ปฏิบัติการ “Gun Clearance Operation”

เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 3 ต.ค. พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุกราดยิงประชาชนในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกหลายราย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความรู้สึกของประชาชน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการกวาดล้างจับอาวุธปืนผิดกฎหมายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนเถื่อน ปืนแปลง หรือแบลงค์กัน
ต่อมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมคณะทำงานและได้มอบหมาย พล.ต.ท.ธนา ชูวงษ์ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลงานสืบสวน ดำเนินการตามนโยบาย
ของนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ตามมาตรการเชิงรุก โดยได้กำหนดให้ ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายและระดมกำลังทั่วประเทศร่วมกันกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงวันที่ 9 – 11 ต.ค. 66 โดยมีเป้าหมายหลัก เป็นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนปืน และการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย ทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ อีกทั้ง ดำเนินมาตรการเชิงรุก เร่งปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภทที่มีการลักลอบซื้อขาย ดัดแปลงแก้ไข อาวุธปืนผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกกองบัญชาการได้ร่วมกันลงพื้นที่สืบสวนหาเบาะแสผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง จนนำมาสู่การขออำนาจศาลออกหมายค้น และเข้าตรวจค้นผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจำหน่าย ดัดแปลง ซื้อขาย และเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนอาวุธสงคราม กว่า 3,224 จุด จับกุมผู้กระทำผิดกว่า 1,593 คน และตรวจยึดอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมายจำนวนมาก ตั้งเป้าลดความรุนแรงของอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมาย
โดยมีผลการระดมกวาดล้าง ห้วงวันที่ 9-11 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา มีดังนี้

  1. ตรวจค้นเป้าหมายทั่วประเทศทั้งสิ้น 3,224 จุด
  2. จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1,593 ราย
  3. ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย
    3.1 อาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียน แบลงค์กัน และบีบีกัน จำนวน 1,789 กระบอก
    3.2 อาวุธปืน มีหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นของบุคคลอื่น (ปืนผิดมือ) จำนวน 219 กระบอก
    3.3 เครื่องกระสุนปืน จำนวน 75,973 นัด
    นอกจากนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ ยังได้สั่งการให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์
    ที่กระทำความผิดเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน อันเป็นช่องทางในการซื้อขายอาวุธปืนผิดกฎหมาย มีผลการดำเนินการดังนี้
    ผลการปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน
  4. Facebook จำนวน 79 บัญชี
  5. Tiktok จำนวน 14 บัญชี
  6. X (Twitter) จำนวน 148 บัญชี
  7. Youtube จำนวน 26 ช่อง
  8. Instagram จำนวน 14 บัญชี
    รวมจำนวนทั้งสิ้น 291 รายการ
    พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ มีนโยบายในการให้ความสำคัญในแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอย่างจริงจังมาโดยตลอด จึงได้มีการบูรณาการกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนพร้อมกันทั่วประเทศอยู่เสมอ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก เชื่อมั่นว่าจะทำให้ความรุนแรงของอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมายลดลง
    อย่างแน่นอน อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งต่อพี่น้องประชาชน
    นักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักลงทุนจากต่างประเทศ อันจะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจภายในประเทศ
    การระดมกวาดล้างอาวุธปืนทั่วประเทศจนทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดอาวุธปืนจำนวนมากในครั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก และขอฝากประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน ซึ่งหากมีเบาะแส/เรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรม หรือเรื่องอื่นๆ สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 หรือ สายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตรวจเยี่ยมจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่ สน.ลุมพินี เพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยสถานทูต พร้อมมอบของสร้างขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำชับให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

วันนี้ (11 ต.ค.66) เวลา 22.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันอาชญากรรม ที่บริเวณแยกสารสิน ถนนวิทยุ และบริเวณหน้าโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ซอยสุขุมวิท19 ในพื้นที่ สน.ลุมพินี ซึ่งเป็นมาตรการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยสถานทูตและสถานที่สำคัญในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบของเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่ประเทศอิสราเอล ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ติดตามการข่าวให้รวดเร็ว หากพบเหตุต้องสงสัยให้ดำเนินการตามหลักยุทธวิธีให้เกิดความปลอดภัยทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน พร้อมกันนี้ได้มอบอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์โลกที่ได้มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นที่ประเทศอิสราเอล ได้สร้างผลกระทบให้กับหลายประเทศทั่วโลก ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้สถานีตำรวจทั่วประเทศ ได้เพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยสถานทูต สถานกงสุล และพื้นที่สำคัญต่างๆ ในพื้นที่ที่อาจตกเป็นเป้าหมายที่จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ และสร้างความมั่นใจและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด

ตำรวจ ปส. ทลาย 2 เครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ ยึดยาบ้า 12 ล้านเม็ด เร่งขยายผลยึดทรัพย์ผู้ร่วมขบวนการ


วันนี้ 11 ต.ค.66 เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เดินทางมาเป็นประธานการแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ตามนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล และนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ทั้งการปราบปรามผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติด โดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน หรือใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่าน และใช้มาตรการยึดทรัพย์เพื่อตัดวรจรการค้ายาเสพติด
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยงพล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส. และ พ.ต.อ.นพสิทธิ์ มิตรภักดี รอง ผบก.ฯ รรท. ผบก.ปส.1 ได้เดินหน้าปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง สามารถจับกุม 2 เครือข่ายใหญ่ ได้ของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 11,๖๓๔,000 เม็ด
เครือข่ายแรก สืบเนื่องจาก ตำรวจ บก.ปส.1 และ บก.ข่าวกรองยาเสพติด บช.ปส. ได้ขยายผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดที่ จ.นครราชสีมา ทำให้ทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มของนายธีรยุทธ ซึ่งถูกดำเนินคดี จะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากอีกครั้ง จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์ กระทั่งวันที่ ๘ ต.ค.66 พบว่านายธีรยุทธ พร้อมพวกใช้รถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียน xx ๑๖๘๙ กทม และ รถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียน xx 4580 กำแพงเพชร เดินทางมุ่งหน้าชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านจังหวัดนครพนม จึงวางกำลังติดตามกลุ่มเป้าหมายไว้ตามจุดที่คาดว่ากลุ่มเป้าหมายเดินทางผ่าน ต่อเนื่องช่วงเช้ามืดของวันที่ ๙ ต.ค.66 พบรถยนต์เป้าหมายทั้ง 2 คัน จึงติดตามไป จนกระทั่งรถทั้ง 2 คัน ไปหยุดจอดในปั๊ม ปตท. อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ตำรวจ ปส.1 และ บก.ข่าวกรองยาเสพติด จึงได้แสดงตัวและขอตรวจค้นรถ ซึ่งมีนายวิ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ทะเบียน xx ๑๖๘๙ กทม พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่บริเวณเบาะหลัง และท้ายกระโปรงรถ รวม ๔,๘๘๔,000 เม็ด ขณะที่รถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียน xx 4580 กำแพงเพชร มีนายธีรยุทธ เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.บุญเรือง ทำหน้าที่สำรวจเส้นทางถูกจับกุมเช่นกัน โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่ารับยาเสพติดจากพื้นที่ จ.นครพนม เพื่อจะมาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ อ.เมือง จ.สระบุรี และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี และขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลในเครือข่าย และยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป
เครือข่ายที่ 2 ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ข่าวกรองยาเสพติด บช.ปส. ได้ขยายผลจากการจับกุมเครือข่าย ยาเสพติด จ.นครสวรรค์ ทราบว่าจะมีการขนยาเสพติดล็อตใหญ่เพื่อส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ปริมณฑลและพื้นที่ใกล้เคียง จึงวางแผนจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ต.ค.66 เวลาประมาณ 23.50 น. ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ข่าวกรองยาเสพติด ร่วมกันติดตามรถกระบะอีซูซุ หมายเลขทะเบียน xx 9536 กรุงเทพมหานคร ไปตามถนนหมายเลข 111 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร เมื่อไปถึงบริเวณบึงบัว ซึ่งอยู่ภายในบึงสีไฟ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.พิจิตร ผู้ขับขี่ทราบชื่อภายหลังว่า นายณัฐชนน อายุ ๒๕ ปี ได้จอดรถแล้ววิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในบึงบัวอยู่นานหลายชั่วโมง ต่อมาตำรวจ ปส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิจิตร ได้ร่วมกันจับกุมตัวได้ และจากการตรวจค้นรถที่นายณัฐชนน ขับขี่พบยาบ้า 6,750,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายกระบะซึ่งมีลักษณะเป็นตู้ทึบ จึงยึดเป็นของกลางและแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี และขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลในเครือข่าย และยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป
การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 2 เครือข่าย เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 1,29(1),90,134,145 วรรคหนึ่ง,145 วรรค 2(1),(2), 145 วรรคสาม (2) ,152 ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 พ.ศ.2565 ลง 4 ต.ค.65 บัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ลำดับที่ 53 พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 8 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน
“ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (ยาบ้า หรือ เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”
อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 1,29(1),90,134,145 วรรคหนึ่ง,145 วรรค 2(1),(2),145 วรรคสาม (2) ,152
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 พ.ศ.2565 ลง 4 ต.ค.65 บัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ลำดับที่ 53 พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 8
ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

  • ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564
    มาตรา 1 เป็นคำนิยามของยาเสพติดและความร้ายแรง
    มาตรา 29(1) เป็นการแบ่งประเภทยาเสพติด เช่นประเภท 1 เฮโรอีน ฯลฯ เป็นต้น
    มาตรา 90 ห้ามผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1
    มาตรา 134 ยาเสพติดทุกประเภท ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือมีไว้ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดให้ริบเสีย
    มาตรา 145 เป็นบทกำหนดโทษของการกระทำความผิดโทษจำคุกไม่เกินสิบห้าปี
    มาตรา 145 วรรค 2 (1),(2) เป็นบทเพิ่มโทษของมาตรา 145 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงยี่สิบปี
    มาตรา 145 วรรคสาม (2) เป็นบทเพิ่มโทษขั้นหนักสุดระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงตลอดชีวิต
    มาตรา 152 ดุลยพินิจของศาลในการลงโทษผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

รายงานผลการจับกุม ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อโดยการอำนวยการของ


พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ,
พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย
รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ,
พ.ต.ท. พูลพัฒน์ ธรรมรัชต์เจริญ
รอง ผกก.สส.สน.บางซื่อ,
พ.ต.ต. นิพนธ์ สิงห์ทอง สว.สส.สน.บางซื่อ
พ.ต.ต.ปิยะราษฎร์ ปวิธาตรี สวป.สน.บางซื่อ
1.ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ รายงานผลการจับกุมดังนี้
2.ข้อหา ฐาน “ร่วมกันพยายามส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท1(เฮโรอีนและยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย ”
3.ผู้ต้องหา
ผู้ต้องหาที่ 1 .MR. LUI CHOR LUNG สัญชาติจีน อายุ19 ปี หมายเลขหนังสือเดินทาง H21424912
ผู้ต้องหาที่ 2.MR.KA SING CHAN สัญชาติจีน อายุ28 ปี หมายเลขหนังสือเดินทาง D00603360
4 พร้อมด้วยของกลาง 1. เฮโรอีน บรรจุในแผ่นฟิวเจอร์บอร์ด ขนาด 24×32 เซนติเมตร จำนวน 24 แผ่น (ซึ่งตรวจพบที่ร้านส่งพัสดุ)น้ำหนักยาเสพติดรวมบอร์ดที่ใช้ในการบรรจุ
รายการที่1 บอร์ดแผ่นที่ 1 น้ำหนักประมาณ 300 กรัม
รายการที่2 บอร์ดแผ่นที่ 2 น้ำหนักประมาณ 340 กรัม
รายการที่3 บอร์ดแผ่นที่ 3 น้ำหนักประมาณ 320 กรัม
รายการที่4 บอร์ดแผ่นที่ 4 น้ำหนักประมาณ 340 กรัม
รายการที่5 บอร์ดแผ่นที่ 5 น้ำหนักประมาณ 330 กรัม
รายการที่6 บอร์ดแผ่นที่ 6 น้ำหนักประมาณ 280 กรัม
รายการที่7 บอร์ดแผ่นที่ 7 น้ำหนักประมาณ 290 กรัม
รายการที่8 บอร์ดแผ่นที่ 8 น้ำหนักประมาณ 300 กรัม
รายการที่9 บอร์ดแผ่นที่ 9 น้ำหนักประมาณ 330 กรัม
รายการที่10 บอร์ดแผ่นที่ 10 น้ำหนักประมาณ 350 กรัม
รายการที่11บอร์ด แผ่นที่ 11 น้ำหนักประมาณ 340 กรัม
รายการที่12 บอร์ดแผ่นที่ 12 น้ำหนักประมาณ 320 กรัม
รายการที่13 บอร์ดแผ่นที่ 13 น้ำหนักประมาณ 340 กรัม
รายการที่14 บอร์ดแผ่นที่ 14 น้ำหนักประมาณ 330 กรัม
รายการที่15 บอร์ดแผ่นที่ 15 น้ำหนักประมาณ 330 กรัม
รายการที่16 บอร์ดแผ่นที่ 16 น้ำหนักประมาณ 310 กรัม
รายการที่17 บอร์ดแผ่นที่ 17 น้ำหนักประมาณ 330 กรัม
รายการที่18 บอร์ดแผ่นที่ 18 น้ำหนักประมาณ 330 กรัม
รายการที่19 บอร์ดแผ่นที่ 19 น้ำหนักประมาณ 310 กรัม
รายการที่20 บอร์ดแผ่นที่ 20 น้ำหนักประมาณ 310 กรัม
รายการที่21 บอร์ดแผ่นที่ 21น้ำหนักประมาณ 310 กรัม
รายการที่22 บอร์ดแผ่นที่ 22น้ำหนักประมาณ 340 กรัม
รายการที่23 บอร์ดแผ่นที่ 23น้ำหนักประมาณ 320 กรัม
รายการที่24 บอร์ดแผ่นที่ 24น้ำหนักประมาณ 320 กรัม
น้ำหนักรวมของกลางรายการที่ 1-24 น้ำหนักรวม 7,720 กรัม
น้ำหนักเฉพาะยาเสพติดรายการที่ 1-24 ประมาณ 6,280 กรัม

รายการที่ 25 ยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงชาน้ำหนักประมาณ 1060 กรัม(ได้จากห้องพักผู้ต้องหาที่1)
รายการที่ 26 ยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงชาน้ำหนักประมาณ 1050กรัม(ได้จากห้องพักผู้ต้องหาที่1)
รายการที่ 27 ยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงชาน้ำหนักประมาณ 1080กรัม(ได้จากห้องพักผู้ต้องหาที่1)
รายการที่ 28 ยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงชาน้ำหนักประมาณ 1070กรัม(ได้จากห้องพักผู้ต้องหาที่1)
รายการที่ 29 เฮโรอีนบรรจุอยู่ในถุงใสน้ำหนักประมาณ 100 กรัม (ได้จากห้องพักผู้ต้องหาที่1)
น้ำหนักรวมของกลางรายการที่ 25-28 น้ำหนักรวมถุงประมาณ 4,260 กรัม
น้ำหนักรวมของกลางรายการที่ 29 น้ำหนักรวมถุงประมาณ 100 กรัม

4.วันเวลาที่จับกุม วันที่ 9 ต.ค. 2566 เวลา 17.00 น.

  1. สถานที่จับกุม บริเวณร้านส่งพัสดุ SINCERY ภายในโครงการจตุจักรพลาซ่า โซนบี ซอย6 แขวงจตุจักร
    เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
  2. ก่อนทำการจับกุมผู้ต้องหานี้ ตามวันเวลาที่จับกุม วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางซื่อ ได้รับแจ้งจากสายลับ
    ว่าจะมีการส่งยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักร บริเวณโครงการจตุจักรพลาซ่า แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการประสานงานกับทางร้านรับส่งพัสดุภายในโครงการจตุจักรพลาซ่า ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับ
    การส่งพัสดุออกนอกต่างประเทศ และเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อได้รับแจ้งว่ามี
    ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจำนวน 2 คน ได้มาส่งพัสดุ ที่ร้าน SINCERI พลาซ่า โซน B ซอย6 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มีลักษณะต้องสงสัยมีพิรุธ โดยได้ส่งสินค้ากับร้านดังกล่าวจำนวน 7 กล่อง (ของกลางรายการที่ 1-7 ) โดยทางร้านได้สอบถามเกี่ยวกับเอกสารหนังสือเดินทางของผู้มาส่งพัสดุดังกล่าว แต่ผู้ต้องหายังไม่ได้ส่งเอกสารให้กับทางร้าน โดย MR. LUI CHOR LUNG ผู้ต้องหาได้ชำระเป็นเงินสด จำนวน 7,700 บาท ระหว่างนั้นทางร้านได้มีการตรวจสอบพัสดุดังกล่าวพบว่าเป็นกล่อง สีดำ ซึ่งภายใน บรรจุ เสื้อ ไว้ภายในกล่อง หลังจาก มีการ รับสินค้าดังกล่าว โดยตรวจสอบชื่อผู้ส่ง และ ปลายทางผู้รับสินค้าดังกล่าว หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่ ที่ร้าน รับส่งพัสดุดังกล่าว ได้มีการตรวจสอบพัสดุ พบว่า บริเวณกล่องพัสดุดังกล่าว มีน้ำหนักผิดปกติ จึงได้ ตรวจสอบบริเวณภายในกล่อง หลังจากตรวจสอบ บริเวณด้านล่างของกล่อง พบ แผ่นฟิวเจอร์บอร์ด ซึ่งได้มีการตัดไว้ ตามขนาดของกล่องดังกล่าว หลังจากที่ฟิวเจอร์บอร์ดดังกล่าวออกมา พบว่า บริเวณภายใน มี การบรรจุ ผงสีขาว อยู่บริเวณด้านใน และมีการ ใช้ กาว ปิดไว้บริเวณ ด้านหัวและด้านท้ายของกล่องดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ร้านส่งพัสดุ คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้มีการแจ้งกับเจ้าหน้าที่คนอื่นภายในร้านว่าพัสดุดังกล่าวน่าจะผิดกฎหมาย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ร้านดังกล่าวได้เข้าไปสอบถามชาวจีน ผู้ต้องหาจึงได้วิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ ผู้รับส่งพัสดุ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ประจำ ตลาดนัดจตุจักร ได้มีการวิ่งตาม และนำชายคนดังกล่าวมาที่บริเวณร้าน ที่ส่งพัสดุ หลังจากนั้น ได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสนบางซื่อ ให้เข้ามาตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สนบางซื่อ ได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ บุคคลดังกล่าว และ ตรวจสอบพัสดุ พบว่า พัสดุที่มีการบรรจุและนำส่ง ดังกล่าว คือยาเสพติดประเภทเฮโรอีน
    หลังจากนั้นจากการสืบสวนยังพบว่าผู้ต้องหาทั้ง2 คนดังกล่าว ยังได้ไปส่งพัสดุ จำนวน11กล่อง(ของกลางรายการที่ 8-18)ที่ร้าน ซีพีแอล (CPLEX) ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1 ได้นำสินค้าไปวางที่ร้านโดยร่วมกับผู้ต้องหาที่ 2 แต่ยังไม่ได้ทำรายการและชำระค่าส่งสินค้าให้กับทางร้าน
    และจากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่าผู้ต้องหาที่ 1 ร่วมกับผู้ต้องหาที่ 2 ได้ไปส่งพัสดุให้กับร้าน ไอโอนิค เอ็กซ์เพลส จำกัด ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในโครงการจตุจักรพลาว่า โดยได้มีการทำรายการและระบุปลายทางเป็นประเทศออสเตรเลีย โดยเสียค่าดำเนินการจำนวน 8,230บาท โดย มี MR. LUI CHOR LUNG เป็นผู้ใช้บัตรเครดิตในการชำระให้กับทางร้าน แต่เนื่องจากทางร้านยังไม่ได้เอกสารหนังสือเดินทางของผู้ส่งพัสดุดังกล่าว จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบและตรวจยึดกล่องพัสดุจากร้าน ไอโอนิค เอ็กซ์เพลส จำกัด ซึ่งเป็นของผู้ต้องหาจำนวน 6 กล่อง ซึ่งภายในเป็นแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดซึ่งบรรจุเฮโรอีนจำนวน 6 แผ่น(ของกลางรายการที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดของกลางดังกล่าวเพื่อส่งพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ
    ได้มีการแจ้งการจับกุมให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการรับทราบทางอีเมล์ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ป้องกัน และปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหายประจำสำนักงานอัยการเป็นผู้รับแจ้งได้ส่งข้อมูลทางอีเมล์ ptd.@ago.go.th เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 เวลา 03.51 น.
    ได้แจ้งการจับกุมให้ฝ่ายปกครองทางเว็ปไซต์ http://arrest.dopa.go.th เวลา 04.10 น.

พ.ต.อ.ภูวดล ผกก.สน.บางซื่อ สั่งการ พ.ต.ท.วรภัทร รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ  เข้าตรวจสอบวัสดุต้องสงสัยยาเสพติด


สน.บางซื่อ
วันนี้ 9 ตค 66 เวลาประมาณ 17.00 น
จนท.ตร.สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งจาก พนง.บริษัทไอโอนิค เอ็กเพรส จำกัด ซึ่งอยู่ในโครงการจตุจักรพลาซ่า ว่ามีชาวต่างชาติ สัญชาติจีน(ฮ่องกง) จำนวน 2 คน มีพฤติการณ์ต้องสงสัยนำของมาส่งโดยมีอาการเร่งรีบผิดปกติ เบื้องต้นได้ประสานทาง รปภ.จตุจักร พลาซ่า ควบคุมตัวไว้

พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ
จึงสั่งการให้
พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย
รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ,
พ.ต.ท.พูลพัฒน์ ธรรมรัชต์เจริญ
รอง ผกก.สส.สน.บางซื่อ
พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ พริ้งสกุล
รอง ผกก.สอบสวน สน.บางซื่อ
พ.ต.ต.พศิน ทิพย์ขำ
สว.จร.สน.บางซื่อ
บูรณาการสนธิกำลังร่วมกันพิสูจน์ทราบ พบตัวผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางเป็นกล่องใส่เสื้อเชิ้ต(คอปก แบบชาย) รวม 18 กล่อง เมื่อตรวจสอบภายในกล่องบรรจุเสื้อผ้าดังกล่าวพบว่า มียาเสพติดเป็นผงขาว(เฮโรอีน) ถูกบรรจุอัดแน่นอยู่ในแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดขนาดเท่ากล่องใส่เสื้อเชิ้ตฯ โดยแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดดังกล่าว ถูกอำพรางทับด้วยกระดาษสีดำ ทากาวติดไว้ ให้ดูเนียนว่าเป็นพื้นกล่อง แล้ววางเสื้อเชิ้ตคอปกฯ ทับไว้ด้านบน ให้ดูลักษณะเป็นการส่งเสื้อเชิ้ตบรรจุกล่องส่งขายไปยังลูกค้าปลายทางต่างประเทศ (ออสเตรเลีย) จำนวน 18 กล่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ไปขยายผลที่คอนโดย่าน ถ.เพชรบุรี-มักกะสัน เพื่อพิสูจน์ว่ามีของกลางเพิ่มเติมอีกหรือไม่ และมีลักษณะเป็นขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติหรือไม่ ต่อไป

ผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดเบื้องต้น ผงขาวดังกล่าว ขึ้นผลการตรวจพิสูจน์เป็นสีม่วง ปรากฏว่าเป็นเฮโรอีน ทั้ง 18 แผ่น ครับ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าพูดคุยรับฟังปัญหาจากแกนนำสมัชชาคนจน พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม

วันนี้ (9 ต.ค.66) เวลา 17.30 น. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้เข้าพบปะพูดคุยกับนายบารมี ชัยรัตน์ แกนนำกลุ่มสมัชชาคนจน กับผู้แทนชาวบ้านกลุ่มต่างๆ ที่บริเวณถนนลูกหลวง ข้างกระทรวงศึกษาธิการ แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ เพื่อรับฟังปัญหาที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาปากท้องและความยากจน และปัญหาที่ดินทำกิน โดยมีมวลชนมาชุมนุมประท้วงจำนวน 2,000 คน โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ร่วมฟังปัญหา และขอให้ชุมนุมกันอย่างสันติ โดยให้ความมั่นใจกับผู้ชุมนุมว่า จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม ในส่วนของปัญหาที่ชาวบ้านเรียกร้องให้มีการขับเคลื่อนการช่วยเหลือนั้น ร.อ.ธรรมนัส ได้รับเรื่องเพื่อจะนำข้อหารือที่ได้พูดคุยกัน นำเสนอ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาแก้ไขปัญหาร่วมกับพี่น้องประชาชนต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมด้วย นายมงคลชัย ได้เดินทางเข้าพูดคุยกับกลุ่ม P-Move โดยได้มีการรับฟังปัญหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ และบางกลอย ซึ่วประสบปัญหาเรื่องที่ดินพิพาทที่ใช้อยู่อาศัยและทำมาหากิน ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับทราบปัญหาและให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาให้กัยพี่น้องประชาชนแน่นอน

ประชุมเตรียมความพร้อมรายงานผลการดำเนินงานและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ระหว่างคณะผู้แทนจากสำนักงานต่อต้านการค้ามนุษย์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา (J/TIP) กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 7 อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและ
สวัสดิการ ตร. โดยมี พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์
พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร., พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย
รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท. พร้อมคณะทำงาน
ศพดส.ตร. ได้รับการประสานจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าคณะผู้แทนจาก
สำนักงานต่อต้านการค้ามนุษย์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา (J/TP) มีเดินทางมา
ประเทศไทย เพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการตรวจเรือและการตรวจคัดกรองผู้เสียหาย
ที่ทำงานในเรือประมง ณ ประเทศไทย ในวันที่ 11-12 ต.ค. 66 เพื่อให้การเตรียมความพร้อมในการประชุม
ร่วมกับคณะทำงานจากสำนักงานต่อต้านการค้ามนุษย์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา (J/TIP)
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพจึงกำหนดจัดประชุมเตรียมความพร้อมในการประชุมร่วมกับ
คณะทำงาน J/IP โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ผู้แทนสำนักงานคดีค้ามนุษย์, ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด,
ผู้แทนกรมประมง, ผู้จัดการโครงการ Spring, ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พม.,
ผู้แทนกรมอเมริกาและแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศ, ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ, ผู้แทนสำนักงาน
ประกันสังคม และผู้แทนจากกระทรวงแรงงาน
ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

รมต.ยุติธรรม มอบโล่เชิดชูเกียรติ ผู้มีผลงานปราบปรามยาเสพติดรายสำคัญย้ำภาครัฐปราบปรามจริงจัง เร่งสร้างสังคมปลอดภัย


วันที่ 6 ตุลาคม 2566 ที่ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ สำนักงาน ป.ป.ส. เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณบุคคลที่มีผลงานด้านการปราบปราม
ยาเสพติดรายสำคัญ โดยมี นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ท.ภาณุรัตน์
หลักบุญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตต์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.บรรพต มุ่ง ขอบกลาง รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ผู้บริหารระดับสูงจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมคุมประพฤติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และผู้ได้รับโล่จำนวน 31 ราย ร่วมพิธีฯ
พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณบุคคลที่มีด้านการปราบปรามยาเสพติดรายสำคัญในครั้งนี้ จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) กระทรวงยุติธรรมมีวัตถุประสงค์ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ และเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานที่มีผลการดำเนินงานปราบปรามยาเสพติดและสืบสวนขยายผลการจับกุมยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก ในคดีที่จับยึดยาบ้าได้ที่จังหวัดนครปฐมรวม 22 ล้านเม็ด ซึ่งเป็นการตรวจยึดยาเสพติดได้มากที่สุดครั้งหนึ่งของไทย
ผู้ที่ได้รับโล่ผลงานการปราบปรามยาเสพติดรายสำคัญ 31 ราย อาทิ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
พ.ต.อ. ทวี ได้เน้นย้ำถึงนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องดำเนินการให้เห็นผลทันที โดยใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดเป็นเครื่องมือ ด้วยการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดใน โดยใช้มาตรการยึดทรัพย์เพื่อจัดการกับหัวหน้าเครือข่ายยาเสพติดระดับสั่งการ และตัดวงจรการค้า ควบคู่ไปกับการรักษาผู้ป่วยยาเสพติดให้ได้รับการบำบัดรักษาอย่างมีประสิทธิภาพให้กลับคืนสู่สังคมในฐานะทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ ตามหลักการผู้เสพคือผู้ป่วย เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยให้กับประเทศไทย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กล่าวว่า ขอชื่นชมและแสดงความขอบคุณผู้ที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้ ที่ได้มีส่วนช่วยยับยั้งยาเสพติดจำนวนมากไม่ให้แพร่กระจายถึงทรัพยากรมนุษย์ในประเทศหรือประเทศที่สาม ซึ่งการมอบโล่ในครั้งนี้นอกจากเชิดชูเกียรติให้กับผู้ที่ทำคุณความดีให้กับประเทศ ยังเป็นการแสดงถึงการให้ความตั้งใจในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล โดยการยกย่อง ให้กำลังใจผู้ที่ทุ่มเทปฏิบัติงานด้านยาเสพติด เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับสังคมต่อไป

พล.ต.ท. สมประสงค์ ผบ.ช.ภ3 พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้ข้าราชการตำรวจสภ.โพนทอง

อำนาจเจริญ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 ผบช.ภ.3 พร้อมคณะ ได้เดินทาง มาตรวจเยี่ยม และมอบสิ่งของบำรุงขวัญ ให้ข้าราชการตำรวจ สภ.โพนทอง พล.ต.ท ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ. ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท. สมประสงค์ เย็นท้วม ผบ.ช.ภ3 พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้ข้าราชการตำรวจ สภ.โพนทอง พบ.พล.ต.ต. สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว. อำนาจเจริญ พร้อมด้วย รองผบก ผกก
และพ.ต.ท.เจน วิเศษรัมย์ สว.สภ.โพนทอง พร้อมด้วย ข้าราชการ ตำรวจ สภ.โพนทอง รอรับการตรวจเยี่ยม จึงได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญจากผู้ช่วย ผบ. ตร ให้ข้าราชการตำรวจทุกนายได้รับ ไว้แล้ว สอบถามสภาพความเป็นอยู่ของกำลังพล ไม่มีปัญหาข้อขัดข้อง พร้อมปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นผู้บัญชาการ ภาค 3 ได้กล่าว อวยพร ให้แก่ ข้าราชการตำรวจทุกนายจากนั้นได้ขึ้นตรวจอาคารสถานที่ทำการ ร.ต.อ เสน่ห์ สาวเวียง รองสว.(สอบสวน) พนักงานสอบสวน เวร รายงานเหตุการณ์ ปกติ ผู้บัญชาการ ภาค 3 กล่าวชื่นชม อาคารที่ทำการสะอาดเรียบร้อย ห้องควบคุมมั่นคง จากนั้นเดินตรวจ สนามหน้าสภ กล่าวชมว่าสะอาดดี
มนัส.เอมโอด ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอำนาจเจริญ 093-565-0759

ปกครองบุกทลายบ่อนดินแดง ห่างจาก สน.ดินแดง 500 เมตร บ่อนในตำนานแห่งนี้เคยถูก “แม็ก อนุสาวรีย์” ปล้น กลับมาเปิดใหม่

ติดตั้งประตูเหล็ก 5 ชั้น ทำให้ยากต่อการเข้าค้น จับนักพนันครึ่งร้อยส่งดำเนินคดี

บุกทลายบ่อนดินแดง วันนี้ (3 ต.ค.66) เวลา 16.00 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน กว่า 30 นาย นำกำลังเข้าจับกุมบ่อนการพนันใจกลางชุมชนตลาดดินแดง ถ.ประชาสงเคราะห์ สามารถจับกุมนักพนันได้เกินครึ่งร้อย

สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนภายในแฟลตประชาสงเคราะห์ดินแดง ว่ามีบ่อนการพนันของผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ ใจกล้า กลับมาเปิดบ่อนอีกครั้งหลังจากถูกปิดไปเมื่อปลายปี 65 สถานที่แห่งเดิม เพิ่มเติมคือเปิดเป็นโต๊ะสนุกเกอร์บังหน้า และต่อเติมห้อง พร้อมติดตั้งกลไกประตูไฟฟ้า ทำด้วยสแตนเลสทึบหลายชั้น ทำให้ยากแก่การเข้าตรวจสอบจับกุมของเจ้าหน้าที่ คนในชุมชนให้ข้อมูลด้วยว่า บ่อนดังกล่าวทำให้คนในครอบครัวติดพนันงอมแงม เป็นหนี้เป็นสิน

หลังได้รับแจ้งเบาะแส สายลับฝ่ายปกครองทำการสืบสวนข้อมูลทางลับ พบว่า บ่อนการพนันแห่งนี้มีการจัดให้เล่นพนันโฮโล และที่น่าตกใจคือ ภายในวงพนันสามารถให้นักพนัน วิดีโอคอลมาเพื่อเล่นพนัน โดยฝากเงินกับผู้เล่นคนอื่นๆ จากการสังเกตคาดว่าเป็นผู้เล่นระดับ VIP เงินหนา เป็นที่เชื่อใจของพนักงาน ลงเล่นแต่ละครั้งเหยียบหลักหมื่นบาท

นอกจากนี้ยังพบว่า ภายในบ่อนการพนันดังกล่าว มีการเปิดให้เล่นพนันออนไลน์ โดยใช้ชื่อเว็บไซต์ว่า “ดินแดงคลับ” มีจุดรับแลกเงินสดเพื่อใช้เป็นเครดิตสำหรับการเล่นออนไลน์ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ 7 เครื่อง มีการเปิดให้เล่น ไพ่สลอต ไพ่บาการา กำถั่ว โดยในระบบสามารถมียอดเงินหมุนเวียนได้ 2 แสนบาทต่อวัน!!

สายลับพนักงานฝ่ายปกครอง สำรวจอาคารด้านในบ่อน สามารถจุนักเล่นพนันได้ราวๆ 200 คน เป็นอาคารชั้นเดียว มีประตูทางเข้ากว่าจะถึงห้องที่ให้เล่นการพนัน มีประตู 5 บาน มีทั้งประตูเหล็กบานใหญ่ และประตูแสตนเลสดิจิทัลล็อกอัตโนมัติ ที่สำคัญมีการ์ดยืนคอยคุมทุกประตู นอกจากนี้ ด้านในอาคารยังมีความสลับซับซ้อนเหมือนเขาวงกต กว่าจะเดินถึงบริเวณที่จัดให้เล่นพนันทำเอาเหนื่อย ถ้าไม่ใช่นักเล่นพนันขาประจำ อาจต้องหลง แต่ที่แน่ๆ เปิด 24 ชั่วโมง มีเวลาให้เดินหาทางเข้าได้อย่างสบายใจ

ภายหลังการเข้าตรวจค้น-จับกุม พบนักพนันและเจ้ามือ จำนวน 54 คน ชุดจับกุมได้ยึดอายัดอุปกรณ์เล่นการพนัน พร้อมนำตัวผู้ถูกจับทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม ที่ สน.ดินแดงดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันโดยผิดกฎหมาย ส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดำเนินคดีต่อไป

นายรณรงค์ เปิดเผยว่า บ่อนแห่งนี้ เป็นบ่อนที่เคยเปิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี และได้ปิดไปเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และมีเหตุการณ์ปล้นบ่อนเมื่อเดือน ส.ค. ปี 65 ไม่คิดว่าจะกล้ากลับมาเปิดใหม่ใจกลาง กทม. ซึ่งเป็นย่านพักอาศัยหนาแน่นของประชาชน อีกทั้งยังใกล้กับโรงเรียน และสถานที่ราชการสำคัญหลายหน่วยงาน

Design a site like this with WordPress.com
Get started