พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บินตรงกัมพูชา ประสานงานกวาดล้างแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ต้นเหตุฆ่ายกครัวบางแก้ว

วันที่ (4 ก.ย.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท. และคณะ ได้เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อประสานงานกับทางการกัมพูชา ในการประสานความร่วมมือเพื่อติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเหตุสลดฆ่ายกครัวในพื้นที่ สภ.บางแก้ว ภ.จว.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.66 ที่ผ่านมา เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายยังประเทศไทย

โดยในเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าพบ นายเชิดเกียรติ อรรถากร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา และหารือเกี่ยวกับการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกลวงให้เดินทางมาทำงานกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยได้มีการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์มาอย่างต่อเนื่อง และสามารถช่วยคนไทยที่ถูกหลอกลวงกลับไปได้เป็นจำนวนมาก ในการนี้ นายเชิดเกียรติ ได้แสดงความมั่นใจ และพร้อมตอบรับความมุ่งมั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง และจะให้การสนับสนุนในการประสานงานช่วยเหลือคนไทยอย่างเต็มที่

ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าหารือร่วมกับ พล.ต.อ.ซอ เทต ผบ.ตร.กัมพูชา ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของไทย ซึ่งกระทำผิดเกี่ยวกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในการหลอกลวงคนไทยผ่านแอพเงินกู้ ซึ่ง พล.ต.อ.ซอ เทต พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจไทยในการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ อย่างที่ได้เคยประสานงานร่วมกันมาโดยตลอด ทั้งนี้จะได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สืบสวนของไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวจีนในขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์นี้ให้ครบถ้วนทั้งหมด ซึ่งในคดีดังกล่าวได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 22 ราย ดำเนินการจับกุมและอายัดตัวแล้ว 11 ราย ยังหลบหนีอีก 11 ราย โดยในจำนวนนี้มีอยู่ 9 รายที่หลบหนีอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งจะอาศัยความร่วมมือกับทางการกัมพูชาในการจับกุมตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาประสานงานกับทางการกัมพูชา เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีฆ่ายกครัวของ สภ.บางแก้ว โดยวันนี้ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ซึ่งท่านพร้อมให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกลวงมาทำงานคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา นอกจากนี้ยังได้เข้าพบหารือร่วมกับ พล.ต.อ.ซอ เทต ผบ.ตร.กัมพูชา ซึ่งได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี รวมทั้งให้คำมั่นว่าจะประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับตำรวจไทย ในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ทั้งหมดทั้งชาวไทยและชาวจีน เพื่อร่วมมือกันปราบปรามปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวยืนยัน ป.ป.ง. ยึดทรัพย์บัญชีม้าแน่!!!หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน และเชิญ หม่ำ จ๊กมก ร่วมจับรางวัล iPhone 14 ครั้งที่ 2


เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกันแถลงความคืบหนี้คดีฆ่ายกครัว 3 ศพ และร่วมพิธีจับรางวัลผู้โชคดีจากการทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ ชิงรางวัล iPhone 14 ประจำเดือน สิงหาคม 2566 จำนวน 20 รางวัล ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า จากคดี นายสาณิช ดอกไม้ คลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดปาดคอฆ่าภรรยา และบุตร 2 คน อายุ 13 ปี และ 11 ปี รวม 3 ศพ แล้ว นายสาณิชฯ ปาดคอตัวเองหวังตายตาม เหตุเกิดในเขตพื้นที่ สภ.บางแก้ว จว.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 สาเหตุเกิดจากความเครียดในเรื่องหนี้สินค้ำประกันการซื้อรถให้เพื่อนบ้านเป็นเงิน 8 แสนบาท กรมบังคับคดีจะยึดบ้าน และเครียดที่ภรรยากู้เงินผ่านแอปพลิเคชันจนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินไปกว่า 1.7 ล้านบาท เรื่องนี้เป็นเหตุสลดใจและสะเทือนความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก คดีนี้ได้ออกหมายจับนายสาณิชฯ ผู้ก่อเหตุคดีฆ่ายกครัวแล้ว และได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เร่งคลี่คลายคดี จนสามารถออกหมายจับไปแล้วทั้งสิ้น 22 หมายจับ และได้มีการจับกุม อายัดตัว และมารายงานตัว จำนวน 10 ราย มีรายละเอียด ดังนี้

  1. จับกุมได้แล้วทั้งสิ้น 8 ราย ดังนี้
    1.1 น.ส.สุชาดา ชาบุตรศรี ตามหมายจับที่ 620/2566 เมื่อวันที่ 29 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ จุดผ่านแดนบ้าน
    คลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
    1.2 นายวัชรพงษ์ ครูศรี ตามหมายจับที่ 621/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ หมู่ 3 ต.เมืองไผ่
    อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
    1.3 นายชัยยา ก้านศรี ตามหมายจับที่ 622/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ หมู่ 1 ต.ห้วยโจด
    อ.วัฒนานคร จว.สระแก้ว
    1.4 น.ส.ณัฐณิชา ดีโสภา ตามหมายจับที่ 632/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
    1.5 นายอนิรุต ปงก๋า ตามหมายจับที่ 634/2566 เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ คอนโดคอมพลีท แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา
    1.6 นายจำลอง นอใหม่ ตามหมายจับที่ 619/2566 เมื่อวันที่ 2 ก.ย.66 จับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 61 ม.2
    ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    1.7 นายดานิล อัลดูเนนคอฟ หรือ MR.DANIIL ALDUNENKOV ตามหมายจับที่ 647/2566 เมื่อวันที่ 3 ก.ย.66 จับกุมได้ที่ โรงแรมพาโนรามา ม.6 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
    1.8 นายโรมัน บริค หรือ MR.ROMAN BRIK ตามหมายจับที่ 644/2566 เมื่อวันที่ 3 ก.ย.66 จับกุมได้ที่ หน้าโรงแรมพรีเมียร์โฮสเทล ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
  2. อายัดตัว มีดังนี้
  • LONG SOTHY หรือ ลอง โซธีร์ ตามหมายจับที่ 643/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 อายัดตัวที่ สภ.คลองลึก
  1. มารายงานตัว ดังนี้
  • นายพีรดนย์ วิริยาธรณ์ภักดี ตามหมายจับที่ 640/2566 เมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 มารายงานตัว ที่ สภ.บางแก้ว เนื่องจากถูกอายัดบัญชี
    ขณะนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้รายงานว่าได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ และได้เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อขอความร่วมมือนายตำรวจระดับสูงและ ผบ.ตร. ของประเทศกัมพูชา ในการปราบปราม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ชาวจีน ที่ใช้ประเทศกัมพูชา เป็นฐานหลอกลวงคนไทย ความคืบหน้าจะได้เรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบต่อไป จึงขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าคนร้ายที่กระทำผิดคิดหลอกลวงเอาเงินจากพี่น้องประชาชน จะต้องถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษทุกราย โดยเฉพาะพวกบัญชีม้าที่พนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เช่น ใช้รับโอนเงินจากผู้กระทำผิดหลายราย หรือหลายๆ ครั้ง ถือว่า สนับสนุนการฉ้อโกงประชาชน หรือ ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ อันเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามยึดทรัพย์สินจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดได้ ทั้งนี้หากพบว่าเจ้าของบัญชีม้าได้ดำเนินการ โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้นหรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงของการได้มา จะถือว่า เป็นผู้กระทำผิดฐานฟอกเงิน ต้องรับโทษทางอาญาเช่นเดียวกับผู้กระทำผิดมูลฐาน เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการทางแพ่ง โดยการยึด อายัด เงิน หรือ ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายฟอกเงินดังกล่าวข้างต้น
    นอกจากการปราบปรามแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนได้ทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.2566 จนถึง วันที่ 30 กันยายน 2566 หากทำแบบทดสอบครบ 40 ข้อแล้ว จะได้รับ Whoscall Premium Gift Code ฟรี ซึ่งสามารถใช้บริการ Whoscall Premium Feature ได้ฟรี เป็นระยะเวลา 1 ปี หากทำแบบทดสอบได้คะแนนตั้งแต่ 35 ข้อ ขึ้นไป จะมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล iPhone 14 เดือนละ 20 รางวัล เป็นเวลา 3 เดือน รวม 60 รางวัล โดยประชาชนสามารถทำแบบทดสอบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่จะได้รับสิทธิ Whoscall Premium และสิทธิลุ้น iPhone 14 เพียง 1 สิทธิ และได้จับรางวัลผู้โชคดีประจำเดือน กรกฎาคม 2566 จำนวน 20 รางวัล ไปแล้วนั้น
    ในห้วงวันที่ 1– 31 ส.ค.2566 มีประชาชนเข้ามาทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ และได้รับสิทธิ Whoscall Premium Gift Code ฟรี ซึ่งสามารถใช้บริการฟีเจอร์เสริมต่างๆ จาก Whoscall Premium ได้ฟรีเป็นระยะเวลา 1 ปี จำนวน 280,406 คน ในจำนวนนี้มีประชาชน ทำแบบทดสอบได้คะแนนตั้งแต่ 35 ข้อ ขึ้นไป และได้รับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล iPhone 14 จำนวน 238,974 คน สำหรับวันนี้เป็นการจับรางวัลหาผู้โชคดี ครั้งที่ 2 จำนวน 20 รางวัล ซึ่งจะได้รับรางวัล iPhone 14 จำนวน 20 รางวัลๆ ละ 1 เครื่อง โดยได้รับเกียรติจาก คุณเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือหม่ำจ๊กมก ดาราตลกชื่อดังมาร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยานในการจับรางวัลครั้งนี้ด้วย
    สำหรับวิธีการจับรางวัลผู้โชคดี จำนวน 20 ท่าน ใช้วิธีกดสุ่มเลือกผู้โชคดีทีละรางวัลจากรายชื่อทั้งหมด โดยข้าราชการตำรวจหรือข้าราชการอื่นที่เข้าไปทำแบบทดสอบ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อนี้ ทุกคนมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทั้งหมดเช่นเดิม และวันนี้ผู้ที่โชคดีได้รับรางวัล iPhone 14 จำนวน 20 รางวัลๆ ละ 1 เครื่อง ได้แก่
  1. P004426 นาย อัศวิน วงศ์พรม จว.แม่ฮ่องสอน
  2. P023909 นาง ดาวรรณ์ พวกไธสง จว.สระแก้ว
  3. P101234 นาง นุชรา โคตรวิชัย จว.สกลนคร
  4. P091626 น.ส. สิริมาสย์ ปั้นริ้ว จว.กรุงเทพมหานคร
  5. P095299 น.ส. สุภาภรณ์ คำสวัสดิ์ จว.สกลนคร
  6. P066610 น.ส. เพชรัตน์ คำสียา จว.อุดรธานี
  7. P027079 น.ส. ปภาณัช ขันอาสา จว.ฉะเชิงเทรา
  8. P169706 นาง นัยนา ปาวรีย์ จว.ชัยนาท
  9. P048933 นาง พังงา ศรีภา จว.หนองบัวลำภู
  10. P070254 ว่าที่ ร.ต.อดิศร เชื้อบุญมี จว.เพชรบูรณ์
  11. P021593 นาย วินัย ศรีละคร จว.ฉะเชิงเทรา
  12. P111908 นาย ณัฐพล เพชรทองคำ จว.ลพบุรี
  13. P132057 ด.ญ.ชลิดา คุณวงศ์ จว.มุกดาหาร
  14. P045227 น.ส.วรรณพร ไขประภาย จว.สกลนคร
  15. P048499 ด.ต.อำนาจ อุไร จว.เลย
  16. P199467 น.ส.ธนรรชน เส็นสด จว.จันทบุรี
  17. P229451 นาง สมวลี เขียวมณี จว.สมุทรสาคร
  18. P023574 น.ส.ยุภาพร ผ่องใส จว.ปทุมธานี
  19. P097995 นาวาโทหญิง ขนิษฐา โมฬี จว.พังงา
  20. P062354 น.ส.ทรรศน์วรรณ รุ่งกลิ่น จว.กำแพงเพชร
    ​วันนี้ได้จับรางวัลหาผู้โชคดีรับ iPhone 14 ครั้งที่ 2 จำนวน 20 ท่าน ครบถ้วนแล้ว และสำหรับเดือนสิงหาคม 2566 มีผู้ที่ได้รับรางวัลในการแนะนำให้ประชาชนทำแบบทดสอบมากที่สุด จำนวน 2 รางวัล ได้แก่
  21. พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รอง ผบก.อก.ภ.6 แนะนำ จำนวน 3,612 ราย
  22. นาย เชาว์ชัยพัฒน์ ฉวีนิรมล แนะนำ จำนวน 599 ราย
    สำหรับผู้ที่ทำแบบทดสอบไปแล้ว แต่ไม่ได้รับรางวัลประจำเดือน สิงหาคม 2566 ยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลประจำเดือน กันยายน 2566 ซึ่งเป็นเดือนสุดท้าย โดยไม่ต้องทำแบบทดสอบใหม่ ส่วนผู้แนะนำที่จะได้รับรางวัล ต้องเริ่มนับใหม่ในเดือนถัดไป และต้องไม่ซ้ำคนเดิม ส่วนแบบทดสอบยังใช้แบบทดสอบเดิมบนระบบเดิม จึงขอฝากให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้โชคดีได้รับทราบทั่วกัน สำหรับผู้โชคดีสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ช่องทาง http://www.เตือนภัยออนไลน์.com ในการรับรางวัล จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปยังผู้ที่โชคดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบหมายจะนำส่งรางวัลถึงบ้านหรือที่อยู่ของผู้โชคดีกับมือท่านเอง
    การจับรางวัลหาผู้โชคดีได้รับรางวัล iPhone 14 ประจำเดือน กันยายน 2566 ซึ่งเป็นเดือนสุดท้าย จำนวน 20 รางวัล จะมีขึ้นในวันที่เท่าใด ขอให้ติดตามรายละเอียดได้ในช่องทาง http://www.เตือนภัยออนไลน์.com จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้เข้าทำแบบทดสอบเพื่อจะได้มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์และได้ลุ้นรางวัล iPhone 14 ได้ใน 3 ช่องทาง ดังนี้ 1) สแกนคิวอาร์โค้ด 2) เข้าเว็ปไซต์ไซเบอร์วัคซีน และ ๓) ทำแบบทดสอบเมื่อครูไซเบอร์ไปให้ความรู้ในพื้นที่ โดยเป็นการเข้าทำแบบทดสอบผ่าน Google Form สำหรับทำแบบทดสอบ ( หากไม่ชิงรางวัล สามารถทำแบบทดสอบได้เลย ) และจะสามารถดูเฉลยได้เมื่อทำข้อสอบเสร็จ กด “ดูคะแนน”
    กรณีต้องการรับสิทธิเพื่อชิงรางวัลต้องดำเนินการ ดังนี้
  23. กดลิงก์ “เข้าเว็บไซต์ไซเบอร์วัคซีน” จาก Google form หรือ เข้าผ่านเว็บไซต์ http://www.เตือนภัยออนไลน์.com
    และสมัครใช้งานและเข้าสู่ระบบไซเบอร์วัคซีนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว (เข้าสู่ระบบผ่านไลน์)
  24. ทำการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน หรือแอปพลิเคชัน THaID
  25. หน้าแรกของระบบไซเบอร์วัคซีน จะมีปุ่ม “ทดสอบ 40 คำถามสำหรับประชาชน” ให้กดเพื่อทำแบบทดสอบ
  26. เลือกยืนยันความสมัครใจรับการทดสอบ และ กรอกอีเมล กรณีต้องการทราบผลคะแนนทางอีเมล
    นายเพ็ชรทายหรือหม่ำ จ๊กมก กล่าวแสดงความยินดีกับผู้โชคดีได้รับ iPhone 14 และเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่ได้รับ
    รางวัลในการแนะนำให้ประชาชนทำแบบทดสอบในครั้งนี้ด้วย และได้เห็นถึงความตั้งใจของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร. ที่ต้องการให้ประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ โดยการประชาสัมพันธ์ให้มีการทำแบบทดสอบจำนวน 40 ข้อ เพื่อจะได้มีภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์ รู้สึกดีใจและมีความอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ส่วนตัวได้ทำแบบทดสอบทั้ง 40 ข้อแล้ว ยอมรับว่ามีความรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์เพิ่มมากขึ้น รับรองไม่มีทางตกเป็นเหยื่อของแก็งคนร้ายอย่างแน่นอน สำหรับการทำแบบทดสอบครั้งนี้ได้คะแนนมากกว่า 35 ข้อเช่นกัน และจะรอลุ้นการจับสลากรางวัล iPhone 14 อีก 20 รางวัลในเดือนสุดท้าย จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้รีบเข้ามาทำแบบทดสอบกัน จะได้มีความรู้และมีโชครับ iPhone 14 ไปใช้งานฟรีๆ
    พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของคนร้ายอยู่ ดังนั้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทำแบบทดสอบ วัคซีนไซเบอร์ จำนวน 40 ข้อ และขอให้แชร์แบบทดสอบไปให้กับญาติหรือผู้เป็นที่รักเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ทำแบบทดสอบมีความรู้เท่าทันกลโกงของคนร้ายบนโลกออนไลน์ และไม่ตกเป็นเหยื่อ
    ทั้งนี้ สามารถ ติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง http://www.เตือนภัยออนไลน์.com Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ http://www.thaipoliceonline.com
    ( QR CODE ข้อสอบ 40 ข้อ สำหรับประชาชน)

ปส. ลุยกวาดล้าง จับกุม 13 เครือข่ายยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 26 คน ยึดยาบ้า 17.27 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1,470 กก. และคีตามีน 90 กก. รถยนต์ 20 คัน อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 และ พล.ต.ต.ธรรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยให้หมดสิ้นโดยเร็ว ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) ได้จับกุมขบวนการค้า ยาเสพติด 13 เครือข่ายยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 26 คน ยึดยาบ้า 17.27 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1,320 กก. และคีตามีน 90 กก. รถยนต์ 20 คัน อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก
โดยรายแรก ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่า นายแสง ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ใช้แอปพลิเคชันไลน์ชื่อ “โอปอ” จะทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไอซ์ และคีตามีน จำนวนมาก โดยซุกซ่อนมากับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ ทะเบียน ฒธ 52xx กรุงเทพมหานคร จากพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้เฝ้าติดตาม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 ส.ค.66 เวลาประมาณ 18.30 น. ตำรวจชุดสืบสวนเข้าทำการตรวจสอบในพื้นที่ ถนนหมายเลข 1 บ้านสันทรายปู่ยี่ หมู่ 4 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบรถยนต์เป้าหมายจอดอยู่บริเวณไหล่ทาง จึงได้เข้าทำ การตรวจสอบไม่พบบุคคลแสดงตัวเป็นเจ้าของรถยนต์ ตรวจค้นเบื้องต้น พบว่าภายในรถกระบะบรรทุกมีแม็กไลน์เนอร์ ซึ่งมีลักษณะได้รับการติดตั้งใหม่ พบรอยเชื่อมของกระบะบรรทุกมีระดับความสูงของกระบะผิดปกติ จึงตรวจสอบโดยละเอียด พบไอซ์ 22 กิโลกรัม และคีตามีน 50 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในช่องลับดัดแปลงสำหรับซุกซ่อนยาเสพติดใต้กระบะบรรทุกของรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป
รายที่ 2 ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่า นายสุรพงษ์ ซึ่งมีพฤติการณ์รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากเครือข่าย กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ในพื้นที่ อ.ภูซาง และ อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยใช้วิธีการซุกซ่อนไปกับพืชผลทางการเกษตรและสินค้าอื่น ๆ เพื่ออำพรางการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และปริมณฑล โดยใช้รถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาวเทาน้ำเงิน ทะเบียน 70-86xx ลำปาง ในการลำเลียงยาเสพติด ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าติดตาม กระทั่งวันที่ 14 ส.ค.66 เวลาประมาณ 03.00 น. ตำรวจ ปส.3 พบรถเป้าหมาย ขับมาจากทาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา มุ่งหน้าไปทาง อ.เมือง จ.พะเยา สังเกตมีผ้าใบคลุมส่วนท้าย และใช้ถนนเส้นทางรองเพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจ ต่อมาเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันเดียวกัน พบรถยนต์เป้าหมายได้ขับไปจอดที่บริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่ง บนถนนสายเอเชีย อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น พบกระดาษแข็งมัดอัดเป็นก้อนอยู่เต็มภายในกระบะบรรทุก พบช่องลับมีถุงพลาสติก สีดำบรรจุกระดาษแข็งปิดไว้ สอบถามนายสุรพงษ์ รับสารภาพว่า มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ จึงควบคุมตัวนายสุรพงษ์ พร้อมรถบรรทุก 6 ล้อ ไปที่ด่านตรวจ พยุหะคีรี ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ตรวจค้นโดยละเอียดพบยาบ้าจำนวน 30 กระสอบ ประมาณ 6,000,000 เม็ด ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป
รายที่ 3 ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส.บช.ปส. ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมนายสือ กับพวก พร้อมของกลางยาบ้า 4,000,000 เม็ด เมื่อวันที่ 13 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จากการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม พบว่ายังมีกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดเป็นชาติพันธุ์ม้ง ชื่อนายสัตยา กับพวก ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม มีพฤติการณ์รับจ้างกลุ่มนายทุนยาเสพติดลำเลียง ยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย ส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้าง ในพื้นที่ภาคกลางเช่นเดียวกัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ส.ค.66 เวลาประมาณ 10.30 น. สามารถจับกุมนายสัตยา เป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา ทะเบียน บร 74XX กำแพงเพชร ซึ่งใช้ในการลำเลียงยาเสพติด ได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย พร้อมของกลางยาบ้า 1,000,000 เม็ด และ ไอซ์ 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายกระบะและภายในห้องโดยสารด้านหลัง ต่อมา เวลา 10.40 น. สามารถจับกุมนายวิวัฒน์ และนางดี พร้อมรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ ISUZU สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 74XX ตาก ซึ่งใช้ในการขับขี่นำทาง/ สำรวจเส้นทาง/คุ้มกัน ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ตำรวจชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและ ยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 4 ตำรวจ บก.สกส. ได้สืบสวนทราบว่า นายจิตวัต มีพฤติการณ์ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงใหม่ มาส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้างในเขตพื้นที่ภาคกลาง จนกระทั่งวันที่ 18 ส.ค.66 เวลาประมาณ 02.45 น. พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ CHEVROLET สีเทา ทะเบียน 1ฒบ 76XX กทม. จอดรถทิ้งไว้ข้างทางบริเวณถนนในหมู่บ้าน ม.7 ต.กลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ไม่พบผู้ขับขี่และผู้โดยสาร จากการตรวจค้น พบยาบ้า 1,900,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณภายในห้องโดยสารด้านหลังผู้ขับขี่ ต่อมา เวลา 16.30 น. ของวันเดียวกัน สามารถติดตามจับกุมนายจิตวัต ได้ที่บริเวณ ริมคลอง ต.กลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย และสามารถยึดรถยนต์ ISUZU สีขาว หมายเลขทะเบียน กฉ 31XX อุทัยธานี ได้ที่บริเวณบ้านแห่งหนึ่ง ม.8 ต.บางปะมุง อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวได้หลบหนีการจับกุม ของเจ้าหน้าที่ระหว่างทำการจับกุม ตำรวจชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 5 ตำรวจ บก.สกส. ได้สืบสวนทราบว่า นายชาญชัย และนายบุญหลา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน กับพวก มีพฤติการณ์ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ นำมาส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้าง ในพื้นที่ภาคกลาง จนกระทั่ง วันที่ 18 ส.ค.66 เวลาประมาณ 17.00 น. สามารถจับกุมนายชาญชัย พร้อมของกลางยาบ้า 6,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในกระบะบรรทุกด้านหลังรถบรรทุก ยี่ห้อ HINO สีขาว ทะเบียน 70-73XX อุบลราชธานี ซึ่งใช้ในการซุกซ่อนและลำเลียง ยาเสพติด และสามารถขยายผลจับกุมนายบุญหลา เป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา ทะเบียน ผธ 81XX อุบลราชธานี ซึ่งใช้ในการคุ้มกัน/สำรวจเส้นทาง ได้ที่บริเวณด่านตรวจยาเสพติดพยุหะคีรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ และขยายผลจับกุมนายโจ ขับรถยนต์ HONDA สีขาว ทะเบียน 3กพ 45XX กทม. ซึ่งใช้ในการมารับของกลางยาเสพติด มีนายธนพนธ์ นั่งมาด้วย และน.ส.ภาณุมาศ ขับขี่รถยนต์ TOYOTA สีดำ ทะเบียน 3ขถ 61XX กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้ในการมารับของกลางยาเสพติด มีนายเสกสรร และนายภูมินันท์ นั่งมาด้วย ได้ที่บริเวณทางคู่ขนาน ถ.พหลโยธินขาออก ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมาย ยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป
รายที่ 6 ตำรวจ ปส.4 ได้ทำการสืบสวนขยายผลกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติด กระทั่งทราบว่าวันที่ 13 ส.ค.66 จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางไปยังพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้รถกระบะแบบมีตู้ทึบด้านหลัง ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 2ฒห 2xxx กทม. ซุกซ่อนยาเสพติด ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เฝ้าติดตาม จนพบว่ามีการนัดส่งมอบยาเสพติด ด้านหลังตลาดไอยรา จ.ปทุมธานี จากการเฝ้าสังเกตการณ์พบมีผู้ชาย 3 คน ช่วยกันยกกล่องลังโฟมสีขาวจากรถบรรทุก ทะเบียน 70-xxxx ลำปาง ไปใส่รถกระบะแบบตู้ทึบด้านหลัง ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 2ฒห 2xxx กทม. หลังจากนั้น ได้ขับมุ่งหน้าออกไปทางถนนคลองหลวง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และจอดส่งนายศิรากร ที่บริเวณปาก ซ.เทศบาล 3 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน 9กล xxxx กทม. ขับมารับ ต่อมารถยนต์กระบะตู้ทึบยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 2ฒห 2xxx กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายอนุชาติ เป็นคนขับ และนายนคเรศ นั่งโดยสารมาด้วย ได้ขับเข้าไปจอด หน้าธนาคารกรุงเทพ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบสิ่งของหลังรถคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบไอซ์ 500 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียวภายในกระสอบสีขาวในกล่องลังโฟม สีขาว และได้ติดตามจับกุมนายศิรากร ได้ที่บริเวณร้านค้าในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและ ยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 7 ตำรวจ ปส.2 ได้ทำการสืบสวนขยายผลจากการกุมขบวนการค้ายาเสพติดใน จ.อุดรธานี ทราบว่านายชยากร มีพฤติการณ์รับจ้างลำเลียงยาเสพติด โดยใช้รถยนต์กระบะ โตโยต้า แคป สีขาว ติดป้ายทะเบียน บธ 68XX นครพนม เป็นยานพาหนะ ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าติดตาม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ส.ค.66 เวลาประมาณ 02.00 น. ตำรวจชุดสืบสวน พบรถเป้าหมาย ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงพังโคน ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร ขับขี่ มุ่งหน้าไป อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร จึงได้ติดตามและสกัดจับกุมนายชยากร หรือน้ำ ทำหน้าที่คนขับและมีนายบุญชัยหรือเอ็ม นั่งอยู่ที่ที่นั่งข้างคนขับ ได้ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงหนองเม็ก ต.หนองเม็ก อ.หนองหานจ.อุดรธานี ตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ จำนวน 170,000 เม็ด และประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจลายพิมพ์นิ้วมือแฝงผู้ต้องหา ตำรวจชุดจับกุม ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 8 ตำรวจ ปส.3 ได้ทำการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายลำเลียงยาเสพติดกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ในพื้นที่ จ.เชียงราย จะทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก โดยใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า สีขาว ทะเบียน ผฉ-11xx เชียงราย ในการลำเลียง จากพื้นที่ชายแดน จ.เชียงราย นำมาเก็บรักษาไว้ในพื้นที่ อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มบุคคลในเครือข่ายลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จนกระทั่งวันที่ 17 ส.ค.66 เวลาประมาณ 19.00 น. พบรถเป้าหมาย ขับมาจากพื้นที่ถนนบ้านแม่เปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ไปตามทางหลวงชนบท ชร.5023 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตนและให้สัญญาณหยุด แต่รถยนต์คันดังกล่าวได้พยายามขับชนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหลบหนี กระทั่งถึงบริเวณ กม.ที่ 23 รถยนต์คันดังกล่าวได้ตกลงไปภายในร่องน้ำ พบมีชาย ไม่ทราบชื่อสกุล เป็นคนขับเพียงคนเดียวเปิดประตูรถยนต์ออกและ วิ่งหลบหนีไปในความมืดจึงได้ทำการตรวจค้น พบไอซ์ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ดังกล่าวน้ำหนักประมาณ 599 กิโลกรัม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานอำนวยการจัดงานบุญยิ่งใหญ่งานบุญสารทเดือนสิ

รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 13.55 น. – 14.00 น. ( กดหมายเลข 5 )" งานบุญยิ่งใหญ่เดือนตุลาคม ประจำปีพ.ศ.2566 พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานอำนวยการจัดงานบุญยิ่งใหญ่งานบุญสารทเดือนสิบ (ครั้งที่ 24 ) 10วัน 10คืน ระหว่างวันที่ 6 - 15 ตุลาคม 2566 ณ สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ " งานแถลงข่าวงานบุญสารทเดือนสิบ ประจำปี 2566 พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานอำนวยการจัดงานและประธานเปิดงานแถลงข่าว , ขจรศักดิ์ ประดิษฐาน ประธานจัดงาน , ดร.อนันต์ ชูรักษ์ เลขานุการจัดงานบุญสารทเดือนสิบ , สุรพล เลอวิศิษฏ์ อุปนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ , อารี ไกรนรา ที่ปรึกษาสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ,ว่าที่ร้อยตรี สิทธิพร บาลทิพย์ อุปนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์,ผศ.ดร.กานต์ บุญศิริ อุปนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ,อภิชาติ โรจน์สราญรมย์ อุปนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ , ทวีศักดิ์ สุทิน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรี ,อนุวัตร บัวอ่อน กรรมการสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ,เกรียงไกร พินทอง ที่ปรึกษาสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ , ดร.เกล้าสรวง สุพงษ์ธร ที่ปรึกษาสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ แถลงข่าวครั้งนี้

“ในการจัดงานทุกปีของสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะกรรมการจัดงานมีความตั้งใจในการจัดงานยิ่งใหญ่ทุกปีๆขึ้นไป มีรูปแบบการจัดงานที่ทันสมัย ในช่วงเดือนหน้า ทุกอย่างต้องมีการพัฒนาการจัดงานให้ดีขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพราะคนใต้เราทุกคนยึดเรื่องความกตัญญู , เรื่องการตอบแทนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดของพี่น้องประชาชนชาวใต้ 14 จังหวัดภาคใต้ และพี่น้องประชาชนทุกจังหวัดในประเทศไทย “

ประเพณีบุญสารทเดือนสิบเป็นประเพณีอันดีงามในนามของนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะกรรมการทั้งหมด เราจะรักษาประเพณีนี้ให้อยู่คู่กับคนไทย อยู่กับคนใต้เราตลอดไป

การจัดงาน ประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นประเพณีของชาวปักษ์ใต้ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการแสดงถึงความกตัญญูของลูกหลานที่มีต่อบรรพบุรุษที่พี่น้องชาวใต้ยึดถือรักษาสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิมนี้มานานแสนนาน อย่างภาคภูมิใจ และจะยังคงรักษาสืบสานต่อไป ในปีนี้จะจัดงานบุญสารทเดือนสิบ (ครั้งที่ 24 ) ประจำปี 2566 ณ สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดขึ้น ในวันที่ 6-15 ตุลาคม 2566 เป็นจำนวน 10 วัน 10 คืน วันที่ 6 ตุลาคม 2566 ขบวนแห่และประกวดหมุรับ , วันที่ 14 ตุลาคม 2566 พิธีสงฆ์ ทำบุญส่งตายาย กิจกรรมชิงเปรต ซึ่งจะมีการให้ร่วมทำบุญแก่บรรพบุรุษทำบุญส่งตายาย กิจกรรมชิงเปรต และยังมีสินค้า อาหารปักษ์ใต้ ของดีราคาถูกมาจัดจำหน่าย รวมถึงมีคอนเสิร์ตจากศิลปินดังมากมาย อาทิเช่น ต้นข้าว อาร์สยาม , บ่าววี , รำวงย้อนยุคจากคณะขุนแผน , เฟิร์ส พรชิตา, มโนราห์ไข่เหลี้ยมและการแสดงหนังตะลุง , กานดา อาร์สยาม , รัชนก ศรีโลพันธุ์ , บ.เบิ้ล 300 , รำวงย้อนยุคอินทรีย์ทอง , และวงพัทลุง ให้รับ ชมฟรีตลอดงาน

CR ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ เป็นประธานในพิธีเปิดงานสถาปนาครบรอบ 91 ปี ของสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์

งานแถลงข่าวงานบุญสารทเดือนสิบครั้งที่ 24 และแถลงข่าวการจัดการแข่งขันฟุตบอลสมาคมชาวปักษ์ใต้คัพครั้งที่ 7 วันนี้ (3 ก.ย.2566) เวลา 11.00 น. ณ สมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนกาญจนาภิเษก เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีงานทำบุญสถาปนาครบรอบการก่อตั้ง 91 ปี ของสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า พวกเรามีความภูมิใจยิ่งที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ มีอายุถึง 91 ปีแล้ว ซึ่งวัตุประสงค์ของสมาคม​ คือ ส่งเสริมบำรุงรักษาความสามัคคี อุปการะซึ่งกันและกัน ระหว่างชาวปักษ์ใต้ การศึกษาของชาวปักษ์ใต้ ช่วยการกุศลเมื่อสมาชิกถึงแก่ความตาย การเล่นกีฬาต่างๆ และที่สำคัญยิ่งการเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ สมาคมชาวปักษ์ใต้ เป็นเสมือนศูนย์รวมที่หล่อหลอมความรัก ความสามัคคี การอุปถัมภ์เกื้อกูลกัน และอบอุ่นด้วยสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันของชาวปักษ์ใต้ ให้คงอยู่อย่างยาวนาน เป็นปึกแผ่น และก้าวหน้า สืบต่อให้รุ่นต่อไปได้สืบสวนประเพณีและช่วยกันทำนุบำรุงสมาคมชาวปักษ์ใต้ ตลอดไป
ต่อมา เวลา 13.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ประธานจัดงานแถลงข่าวงานบุญสารทเดือนสิบครั้งที่ 24 ประจำปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 6-15 ตุลาคม 2566 เพื่อแสดงถึงความกตัญญูของลูกหลานที่มีต่อบรรพบุรุษ​ ที่พี่น้องชาวใต้​ ได้ยึดถือรักษาสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิมมาอย่างยาวนานด้วยความภาคภูมิใจ และจะยังคงรักษาสืบสานต่อไป โดยในงานจะมีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ มีการจำหน่ายสินค้าของภาคใต้ และการแสดงมากมายเปิดให้รับชมฟรีตลอดงาน
ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ประธานจัดงานแถลงข่าว การแข่งขันฟุตบอลสมาคมชาวปักษ์ใต้คัพครั้งที่ 7 มีวัตถุประสงค์ เป็นการเสริมสร้างความสามัคคี ส่งเสริมการเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพ ในหมู่สมาชิก สมาคม ชมรมเครือข่ายภาคใต้ โดยการจัดการแข่งขันในครั้งนี้​ จะจัดขึ้นในวันที่​ 30​ ก.ย.2566​ ณ​ สนามเฟิร์ส​ อเวนิว​ บางบัวทอง​ ​ต.ละหาร​ อ.บางบัวทอง​ จ.นนทบุรี และได้รับความสนใจจากสมาคม ชมรม เครือข่ายชาวใต้ เป็นจำนวนมาก

วันสถาปนาตำรวจท่องเที่ยวสืบท่องเที่ยวจับผู้ต้องหาเปิดบัญชีม้าอ้างเป็นตำรวจหลอกขายทุเรียนเมืองจันทร์

ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กวดขันจับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงทางออนไลน์ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยสืบสวนจับกุมการกระทำความผิดดังกล่าว

วันนี้ 1 ก.ย.2566
กองกำกับการ1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว3 ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ทัยเลิศ ลือปือ ผกก.1 บก.ทท.3 ,พ.ต.ท.สุทธิรัก ราชประโคน สว.กก.1 บก.ทท.3 (สืบสวน)
ได้จับกุมตัวนายกองทัพ หรือกอง อายุ24 ปี
เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปมีความผิดฐาน “โดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และฉ้อโกง” ตามหมายจับ ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ จ.138/2564 ที่บริเวณริมถนนสาธารณะ ม.19 ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรีนำส่ง สภ.บ้านยางชุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง

พฤติการณ์คดี
คดีนี้เริ่มมาจากมีผู้เสียหายมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านยางชุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าถูกคนร้ายหลอกให้ซื้อทุเรียนเมืองจันทร์เสียเงินไปจำนวน 12,000 บาทโดย ผู้เสียหายเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค.64 ตนได้โพสต์ลงในกลุ่ม Facebook ชาวสวนทุเรียนจันทบุรี ว่าต้องการซื้อทุเรียนไปขาย ได้มีคนร้ายทักมาหาเพื่อทำความรู้จักหลังจากนั้นได้มีการสนทนาผ่าน Facebook ซึ่งทางคนร้ายได้หลอกว่าเป็นตำรวจในพื้นที่จันทบุรีและเป็นเจ้าของสวนทุเรียนได้มีการส่งรูปให้กับผู้เสียหายดูจนหลงเชื่ออีกทั้งผู้เสียหายก็เป็นตำรวจทำงานในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เช่นเดียวกัน โดยหลอกขายทุเรียนจันทบุรีในราคากิโลกรัมละ 80 บาท แล้วให้ผู้เสียหายโอนค่ามัดจำให้ก่อนครึ่งหนึ่งโดยมีการโอน เงิน ทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งที่1 โอน 8,000 บาท ครั้งที่2 โอน 4,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,000 บาท เข้าทางบัญชีม้าของผู้ต้องหา จากนั้นผู้เสียหายได้ทวงถามถึงทุเรียนปรากฏว่าไม่มีทุเรียนส่งมาจริง ตนจึงตรวจสอบจึงรู้ว่าถูกหลอกได้นำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีอาญาผู้ต้องหา

และขอประชาสัมพันธ์ถ้ามีผู้โดนหลอกขายทุเรียนจันทบุรี จากเฟสบุ๊ค ชื่อ
Chakraphan sileesuk (สวนผลไม้ วราวุธ วรรณลี)
สามารถติดต่อได้ที่ สภ.บ้านยางชุม จ.ประจวบคีรีขันธ์

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจัดพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว 1 กันยายน 2566 โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

วันนี้ (1 ก.ย.66) เวลา 09.10 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว 1 กันยายน 2566 ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ถ.สุวรรณภูมิ 4 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยมี พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว คณะผู้บังคับบัญชากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. อดีตผู้บังคับบัญชา แขกผู้มีเกียรติทั้งหน่วยงานราชการ เอกชน และผู้แทนสถานทูตจาก 17 ประเทศ ร่วมพิธี โดยวันนี้เป็นวันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นับเป็นปีที่ 6 ภายหลังได้รับการยกฐานะจากกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ขึ้นเป็นกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2560

โดยพิธีเริ่มตั้งแต่ เวลา 06.00 น. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และคณะผู้บังคับบัญชา บช.ทท. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณโดยรอบที่ตั้ง บช.ทท. ได้แก่ ศาลพญาอนันตนาคราชเจ้าวิสุทธิเทวา (ศาลตายาย), ศาลพญามุจลินท์นาคราช, ศาลท้าววิรุปักเขมหานาคราชเจ้า, ศาลองค์นาคาธิบดี ศรีสุทโธ วิสุทธิเทวา และ พระพุทธนรนาถศาสดา พระพุทธรูปประจำกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จากนั้นผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. อดีตผู้บังคับบัญชา แขกผู้มีเกียรติทั้งหน่วยงานราชการ เอกชน และผู้แทนสถานทูตจาก 17 ประเทศ ได้มอบช่อดอกไม้ และของที่ระลึก แสดงความยินดีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ต่อมาเวลา 09.10 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ประธานในพิธี เดินทางมาถึง ขึ้นแท่นรับความเคารพจากกองเกียรติยศ และลงนามในสมุดตรวจเยี่ยม มอบช่อดอกไม้ ของที่ระลึกแสดงความยินดีให้แก่ ผบช.ทท. บริเวณห้องโถงชั้น 1 จากนั้นเป็นพิธีเจริญพระพุทธมนต์

จากนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ได้รับชมวีดิทัศน์บรรยายสรุปของ บช.ทท. มอบโล่รางวัลสถานีตำรวจท่องเที่ยวดีเด่น รางวัลสืบสวนดีเด่น รางวัลการประกวดการฝึก และมอบประกาศเกียรติคุณ ผลการจับกุมดีเด่นของกองกำกับการควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ได้กล่าวให้โอวาท มอบแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่แก่ข้าราชการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น 6 บช.ทท.

อำนาจเจริญชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอำนาจเจริญ มอบบ้านตามโครงการ บ้าน ปันสุข เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง


วันนี้ ( 31 สิงหาคม 2566 ) เวลา 11.00 น. นายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญเป็นประธานในพิธีมอบบ้านตามโครงการ “บ้าน ปันสุข” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ให้กับครอบครัว เด็กหญิงวงเดือน บุตเต ณ บ้านเลขที่ 114 หมู่ที่ 9 บ้านหนองไฮ ตำบลหนองไฮ อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ปลัดอาวุโสรักษาราชการแทนอำเภอเสนางคนิคม ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมในพิธี นอกจากนี้ยังมีการมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นจากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญและหน่วยงาน องค์กร ภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวของให้กับครอบครัว ครอบครัว เด็กหญิงวงเดือน บุตเต อีกด้วย
นางจินตนา ชัชวาลวงศ์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอำนาจจริญ กล่าวถึงการมอบบ้านตามโครงการ “บ้าน ปันสุข”ฯในครั้งนี้ว่า ด้วยสมาคมแม่บ้านมหาดไทยได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงทุ่มเทพระราชหฤทัยและตรากตรำพระวรกายอย่างหนัก ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ จึงได้จัดทำโครงการ “บ้านปันสุข” ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญหนึ่งในปัจจัย 4 เพื่อช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์แก่ประชาชนที่ยากไร้ ที่ไม่มีที่อยู่อาศัย หรือมี แต่อยู่ในสภาพที่ไม่เอื้อต่อการพักอาศัย โดยขาดแคลนกำลังทรัพย์ในการซ่อมแชมหรือปลูกสร้าง เพื่อให้สามารถอยู่อาศัยกับครอบครัวได้อย่างมีความสุข โดยให้แต่ละจังหวัดสำรวจข้อมูลครัวเรือนเป้าหมายที่ยากจนและประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัย หรือบูรณาการข้อมูลจากฐานข้อมูลต่าง ๆ อาทิ TPMAP , ThaiQM ในการนี้ ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอำนาจเจริญได้ดำเนินการปรับปรุง ช่อมแชมบ้านตามโครงการ “บ้าน ปันสุข” ให้กับครอบครัว เด็กหญิงวงเดือน บุตเต นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านหนองไฮ ซึ่งเป็นผู้รับทุนมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ ณ บ้านเลขที่ 114 หมู่ที่ 9 บ้านหนองไฮ ตำบลหนองไฮ อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ โดยใช้เงินงบประมาณของชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอำนาจเจริญ ในการก่อสร้าง จำนวน 33,366 บาท ซึ่งในการดำเนินการได้รับความร่วมมือจากคณะครูโรงเรียนบ้านหนองไฮ อำเภอเสนางคนิคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ ในการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งจะทำให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวเด็กหญิงวงเดือน บุตเต ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่และมีความปลอดภัยในการอยู่อาศัย
มนัส เอมโอด ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอำนาจเจริญ
0935650759

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้า “สร้างชีวิต” อย่างยั่งยืน ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน ในโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการภาคอีสานร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี


.
วานนี้ (วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม และนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี (จังหวัดที่ 6 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 27 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 672,755 บาท (หกแสนเจ็ดหมื่นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบห้าบาทถ้วน) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ ”บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และนายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และคณะมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานีร่วมในพิธี ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
.
พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น และบริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก
.
โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่มอบไปแล้วรวมทั้งสิ้น 6 จังหวัด 147 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,070,105 บาท (สามล้านเจ็ดหมื่นหนึ่งร้อยห้าบาทถ้วน)
.
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ http://www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ http://www.facebook.com/atpohtecktung
.
“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

แอปพลิเคชันและสายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418

ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

สรรพสามิตและกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) บูรณาการข้อมูลและกระบวนการทำงานยกระดับการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายภาษีสรรพสามิตออนไลน์

กรมสรรพสามิตลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกระดับการทำงานด้วยการบูรณาการความร่วมมือ ในการใช้ข้อมูล การทำ Data Analytic การสืบสวนสอบสวน รวมถึงการป้องกัน วางแผนติดตาม และปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายภาษีสรรพสามิตออนไลน์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี สร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบการที่สุจริต และยังเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคที่อาจเกิดอันตรายจากการบริโภคสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดิจิทัลในยุคปัจจุบัน ทำให้รูปแบบการกระทำผิดมีความซับซ้อนและติดตามยากขึ้น เนื่องจากผู้กระทำผิดบนเครือข่ายออนไลน์ส่วนใหญ่ปกปิดตัวตนโดยการใช้ตัวตนสมมติ มีการใช้บัญชีธนาคารบุคคลอื่น หรือบัญชีม้า ทั้งยังมีการกระจายที่เก็บสินค้าผิดกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกติดตามไปยังเจ้าของสินค้าที่แท้จริง ส่งผลให้การกระทำผิดผ่านเครือข่ายออนไลน์ขยายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว และยากแก่การควบคุม กรมสรรพสามิตตระหนักและให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว รวมถึงความไม่ปลอดภัยจากการบริโภคสินค้า ที่ไม่ได้มาตรฐาน และความไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียภาษีโดยสุจริต กอปรกับในช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตและกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งในเรื่องของการใช้ข้อมูล การทำ Data Analytic การสืบสวนสอบสวน รวมถึงการป้องกัน วางแผนการติดตามและปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายภาษีสรรพสามิตออนไลน์ ซึ่งจากความบูรณาการทำงานร่วมกัน ทำให้เกิดประสิทธิภาพใน การทำงานและเห็นผลในเชิงประจักษ์ โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงสิงหาคม 2566 นั้น ด้วยการบูรณาการทำงานร่วมกัน ทำให้สามารถปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายภาษีสรรพสามิตออนไลน์ เป็นจำนวนถึง

6 คดีใหญ่ จึงเป็นที่มาของการร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง กรมสรรพสามิตและกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งในเรื่องของข้อมูล การทำ Data Analytic การสืบสวนสอบสวน รวมถึง การป้องกัน วางแผนการติดตามและปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายภาษีสรรพสามิตออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน สร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบการที่สุจริต และเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค
“กรมสรรพสามิตให้ความสำคัญกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการนำข้อมูลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อช่วยวิเคราะห์ ประมวลผล และคาดการณ์โอกาสที่จะเกิดจากการกระทำความผิดได้มากขึ้น การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มศักยภาพของการสืบสวนปราบปราม จะนำไปสู่การสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้เสียภาษีโดยสุจริต คุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค สร้างความมั่นคงให้กับระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ของกรมฯ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สร้างมาตรฐานสากล เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน” อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าว
“ขอขอบคุณกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในการร่วมกันแก้ไขปัญหาการลักลอบซื้อขายสินค้าหนีภาษี และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับกรมสรรพสามิตมาโดยตลอด จนเกิดการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในวันนี้” อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวทิ้งท้าย
พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมที่มีความร้ายแรงและสลับซับซ้อน มีหน้าที่สำคัญในการรวบรวม วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูล เพื่อใช้ในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้เตรียมความพร้อมเพื่อปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data เพื่อยกระดับศักยภาพ ด้านการสืบสวน สอบสวน เพิ่มความสามารถในการอำนวยความยุติธรรมและให้บริการประชาชน
“กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้มีการร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการบูรณาการร่วมกับกรมสรรพสามิตที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและมีเจตจำนงร่วมกันในการใช้เทคโนโลยีเพื่อใช้ในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหาอาชญากรรม หวังว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะนำมาซึ่งความสงบสุขของประเทศชาติ และยกระดับการให้บริการประชาชนของทั้งสองหน่วยงานต่อไป” พลตำรวจโท จิรภพ กล่าว

ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ทางกรมสรรพสามิต กับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเสียภาษี ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดและการดำเนินคดี ข้อมูลเกี่ยวกับการขอและการออกใบอนุญาต หรือข้อมูลอื่นใดที่มีการจัดทำและครอบครองโดยกรมสรรพสามิต ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับผู้กระทำความผิด ผู้ต้องสงสัย เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และเพื่อประโยชน์ในการสืบสวน สอบสวน รวมถึงการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด หรือการก่ออาชญากรรม โดยจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับออกไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาตด้วยวิธีการที่ตกลงกันจากเจ้าของข้อมูลเท่านั้น
ผลจากการบูรณาการระหว่างสองหน่วยงาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ เจ้าหน้าที่สรรพสามิตสามารถตรวจยึดของกลางบุหรี่ที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ และบางส่วนเป็นบุหรี่ปลอมใช้ยี่ห้อต่างประเทศ โดยได้มี การโฆษณาจำหน่ายบุหรี่หนีภาษีผ่านช่องทางออนไลน์คิดเป็นจำนวน 30,000 มวน มูลค่าความเสียหายต่อรัฐหลักล้านบาท ซึ่งสินค้าเหล่านี้หากเล็ดลอดไปได้จะสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของความชอบธรรมต่อผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต รวมถึงการดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชนผู้บริโภค ร่วมกันดูแลผลประโยชน์ของประเทศ และปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสายด่วน 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรืออีเมล excise_hotline@excise.go.th โดยกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ


Design a site like this with WordPress.com
Get started