบอร์โทรของมิจฉาชีพ ซึ่งมีประชาชนแจ้งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทีมเทคโนโลยีจึงตรวจสอบหมายเลขที่ได้รับแจ้ง และส่งต่อข้อมูลให้ตำรวจไซเบอร์และ กสทช. ขยายผล จนสามารถจับพิกัดของเครือข่ายที่เป็นแหล่งกำเนิดสัญญาณได้

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า ปัญหามิจฉาชีพละเมิดการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชน สร้างความเดือดร้อน รำคาญ ไปจนถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคล ปัจจุบันเกิดเพิ่มขึ้นตามลำดับ ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล ที่มีเป้าหมายสูงสุดคือ การปกป้องข้อมูลและการใช้งานระบบสื่อสารของลูกค้า ที่ผ่านมานอกเหนือจากการพัฒนาดิจิทัลเซอร์วิสเพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์ อาทิ AIS Secure Net , Google Family Link ที่สามารถดูแลการใช้งานโทรศัพท์มือถือให้อยู่บนความปลอดภัยจากสแปม,ฟิชชิ่ง,ไวรัสแล้ว AIS ยังได้ร่วมทำงานกับภาครัฐ อย่าง กสทช.และฝ่ายความมั่นคงอย่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ผ่านบริการสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา การทลายเครือข่ายในวันนี้ถือเป็นผลจากการร่วมทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเอไอเอส ยินดีที่จะสนับสนุนและร่วมทำงานกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องลูกค้าและประชาชนจากมิจฉาชีพที่จะถูกดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

สายด่วน 1185 AIS Spam Report Center
คือบริการสายด่วน รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าเอไอเอส ในกรณีถูกมิจฉาชีพโทรเข้ามารบกวน หรือได้รับ SMS Spam ให้สามารถโทรเข้ามาแจ้งได้ฟรี ผ่าน IVR Self Service และ AI Chatbot เพื่อให้ข้อมูลเบอร์โทรหรือ SMS ที่คาดว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ โดยเอไอเอสจะดำเนินการตรวจสอบถึงที่มา รายละเอียดการจดแจ้งลงทะเบียน รูปแบบการโทรของเบอร์ดังกล่าว ซึ่งจะบ่งชี้ได้ว่าเป็นเบอร์หรือ SMS ของกลุ่มมิจฉาชีพหรือไม่ หลังจากนั้นจะดำเนินการบล็อกเบอร์และ SMS นั้นๆ โดยทันที พร้อมแจ้งกลับไปยังลูกค้าภายใน 72 ชั่วโมง

เบาะแสอาชญากรรม ศูนย์ข่าวจังหวัดมุกดาหาร มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยบ้านป่าไร่


เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565
เวลา.09.30.น นายปราปมทย์ เพชราเวช สอ บจ ตำบลบ้านบาก อำเภอดอนตาลเขต 2 พร้อมครอบครัวและทีมงาน ได้ลงพื้นที่ไปมอบ ข้าวของเครื่องใช้ และเงินช่วยเหลือบ้านผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้บ้านของ นายถนอม วรวิเศษ บ้านเลข 93 หมู่ที่ 1 ตำบลป่าไร่อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งตัวเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ได้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลมุกดาหาร จึงได้มีญาติพี่น้อง ซึ่งเป็นตัวแทนมารับข้าวของเครื่องใช้ หลังจากได้พูดคุยพบปะกับญาติพี่น้องเรียบร้อยเพื่อถามหาสาเหตุดังกล่าวเพื่อที่จะหา แนวทางในการช่วยเหลือให้กับผู้ประสบอัคคีภัยต่อไปภาพโดย สุวิทย์ โพธิรัชต์ สุดารัตน์ คนไว และทีมงานเบาะแสอาชญากรรมมุกดาหาร รายงาน

รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ” คืนคนดีให้สังคม “

คุณศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พร้อมคุณเพชรลดา เฟื่องอักษร นักเขียนอิสระ , คุณอนันต์
เหยา ประธานกรรมการบริหาร ,คุณณัฐภา วุฒิหทัยธำรง บริษัทอีโค่ เลเท็กซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากจากยางพารา , บริษัทเอ็นแอลพี รุ่งเจริญ จำกัด ,คุณลิ้ม แซ่ตั้ง และ คุณโสภณ พันอินากูล ได้เข้าพบคุณวุฒิชัย เจนวิริยะกุล ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมติดภาระกิจได้มอบหมายให้คุณสมชาย พรเลิศรังสรรค์ ผู้อำนวยการส่วนบริหารทั่วไป , ผู้อำนวยการส่วนประสานราชการพร้อมคุณสมมาศ ศรีสุวรรณ นักทัณฑวิทยา ชำนาญการ ได้ให้การต้อนรับคณะและทางคณะได้มีจิตกุศลเดินทางมาบริจาคหนังสือให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางคลองเปรมได้อ่าน เพื่อเพิ่มพูนความรู้และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด
คืนคนดีให้สังคม เรือนจำจึงไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ลงโทษผู้ต้องขังด้วยการจำกัดอิสรภาพทางกายและการบังคับให้อยู่ในกฎระเบียบที่เข้มงวดเท่านั้น หากแต่ยังมีหน้าที่ฟื้นฟูจิตใจและเสริมสร้างศักยภาพในการประกอบอาชีพด้วย เพื่อที่เมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษ เขาจะสามารถกลับไปอยู่ในสังคมและสามารถประกอบอาชีพและ
สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพด้วยการประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวตนเองได้อย่างเข้มแข็ง

CR : รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

ชาวประมงพื้นบ้าน บ้านบ่ออิฐเกือบ 20 ลำนำเรือออกไปทำการประมงจับกุ้งจับปลาตามปรกติ

ไม่ได้รับผลกระทบจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยตอนบน คลื่นลมในทะเลอยู่ในสภาวะปรกติ โดยนำเรือออกไปทำการประมงจับปลาทุกวัน เพื่อชดเชยที่หยุดออกเรือช่วงคลื่นลมแรงที่ผ่านมา
วันนี้ 6 กรกฎาคม 2565 ที่บริเวณชายหาดบ้านบ่ออิฐ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา เนื่องจากในช่วงนี้คลื่นลมในทะเลชายฝั่งจังหวัดสงขลาอยู่ในสภาวะปรกติ ชาวประมงพื้นบ้าน บ้านบ่ออิฐ นำเรือเกือบ 20 ลำออกไปทำการประมงวางอวนจับกุ้งปูปลาตามปรกติทุกวัน เพื่อชดเชยที่หยุดออกเรือช่วงคลื่นลมแรงที่ผ่านมาและยังไม่รู้ว่าจะต้องมีการหยุดออกเรืออีกครั้งเมื่อไหร่ เนื่องจากภาคใต้ยังมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย โดยออกไปทำการวางอวนตั้งแต่ 03.00 น. และกลับเข้าฝั่งในช่วงเช้า หรืออาจเป็นช่วงสาย
หลังจากนำเรือกลับเข้าฝั่ง ก็มาจอดอยู่ริมชายฝั่งใกล้ชายหาด โดยไม่เข็นเรือขึ้นมาจอดบนฝั่ง เนื่องจากทะเลไม่มีคลื่นทะเลเรียบ บ้านบ่ออิฐมีเขื่อนกั้นคลื่น ทำให้มีเวิ้งอ่าวที่เรือเข้าออกได้ตลอดเวลา ริมชายหาดบ่ออิฐเรือสามารถจอดได้หลายสิบลำเพราะไม่มีคลื่น
ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก รายงานสภาพอากาศ ในวันนี้ (ที่ 6 ก.ค.65) มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่
ส่วนมากทางตอนบนของภาค ขอให้ประชาชนยังคงระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงส่วนชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค
ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

ผบช.สตม.แถลง5คดี รวบไต้หวัน OVERSTAY, หลบ Blacklist เข้าไทย, รวบหนุ่มอังกฤษ สวมข้อมูลบุคคลอื่นทำ Passport, แขกขาวอ้วนผอมปล่อยมุกหลอกแลกเงิน, ทลายขบวนการหลบหนีเข้าเมืองข้ามชาติ

  1. รวบไต้หวัน OVERSTAY พบประวัติหนีคดีฉ้อโกงบิตคอยน์กว่า 200 ล้านบาท

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้
สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทย หรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม, พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญโดยมีรายละเอียดดังนี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่าได้พบเห็นชายชาวต่างชาติมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกันกับผู้ต้องหาตามประกาศทางเว็บไซต์ของตำรวจไต้หวัน ชื่อนายซี(นามสมมติ)กระทำความผิดฐานฉ้อโกงเงินซื้อขายบิตคอยน์ โดยสายลับได้พบเห็นนายซี(นามสมมติ) ในซอยอาภาศิริ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ประสานงานสอบถามไปยังสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย รับแจ้งว่านายซี(นามสมมติ) เป็นบุคคลเดียวกันกับที่ทางการไต้หวันต้องการตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายจางเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 วีซ่านักท่องเที่ยว 60 วัน ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดลงแล้ว และยังพบว่า กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือ แจ้งว่านายซีฯ เป็นผู้ต้องหาที่ทางการไต้หวันต้องการตัวตามหมายจับของสำนักอัยการไทเป ที่ 4055 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2562 ในความผิดฐาน ฉ้อโกงเงินซื้อขายบิตคอยน์ เป็นเงินจำนวนกว่า 200 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 234 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ชุดจับได้สืบสวนจนทราบว่านายจางพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในซอยอาภาศิริ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ และได้ไปตรวจสอบพบนายซีฯ จึงได้จับกุมแจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

  1. รวบอินเดียทนแรงคิดถึงสาวไทยไม่ไหว แก้ไขข้อมูลเพื่อหลบ Blacklist

แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญโดยมีรายละเอียดดังนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายเอ็ม(นามสมมติ) อายุ ๕๘ ปี สัญชาติ อินเดีย ซึ่งอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับหญิงไทย โดยพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.แกลง จว.ระยอง มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าเข้ามาในประเทศไทยโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ไปตรวจสอบยังสถานที่ดังกล่าวและเชิญตัวมาที่ กก.1 บก.สส.สตม. เพื่อตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สตม. ผลการตรวจสอบพบว่า นายเอ็ม(นามสมมติ) เป็นบุคคลเดียวกับ นายม้า(นามสมมติ) ซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (จำนวน 60 วัน) และเป็นบุคคลห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ 1/2558 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 เป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 ถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 โดยจากการสอบถาม นายเอ็ม ให้การยอมรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันจริง โดยสาเหตุที่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ เนื่องจากตนอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับหญิงไทยซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรส หลังจากถูกผลักดันส่งกลับไปยังประเทศอินเดีย ทนความคิดถึงภรรยาไม่ได้ จึงได้ไปแจ้งเปลี่ยนชื่อและวันเดือนปีเกิด จากนั้นได้ไปขอทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่เพื่อหลบเลี่ยง Blacklist เข้ามาในประเทศไทย กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ขออนุมัติ ผบก.สส.สตม. เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยของนายโมฮาน เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 12 (10) รัฐมนตรีไม่อนุญาตให้เข้ามาในราอาณาจักร ตามมาตรา 16 นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวไว้รอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายต่อไป

  1. รวบหนุ่มอังกฤษ สวมข้อมูลบุคคลอื่นทำ Passport หนีหมายจับกบดานไทย

การจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญโดยมีรายละเอียดดังนี้

ด้วยหน่วยงาน NCA ( National Crime Agency) ประเทศสหราชอาณาจักร ได้ประสานขอความร่วมมือมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีชาวอังกฤษคือ นายเค(นามสมมติ) ได้นำข้อมูลส่วนบุคคลของนายบี(นามสมมติ) ชาวอังกฤษไปแสดงต่อหน่วยงานหนังสือเดินทางของอังกฤษเพื่อลวงทำหนังสือเดินทาง เพื่อเดินทางหลบออกจากประเทศอังกฤษเนื่องจาก ทางการอังกฤษได้ออกหมายจับในคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต่อมาทางการอังกฤษตรวจสอบพบจึงได้ ยกเลิกหนังสือเดินทาง และประสานทางการไทยให้ติดตามควบคุมตัวเพื่อนำตัวกลับประเทศอังกฤษ และยังแจ้งอีกว่ายังมีการกระทำความผิดในรูปแบบนี้อีกเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นอาชญากรหลบหนีหมายจับและมากระทำความผิดในประเทศที่ตนเองพักอาศัยอยู่
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสั่งการให้ บก.สส.สตม. ติดตามควบคุมตัว โดยได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้ว ต่อมาวันที่ 28 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่สืบสวน บก.สส.สตม.ได้ลงพื้นที่สืบสวนพบว่านายเค หรือนายบี (นามสมมติ) หลบซ่อนตัวที่วิลล่าหรูแห่งหนึ่งริมทะเลในจังหวัดภูเก็ต จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ จนเป็นที่แน่ใจ จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ จนยอมรับว่าหลบหนีออกจากประเทศอังกฤษเนื่องจากมีหมายจับของศาลอังกฤษในคดียาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ต่อไป

  1. จับแล้ว!! แขกขาวอ้วนผอมปล่อยมุกหลอกแลกเงินตระเวนก่อเหตุหลายพื้นที่

กล่าวคือ ก่อนทำการจับกุมได้ปรากฏภาพข่าว คนร้ายเป็นชายชาวต่างชาติ 2 คน ลักษณะแขกขาวอ้วนหนึ่งคนและผอมหนึ่งคน มีพฤติกรรมก่อเหตุใช้เทคนิคหลอกว่ามาขอแลกเงินเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจคนขายและฉกฉวยเอาเงินไปโดยไม่ทันรู้ตัว โดยได้ก่อเหตุพื้นที่ จ.ระยอง 2 ครั้ง และ จ.สมุทรสงคราม 1 ครั้ง แม้ว่าเหตุดังกล่าวจะเป็นเหตุเล็กน้อย แต่ผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งอาศัยช่องของการเข้าเพื่อท่องเที่ยวแต่มาตระเวนก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในวงกว้าง สตม. โดย บก.ตม.3 จึงไม่ได้นิ่งนอนใจรีบสั่งให้ดำเนินการสืบสวนในทันที
ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ทราบเหตุการณ์ดังกล่าวจึงได้เข้าไปทำการสืบหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคสืบสวนไล่กล้องวงจรปิดจนจนทราบว่าหลักแหล่งที่อาศัยและรถที่ใช้ก่อเหตุของคนร้าย แต่เนื่องจากไม่ใช่เหตุซึ่งหน้ายังไม่สามารถจับกุมได้ทันทีจึงได้ติดตามสะกดรอยหาหลักฐานเพิ่มเติม จนกระทั่งวันที่ 20 มิ.ย.65 ได้ติดตามคนร้ายทั้ง 2 คน มาถึงตลาดท่าใหม่ ต.ท่าใหม่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ชุดสืบสวนได้ซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ก็พบว่าคนร้ายดังกล่าว ตระเวนพยายามขอซื้อของร้านค้าโชห่วยหลายร้าน ชุดสืบสวนได้ตามเข้าไปถามร้านค้าที่คนร้ายเข้าไปแต่ละร้านก็พบว่าคนร้ายยังไม่ทันได้ก่อเหตุได้สำเร็จ แต่ต่อมาเมื่อคนร้ายเดินเข้าไปที่ร้านจำหน่ายไข่ไก่ชุดสืบสวนได้สังเกตเห็นว่ามีการสนทนากับคนขายในลักษณะมีการโต้เถียงกันอยู่พักใหญ่ หลังจากคนร้ายเดินออกไปก็ได้เข้าไปสอบถามคนขายไข่ไก่ก็ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือเพราะถูกคนร้ายทำทีมาซื้อไข่ไก่ 4 ฟอง และหลอกแลกเงินซึ่งเสียหายไปจำนวน 1,000 บาท ชุดสืบสวนจึงได้ติดตามจับกุมตัวคนร้าย 2 คนโดยทันที ทราบชื่อคนร้ายที่มีลักษณะอ้วนว่า นายเอส(นามสมมติ) อายุ 33 ปี สัญชาติ อิหร่าน คนร้ายอีกคนที่มีรูปร่างผอม ชื่อนายอาร์(นามสมมติ) อายุ 25 ปี สัญชาติ อิหร่าน โดยคนร้ายทั้งสองให้การรับสารภาพจึงได้จับกุมตัวนำส่งดำเนินคดี ในข้อกล่าวหา “รวมกันฉ้อโกง” โดยจับกุมได้ที่ ตลาดท่าใหม่ ต.ท่าใหม่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.65 เวลาประมาณ 14.00 น.
จากการซักถามคนร้ายทั้งสองรายได้เข้ามาในประเทศไทย ด้วยเหตุผลการท่องเที่ยว และรับสารภาพว่าตระเวนก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งในหลายพื้นที่ตามภาพวงจรปิดสถานที่ต่างๆที่ปรากฏ ซึ่งทางชุดสืบสวนได้ประสานงานข้อมูลให้กับพื้นที่ที่มีการก่อเหตุเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมกับคนร้ายต่อไป

  1. ตม.จว.สงขลา บูรณาการกำลังทลายขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองข้ามชาติเส้นทาง ประจวบฯ-สงขลา-นราธิวาส

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุพบศพนายดี (นามสมมติ)
อายุ 40 ปี เสียชีวิตบริเวณป่าละเมาะใกล้สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในพื้นที่ ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งบริเวณจุดพบศพผู้ตาย ทราบภายหลังว่าเป็นแหล่งพักพิงของแรงต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่เตรียมตัวลักลอบเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 และชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนจังหวัดสงขลาบูรณาการร่วมกับชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา และกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 หาตัวผู้กระทำความผิดทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม และผู้นำพาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทั้งขบวนการจนนำไปสู่การจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 109 คน ได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งไม่ไกลจากจุดพบศพท้องที่สถานีตำรวจภูธรทุ่งลุง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 ซึ่งหนึ่งในกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุมนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมข้างต้น
จากการสืบสวนพบว่า คนต่างด้าวทั้ง 109 คน เดินทางมาจากช่องทางธรรมชาติบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงยังจุดพบศพ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 จ่ายเงินให้นายหน้าประมาณ 50,000-60,000 บาท/คน หลังจากนั้นนายหน้าในพื้นที่จังหวัดสงขลาจะนำพามาพักรวมไว้เพื่อเตรียมลักลอบนำพาออกไปช่องทางธรรมชาติบริเวณจังหวัดนราธิวาส หลังเกิดเหตุขบวนการดังกล่าวหยุดความเคลื่อนไหวไป ประมาณ 3 สัปดาห์ แล้วก็กลับมาดำเนินการอีกครั้งจนนำมาสู่ปฏิบัติการจับกุมและขยายผลการจับกุมผู้นำพา คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง โดยห้วงระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลาและตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพัทลุงบูรณาการกำลังในพื้นที่ สามารถจับกุมผู้ให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา 14 คน แบ่งเป็น รายละเอียดดังนี้

  • เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา ร่วมกับชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตรวจคนเข้าเมือง 6 และหน่วยงานในพื้นที่ จับกุมนายวี(นามสมมติ) อายุ 33 ปี และนายสุ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี พร้อมกับพวก รวม 5 คน ข้อหา ร่วมกันให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้พ้นจากการจับกุม พร้อมของกลางยานพาหนะ 3 คัน ขณะนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 22 คน มาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มายังที่เกิดเหตุริมถนนทางหลวงหมายเลข 4204 ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางกล่ำ
  • เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดสงขลา ร่วมกับชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลาและชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จับกุม นายพี (นามสมมติ) อายุ 49 ปี และนางสาวศรี (นามสมมติ) อายุ 50 ปี บุคคลตามหมายจับ ศาลจังหวัดสงขลา ข้อหา ร่วมกันให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้พ้นจากการจับกุม หลังจากสืบทราบว่าทั้งสองคนเป็นนายหน้าตัวการสำคัญในพื้นที่ที่ติดต่อหารถนำพาคนต่างด้าวจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาส่งยังจังหวัดสงขลา มีส่วนร่วมในการนำพาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลาเคยจับกุมไปเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ในท้องที่สถานีตำรวจภูธรรัตภูมิ และยังเป็นผู้ติดต่อหารถให้กลุ่มแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทั้ง 109 คน จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มายังจังหวัดสงขลา
  • เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา ร่วมกับชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตรวจคนเข้าเมือง 6 และหน่วยงานในพื้นที่ จับกุมนายน้ำ(นามสมมติ) อายุ 23 ปี กับพวกรวม 2 คน ข้อหา ร่วมกันให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้พ้นจากการจับกุม พร้อมยานพาหนะ 2 คัน ขณะนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 22 คน จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มายังที่เกิดเหตุริมถนนทางหลวงสายเอเชีย หมายเลข 2 ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรรัตภูมิ
  • เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรป่าบอนร่วมกับชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพัทลุง จับกุม นายดำ(นามสมมติ) อายุ 35 ปี กับพวกรวม 5 คน ข้อหา ร่วมกันให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้พ้นจากการจับกุม พร้อมยานพาหนะ 4 คัน ขณะรอรับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 21 คน จากจังหวัดพัทลุงไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้านจังหวัดนราธิวาส ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรป่าบอน
    จากการจับกุมทั้ง 4 คดีนี้ มีผู้ต้องหาจำนวน 5 คน รับสารภาพว่ามีความเกี่ยวข้องกับขบวนการนำพาคนต่างด้าวจำนวน 109 คนข้างต้น นอกจากนี้ยังซัดทอดผู้ร่วมขบวนการอีก 5 คน ซึ่งศาลจังหวัดสงขลาได้ ออกหมายจับไว้แล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี
    สรุปผลการจับกุมเครือข่ายนำพาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเส้นทาง ประจวบคีรีขันธ์-สงขลา-นราธิวาส นั้น พบว่ามีนายหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้การช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจำนวนรวม 33 คน เกี่ยวพันกับการกระทำความผิดต่างท้องที่จำนวน 5 คดี จับกุมได้แล้ว 19 คน ตรวจยึดยานพาหนะ 13 คัน ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 28 เครื่อง มีเงินหมุนเวียนในระบบประมาณ 14 ล้านบาท

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ http://www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สังคมบุคคลในวงการมวยของชาวใต้ไม่เคยทิ้งกัน

เมื่อ 3 ผู้สูงอายุ วงการมวยภาคใต้ จากซ้าย "ยโสธร เลือดทักษิณ , ครูศักดิ์ ระโนด (หน.ค่ายมวยศิษย์ครูศักดิ์) และ แดนสยาม ฮ.มหาชัย" มาพบปะ แหลงใต้กันชนิด กลิ่นสะตอฟุ้ง ปลื้มใจทั่วหน้ากัน ในวันประชุมสามัญประจำปี 2565 ของสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย ณ.โรงแรมเดอะบาซาร์ แบงค็อก ห้องประชุมรัชวิภา กทม. เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา

“พ.ต.ท.สมพร ภูมิภัทร “นายสนามมวยภูมิภัทร สเตเดี้ยม ได้ฤกษ์เปิดมิติใหม่ วงการมวยเมืองคอน จัดมวยรายการพิเศษกับศึก”ส. ภูมิภัทร “ณ.สนามมวยภูมิภัทร สเตเดี้ยม(ตรงข้ามเซ็นทรัลพลาซ่า อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 9 กรกฏาคม 2565 นี้ โดยมีผู้ใหญ่หลายวงการ ให้การสนับสนุนเต็มอัตราศึก แฟนมวยแดนใต้ ไปชมมวยให้กำลังใจกันเยอะๆ น่ะครับท่าน

อดีตยอดมวยดังฝีมือดีจากภาคใต้ “ฉัตรชัย ปัญญาวุธ ” ประธานชมรมนักมวยเก่าจังหวัดสงขลา ได้รับเกียรติขึ้นคาดเข็มขัดแชมป์ของสนามมวยนานาชาติหาดใหญ่ ให้กับ” กิตติศักดิ์ ส.เดชะพันธ์ ” หลังจากกรรมการ บุญศักดิ์ ตุ้นสุวรรณ ชูมือให้ชนะคะแนน นาทีทอง พักยกรวมใจ “ศึกรวมพลคนรักเพื่อน +จ่ายุทธ กองสืบ ” ณ.สนามมวยนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม 2565 ที่ผ่านมา

ภาพ-ข่าว สิงห์จุก ม.อ.ทีมข่าว ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ หาดใหญ่ จ.สงขลา

” โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่าง บ้านรอตันบาตู หมู่ที่ ๗ ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส “

รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ออกอากาศวันศุกร์ที่ 8 กรกฏาคม 2565 เวลา 15.05 น. – 15.30 น. สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านรอตันบาตู โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงห่วงใยในพสกนิกร จึงมีพระราชเสาวนีย์ “เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของประชาชน ข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตำรวจ ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมที่สูญเสียหัวหน้าครอบครัว เนื่องจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ สามจังหวัดชายภาคใต้ ” จึงทำให้เกิดโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงขึ้นเพื่อให้ประชาชน ผู้ได้รับผล
กระทบ ได้อยู่อาศัยอย่างปลอดภัยไม่ละทิ้งถิ่นฐานพร้อมสัมภาษณ์พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สัมภาษณ์ภาพรวมโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านรอตันบาตู
จังหวัดนราธิวาส

อย่าพลาดติดตามชมรายการคืนคุณให้แผ่นดิน ออกอากาศวันศุกร์ที่ 8 กรกฏาคม พ.ศ. 2565
เวลา 15.05 น. – 15.30 น. สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ( กดหมายเลข 5 )
คุณอภิคม แก้วละเอียด (ตูมตาม ) พิธีกรภาคสนามดำเนินรายการคืนคุณให้แผ่นดิน

CR : ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

เจ้าหน้าที่กู้ภัยดับเพลิงของอบต บ้านป่าไร่ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้

เบาะแสอาชญากรรม ศูนย์ข่าวจังหวัดมุกดาหาร เกิดเหตุเพลิงไหม้วอดวายไป 1 หลังพร้อมรถกระบะ
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565
เวลา.03.00.น
เจ้าหน้าที่กู้ภัยดับเพลิงของ
อบต บ้านป่าไร่ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนพี่น้องประชาชน จึงได้จัดเตรียมกำลังพลพร้อมรถดับเพลิงและประสานงานรถดับเพลิง อบต ใกล้เคียงรถไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานดับเพลิงของ อบต บ้านเหล่าหมี อบต บ้านบากและ เจ้าหน้าที่ สภ ป่าไร่ รวมกันระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดกันเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังบริเวณใกล้เคียง หลังจากระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เพิ่งได้สงบลง ทางเจ้าหน้าที่ สภ ป่าไร่จึงได้โทรประสานถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอดอนตาล ได้เรียนให้นายอำเภอได้รับทราบ เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว แต่ในช่วงวันเดียวกันเมื่อถึง.เวลา 08.30.น.นายชาคริต ชุมจันทร์
นายอำเภอดอนตาล ทราบเรื่องเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อเดินทางมาถึงในพื้นที่เหตุเพลิงไหม้ จึงได้สอบถามสาเหตุของเพลิงไหม้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยของ อบต ป่าไร่ ทราบชื่อ เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ นายถนอม วรวิเศษ อายุ.63.ปีบ้านเลขที่.93.มหู่.1.
ตบลป่าไร่ อำเภอดอนตาล
จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่สภ. ป่าไร่คาดว่าสาเหตุเกิดมาจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่ง ทราบภายหลัง ว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนเดียว และบาดเจ็บถูกไฟลวกครึ่งตัว ทางกู้ชีพป่าไร่จึงได้นำตัวส่ง รพ ดอนตาล และต้องส่งต่อไปยัง รพ มุกดาหาร เพื่อทำการรักษาจากเครื่องมือที่ทันสมัย หลังจากทราบเรื่องการส่งตัวผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว จึงได้ลงพื้นที่สำรวจบริเวณความเสียหายของบ้านเรือนดังกล่าว ความเสียหายเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น เสียหายทั้งหลัง รถกระบะ 1 คัน รถไถใหญ่ 1 คันรถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน และข้าวเปลือกประมาณ 50 กระสอบ และข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ได้รับความเสียหายทั้งหมดอยู่ในระหว่างตรวจสอบ และทาง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้ร่วมกันจัดตั้ง ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์อัคคีภัย ณบ้านเลขที่ 93 หมู่ที่ 1 ตำบลป่าไร่อำเภอดอนตาลจังหวัดมุกดาหาร แล้วเวลา 09.30 น นายเฉลิมพล มั่งคั่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ทราบเรื่องเหตุการณ์ เพลิงไหม้จากนายชาคริต ชุมจันทร์ นายอำเภอดอนตาล จึงได้ประสานไปยังเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร เวลา.10.00.น
นายเฉลิมพล มั่งคั่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมคณะ ได้เข้าเยี่ยมและ ให้กำลังใจผู้บาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ ณ โรงพยาบาลมุกดาหาร หลังจากเสร็จการเยี่ยมเยียนเพื่อให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยเรียบร้อยแล้วจึงได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อที่หาแนวทางในการช่วยเหลือให้กับผู้ประสบอัคคีภัยต่อไป ภาพโดย สุวิทย์ โพธิรัชต์ เรียบเรียงโดย สุดารัตน์ คนไว เหยี่ยวข่าวยอดพญายมรายงาน

กรมศุลกากรร่วมกับหน่วยงานสกัดกั้นยาเสพติด ยึดเคตามีน 50 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท

วันนี้ (5 กรกฎาคม 2565) เวลา 10.00 น. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รองอธิบดีกรมศุลกากร นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท. พรชัย เจริญวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.ปส. พล.ต. ธีรเดช กลัมพสุต ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการข่าว ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) นายโคดี้ ต่ง เลขานุการฝ่ายกฎหมาย จากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (MJIB) ร่วมแถลงข่าวตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 50 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท

ณ ศูนย์แถลงข่าว ชั้น 2 อาคาร 1 กรมศุลกากร

Design a site like this with WordPress.com
Get started