“อลงกรณ์”หารือ”เวียดนาม”ผนึกความร่วมมือ2ชาติยกระดับราคาข้าว หวังเพิ่มอำนาจต่อรองในตลาดโลก

พร้อมเสนอเพิ่มเส้นทางขนส่งสินค้าเกษตรผ่านท่าเรือไฮฟองและท่าเรือหวุ่งอ๋างแก้ปัญหาด่านผลไม้ติดขัด รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งวันนี้ว่า ตามที่ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายให้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร4.0และประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC:Agritech and Innovation Center)กล่าวปาฐกถาเปิดงาน “เทคโนโลยีเกษตรและพืชสวนแห่งเอเซีย 2022(Agritechnica Asia & Horti Asia 2022) ณ ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา

ในการนี้ดร. ทรัน ทานห์ นาม (H.E. Mr. Tran Thanh Nam) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้หารือกับนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้เดินทางมาร่วมงาน “เทคโนโลยีเกษตรเอเซียและพืชสวนเอเซีย 2022(Agritechnica Asia & Horti Asia 2022)
ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมสนับสนุนร่วมกับ German Agriculture Society (DLG)
 
ทั้งนี้ ดร. ทรัน ทานห์ นาม (H.E. Mr. Tran Thanh Nam) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้กล่าวขอบคุณประเทศไทยที่ให้การต้อนรับ และหารือความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ 1) ความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตผลทางเกษตร 2) การสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหกรณ์การเกษตร ซึ่งฝ่ายเวียดนามเห็นว่าประเทศไทยมีสหกรณ์การเกษตรที่เข้มเข็งและมีชื่อเสียงด้านผลิตภัณฑ์ OTOP จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มาดูงานด้านสหกรณ์ในประเทศไทย 3) การสนับสนุนให้เกษตรกรใช้เครื่องมือทางการเกษตรแทนแรงงานคน 4) การอบรมเกษตรกร 5) ความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary: SPS)
 
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวตอบว่า ไทยยินดีให้การสนับสนุนเวียดนามในประเด็นดังกล่าวและเห็นว่าทั้งสองประเทศมีกลไกความร่วมมือด้านการเกษตรและSPSในรูปคณะทำงานร่วมซึ่งสามารถเร่งรัดนัดหมายประชุมเพื่อเดินหน้าความร่วมมือในด่านต่างๆได้โดยเร็วทั้งนี้มีประเด็นที่ขอความร่วมมือในการดำเนินการต่าง ๆ ได้แก่
1) เสนอให้กระชับความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับไทยเรื่องข้าวตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อยกระดับราคาข้าวและเพิ่มรายได้ชาวนาเพราะกว่า20ปีที่ผ่านมาราคาข้าวในตลาดโลกต่ำมากวนเวียนอยู่ที่300-400ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในขณะที่ต้นทุนสูงขึ้นตลอดเวลา
หากไทยและเวียดนามซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกร่วมมือกันจะมีอำนาจต่อรองครองตลาดโลก ชาวนาทั้ง2ประเทศจะมีรายได้เพิ่มขึ้นพ้นจากความยากจนและหนี้สิน
2) เสนอให้เวียดนามสนับสนุนการจัดตั้งสภายางพาราอาเซียน (ASEAN RUBBER COUNCIL : ARCo)
เพื่อร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพารา สนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยาง และเพิ่มอำนาจการต่อรองของกลุ่มอาเซียน
3)ขอให้ฝ่ายเวียดนามเร่งรัดการอนุญาตนำเข้ามะม่วงและเงาะจากไทยตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันตั้งแต่ปี 2559
รวมทั้งการส่งออกลูกไก่และไข่ฟักพ่อแม่พันธุ์จากไทยไปเวียดนาม ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้นำประเด็นดังกล่าวไปหารือเพิ่มเติมในการประชุม SPS
4)เสนอเวียดนามพิจารณาจัดสรรคิวรถขนส่งผลไม้สดซึ่งเป็นสินค้าเน่าเสียง่ายของไทยที่จะผ่านด่านเวียดนามไปจีนเป็นกรณีพิเศษเช่นด่านโหยวอี้กวน ด่านตงชิง เป็นต้น
5)เสนอเพิ่มความร่วมมือด้านโลจิสติกส์การเกษตรระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ผ่านท่าเรือหวุ่งอ๋าง (Vung Ang) และท่าเรือไฮฟองซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขนส่งผลไม้และสินค้าเกษตรไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศอื่นๆ
6)ประเทศไทยสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องโอค็อป( One Commune One Product :OCOP) ของเวียดนามเช่นกัน
7)ขอให้ฝ่ายเวียดนามเร่งแจ้งชื่อผู้ประสานงานหลัก (Contact Point) และจัดประชุม SPS ครั้งที่ 2
ซึ่งเป็นไปตามกรอบการหารือก่อนหน้านี้ระหว่าง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทยที่กระทรวงเกษตรฯ.โดยรัฐมนตรีเกษตรฯ.ของเวียดนามได้มีหนังสือเชิญรัฐมนตรีเกษตรฯ.ของไทยไปเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการและอยู่ระหว่างการกำหนดวันเวลาที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ทั้ง2ฝ่านเห็นพ้องที่จะให้นำเสนอประเด็นอื่นๆเพิ่มเติมในภายหลังการหารือครั้งนี้ และเห็นควรให้มีการหารือในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ในคณะทำงานร่วมโดยเฉพาะในช่วงการจัดงาน Agritechnica ที่ฝ่ายเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2565 โดยเวียดนามแจ้งว่าจะมีหนังสือเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วมงานดังกล่าวอย่างเป็นทางการโดยเร็วต่อไป.
 

ต้นแบบ ศูนย์การเรียนรู้ การผลิตทุเรียนให้คุณภาพดี

จังหวัดมุกดาหาร
จากปัตตานี
แปลงส่งเสริมต้นแบบเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูการผลิดใหม่
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2565
เวลา 10 00 น
หน่วย ร้อย ทพ ที่ 2012 ฉก ทพ 20 ลงพื้นที่ แปลงส่งเสริมต้นแบบ ศูนย์การเรียนรู้ การผลิตทุเรียนให้คุณภาพดีโดย ร ต อดุล ลับดีพะเนาร์ ปฎิบัติราชการแทน ผบ ร้อย ทพ 2012 ฉก ทพ 20 พร้อมด้วย จ ส อ พุฒธะ ทบแปหัวหน้าชุด เสริมสร้างความเข้าใจเข้าร่วมวันภ่ายทอดเทคโนโลยีเพี่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่
Fielddsy 2565 ณ แปลงเรียนรู้การผลิดทุเรียนที่มีคุณภาพและเรียนที่ใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิดซึ่งมี นายชาลี สิตบุศย์ เกษตรจังหวัดเป็นประธานกล่าวเปิดงานและมี นายอาแว กระโดเป็นเกษตรกรต้นแบบในงานมีการจัดกิจกรรมฐานเรียนรู้ที่ 1 ภ่ายทอดเทคโนโลยีป้องกันโรคโดยการฉีดเข้าลำต้นการจัดดินเพื่อการเกษตรและการใช้ชีวภัณฑ์เพื่อการเกษตรและการจัดทำบัญชีฟาร์มการผลิตอาหารสัตว์น้ำแบบลดต้นทุนและการเลี้ยงส้ตว์ปีกโดยมี นายวิรัตน์ บุญุจันทร์ ปลัดอาวุโส เป็นตัวแทนนายอำเภอและ นางภาวะดี นิ่มหนู ปลัดอำเภอหัวหน้าประจำตำบลผู้นำท้องถิ่นบัณฑิดอาสาหน่วยงานราชการในพื้นที่และพี่น้องประชาชนเกษตรในเขตพื้นที่บ้านบาซากาจิหมู่ที่ 2 ตำบล กระโด อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี และผลการปฏิบัติงานพี่น้องประชาชนให้ความสนใจและศืกษาเก็บข้อมูล เพื่อนำไปเป็นแนวทางการปฎิบัติ ให้กับเกษตรกรยุคใหม่ต่อไป
ภาพ แจ็คกี้ นักรบกรุงศรี
เรียบเรียงโดย สุดารัตน์ คนไว
เหยี่ยวข่าวยอดพญายมรายงาน

คณะมูลนิธิปอเต็กตึ้ง เดินทางมาให้ความช่วยเหลือ มอบอุปกรณ์ยังชีพและเงินช่วยเหลือ

จังหวัดมุกดาหาร
อำเภอดอนตาล
ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดอัคคีภัย วอดวาย 4 หลังลวด บ้านนาสะเม็ง 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2565
เวลา 10 00 น นายบุญนาม
อินทปัญญา นายก อบต
ตำบลนาสะเม็ง ได้มอบหมายให้ ้นายธงชัย ใจทัด รองนายก อบต นาสะเม็งและ นายประยัด คนไว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านนาสะเม็ง พร้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพี่น้องประชาชน บ้านนาสะเม็ง
ตำบลนาสะเม็ง อำเภอดอนตาล
จังหวัดมุกดาหา รอให้การต้อนรับคณะมูลนิธิปอเต็กตึ้ง ที่ได้เดินทางมาให้ความช่วยเหลือ มอบอุปกรณ์ยังชีพและเงินช่วยเหลือ เยียวยาให้กับพี่น้องที่ประสบอัคคีภัย จากเหตุการณ์ไฟฟ้า ลัดวงจร
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ก็ยังมีหน่วยงาน หลายๆหน่วยงานและพี่น้องประชาชนที่ทราบข่าว ได้เดินทางมามอบ ของใช้เครื่องอุปโภคบริโภคและเงินช่วยเหลือ ให้กับครอบครัวผู้ประสบภัยทั้ง 4 ครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง สิ่งดีๆเหล่านี้เราจะได้นำเสนอให้ กับสังคมบนโลกใบนี้ ได้รับทราบต่อไป ภาพ เนื้อหาโดย สุดารัตน ์คนไว
เหยี่ยวข่าวยอดพญายม รายงาน
😈👹㊗

สพป.สงขลา 2 ติวเข้ม สภานักเรียนวัดหูแร่ ขับเคลื่อนสู่ รร.ต้นแบบสภานักเรียน สพฐ.


วันนี้ 25 พ.ค.65 ที่ โรงเรียนวัดหูแร่ หมู่ที่ 3 ถนนเพชรเกษม บ้านหูแร่ ตำบลทุ่งตำเสา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สพป.สงขลา เขต 2 นายอุทัย กาญจนะ ผอ.สพป.สงขลา เขต 2 มอบให้ นางกาญจนา อักษรนิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา ลงพื้นที่ เพื่อเป็นกำลังใจให้ ครู นักเรียน ในการดำเนินการกิจกรรม “ สภานักเรียน”เชิงประจักษ์ ที่นักเรียนดำเนินการตามบทบาท นำโดยประธานสภานักเรียน เพื่อนำไปสู่ความเป็นพลเมืองตามวิถีตามระบอบประชาธิปไตย ในกระบวนการตามหลักธรรมาภิบาล ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงอย่างมีความสุข
โดยมีนายชวลิตร คงคาเนรมิตร ผู้อำนวยการ โรงเรียนวัดทุ่งลุงมิตรภาพที่ 198 ให้เกียรติมาเล่าประสบการณ์และชี้แนะแก่ น้องๆ”สภานักเรียน” รวมถึงรับชม การสาธิต กระบวนการของสภานักเรียน เนื้อหา 20 ตัวชี้วัด การซักถามปัญหาต่างๆ เพื่อเป็นกำลังใจ น้องๆ ทีมสภานักเรียน
โดยมีนางประภา อัครพงศ์พันธุ์ ผอ. โรงเรียนวัดหูแร่ พร้อมคณะครู ได้สาธิตขั้นตอนการ กระบวน สภานักเรียน เพื่อการขับเคลื่อนการคัดเลือก โรงเรียนต้นแบบสภานักเรียน ระดับภาคใต้ สู่การคัดเลือกระดับประเทศ ของสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ถือเป็นกิจกรรมที่ดี ได้รับโอกาสแก่นักเรียนสู่ความเจริญรุ่งเรืองที่ดำเนินการอย่างครอบคลุม สร้างขวัญกำลังใจสู่ความสำเร็จ เป็น โรงเรียนต้นแบบสภานักเรียน สพฐ.ต่อไป

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

รมว.เกษตรฯ…เปิด “Fisherman Shop” อย่างยิ่งใหญ่กระจายผลผลิตจากชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำส่งตรงถึงผู้บริโภคพร้อมกัน 77 สาขาทั่วประเทศ การันตีคุณภาพด้วยตราสัญลักษณ์ “ประมงธงเขียว”

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 เวลา 10.30 น. ณ กรมประมง กรุงเทพมหานคร ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดร้าน Fisherman Shop @ Bangkhen ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และเปิดออนไลน์พร้อมกันอีก 76 สาขาทั่วประเทศ หนุนตั้งจุดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำให้กับพี่น้องชาวประมงและเกษตรกรส่งตรงถึงผู้บริโภค โดยการันตีคุณภาพมาตรฐานด้วยตราสัญลักษณ์ “ประมงธงเขียว” โดยโอกาสนี้ นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง และคณะผู้บริหารกรมประมงร่วมให้การต้อนรับ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของพี่น้องชาวประมงและเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เนื่องจากขาดช่องทางในการจัดจำหน่ายผลผลิตได้ตามปกติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีนโยบายให้กรมประมงเร่งหาแนวทางช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ด้วยการจัดหาพื้นที่สำหรับให้ชาวประมงและเกษตรกรสามารถจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำไปสู่ผู้บริโภคได้โดยตรง พร้อมให้การสนับสนุนองค์ความรู้ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าประมง รวมทั้งเพิ่มทักษะทางด้านการจำหน่าย การแปรรูป การบรรจุภัณฑ์ ที่จะช่วยส่งเสริมการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และปลอดภัย โดยให้เครื่องหมายในการรับรองเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค เกิดความจดจำและมั่นใจในตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งพัฒนาช่องทางการตลาดในรูปแบบใหม่ ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้การกระจายสินค้าสัตว์น้ำสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การส่งเสริมในการประกอบกิจการของชาวประมงและเกษตรกรครบวงจรสามารถผลิตได้ ขายได้ อย่างยั่งยืน และหวังว่าร้าน Fisherman Shop ในทุกสาขาของทุกจังหวัดจะเป็นที่พึ่งทั้งของผู้ผลิตและผู้บริโภคในการจำหน่ายผลผลิตที่มีคุณภาพ ราคายุติธรรม โดยกรมประมงเป็นผู้รับรองด้วยสัญลักษณ์ “ประมงธงเขียว” ด้านนายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กรมประมงได้ขานรับนโยบายดังกล่าว โดยในระยะเร่งด่วนได้จัดทำโครงการกระจายสินค้าประมงพื้นบ้านสู่ผู้บริโภค หรือ Fisherman market เพื่อช่วยเหลือชาวประมงในพื้นที่ 23 จังหวัดชายทะเล ซึ่งปรากฎว่ามีผลตอบรับเป็นอย่างดี จึงได้ต่อยอดการดำเนินการในระยะยาวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยจัดตั้งร้าน “Fisherman shop " ขึ้นทุกจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับเป็นร้านค้าเพื่อช่วยกระจายผลผลิตสัตว์น้ำที่มีคุณภาพให้กับพี่น้องชาวประมงและเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเชื่อมโยงการตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยตรง ในราคาที่เป็นธรรม พร้อมทั้งยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้กับชาวประมงและเกษตรกรและยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกช่องทางหนึ่งด้วย โดยผลการดำเนินตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2564 – 20 พฤษภาคม 2565 ได้จำหน่ายสินค้าของพี่น้องชาวประมงและเกษตรกรรวมกันทั้งประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 10,904,313. บาท (สิบล้านเก้าแสนสี่พันสามร้อยสิบสามบาทถ้วน)

สำหรับ “Fisherman shop @ Bang Khen” ถือเป็นร้านค้าต้นแบบสาขาแรกของกรมประมง ที่รวบรวมผลผลิตสัตว์น้ำของชาวประมงและเกษตรกรจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มาวางจำหน่ายให้ผู้บริโภคซึ่งเป็นคนเมืองได้ช่วยกันอุดหนุน โดยมีสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงมากมายกว่า 200 รายการ อาทิ ลูกชิ้นปลา ไส้อั่วปลานิล ปลาทูต้มหวาน ปลาดุกแผ่นกรอบ ปลาดุกเส้นหวาน ปลาสลิดแดดเดียว ปลากะพงดอกเกลือ ปลากุเลาเค็ม ปลาดุกร้า ข้าวเกรียบปลาสมุนไพร ปั้นสิบข้าวหอมมะลิไส้ปลา กรอบเค็มปลาเสริมแคลเซียม สาหร่ายไกแผ่นทรงเครื่อง หมึกแห้ง ปลาช่อนแดดเดียว ปลาสวายแดดเดียว เชียงปลา น้ำพริกปลาร้าสมุนไพร ปลาสวรรค์พร้อมปรุง และอื่น ๆ อีกหลากหลายชนิด โดยเปิดให้บริการทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 07.30 – 17.30 น. และวันศุกร์ เวลา 07.00 – 17.00 น. กิจกรรมครั้งนี้ ยังได้มีการเปิดตัวตราสัญลักษณ์ “ประมงธงเขียว” ซึ่งแสดงถึงการการันตีคุณภาพของสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่นำมาจำหน่ายภายใน “Fisherman shop" ว่าทั้งหมดได้ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากกรมประมง เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น 5 ประการ ได้แก่

  1. สด วัตถุดิบที่สดใหม่
  2. สะอาด ผ่านกระบวนการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ
  3. ได้มาตรฐาน เป็นไปตามมาตรฐานการเลี้ยง การผลิต และผลิตภัณฑ์
  4. ปลอดภัย ได้รับการตรวจคุณภาพและผ่านเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
  5. ใส่ใจสิ่งแวดล้อม มาจากการทำประมงและการเพาะเลี้ยงอย่างยั่งยืน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ในโอกาสนี้ อธิบดีกรมประมงได้นำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เยี่ยมชมและอุดหนุนสินค้าภายในร้าน Fisherman Shop @Bang Khen พร้อมพบปะพูดคุยกับเกษตรกรชาวประมงที่มาร่วมออกบูทนิทรรศการสินค้าประมงพื้นบ้านภายในงานอีกด้วย อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า ขณะนี้ร้าน Fisherman Shop @สาขาประจำจังหวัด อีก 76 แห่งทั่วประเทศ มีความพร้อมสำหรับเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงให้กับเกษตรกรชาวประมงแล้วเช่นกัน ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งเน้นให้การตลาดนำการผลิต ช่วยพี่น้องเกษตรกรชาวประมงให้มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยกรมประมงจะทำการคัดสรรสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงจากพี่น้องเกษตรกรชาวประมงที่เป็นไปตามมาตรฐาน “ประมงธงเขียว” เพื่อนำเข้าสู่ระบบและวางจำหน่ายในร้าน Fisherman Shop ให้มีความหลากหลายมากที่สุด สำหรับเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้ร่วมอุดหนุนสินค้าคุณภาพ จึงขอฝากให้ผู้บริโภคทั่วประเทศได้ให้การอุดหนุนสินค้าประมงที่ร้าน Fisherman Shop @ จังหวัดของท่านด้วย

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จับมือ มูลนิธิวิชาหนังสือ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภาลงนาม MOU สืบสานภาษาไทย ส่งเสริมวัฒนธรรมหนังสือ-ระบบหนังสือของประเทศ

วันนี้ ๒๓ พ.ค. ๖๕ พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม มูลนิธิวิชาหนังสือ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ในการส่งเสริมให้คนในชาติเห็นคุณค่าร่วมกันสืบสานภาษาไทย และพัฒนาวัฒนธรรมด้านหนังสือ ส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง โดยนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธี โดยมี นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นายมกุฏ อรฤดี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เลขานุการมูลนิธิวิชาหนังสือ และ รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา ผู้แทนหน่วยงานลงนาม ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประธานพิธีกล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาติ โดยการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและเผยแพร่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ศิลปะ ประเพณี ภูมิปัญญา โดยเฉพาะ การสนับสนุนความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างกรมส่งเสริมวัฒนธรรม มูลนิธิวิชาหนังสือ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ในการส่งเสริมให้คนในชาติเห็นคุณค่าของภาษาไทยและวัฒนธรรมด้านหนังสือ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและแผนยุทธศาสตร์ชาติ ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาวัฒนธรรมด้านหนังสือ ส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง อันจะเป็นการสืบสาน รักษา และต่อยอดวัฒนธรรมภาษาไทยและหนังสือไทยให้คงอยู่ตลอดไป ด้าน นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้กล่าวถึงความเป็นมาในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้ว่า ด้วยทั้งสามหน่วยงาน เล็งเห็นความสำคัญของหนังสือว่า เป็นเครื่องมือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของชาติ หนังสือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร การแลกเปลี่ยนความรู้การถ่ายทอดจินตนาการ ความรู้สึกนึกคิด และการบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อพัฒนาความคิด สติปัญญาของมนุษย์ให้เจริญงอกงาม

รองอธิบดีสวธ. กล่าวต่อว่า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการฉบับนี้ จัดทำขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ ๔ ด้าน คือ ๑. เพื่อส่งเสริมให้คนในชาติเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมทางหนังสือ เป็นการสืบสาน รักษา และต่อยอดภาษาไทยอันดีงาม ๒. เพื่อร่วมกันส่งเสริม สนับสนุน เผยแพร่ และประสานความร่วมมือให้เกิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาวัฒนธรรมทางหนังสือ เพื่อการพัฒนาตนเองของเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๓. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการระดับท้องถิ่น ตั้งแต่ชาวบ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการต่าง ๆ และ ๔. เพื่อร่วมกันพัฒนาและสร้างสื่อการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับบุคคลแต่ละกลุ่มเป้าหมาย อันเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนในประเทศเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน สร้างวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศได้ อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาคนและพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ด้านมูลนิธิวิชาหนังสือ นายมกุฏ อรฤดี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เลขานุการมูลนิธิวิชาหนังสือ ได้กล่าวถึงแนวทางความร่วมมือการส่งเสริมวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศไทย ว่า ภาษาเป็นวัฒนธรรมอันสำคัญของชาติเป็นสื่อกลางให้คนในชาติสื่อสารติดต่อถึงกัน ทั้งยังช่วยส่งเสริมให้วัฒนธรรมด้านอื่น ๆ ของชาติเจริญยิ่งขึ้น ภาษานำมาซึ่งการสร้างสรรค์งานเขียนหรือหนังสือในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งหนังสือนั้นเป็นมากกว่าเครื่องมือถ่ายทอดความคิดและความบันเทิงเริงรมย์ หนังสือคือผลผลิตขนาดใหญ่จากการอ่าน การเขียน และความคิด ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิวิชาหนังสือ จึงร่วมมือกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ในการส่งเสริมวัฒนธรรมหนังสือ และระบบหนังสือของประเทศไทย ร่วมกันสร้างสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพให้ถึงมือประชาชนอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ร่วมกันส่งเสริมเผยแพร่นโยบาย ‘หนังสือคือวัฒนธรรมของชาติ’ ตลอดจนร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาวัฒนธรรมหนังสือทุกรูปแบบ เพื่อการพัฒนาตนเองของเด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไปด้วยความรู้และสติปัญญา ด้วยวัฒนธรรมหนังสือ

ในส่วนผู้แทนสำนักงานราชบัณฑิตยสภา รองศาสตราจารย์ ดร.ศานติ ภักดีคำ รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา กล่าวว่า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ จะเป็นการรักษา ส่งเสริมเผยแพร่ภาษาไทย อันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย แสดงออกถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม เป็นการอนุรักษ์และสืบสานภาษาไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป ร่วมกันพัฒนาเผยแพร่ และอนุรักษ์ภาษาไทย ส่งเสริมภาษาไทย มิให้แปรเปลี่ยนไปในทางที่เสื่อม ร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ส่งเสริมรากฐานวัฒนธรรมหนังสือ เผยแพร่หนังสือทุกรูปแบบ รวมทั้งจัดกิจกรรมทางวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันดำเนินงานโครงการให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล บรรลุเป้าหมายตามนโยบายหรือแผนที่กำหนดไว้ อันจะเป็นจุดเริ่มต้นและส่งผลกระทบในวงกว้างให้คนในชาติเห็นคุณค่าของภาษาไทยและวัฒนธรรมหนังสืออย่างยั่งยืนสืบไป

อนึ่ง แนวทางการดำเนินงานและกิจกรรมความร่วมมือ ตามบันทึกข้อตกลงในฉบับนี้ ประกอบด้วย
๑. ร่วมพัฒนาการเผยแพร่การใช้ภาษาไทย การอนุรักษ์ภาษาไทยมิให้แปรเปลี่ยนไปในทางเสื่อม การส่งเสริมภาษาไทยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาติให้ปรากฏเด่นชัดยิ่งขึ้น และการให้บริการทางวิชาการแก่ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์การมหาชน หน่วยงานอื่นของรัฐสถาบันการศึกษา หน่วยงานของเอกชน และประชาชน ตลอดจนงานวิชาการตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานทั้ง ๓ (สาม) ฝ่าย
๒. ร่วมกันเผยแพร่และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ประสงค์ให้หนังสือไทยเป็นวัฒนธรรมแห่งชาติร่วมส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ส่งเสริมรากฐานวัฒนธรรมทางหนังสือ และเผยแพร่หนังสือทุกรูปแบบ
๓. จัดพิมพ์หนังสือและผลิตสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็ก เยาวชน ไปจนถึงผู้สูงอายุได้มีโอกาสเข้าถึงการอ่านอย่างมีคุณภาพ
๔. จัดกิจกรรมทางวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันดำเนินงานโครงการให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล บรรลุเป้าหมายตามนโยบายหรือแผนซึ่งกำหนดไว้ รวมทั้งดำเนินการอื่นใด ตามที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม มูลนิธิวิชาหนังสือ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภาเห็นสมควร
๕. ในการร่วมกันดำเนินการต่าง ๆ ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการครั้งนี้ให้เป็นไปตาม อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานทั้ง ๓ (สาม) ฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายตกลงรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายและงบประมาณสำหรับการดำเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้ในส่วนที่เป็นภาระหน้าที่ของฝ่ายนั้นเอง ส่วนค่าใช้จ่ายและงบประมาณสำหรับการดำเนินงานโครงการย่อยใดภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้ ให้เป็นไปตามข้อตกลงของแต่ละโครงการย่อยภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้เป็นรายกรณีไป ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

บ้าน วัด โรงเรียน “บวร”จัดการเรียนตามพระราชดำริ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สร้างสุข ผู้เรียนสู่ชุมชนบ้านวังพา


วันนี้ 22 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรานยงานว่าที่โรงเรียนบ้านวังพา หมู่ที่ 9 บ้านวังพา ตำบลทุ่งตำเสา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สพป.สงขลา เขต 2 เกี่ยวกับการเรียนรู้สร้างสุขบนความพอเพียง โรงเรียนแห่งนี้ ผู้ปกครองนิยมย้ายถิ่นฐานตามอาชีพ และห่างไกลจากที่ตั้งอำเภอหาดใหญ่ เมืองหลวงของภาคใต้
มีนายทรงพล อารมณ์เย็น ผอ.โรงเรียน ที่รวมครูกับชุมชนเข้าด้วย ปรับแผนการบริหารภายใต้ บ้านวัดโรงเรียน “บวร”สนองนโยบายกระทรวง ศธ.
และ สพฐ.4 ด้าน รวมถึงจุดเน้น สพป.สงขลา เขต 2
จัดการเรียนการสอนรูปแบบตามพระราชดำริ ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างสุข จัดการเรียนรู้ ที่ นักเรียนต้องได้ องค์ความรู้ ทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต ผ่าน ฐานการเรียนรู้ 9 ฐาน อาทิ เลี้ยงไก่ ปลูกไม้ผล พืชสวนครัว เลี้ยงปลา ผ้ามัดย้อม มโนราห์ อื่นๆ สำคัญสุด ต้องอ่านออก เขียนได้
คิดเลขเป็น ลายมือสวยยกชั้น แก่นักเรียนกว่า 200 คนที่โรงเรียนร่วมกับชุมชนหล่อหลอม คุณธรรม จริยธรรม บูรณาการด้านวิชาการสู่ทักษะอาชีพที่นักเรียนสามารถนำพาองค์ความรู้และประสบ
การณ์สู่ครัวเรือนและชุม เพื่อร่วมกันใช้การศึกษานำพาสู่ความสุขมีคุณภาพชีวิตที่ดี และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

นิพนธ์ ย้ำ กลางวงสัมมนาปชป. ให้เชื่อมั่นการนำของพรรค กก.บห.ปชป. โว เข้าใจดี”แม้เงินไม่ใช่พระเจ้า แต่คนของพระเจ้าก็ต้องใช้เงิน” และ “ประชาธิปัตย์ไม่มีวันตาย”


นายนิพนธ์ บุญญามณีรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดเวทีระดมความคิดนำน้ำน้อยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ โรงแรมต้นอ้อย แกรนด์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีนายสมยศ พลายด้วง ผู้สมัครส.ส.เขต 3 พรรคปชป.สงขลา นายกเทศมนตรีตำบลน้ำน้อย พร้อมด้วยคณะกรรมการสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 สงขลา แกนนำระดับตำบล และแกนนำระดับหมู่บ้าน ร่วมในเวทีฯโดยการระดมความคิดเห็นในครั้งนี้ คณะกรรมการสาขาพรรค ร่วมกับคณะทำงานของนายสมยศ พลายด้วง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จังหวัดสงขลา ได้จัดตั้งแกนนำระดับตำบล แกนนำระดับหมู่บ้าน เพื่อให้การประสานงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลครอบคลุมในพื้นที่ในตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่ เพื่อที่จะทำงานร่วมกันระหว่างคณะกรรมการสาขาพรรคและพรรคปชป. วันนี้จึงได้จัดเวทีระดมความคิดเห็นน้ำน้อยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นแกนนำระดับตำบล และแกนนำระดับหมู่บ้านเข้าประชุมร่วมกว่า 300 คน นายนิพนธ์กล่าวว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณ คุณสมยศ พลายด้วง ผู้สมัคร ส.ส.พรรคปชป.เขต 3 สงขลา ที่มีความตั้งใจจัดระดมความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนเป็นครั้งที่ 3 แล้ว รวมถึงคณะกรรมการสาขาพรรคปชป.เขต3 สงขลา ซึ่งการระดมความคิดเห็นจากพี่น้องประชาขนในตำบลน้ำน้อย เพื่อที่จะได้ทราบปัญหา หรือมีนโยบายอะไรที่ประชาชนต้องการ ทางพรรคก็จะได้นำข้อคิดเห็นเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาจากพรรค เพื่อที่จะได้นำแนวคิดเห็นเหล่านี้ นำไปสู่นโยบายของพรรคต่อไป นี่คือวิสัยทัศน์ที่ดีเลิศ ทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างสังคม หรือนโยบายอื่นๆที่จะให้ท้องถิ่นทำ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาลตำบลน้ำน้อย หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาทำ หรือให้พรรคปชป.ทำ นี่คือสิ่งที่สุดยอดที่สุด โดยมาจากพื้นฐานที่ดีที่สุด นั่นคือจากพี่น้องประชาชนโดยตรง เพื่อชาวบ้านจะได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน และพัฒนาท้องถิ่นของพวกเรา รวมถึงนโยบายด้านการศึกษา รวมถึงศูนย์เด็กเล็กว่าเขาทำกันอย่างไร โดยเริ่มจากเด็กเล็กก่อนให้รู้จักในเรื่องของการมีระเบียบวินัย เพราะบ้านเราขาดในเรื่องของวินัย ดังนั้นจึงต้องเริ่มจากศูนย์เด็กเล็ก นี่คือสิ่งที่จะทำให้เด็กเข้มแข็งได้

ในส่วนความหมายของท้องถิ่นเข้มแข็ง พรรคปชป.ส่งเสริมเรื่องของการกระจายอำนาจอย่างแน่นอน ผมขอยืนยันในฐานะรองหัวหน้พรรคปชป. และเป็นคนที่เชื่อเรื่องของการกระจายอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในพรรค เพราะผมเชื่อว่า ถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศไทยก็เข้มแข็ง หลักการนี้ให้ทุกคนสบายใจได้ว่า พรรคปชป.ประกาศอุดมการณ์ข้อ 5 ในเรื่องของการกระจายอำนาจ และขอยืนยันว่านี่คืออุดมการณ์ของพรรคปชป. และขอให้เชื่อมั่นในกรรมการบริหารพรรคปชป.ยุคใหม่ที่มีแนวทางการทำงาน”ทำได้ไว ทำได้จริง” จะนำพาพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นขวัญใจพี่น้องคนไทยทั้งปนะเทศไปสู่หนทางที่ดี ที่ประชาชนอยากเห็นและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญก่อสร้าง “ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)” ประดิษฐานองค์ไต้ฮงกงหยกขาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยพร้อมเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของมูลนิธิฯ ด้านกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมเพื่อสังคม

เนื่องในโอกาสครบรอบการก่อตั้งมูลนิธิฯ ครบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนศิษยานุศิษย์และสาธุชนร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธา ร่วมกันก่อสร้าง “ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)” ซึ่งเป็นพุทธสถานที่ประดิษฐานองค์ไต้ฮงกงหยกขาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงเป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทั้งด้านกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมเพื่อสังคม โดยสามารถรองรับสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการกราบไหว้บูชาองค์ไต้ฮงกงซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากศาลเจ้าไต้ฮงกงในปัจจุบันมีเนื้อที่ค่อนข้างคับแคบ และไม่สามารถขยายพื้นที่เพื่อรองรับสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาและผู้ที่มาร่วมกิจกรรมต่างๆ
ที่มีจำนวนมากขึ้นเป็นประจำทุกปีได้ โดย “ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)” ก่อสร้าง ณ บริเวณด้านหลังของสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ
.
ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร) ออกแบบก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมจีนตอนใต้ของสกุลช่างแต้จิ๋ว ประกอบด้วยอาคาร 2 หลัง แบ่งเป็น อาคารศาลเจ้า และอาคารอเนกประสงค์ อาคารศาลเจ้า เป็นอาคารสูง 2 ชั้น ประกอบด้วย ชั้นที่ 1 ของอาคารเป็นโถงพักคอย สำหรับรองรับประชาชนที่มาสักการบูชาหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ชั้นที่ 2 เป็นศาลเจ้าไต้ฮงกง ประดิษฐานองค์ไต้ฮงกงหยกขาวแกะสลักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แท่นบูชาด้านซ้ายและขวา ประดิษฐานองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิมผ่อสัก) และพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ (ตี่จั๋งอ้วงผ่อสัก) พร้อมด้วยเทพเจ้าสำคัญของจีนอีก 8 องค์ ภายนอกโดยรอบเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ พร้อมห้องรับบริจาคเงิน ห้องรับรอง และห้องน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกและรองรับประชาชน ที่เข้ามากราบไหว้สักการะองค์ไต้ฮงกงและจัดกิจกรรมต่างๆ อาคารอเนกประสงค์ สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจกรรมของมูลนิธิฯ มีห้องศาสนพิธีและปฏิบัติธรรม ห้องครัวที่ถูกสุขลักษณะ สามารถประกอบอาหารเพื่อบริการแก่ประชาชนในวาระต่างๆ และส่วนสำนักงานมูลนิธิฯ
.
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมบุญก่อสร้าง ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร) ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ตามแต่กำลังศรัทธา เพื่อร่วมกันจรรโลงศาลเจ้าไต้ฮงกงแห่งใหม่นี้ ให้เป็นพุทธสถานอีกแห่งหนึ่ง โดยท่านสามารถร่วมทำบุญได้ที่ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาพลับพลาไชย เลขที่ 001-472515-4
ชื่อบัญชี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 2225 0020 ต่อ 366
.
ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ http://www.facebook.com/atpohtecktung

#

ข้อมูลศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
พลังศรัทธาองค์หลวงปู่ไต้ฮงในประเทศไทย มีจุดเริ่มต้นจากเมื่อปี พ.ศ.2439 นายเบ๊ยุ่น ได้อัญเชิญรูปจำลองหลวงปู่ไต้ฮงจากอำเภอเตี้ยเอี้ย มายังประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ที่ร้านกระจกย่านวัดเลียบ ผู้คนเมื่อทราบต่างก็พากันมาสักการบูชาที่จำนวนมาก จนต้องย้ายไปประดิษฐานที่ซอยดอนกุศล ถนนเจริญกรุง ช่วงนั้นเกิดโรคระบาดประชาชนต่างมากราบไหว้หลวงปู่ เพื่อช่วยให้คุ้มครองปลอดภัยและหายจากโรค ทำให้เกิดความศรัทธา บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและจัดการเก็บศพอนาถาไปฝัง ต่อมาในปี 2452-2453 พระอนุวัตน์ราชนิยม (ฮง เตชะวณิช) ได้ร่วมกับพ่อค้าคหบดี รวม 12 ท่าน ได้เห็นความสำคัญและประโยชน์แห่งกุศลเจตนาของผู้เลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่ไต้ฮง จึงจัดตั้งคณะเก็บศพไต้ฮงกงขึ้น พร้อมสร้างศาลเจ้าไต้ฮงกงขึ้นที่บริเวณถนนพลับพลาไชย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เพื่อประดิษฐานองค์หลวงปู่ไต้ฮง เมื่อศาลเจ้าไต้ฮงกงสร้างเสร็จสมบูรณ์ ได้อัญเชิญรูปจำลองของหลวงปู่ที่นายเบ๊ยุ่น คหบดีนำมาจากประเทศจีนมาประดิษฐานไว้ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกงเป็นการถาวร โดยศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตั้งอยู่ที่ 326 ถนนเจ้าคำรพ แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบฯ กรุงเทพฯ 10100
.

ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต

แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418

ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

นิพนธ์ เปิด 3 กิจกรรม Sport Holiday แรลลี่ ฟุตบอล เทนนิส มุ่งพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน เสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ รายได้หมุนเวียน


นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายกสมาคมศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และครูโรงเรียนวิเชียรชม เดินทางไปเปิดกิจกรรม แรลลี่ 101 ปี วิเชียรชม ตอน สงขลา-ตรัง หนุกกันจัง พี่น้องเห้อ ณ บริเวณด้านหน้าโรงเรียนวิเชียรชม โดยมีคณะกรรมการจัดงาน ผู้อำนวยการโรงเรียนผู้บริหาร ครูและผู้ปกครองเข้าร่วมในกิจกรรม ซึ่งการจัดกิจกรรมในวันนร้เป็นการจัดครั้งที่ 2 ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร และเปิดบ้านวิชาการ 101 ปี วิเชียรชมมาแล้ว และครั้งที่ 3 จะจัดกิจกรรมวิ่งในวันที่ 28 พ.ค. 65 นี้พร้อมกับการจัดงานคืนสู่เหย้า

ต่อมาเวลา10.45 น. รมช.มท.เดินทางไปเป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอล ประชาธิปัตย์คัพ 2021 ภายในสนามสวนสาธารณะเมืองสงขลา พร้อมด้วยนายสรรเพชญ บุญญามณี ผู้ช่วยดำเนินงานนายชวน หลักภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีกรรมการสาขาพรรค ปชป.เขตเลือกตั้งที่ 1 และสมาชิกพรรคให้การต้อนรับ ซึ่งวันนี้เป็นการแข่งขันฟุตบอลประชาธิปัตย์คัพ 2021 ประเภทอายุไม่เกิน 12 ปี มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 10 ทีม ซึ่งผู้ชนะจะได้เงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมถ้วยจากนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อมาในช่วงบ่ายเดินทางไปเป็นประธานเปิดการแข่งขันเทนนิสลีก อาวุโส ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย รอบเก็บคะแนน ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 21 -22 พ.ค.65 โดยมีพลตรี ธชา จินตวร รองเลขาธิการพรรคชาติพัฒนา คณะกรรมการจัดการแข่งขัน และนักกีฬาอาวุโสที่เข้าแข่งขันให้การต้อนรับ ณ สนามเทนนิส เอซี สปอร์ต เซนเตอร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

สำหรับการแข่งขันกีฬาเทนนิสลีกอาวุโส ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2565 รอบเก็บคะแนนครั้งที่ 3 สมาคมกีฬาเทนนิสลีกผู้สูงอายุ เพื่ออาชีพและสุขภาพ ได้ดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาเทนนิสลีกอาวุโส ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย รอบเก็บคะแนนครั้งที่ 2 ในปีนี้ ได้ดำเนินการจัดการแข่งขันเทนนิสลีกอาวุโส ชิงชนะเลิศ ระหว่างวันที่ 21-22 พ.ค.65 รวม 2 วัน

นายนิพนธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการเปิดกิจกรรม Sport Holiday ใน 3 ประเภทได้แก่ แรลลี่ ฟุตบอล เทนนิส ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงได้มีการทำกิจกรรมของคนทุกกลุ่มวัย ทั้งยุวชน ผู้สูงอายุ และคนทั้งสามวัยก็คือครอบครัวแรลลี่ สิ่งนี้จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงทั้งด้านร่างกาย และความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาคนทุกช่วงวัยและรองรับสังคมผู้สูงอายุ พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ทำให้มีรายได้หมุนเวียนในพื้นที่อีกด้วย

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

Design a site like this with WordPress.com
Get started